จอมยุทธ์กบฏโลก

บทที่5 ไม่เคยยั่วยุ



บทที่5 ไม่เคยยั่วยุ

เทียนเจียงเอ่ยปากมาว่าจะออกไปทำธุระนิดหน่อยแล้วก็ตรงดิ่ง ออกไปเลย ในตอนที่ประตูปิดลงนั้น หลิวหลานก็ทำเสียงอย่าง เย็นชา

“ไอ้เทียนเจียง กลับออกมาจากกองทัพจะไปมีประโยชน์ อะไร ดูท่าแล้วคงจะเป็นอาเต๋าที่พยุงไม่ขึ้น (อาเต๋าเป็นลูกชาย ของเล่าปี่ใช้เปรียบเทียบความไม่เอาไหน ขี้เกียจ ส่งเสริมไม่ ขึ้น อีกทั้งมีกำลังนิดหน่อยก็ก่อเรื่องซะแล้ว ครอบครัวเรา สุดท้ายก็ต้องพึ่งตัวเอง ถึงถึง หนูอย่าได้หวังว่าผู้ชายคนนี้จะ สามารถเลี้ยงดูอีอีได้นะ”

ฮัวจนถึงถอนหายใจ สวะยังไงก็เป็นสวะอยู่วันยังค่ำ ตอนนี้ใน หัวใจของเธอ ถูกลูกสาวจับจองไปหมดแล้ว แต่ใครจะคาดหวัง ว่าสามีของตัวเองจะเป็นมังกรผงาดเหนือผู้คนล่ะ เทียนเจียง จะ สามารถเป็นไปได้ไหมนะ?

เธอส่ายหัวไปมา ทําได้เพียงแค่เดินขึ้นบันไดไปนอนกับ ลูกสาว

สำหรับเรื่องวุ่นวายที่ทำร้ายฮัวว่านาง ครอบครัวของอารองมี อำนาจใหญ่คับฟ้า นอกจากการคุกเข่าแล้ว ก็ทำได้เพียงแค่ ยอมรับโชคชะตาเท่านั้น

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ณ ห้องโถงห้างประมูล ของตระกูลเฉินสถานที่ที่เทียนเจียงเคยมาก่อเรื่องวุ่นวายไว้
มีเพียงแค่ศพสองร่างเท่านั้น ร่างของท่านเหลิงกับวัยรุ่นคนนั้น

ยังไม่ได้ขยับไปไหน ยังอยู่ในลักษณะท่าเดิม ตอนนี้นายท่านของตระกูลเฉินมาพร้อมกับกลุ่มคนติดอาวุธ สิบคน สายตาจับจ้องไปที่ร่างของวัยรุ่นคนหนึ่ง

“ใช้เพียงแค่นิ้วเดียวฆ่าศิษย์น้องของผม ฝีมือไม่เบาเลย แต่ กล้าเข้าไปแตะต้องสำนักเงิน ไม่ว่ามันเป็นใครก็ต้องตายไม่มี หลุมฝังสถานเดียว”

วัยรุ่นคนนี้ลักษณะท่าทางเยือกเย็น ในน้ำเสียงแฝงไปด้วย ความอาฆาต จนทำให้นายท่านของตระกูลเฉินตัวสั่นเทาเล็ก น้อย

เนื่องจากสำนักเสิ่นเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงในยุทธภพ ตระกูล เฉินของพวกเขาไม่อาจจะยั่วยุได้ นี่เป็นเพราะเหตุใด เสาหลัก ของตระกูลเฉินต้องมาด้วยตัวเอง

ไม่อย่างนั้นเกรงว่าท่านเหลิงตายแล้ว เขาคงไม่มาด้วยตัวเอง แบบนี้หรอก แต่ทางด้านสำนักเงิน จำเป็นจะต้องอธิบายเรื่องนี้ ให้ได้

“ท่านปรมาจารย์ให่ครับ การตายของศิษย์น้องของท่าน ตระ กูลเฉินของผมมีความผิด ในบัตรนี้มีเงินอยู่ห้าล้าน ขอให้ ปรมาจารย์ให้หลังจากกลับไปถึงสำนักเงินแล้ว ช่วยตระกูลเฉิ นของผมพูดหน่อยเถอะครับ

คนหนุ่มที่มีนามว่าปรมาจารย์ให้มองไปที่บัตรเอทีเอ็มที่ยื่นมา ตรงหน้าแวบหนึ่ง เขารับมันอย่างเรียบเฉย มุมปากแสยะยิ้มขึ้น
“ท่านเฉินวางใจเถอะ ใครถูกใครผิด สำนักเสิ่นแยกแยะได้ อยู่แล้ว แต่ว่า ภายในหนึ่งวัน คุณจะต้องสืบที่อยู่ของคนร้ายให้ ได้ แบบนี้ถึงผมยกหัวกลับไป ถึงจะสามารถรายงานได้

“ยกหัว? เอาความมั่นใจมาจากไหนมาพูด

หลังจากพูดจบ หม่าเหลียงก็พาคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา เข้า ล้อมคนที่อยู่ในนั้นทั้งหมดทันที

“แกเป็นใคร? การตายของศิษย์น้องของฉันเกี่ยวข้องกับแก

ใช่ไหม”

ปรมาจารย์ไม่รู้สึกไม่พอใจ ในใจไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆทั้ง สิ้น เขาถือว่าเป็นยอดฝีมือในรุ่นของคนหนุ่มเลยก็ว่าได้ ในบาง ครั้ง ไม่ใช่ว่าคนเยอะแล้วจะได้เปรียบ ฆ่าคนพวกนี้ให้ตาย ทั้งหมด เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น

“อยู่เฉยๆเถอะรอท่านนายพลของพวกเรามาถึงแล้วค่อยถาม เถอะ แกเป็นใคร มีสิทธิ์ถามคำถามนี้? ”

พอเห็นหมาเหลียงไม่มีความยำเกรงแม้แต่น้อย ปรมาจารย์ให แผ่รังสีแห่งความอาฆาต นายท่านเป็นที่อยู่ข้างๆแอบถอน หายใจ คนที่คิดว่าตัวเองมีอำนาจบาตรใหญ่ช่างเยอะจริงๆ ไม่ดู หน่อยเลยว่าปรมาจารย์ให้สวมชุดของสำนักเสิ่น ดูจะใช้ชีวิต มากไปหน่อยแล้วมั้ง

“รนหาที่ตาย! ”

เป็นไปตามคาด พอพ่นออกมาสองคำ จากนั้นปรมาจารย์ไม่ก็ลงมือทันที

ผ่านไปยี่สิบนาที เทียนเจียงก็เดินเข้ามาในห้องโถงของห้าง ประมูล ทันใดนั้น หม่าเหลียงกับคนกลุ่มนั้นก็คุกเข่าลงพื้นทันที แล้วพูดทำความเคารพขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

“สวัสดีครับท่านนายพล”

ภาพที่เห็นในตอนนี้ ทำให้นายท่านเฉินกับลูกน้องที่ติดอาวุธ ครบมือถึงกับตกใจตามๆกัน

คนบ้าคลั่งระดับหม่าเหลียงเพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ สามารถจัดการปรมาจารย์ไม่ได้ กลับคุกเข่าลงกับพื้นได้ ถ้า อย่างงั้นคนผู้นี้ ตกลงเป็นใครกันนะ

เขาไม่ได้มองปรมาจารย์ให้ที่หายใจโรยรินอยู่บนพื้นแม้แต่

น้อย เทียนเจียงเดินมาอยู่ข้างหายของนายท่านเป็น

“เวลาของผมมีจํากัด ผมจะให้เวลาคุณห้านาที ผมอยากรู้ว่า เบื้องหลังคนที่เอาเด็กหญิงมาประมูลเมื่อวานมีใครบ้างทั้งหมด

นายท่านเฉินถึงกับกลืนน้ำลายลงคอไปหนึ่งเลือก ถึงแม้ว่า เทียนเจียงจะไม่ได้ให้ความรู้สึกของพลังอำนาจ แต่เขายังคงขา สั่นอย่างควบคุมไม่ได้อยู่ดี จึงรีบเรียกให้คนไปจัดการ

เวลานี้เอง ฉู่เทียนเจียงมองไปยังปรมาจารย์ให

“รีบไสหัวกลับไปรายงานสำนักเป็นอะไรนั่นซะ ถ้าขืนยังกล้า ทำผิด ฉันจะฆ่าทั้งโคตร! ”
ในใจของปรมาจารย์ให้รู้สึกกลัวอย่างยากที่จะอธิบาย ไม่มี ความยโสโอหังหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย ลูกน้องเพียงคนเดียวก็ สามารถทำให้เขาฟันร่วงหมดปากได้ คำพูดที่เขาพูด จะไปเป็น สิ่งที่พูดอย่างเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมายได้หรือ?

เขาพยายามยืนยันตัวเองขึ้นมา ปรมาจารย์ให้ลุกขึ้น แล้วโค้ง ทำความเคารพให้กับเทียนเจียง หลังจากนั้นก็พาร่างที่ สะบักสะบอมเดินเซไปมาออกจากห้องโถงไป

ใช้เวลาเพียงแค่สามนาทีเท่านั้น เทียนเจียงก็ได้รับข้อมูลที่ เขาอยากได้ เขาใช้สายตากวาดอ่านอย่างรวดเร็ว

ฮัวว่านถง ตาแก่ รักษาชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกแกเถอะ อนาคตข้างหน้า พวกแกจะต้องเจอกับอันตรายทุกย่างก้าว

“หม่าเหลียง คนที่แตะต้องลูกสาวฉันที่ห้างประมูล จัดการพวก

มันให้หมด”

“ครับ”

ถึงแม้ฉู่เทียนเจียงจะเดินจากไปแล้ว แต่ความตกใจของนาย ท่านเฉันยังคงไม่ลดหายไป หมายมั่นปั้นมือแล้ว การตายของ ท่านเหลิ่งจะต้องจบเพียงเท่านี้ เขาจะไม่อยากยั่วโมโหชาย ปริศนาคนนี้อีกเป็นอันขาด

พอกลับมาถึงบ้าน มองเห็นภรรยาและลูกสาวที่นอนหลับสนิท อยู่มุมปากของฉู่เทียนเจียงก็ค่อยๆยกยิ้มขึ้น ในแววตาของเขา มีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าพึงพอใจแล้ว
นี่เป็นสิ่งที่ นับแต่นี้ต่อไปเขาต้องปกป้องด้วยชีวิต

ในตอนเช้าของวันที่สองหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าแล้ว เพราะว่าฮัวเหวินฮุยขับรถออกไปหาลูกค้าให้กับโรงงานอิฐ ดัง นั้นเทียนเจียงทั้งครอบครัวจึงต้องโบกรถออกไปยังห้างสรรพ สินค้า

พอหลังจากที่รถมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เทียนเจียง อุ้มอีอีขึ้นมา บนคอของตัวเอง เด็กน้อยรู้สึกมีความสุขมาก

“คุณพ่อคะ อีอีไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆนานแล้วค่ะ ดีใจมากเลย

เขาบีบไปที่ขาของอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู เทียน เจียงเอ่ยขึ้นมาว่า

“จากนี้ไปคืออยากได้อะไร พ่อจะทำให้ได้เลยครับ” “เย้ๆ ดีมากเลยค่ะ

ฮัวจิ้นถิงเองก็เข้าไปคล้องแขนของฉู่เทียนเจียง ใบหน้าเต็มไป ด้วยความสุข การเจริญเติบโตของลูก มาจากรากฐานชีวิตคู่ของ สามีภรรยา ถึงแม้ลูกจะไม่เข้าใจ แต่จะหลงเหลือความทรงจำที่ สวยงามไว้

เพราะฉะนั้นถึงจะยังไม่ให้อภัยเทียนเจียง แต่ในตอนที่ควร แสดงความรัก เธอจะไม่ตระหนี่ต่อหน้าของลูกสาวเด็ดขาด

พอเข้ามาถึงห้างหางหนึ่ง ตัวจนถึงขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วพูด กระซิบ
“นี่! นี่มันห้างที่ขายแต่ของแบรนด์เนมราคาแพงนะ พวกเรา มาที่นี่ทำไม”

ถึงตระกูลฮัวจะถือว่าเป็นตระกูลที่มีฐานะ แต่สถานการณ์ ทางการเงินของครอบครัวตัวจีนถึงกำลังวิกฤติ คฤหาสน์ราคาถูก ที่อยู่เขตชานเมืองนั้น ยังผ่อนไม่หมดเลย ของฟุ่มเฟือยพวกนี้ ไม่ ได้เกี่ยวข้องกับเธอนานแล้ว

“สามีของคุณมีเงินซะอย่าง วางใจเถอะครับ อีอีซื้อเสร็จแล้ว ค่อยไปช้อปปิ้งกับคุณนะครับ หลายปีมานี้ ลำบากคุณแล้วจริงๆ เลี้ยงดูลูกคนเดียว”

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีก อาจจะเป็นเงินที่เทียนเจียงเก็บ สะสมตอนอยู่ในกองทัพก็เป็นได้ มองดูอีที่กำลังมีความสุข เธอ จึงยอมรับมัน ขอฟุ่มเฟือยสักครั้งหนึ่งเถอะ หลายปีมานี้ติดค้าง ลูกสาว มามากแล้ว

ทั้งสามเดินเข้าในร้านขายเสื้อผ้าของเด็กแบรนด์เบอร์เบอรี่ อี อีรีบตะเกียกตะกายออกจากอ้อมกอดของฉู่เทียนเจียงทันที

“พ่อคะปล่อยหนูลงเถอะค่ะ ตอนนี้หนูเป็นเด็กโตแล้วนะคะ เลือกเสื้อผ้าด้วยตัวเองได้แล้ว พ่อกับแม่เลือกแต่ชุดไม่สวย อีอี อยากจะสวยๆค่ะ”

เทียนเจียงยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วปล่อยอีอีลงพื้น

“ได้ครับ อีอีเป็นเด็กโตแล้ว เลือกเองเถอะครับ”

ในเวลานี้เอง มือถือของฉู่เทียนเจียงก็ได้ดังขึ้น ฮัวจิ๋นถึงรีบเดินตามหลังลูกไป

พอเห็นสาย10086 โทรเข้ามา เขาที่พึ่งวางสายไป ก็ได้ยิน เสียงตบดังก้องออกมา ยังมีค่าด่ากราดอย่างหยาบคายตามมา ด้วย

“เด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ที่ไหนเนี่ย กล้าผลักลูกชายฉัน ใครเป็นผู้ ปกครองห้ะ ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ