ฉันเป็นเจ้าสาวตัวแทน

ตอนที่ 13 เปรียบเทียบล็กลงไป



ตอนที่ 13 เปรียบเทียบล็กลงไป

ความเจ็บที่แล่นเข้ามาในข้อมือทำให้ฉันเหมียนขมวดคิ้ว เล็กน้อย เห็นทีคนในตระกูลหวีที่เพิ่งเวยหยูนได้ใจแล้วนั้น ไม่ได้รวมคุณหนูรองแห่งตระกูลหวีคนนี้ด้วยนิหน่า

เมื่อเผชิญหน้าคนที่จงใจหาเรื่องแบบนี้ เธอตัดสินใจฟัง และทำตาม เพราะอย่างไรข้างหลังเธอยังมีไพ่คิงคนหนึ่ง ที่สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้เธอได้ ฉะนั้นไม่จำเป็น ต้องถึงมือเธอด้วยซ้ำ นี่คือข้อควรระวังที่เพิ่งเวยหยูนเธอ นักหนา

“ไปบ้านตระกูลหวี ถ้าพบหวีเจียวเจียวก็ให้หลบ หากหลบ ไม่ได้จริงๆ ก็รีบไปยืนข้างแม่หวี แกล้งใบ้ คุณหนูใหญ่คน นั้น เธอรับมือไม่ไหวหรอก

“เจียวเจียว”ลู่เซี่ยวหย่ารีบมาช่วยฉันเหมียนไว้ดึงมือเธอ ออก มองลูกสาวของตนด้วยท่าทีต่อว่านิดๆ ยังงอนคุณย่า อยู่อีกหรือ”

หวีเจียวเจียวเห็นแม่ของตนออกหน้าแทน ก็ทําให้เธอเสีย หน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ไม่ลง ทําได้เพียงเขม่นตา ใส่ฉินเหมียมระบายความโกรธ

ทุกครั้งก็ได้แค่หลบอยู่หลังคนในครอบครัวของเธอทําท่า น่าสงสาร นิสัยของคนชั้นต่ำ น่าสมเพชยิ่งนัก

เธอหยิบแชมเปญขึ้นจากถาดในมือบาร์เทนเดอร์ เอ่ยพูด”หนูจะกล้างอนคุณย่าได้อย่างไรคะ ต้องโทษที่หนูตาต่ำ ไปชอบผู้ชายคนหนึ่งที่คุณย่าท่านไม่ชอบ

แฟนเก่าของเธอ เพราะขับรถ บูกัตติ เวย์รอนมาบ้านเธอ แทบจะวันเว้นวัน จนทำให้คุณย่าของเธอรำคาญ จึงสั่งให้ คนนําตัวออกไป

วัยรุ่นใจร้อน จะทนต่อการปฏิบัติเช่นนี้ได้อย่างไร สุดท้าย ก็เลิกกับเธอไป

การเลิกราเป็นเรื่องเล็ก ทว่าคนที่ปฏิบัติไม่เหมาะสมใน เรื่องนี้คือเธอคุณหนูรองแห่งตระกูลหวี หากแพร่งพรายไป เธอก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะเธอแคร์เรื่องนี้มาก

เห็นได้ชัดว่าเป็นคำพูดของคนโกรธ หวีโย่วถิงยื่นมือไป เคาะหัวเธอเบามือทีหนึ่ง คุณย่าไม่ได้บอกว่าไม่ชอบ คุณย่า ท่านรู้สึกว่าเธอดีเกินไป ไอ้หมอนั่นไม่คู่ควรกับเธอ”

หวีเจียวเจียวสะบัดมือเขาออกอย่างไม่ใยดี“ก็ใช่น่ะสิ ผู้ชายบนโลกนี้คนที่จะเข้าตาคุณย่าได้ คงมีแค่พี่ใหญ่คน เดียวมั้ง”พี่น้องทั้งคู่ต่างชมกัน อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

“ฮ่าๆๆๆๆ……. ก เสียงหัวเราะของคุณท่านตระกูลหวีดัง ขึ้นด้านข้าง แขกเหรี่อรอบข้างต่างทยอยเปิดทางออก ให้ คุณย่าท่านนี้เดินได้สะดวก “โย่วถิงของฉันเก่งตั้งแต่เด็ก เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้กันดี

หวีโย่วถิง อ่านหนังสือได้ตั้งแต่อายุหนึ่งขวบ เว้นวรรคได้ตอนสามขวบ ตอนห้าขวบสามารถคิดเลขคณิตต่างๆได้ หนังสือที่คนอื่นต้องเรียนราวยี่สิบกว่าปี เขาใช้เวลาไม่ถึง ครึ่งก็เรียนหมดแล้ว และที่สำคัญยังยอดเยี่ยมทุกวิชาด้วย

ตอนเขาอายุสิบห้าปีถูกส่งไปเรียนการแพทย์ที่ มหาวิทยาลัยเยล หลังกลับประเทศก็สามารถก่อตั้งโรง พยาบาลชั้นนำรุ่นแรกแห่งเมือง A ขึ้นเพียงลำพัง รวมถึง มหาวิทยาลัยทางการแพทย์ด้วย ทำให้มรดกของตระกูลหวี ขยายจากการเงินเป็นการแพทย์ กลายเป็นตระกูลธุรกิจยิ่ง ใหญ่ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในเมือง A

ประสบการณ์และความสำเร็จเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเทียบ หรือลอกเลียนแบบได้

เธอเดินไปข้างกายหลานของตน มองเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปจูงมือฉินเหมียน”เวยหยูน หนูดูสิโย่วถิงยอด เยี่ยมขนาดนี้ เมื่อไหร่หนูจะแต่งเข้ามาล่ะ”

ฉินเหมียนใบหน้าเปื้อนยิ้ม ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร เพราะถึง อย่างไรตนก็ไม่ใช่ตัวจริง เห็นความรักมากมายของคุณย่า เธอแทบจะรับมือไม่ไหวเลย

หวีเจียวเจียวได้แต่มองบน “คุณย่าคะ วันนี้คือวันเกิดของ คุณย่า อย่าพูดเรื่องไร้สาระได้ไหมคะ”

“เธอยังรู้อีกหรือว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคนแก่อย่าง ฉัน”หลัวซีเอ็นมองหลานสาวแสนซนคนนี้ของตนยัยหนู ของขวัญของย่าล่ะ”
หวีเจียวเจียวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ดึงแขนเสื้อพ่อก่อนจะ หลบไปอยู่ข้างหลัง วันเกิดของผู้ใหญ่อย่างท่าน มาขอของ ขวัญอะไรจากเด็กอย่างหนูคะ คุณย่าน่าจะขอจากลูกชาย ของคุณย่านะคะ”

เธอพูดพลางดันหลังหวีดิ่งหัวพ่อของตน“พ่อคะ ของขวัญ ของคุณย่าล่ะคะ”

การถามคำถามที่ปนไปด้วยการทดลองนี้ทำให้แขกเหรื่อ ในงานต่างพากันหัวเราะขำขึ้นมา หวีติ่งหัวเองก็กลืนไม่ได้ คายไม่ออกเช่นกัน ยัยเด็กบ้า คุณย่าไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย อย่างหนูหรอก รีบกล่าวคำอวยพรท่านเร็ว

คําอวยพรมากมายออกมาจากปากคุณหนูรองแห่งตระกูล หวี คุณย่าหวียิ้มจนหน้าบาน เห็นครอบครัวที่สกสันต์นี้ ในใจ ของฉันเหมียนเกิดความรู้สึกขมขื่นที่ยากจะบรรยายขึ้น

ใช่แล้วล่ะ คนในครอบครัวควรจะรักใคร่ปรองดองกันแบบ นี้ถึงจะถูก ทว่าเมื่อนึกถึงครอบครัวของเธอ เธอกับมารดาอยู่ เคียงข้างกันมาตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก ทว่า กลับถูกพ่อแท้ๆที่หาเจออย่างยากลำบากหลอกใช้ครั้งแล้ว ครั้งเล่า

เมื่อคนในครอบครัวเหลือเพียงความสัมพันธ์ทางสาย เลือดที่ไม่มีความรัก ก็คงเป็นเรื่องที่น่าขันสินะ

“เวยหยูน………….วยหยูน
เสียงที่ดังขึ้นเบาๆข้างกายทำให้เธอดึงสติที่หลุดลอยของ ตนกลับมา สายลมเย็นพัดเข้ามาจากกระจกรถที่เปิดครึ่ง บาน ทำให้เธอหันมามองใบหน้าหวีโย่วถึงในความมืดยาม ราตรีนิ่ง“ขอโทษค่ะ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ฟัง คุณว่าอะไรนะ”

ขอโทษ?

หวีโย่วถิงขมวดคิ้วขึ้นจากความรู้สึกผิดนี้ของเธอ ต้องรู้ไว้ ว่า เมิ่งเวยหยูนไม่เคยขอโทษ เธอจะใช้การกระทำของเธอ มาแสดงความรู้สึกของเธอเท่านั้น ดีใจ เสียใจ โกรธ แค่พูด ออกมามันไม่พอ ก็ใช้การกระทำแสดงออกมา

เขายื่นมือไปกุมมือฉินเหมียนที่วางไว้บนตัก ทั้งๆที่เป็น สัมผัสที่ไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนนัก ทว่ากลับทำให้เขาเกิด ความรู้สึกตื่นเต้นที่แตกต่างกับครั้งก่อนๆ “เมื่อกี้ฉันถามว่า วันนี้เวยหยูนจะกลับบ้านกับฉันไหม”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ