ฉันเป็นเจ้าสาวตัวแทน

ตอนที่ 5 ราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน



ตอนที่ 5 ราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน

“โย่วถิง………เสียงออดอ้อนนั้นกำลังบ่งบอกถึงความไม่ พอใจของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอก ทั้งๆที่เธอรู้สึกได้ว่าหวี โย่วถึงไม่ได้จะปฏิเสธ แต่ทำไมตอนนี้กลับผลักเธอออก

เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ

“เวยหยูน เชื่อฟัง เสียงของหวีโย่วถิงเริ่มแข็งขึ้นมาเล็ก น้อยแล้ว กลิ่นน้ำหอมนั้นทำให้เขารู้สึกแสบจมูก อยากรีบ ผลักเธอออกโดยเร็ว

เขาจำได้ว่า เมื่อคืนบนกายเธอไม่มีกลิ่นนี้

เมิ่งเวยหยูนกลัวเหลือเกินว่าหวีโย่วถึงจะโกรธ รีบลุกขึ้น ยืนด้านข้างทันที ในใจโมโหแทบแย่ ความสำเร็จอยู่ตรง หน้าแล้วแท้ๆ เกิดความผิดพลาดตรงไหนขึ้นกันแน่ หรือว่า เมื่อคืนฉินเหมียนนังผู้หญิงชั่วคนนั้นทำอะไรไป

“โย่วถิง งั้นฉันไม่กวนเวลาทำนายคุณแล้ว ฉันไปจองร้าน อาหารก่อน เลิกงานแล้วมารับคุณนะคะ

เมิ่งเวยหยูนรู้ดีกว่าใคร การรู้จักดูแลเอาใจใส่ เป็นคนดี ไม่โวยวายมีเหตุผล คือวิธีที่จะทำให้เธอได้อยู่ข้างกายหวี โย่วถิง

และแน่นอน นี่คือการแสดงที่เธอถนัดที่สุด
เป็นไปตามคาด การกระทำนี้ของเธอทำให้สายตาของ หวีโย่วถิงอ่อนลง“ฉันจะนำของขวัญไปให้เธอ เดินทาง ปลอดภัย”

เมิ่งเวยหยูนยิ้มพยักหน้าเล็กน้อย พอหันหลังไป สีหน้า เปลี่ยนไปทันที เห็นทีเธอคงต้องกลับไปปรึกษาวางแผน ใหม่กับพ่อเสียแล้ว

หลังจากที่เพิ่งเวยหยูนเดินออกไปไกล ผู้ช่วยของหวี โย่วถิงหวางสือชานจึงค่อยรายงานแผนงานต่างๆ ในวันนี้ให้ แก่หวีโย่วถิง “เจ้านายครับ ผมเพิ่งได้ข่าวมาจากแผนกธุรกิจ ว่าช่วงนี้คุณจางที่รับผิดชอบประสานงานโครงการใหม่กับ บริษัทเราเข้าโรงพยาบาล ท่านจะไปเยี่ยมหน่อยไหมคนรับ

โครงการใหม่นี้ถือว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของบริษัท ใหม่อย่างพวกเขา ทั้งบริษัทลงทุนไปกับมันไม่น้อย

จางจื้อเฉียงในฐานะผู้รับผิดชอบประสานงานเพียงหนึ่ง เดียวของพวกเขา พวกเขาก็ต้องให้ความสำคัญเป็นธรรมดา

“ไป เตรียมขอฝากไว้หรือยัง”หวีโย่วถึงลุกขึ้นหยิบเสื้อสูท หวาง อซานวางเอกสารลงตามไปทันที เตรียมพร้อมใส่ไว้ ในรถแล้วครับ เป็นชาเหมาเจียนและมะระชั้นยอดที่เก็บก่อ นวันเช็งเม้งที่คุณจางชอบที่สุดครับ ”

“อืม ดี”

ทั้งคู่พูดคุยพลางเดินมายังที่จอดรถ เพียงไม่กี่นาที รถก็แล่นหายไปบนถนน

หน้าประตูใหญ่โรงพยาบาล

อาหารและผลไม้ที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้นทำให้ฉันเหมื ยนร้อนรนยิ่งขึ้น รีบนั่งลงก้มเก็บข้าวของทันที ของเต็มไม้ เต็มมือนั้นบังใบหน้าเธอจนมิด

ฉินเหมียนนักข่าตัวเองขึ้นมา หน้ากากและหมวกที่ตนใส่ อยู่ก็เปล่าประโยชน์จริงๆ เธอยังคงเดินต่อไปไม่หยุด รีบพุ่ง ตรงไปยังลีฟท์ในตึกแผนกผู้ป่วยในทันที

เธอนึกถึงคําเตือนของเมิ่งจงเหลียนขึ้น ทำให้ในใจเธอก็ เกิดความกังวลขึ้นไม่น้อย ด้วยสภาพของเธอในขณะนี้ใคร จะไปดูออกว่าเธอเป็นใคร

หลังฉินเหมียนเข้าไปในลีฟท์ และลีฟท์เพิ่งจะปิดลงไป เพียงครู่เดียว ไฟในลีฟท์ก็ดับลงทันที จากนั้นลีฟท์ก็สั่นขึ้น มา

ทุกคนต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ ฝนความโกลาหลฉิน เหมียนถูกเบียดไปด้านหน้าชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง

หวีโย่วถิงเกลียดการสัมผัสกับผู้อื่นเป็นที่สุด ขณะที่ความ

รังเกียจในแววตายังไม่ทันได้แสดงออกมา กลิ่นหอมหวาน หนึ่งก็ทำให้เขารู้สึกชะงักไป

กลิ่นนี้ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม เมื่อก่อนเขาไม่น่าจะเคยได้กลิ่นมาก่อน ทว่ากลับรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน เขาสัมผัสได้ถึงหัวใจ ที่สั่นไหวนั้น

หวีโย่วถึงก้มหน้ามองหาที่มาของกลิ่นหอมจนพบ ทว่าในความมืดสลัวนั้นเขาเห็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่สวม หน้ากากและหมวกไว้ นอกจากขนตาที่งอนยาวเขาไม่เห็น อะไรบนใบหน้าเธอเลย

ทว่าสายตาของหวีโย่วถึงเร่าร้อนเกินไป ฉินเหมียนหัน หน้าไปมอง

คือเขา

ฉินเหมียนตกใจมาก เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นในใจทันที เธอนึกถึงคำเตือนของเมิ่งจงเหลียนและท่าทีเย็นชาของหลี่ ซิ่วเจินขึ้นมา ในวินาทีนั้นเธอทำอะไรไม่ถูกเลย

ในที่สุดลีฟท์ก็นิ่งลงและเลื่อนขึ้นไปตามปกติ

หวีโย่วถิงสบตาเข้ากับฉินเหมียนโดยไม่ทันตั้งตัว ความ รู้สึกประหลาดหนึ่งยิ่งทวีคูณขึ้น เขารีบคว้าไหล่ฉินเหมียน ไว้อย่างไม่รู้ตัว”เรารู้จักกันหรือ กลิ่นหอมบนตัวเธอ…….

“คุณจำผิดแล้วค่ะ”

ในเมือง A มีได้เพียงใบหน้าเดียวของเมิ่งเวยหยูน เธอจะ ให้ตนเธอถูกเปิดเผยไม่ได้
ฉินเหมียนรู้สึกว่าหัวใจของตนแทบจะกระโดดออกมาอยู่ แล้ว มือหนึ่งกำของในมือไว้แน่น อีกมือหนึ่งรีบหยิบมือถือ ขึ้นแหนบหู ทำตัวให้นิ่งที่สุด แกล้งทำเป็นมีคนโทรเข้ามา

“คุณเองเหรอ อย่าเร่งสิ ฉันรู้ว่าลูกร้องแล้ว ฉันจะถึงแล้ว เนี่ย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ