จอมยุทธ์กบฏโลก

บทที่9 พวกแกรู้จัก เทียนเจียงใหม



บทที่9 พวกแกรู้จัก เทียนเจียงใหม

ในตอนเย็นเวลาห้าโมง ฮัวว่านถึงที่ถูกเทียนเจียงทำร้ายอีก ครั้งตอนนี้ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูคฤหาสน์หลังเล็กๆ ใน เมืองหนึ่ง

คนที่พักอยู่ที่นี่คือ ผู้หญิงของฮัวว่านาง ถึงแม้จะมีลูกด้วยกัน แล้ว แต่กลับยังไม่ได้แต่งงานกัน ทุกอย่างเป็นเพราะตาแก่ไม่ ยอมรับ เพราะฉะนั้นจึงทำได้เพียงแค่อยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ แต่พอ อยู่กันไปเรื่อยๆ ก็ผ่านไปเป็นเวลาสามปีแล้ว

“เมียจ๋า ลูกครับ พ่อกลับมาแล้ว แต่ผมอยู่ได้แค่ครึ่งชั่วโมง เท่านั้น คืนนี้ผมมีนัดสำคัญ

เสียงเรียกขานของฮัวว่านถง กลับไม่มีใครตอบกลับ เขารีบ

เดินไปยังห้องรับแขก เห็นภรรยาของตัวเองนั่งอยาบนโซฟา

เขากำลังจะโถมตัวเข้าไปกอดฟัด แต่ทันใดนั้นเขาถึงกับตะลึง ไปเลย เพราะว่าเขาเห็นมือข้างขวาของภรรยาของเขามีผ้าพัน แผลสีขาวพันอยู่

“นี่…….เมียจ๋า นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ”

ถ้าหากเทียนเจียงอยู่ ต้องจำเธอได้แน่ ผู้หญิงคนนี้ก็คือหล เหม่ยนั่นเอง

“เรื่องอะไรน่ะเหรอ? เมียคุณถูกคนอื่นรังแกยังไงล่ะ มือยังหัก อีก ถ้าหากแถวนั้นไม่มีคลินิกละก็ มือของฉัน คงต้องตัดทิ้งแล้ว! ”

หลี่เหมียร้องไห้พลางพูดระบายออกมา น้ำตารินไหลอย่างพรั่ง ทันใดนั้น เปลวไฟแห่งความโกรธของตัวว่านางก็พุ่งปรี๊ดขึ้น มา

“แม่งเอ้ย! ใครกัน เมียบอกผมมาว่ามันเป็นใคร ผมจะ ทำให้มันกระดูกแหลกเป็นเถ้าถ่าน

หลี่เหม่ยถอนหายใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น

“ช่างเถอะค่ะ เมื่อกลางวันฉันเจอกับคนคนนั้น เขาเป็น ลูกค้าVIPระดับสูงของธนาคารชัวรุ่ย พวกเรา…..อะไรไม่ได้

ว่าไงนะ? ความโกรธของฮัวว่านกงสลายไปในพริบตา ถ้า หากว่าเป็นเรื่องจริง พวกเขาไม่สามารถแตะต้องได้จริงๆนั่น แหละ

ณ เวลานั้น เขารู้สึกอึดอัดจนไม่ยกที่จะอธิบายได้ แต่ในความ เป็นจริงมักจะโหดร้ายแบบนี้เสมอ

“คุณไปอยู่เป็นเพื่อนลูกเถอะ ลูกสาวของคนคนนั้น ผลักเขาล้ม ลงที่ร้านขายเสื้อผ้า ฉันโกรธมากจึงเข้าไปถามหาเหตุผล เลยถูก ทําร้ายจนมือหัก ช่าง.…………….

ถึงตรงนี้ หลี่เหม่ยไม่พูดอะไรอีก ฮัวว่านถึงกอดปลอบประโลม แล้วรีบวิ่งขึ้นไปด้านบน ลูกชาย เป็นของล้ำค่าที่สุดสำหรับเขา แล้ว

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ภายในภัตตาคารหรูร้านหนึ่ง ในเมืองหนึ่ง อ้วว่านางรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไป ห้องส่วนตัว ขนาดใหญ่ ด้านในมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่หนึ่งคน

“คุณพ่อครับ ผมขอโทษครับ คือผม……….

“มานี่”

นัยน์ตาของฮัวว่านางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขากลัวพ่อ บุญธรรมที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มาก ตั้งแต่เล็กจนโต

เขาพึ่งเดินเข้าไป ก็ถูกตบเข้าไปที่กกหูฉาดใหญ่ ชัวว่านางไม่ กล้าแม้แต่จะกุมหน้า

“นัดสำคัญขนาดนี้ แกกลับกล้ามาสาย ถ้าหากไม่เห็นแก่ว่า หน้าของแกจึงหายบวม ฝ่ามือที่ตบลงไปเมื่อกี้คงไม่เบาขนาดนี้ แน่ ไปล้างหน้าล้างตา ผู้จัดการธนาคารสวน่าจะใกล้มาถึงแล้ว

ถึงแม้การเรื่องกู้เงินจะคุยลงตัวแล้ว แต่เหลือแค่ผู้จัดการ ธนาคารเซ็นอนุมัติเท่านั้น การนัดทานข้าวครั้งนี้ทำเพื่อเป็นพิธี เท่านั้น อะไรที่ควรมอบให้เขาก็ได้ให้ไปแล้ว แต่การให้ความ สําคัญ จําเป็นต้องปฏิบัติ

หลังจากผ่านไปหลายนาที ประตูของห้องส่วนตัวก็ถูกเปิดออก มา ทั้งสองรีบลุกขึ้นยืนอย่างรีบร้อย ฮัว โก๋ที่ปั้นหน้าเรียบเฉย เย็นชาตลอดมา ตอนนี้กลับยิ้มแย้มราวกับดอกไม้บาน

“ผู้จัดการธนาคารสวูครับ เชิญนั่งก่อนครับ ช่วงนี้ผมได้เก็บ เหมาไถ (เหล้าขาวชนิดหนึ่ง) ที่หมักมาหลายปี คุณต้องชอบ มันแน่”
คนที่เดินเข้ามาก็คือสวูเฟยผู้จัดการของธนาคารชัวรุ่ย แต่แล้ว เหมือนกับความสุภาพเรียบร้อยไม่ได้ปรากฏขึ้น สาเฟยไม่แม้แต่ จะนั่งลงด้วยซ้ำ เขาพูดอย่างเย็นชา โดยไม่อ้อมค้อม

“ฮัวฝู” โก๋ ตอนแรกผมยังโทรศัพท์หาคุณ แต่เกรงว่าจะไม่ เหมาะสม เพราะฉะนั้นจึงเดินทางมาด้วยตัวเองดีกว่า”

ฮัว โก๋ไม่เข้าใจ แต่ในใจของเขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี จึงรีบถามขึ้นอย่างร้อนใจ

“ผู้จัดการธนาคารสวูครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ? เชิญคุณนั่ง

ก่อนเถอะครับ ค่อยๆคุยกันก็ได้”

“ไม่จําเป็นหรอก การยื่นเรื่องกู้เงินจำนวนห้าร้อยล้านของ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ฮั่วเฟิงของพวกคุณ ผมคงไม่สามารถเซ็น ให้ได้ครับ”

อะไรนะ!

ในสมองของฮัว โก๋ดังวิ่งขึ้นมาทันที เงินกู้จำนวนห้าร้อย ล้านนี้ มันมีความเกี่ยวข้องกับการสร้างย่านใหม่ ถ้าหากพลาด ล่ะก็ ตาแก่คงไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่

ฮัวว่านถงยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ ในสมองของเขาว่างเปล่า ไม่กล้า เชื่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากเรื่องนี้

“ผู้จัดการธนาคารสวูครับ คะ…..คุณช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม ครับ คุณก็รู้ว่าเงินก้อนนี้มีความสำคัญอย่างไรกับบริษัท อสังหาริมทรัพย์ฮัวเฟิงของเรา ใช่ไหมครับ”
มองดูท่าทางน่าสงสารของฮัว โก๋ สวูเฟยหัวเราะอย่างเป็น ชาในใจ ผิดใจกับคนคนนั้น หลังจากนี้พวกแก สายตารวมถึง ความรู้สึกแบบนี้ คงจะต้องประสบพบเจอไม่ใช่น้อยเลยล่ะ เขา ไม่ใช้นิ้วพวกแก ให้ตาบ ดูท่าคงอยากจะค่อยๆเล่นจริงๆสินะ

“ฉู่เทียนเจียง พวกคุณรู้จักไหม? ”

เทียนเจียง? ฮัว โก๋กับฮัวว่านางมองหน้ากันทัน ด้วย ความไม่เข้าใจ นี่มันเกี่ยวข้องอะไรกับฉู่เทียนเจียงด้วย

“เหล่าฮัว เห็นแกความสัมพันธ์มายาวนานของพวกเรา ผมจะ

เอาเรื่องภายในบอกคุณหน่อยแล้วกัน”

“ในตอนที่ฉู่เทียนเจียงคุ้มกันของล้ำค่าที่มีความสำคัญกับ ธนาคารชัวรุ่ยมามอบให้กับเรา หลังจากนั้นธนาคารหลักก็ได้ มอบบัตรธนาคารVIPแห่งเกียรติยศให้กับคนที่คุ้มกันของมา มอบให้เข้าใจรึยัง? เนื่องจากเป็นสิ่งที่ธนาคารหลักเป็นคนมอบ ให้ เทียนเจียงมาเข้าผม ผมเลยไม่อาจปฏิเสธได้ แต่จะเป็นครั้ง นี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ”

พูดจนถึงตรงนี้ สวูเฟยหันหลังเดินจากไปทันที

“เอาล่ะ ไม่ต้องส่งหรอก ผมพูดจบแล้ว ควรจะทำอะไรยังไง พวกคุณดูเอาเองแล้วกัน”

สวูเฟยเดินจากไปอยู่นาน ในที่สุดฮัวว่านางก็ดึงสติกลับมา แล้วจึงพูดขึ้นอย่างใจเสาะ

“พ่อครับ………….ทำยังไงดีล่ะครับ คิดไม่ถึงว่าเทียนเจียงจะมีฐานะแบบนี้ด้วย พวกเราจบเห่แล้ว”

เขาถลึงตาใส่ลูกชายของตัวเอง ฮัว โก๋รู้สึกโกรธมาก

“ไอ้สวะ! มีชื่อเสียงแต่ปลายแถว เทียนเจียงคนอย่างมันจะ ลอยขึ้นฟ้าได้งั้นเหรอ? ไป ไปหาคุณปู่ของแก ให้เขาช่วยเรา กดดันครอบอาสามของแก”

ในตอนที่อาทิตย์ขึ้นสู่ขอบฟ้า วันที่สองก็มาถึง น่าจะประมาณ แปดโมงเช้าเห็นจะได้ อีอยังไม่ตื่น แต่ตัวจนถึงตื่นขึ้นมาแล้ว วัน นี้เธอกะจะไปหาลูกค้ากับพ่อดูสิว่าจะสามารถหาได้สักบิลสองบิล ให้กับโรงงานอิฐไหม

ในตอนที่ได้ยินเสียงดังขึ้น เธอจึงรีบเข้าไปยังห้องหนังสือ มอง เห็นฉู่เทียนเจียงกำลังค้นหาหนังสืออ่านอยู่

“เช้าขนาดนี้ คุณกำลังหาอะไรอยู่นะ? ”

“เมีย หนังสือสอนการเลี้ยงดูบุตรพวกนี้ ทำไมพูดถึงแต่แม่ ควรทำอะไรยังไงล่ะครับ หนังสือที่เกี่ยวกับพ่อล่ะ? ”

ฮัวจิ้นถิงกอดอก พูดขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดี

“พ่องั้นเหรอ? สี่ปีมานี้ มีพ่อไหม? ทำไมฉันจะต้องซื้อ หนังสือคู่มือการเลี้ยงดูบุตรสำหรับคุณพ่อด้วยล่ะ จะเอาไปขาย เป็นของเก่ารึไง? ”

คำพูดเพียงประโยคเดียวเท่านั้นทำให้ฉู่เทียนเจียงถึงกับหยุด มือลงทันที มองเห็นฮัวจิ๋นถึงเดินจากไป เขาทำอะไรไม่ถูก จึงรีบ ส่งข้อความหาหม่าเหลียง
ตอนนี้เขา ต้องรีบหาคู่มือการสอนลูกสาวของเขา

ชั้นล่าง หลิวหลานได้เตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว มองเห็น เทียนเจียงปรากฏตัวขึ้น เธอจึงพูดออกมาอย่างลังเล

“ฉู่เทียนเจียง เดี๋ยวเธอออกไปหาลูกค้าของโรงงานอิฐกับพ่อ เธอหน่อยนะ ไปเรื่นรู้การทำธุรกิจ ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แล้วนะตัวเธอเองต้องรู้จักพัฒนาตัวเอง มีลูกสาวที่ต้องเลี้ยงดู เข้าใจไหม?

เทียนเจียงไม่ทันได้ตอบกลับ ฮัวเหวินฮุยที่ซดโจ๊กไปหนึ่งคำ

ก็พูดขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน

“เขาน่ะเหรอ? ปล่อยผมไปเถอะ ถ้าเกิดธุรกิจคุยไม่สำเร็จขึ้น มา เขาตบคนอื่นอีกฉาด ผมจะไปร้องไห้ที่ไหนอีก เขาเป็นพ่อที่ดี ได้ อยู่บ้านดูแลอีอี แค่นี้ก็ถือว่าบุญแล้ว

มองเห็นทั้งสามสายตามองเหยียด เทียนเจียงหยิบไข่ไก่ขึ้น

มา แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“เชื่อผมเถอะครับ ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

ในตอนนี้เอง เสียงออดดังขึ้น ฮัวจนถึงเดินไปมองดูโทรศัพท์ที่ สามารถเห็นหน้าผู้มาเยือนได้ตรงประตู ทันใดนั้นเธอก็ยืนนิ่ง ตะลึงงันอยู่กับที่ ผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปพูดอย่างไม่เชื่อ สายตา

“คุณพ่อคุณแม่คะ อะ…….อารองกับฮัวว่านลงมาจริงๆค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ