จอมยุทธ์กบฏโลก

บทที่ 1 เลือกฉัน



บทที่ 1 เลือกฉัน

ในเวลาเช้าตรู่ แสงอาทิตย์สาดส่องครอบคลุมไปทั่วทั้งเมืองหนึ่ง

บนท้องถนนเส้นหนึ่งในเมือง เทียนเจียงยืนอยู่ด้านล่าง ต้นไม้ อย่างไม่ขยับเขยื้อน

มองดูผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่านไปมา ทำให้เขารู้สึกนับ ร้อยนับพันยากที่จะอธิบาย

ผู้ที่ใช้ชีวิตฝึกฝนอยู่ในกองทัพมาสี่ปี ในที่สุดฉันฉู่เทียนเจียง ได้กลับมาแล้ว เมียจ๋า ไม่รู้ว่าคุณเป็นยังไงบ้าง……..

มีคนเดินผ่านเข้าไปแล้วหยุดก้าวเดินมองเขาอยู่พักหนึ่ง วัยรุ่น

คนนี้ช่างแตกต่างจากคนทั่วไป

ร่างสูงยาวแต่หุ่นกลับไม่ใหญ่โตบึกบึน เปรียบดั่งนกอินทรี ท่องราตรีในยามรัตติกาล มีดวงตาเรียวยาวคมกริบซ่อนอยู่ใน นั้น ความกว้างใหญ่ในความลึกล้ำนั้น ราวกับจะดูดกลืนแสงแรก

ของเช้าตรู่ให้หมดสิ้น ทันใดนั้นก็มีเงาของใครบางคนเข้ามาใกล้ แล้วเอ่ยปากพูด

ขึ้นมาว่า

“ท่านนายพลครับ ผมได้ทำการตรวจสอบแล้วครับ ที่อยู่ของ ฮัวจิ๋นถึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงครับ นอกจากนั้น ยังมีอีกข่าว หนึ่ง”
หม่าเหลียง เป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ของเทียนเจียง เป็นคนที่มี ความว่องไวรวดเร็วดุจดั่งสายฟ้า แต่เขากลับมีความรู้สึกลังเลใจ อยู่เล็กน้อย

“พูด”

พอเห็นฉู่เทียนเจียงคิ้วขมวดเป็นปม หม่าเหลียงก็รู้สึกตัวขึ้น ในทันที ทั้งเกรงขามและเกรงกลัว ในขณะเดียวกัน

“วันนี้เวลาสิบโมงตรงตระกูลฮัวจะทำการเลือกลูกเขยที่

โรงแรม อสุ่ย”

เลือกลูกเขยอีกแล้วงั้นเหรอ? เทียนเจียงขมวดคิ้วเป็นปม แน่นขึ้น นึกถึงเรื่องราวเมื่อปีก่อน การแต่งงานระหว่างเขากับ ฮัวจนถึง ก็มาจากการเลือกลูกเขยเหมือนกัน

“ให้น้องเมียฉันเหรอ? ”

ฮัวเพิ่งหยวนเป็นน้องสาวแท้ๆของตัวจนถึง มีนิสัยแสบมาก แต่หน้าตาและรูปร่างของเธอก็โดดเด่นไม่เหมือนคนทั่วไป ถึงจะ ไม่อาจเทียบกับฮัวจีนถึงผู้เป็นพี่สาวได้ แต่เธอก็สวยงามมากเลย ทีเดียว

“ไม่ใช่ครับ ปะ……เป็นคุณฮัวจิ๋นถึงครับ”

ในขณะที่พูดประโยคนี้ออกไปนั้น ร่างกายของหม่าเหลียงเริ่ม สั่นเทาขึ้นมา ด้วยความกลัว

บุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือ เทียนเจียง รักษาการในดินแดนที่ ครอบครองมาเป็นเวลาถึงสี่ปี ชื่อเสียงโด่งดังไกลนับพันลี้ เป็นตำนานที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง

มีผลงานปกป้องประเทศชาติ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเทพเจ้าแห่ง สงคราม ถึงได้กลับสู่ถิ่นฐานเกิดอย่างภาคภูมิได้แบบนี้

เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร ที่ภรรยาของตนจะเลือกสามีอีกครั้ง

แบบนี้?

หวีด!

ทันใดนั้นก็มีลมพัดขึ้นมาจากพื้นดิน ต้นไม้ที่อยู่ข้างๆล้มตึง จนโผล่ให้เห็นรากไม้

หม่าเหลียงก้มศีรษะลง น้อมรับรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมา จากตัวของฉู่เทียนเจียง เขารู้ดีว่า นายพลของเขาได้โกรธเกรี้ยว แล้ว

“เอาแล้วสินะตระกูลฮัว คิดว่าเมียฉันเป็นตัวอะไรกันแน่ แล้ว คิดว่าฉู่เทียนเจียงเป็นตัวอะไร โรงแรมสื่อสุ่ย ใช่ไหม? ออกเดิน ทางกันเถอะ ”

หลังจากที่เปิดประตูรถด้วยความยำเกรงแล้ว มือใหญ่ของ หม่าเหลียงโบกมือ ด้วยความทรงพลัง

ออกเดินทางได้!!

รถเบนซ์รุ่นG63เคลื่อนตัวออกไป ไม่ไกลจากมุมของถนน ก็มี รถรุ่นG63ขับตามออกมาหลายคัน ไม่มีป้ายทะเบียนแขวนไว้ เหมือนรถคันที่เทียนเจียงนั่งอยู่
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ณ ประตูทางเข้าของโรงแรมชื่อสุ่ย คนที่เดินผ่านไปมาหยุดชะงักกับที่ สายตาทุกคู่ต่างพากันจดจ้อง อย่างตกตะลึง

รถเบนซ์รุ่นG63ทั้งหมดยี่สิบคันขับมาจอดด้านหน้าด้วย ความเร็ว ไม่จำเป็นต้องเติมแต่งใดๆทั้งสิ้น ความทรงพลังนี้ สามารถทำให้ถนนทั้งเส้นเงียบลงได้ภายในพริบตา

“โห นี่มัน ใครกันเนี่ย ทั่วทั้งเมืองหนึ่งของเราคงไม่มีบ้านใคร

มีG63เยอะขนาดนี้หรอกนะ

“ไม่หรอกมั้ง รถหนึ่งคันราคาสี่ล้านกว่า ยี่สิบคัน……..ไม่กล้า คิดไม่กล้าฝันเลย”

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้น รถที่นำขบวนอยู่หยุดลง

เทียนเจียงเดินลงมาจากประตูด้านหลัง มองดูป้ายของโรงแรม

ชื่อสุ่ยครู่หนึ่ง แล้วเดินก้าวไปยังขั้นบันได

โครม!

เสียงของพื้นสั่นสะเทือน ท้องฟ้าถูกเมฆบดบังในทันที ตามมา ด้วยรังสีที่แผ่ออกมาจากตัวของฉู่เทียนเจียง คนที่เดินผ่านไปมา ต่างถอยหลีกทางให้กับเขา แม้กระทั่ง ไม่กล้ามองสบตาที่ดู เหมือนจะสงบนิ่ง แต่เต็มไปด้วยความดุดัน

“หล่อจังเลยอ่ะ เท่มาก! พระเจ้าช่วย ถ้าอนาคตข้างหน้าฉัน

สามารถแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ได้ ถึงตายก็ไม่เสียดาย “ฝันไปเถอะย่ะ เขาไม่เพียงแค่หล่อเท่นะ ยังมีเงินอีก จะไปแต่งงานกับคนแบบเธอได้เหรอ? ”

เสียงค่อยๆเงียบลง ในตอนที่เทียนเจียงก้าวเข้าไปด้านใน โรงแรมชื่อสุ่ย

ในขณะเดียวกัน งานเลี้ยงบนชั้นห้าก็เต็มไปด้วยความ ครึกครื้น คนพวกนี้ ต่างมาเพื่อร่วมงานเลือกลูกเขยของตระกูล

แต่ภายในห้องบนชั้นแปดนั้น บานหน้าต่างจรดพื้นมีหญิงสาว คนหนึ่งที่สวมชุดราตรีสีฟ้าอ่อนยืนหันหลังอยู่ ลำพังแค่แผ่นหลัง ก็สามารถทำให้ผู้ชายนับไม่ถ้วนตะโกนร้องได้แล้ว

เธอเป็นภรรยาของฉู่เทียนเจียง เป็นผู้หญิงที่มีหน้าตารูปโฉม และมีออร่าคนหนึ่งเลยทีเดียว

“ถิงถิง”

เสียงของฮัวเหวินฮุยที่เสียงของชายวัยกลางคนดังลอดมาจาก โซฟาที่เขากำลังนั่งอยู่ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

ฮัวจิ่นถึงหันกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงาม แต่ความ เจ็บปวดรวดร้าวในแววตาคู่นั้นกลับคมชัดมาก

“รายชื่อพ่อเอามาแล้วนะ ถึงถึง หนู…..เลือกมาหนึ่งคนเถอะ”

แทบจะเป็น ในขณะเวลาเดียวกันที่เสียงของฮัวเหวินฮุยพึ่งพูด จบ เยื้องไปอีกหน่อยมีหญิงวัยกลางคนรูปโฉมงดงามนั่งอยู่ที่ โซฟาเดี่ยว หลิวหลานผู้ซึ่งเป็นแม่ของฮัวจนถึงก็ได้ตบเก้าอี้ แล้ว พูดขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด
“เลือกๆๆ ให้เลือกอะไรหะ คุณดูสิแต่ละคนที่มาเป็นคนอะไร

บ้าง ไม่เพียงแค่ไม่สมประกอบ ยังมีคนพิการ คนไร้ความ สามารถ แม้กระทั่งคนบ้าก็มี คิดว่าลูกสาวฉันเป็นตัวอะไรนะ! พูดถึงตรงนี้ หลิวหลานก็มองไปที่ฮัวเหวินฮุยที่ไม่พูดไม่จา ด้วยความโกรธที่สั่งสมอยู่นานทำให้มันปะทุออกมา

“เป็นเพราะคุณมันขี้ขลาดตาขาว ครั้งแรกเลือกเทียนเจียง เป็นลูกเขย อย่างน้อยเขาก็เป็นคนปกติ ครั้งนี้เป็นไงล่ะ? อีกทั้ง การเลือกลูกเขยก็เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ คุณดูสิคุณพ่อ พี่ ใหญ่ พี่รอง ใครมากัน ส่งแต่คนรุ่นเด็กมา ดูถูกเหยียดหยาม ใครกัน”

ฮัวจิ๋นถึงหยุดก้าวเท้า แล้วเอื้อมไปหยิบรายชื่อมา

“แม่คะ ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ขอแค่เอาอีกลับมาได้ จะให้หนูทำ อะไรหนูก็ยอมค่ะ”

อี…..พอได้ยินชื่อของหลานสาวอันเป็นที่รักแล้ว ทั้งสองก็พูด อะไรไม่ออกในทันที

“ถิงถิง ตอนนี้ไม่มีคนนอก แม่รู้สึกอัดอั้นมาก ปู่ของหนู ไม่ใช่ คนดีอะไรเลยจริงๆ หลานสาวที่เลือดข้นกว่าน้ำ เขากลับเอามา เป็นของต่อรองได้ ช่าง.…….

“แม่คะ! ”

พอพูดออกไปแค่คำเดียว มือข้างขวาของตัวจนถึงก็กุมอยู่ครู่ หนึ่ง ตามมาด้วยการเอานิ้วจิ้มไปที่ชื่อใดชื่อหนึ่งบนใบรายชื่อ
“เขาก็ได้ค่ะ”

หลังจากผ่านไปสิบนาที ในห้องจัดงานเลี้ยง ฮัวเหวินฮุยมอง ลงไปที่เด็กหนุ่มอายุน้อย ที่อยู่ด้านล่าง เขาฝันใจพูดขึ้นด้วย ความโกรธที่ฝังอยู่ในใจ

“ต่อจากนี้ผมขอประกาศ การเลือกลูกเขยของตระกูลฮัวใน ครั้งนี้ ผู้ที่ถูกเลือกคือ……

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งที่ทรงพลังพูดดังขึ้น ทุกคนต่างจับจ้อง มองตามไปที่เสียง เห็นเพียงแค่ทางเข้าประตูของงานเลี้ยง มีคน หนุ่มที่สวมชุดสีขาวทั้งตัวเดินเข้ามา

ใบหน้าอันหล่อเหลานั้น สะกดสายตาของผู้หญิงที่อยู่ในงาน

จนตะลึงไปเลยทีเดียว

แต่ด้านบนเวที ฮัวจิ๋นถึงหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของงาน กุมปาก ของตัวเองแน่นด้วยความตกใจ แต่กลับยังคงมีเสียงลอดออกมา จากช่องว่างระหว่างนิ้วเรียวสวย

“ทะ……เทียนเจียง

เดินมาถึงครึ่งทาง ร่างของเทียนเจียงก็ถูกใครคนหนึ่งขวาง เอาไว้

“แกเป็นใครห้ะ คุณหนูฮัวเลือกแล้วเว่ย แกเป็นใครวะ”

เพี้ยะ!
ไม่มีแม้แต่คำพูดเดียว เทียนเจียงก้าวเท้าอย่างไม่หยุด ตบ ไปที่คนที่ขวางเขาไว้ฉาดหนึ่ง ในอากาศยังมีฟันหลายที่มา พร้อมกับเลือดปลิวออกมาปากด้วย

“แม่งเอ้ย! แกคือเทียนเจียงงั้นเหรอ? ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ฮัวว่างลงลูกบุญธรรมของ ลูกชายคนที่สองตระกูลฮัวเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าเต็มไป ด้วยความเหลือเชื่อ

“ฉู่เทียนเจียง? ชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูมาก

“อ๋อ ฉันนึกขึ้นมาได้แล้ว เป็นสามีคนแรกของคุณหนูฮัว และ เขายังเป็นเขยแต่งเข้าบ้านนั้นด้วย เขาชื่ออู่เทียนเจียงไง ได้ข่าว มาว่าเขาเข้ากองทัพเพื่อหนีงานแต่งไม่ใช่หรอ? นี่คือการกลับ มางั้นเหรอ? ”

เสียงถูกแพร่กระจายออกไป ตามมาด้วยทุกคนรู้ว่าไม่มีหวัง อะไรแล้ว เขายังไม่ได้หย่ากัน พวกเขาไม่มีหวังอะไรแล้ว จึงได้ เดินออกไปจากงานเลี้ยงจนทั้งงานดูว่างเปล่า

“เทียนเจียง แกยังมีหน้าปรากฏตัวที่นี่อีกหรอ? ”

นิ้วชี้ข้างขวาของหลิวหลานชี้ไปที่เขาด้วยความสั่นเทา ผู้ชายที่ ไร้ความรับผิดชอบคนนี้ ยังกล้ากลับมาอีกงั้นเหรอ

“ถิงถิง ผมขอโทษ ในเมื่อผมเทียนเจียงตัดสินใจกลับมาแล้ว จะไม่ทำให้คุณเสียใจอีกเป็นอันขาดที่คุณมอบความรักให้กับ ผม”
ฮัวเหวินฮุยกับหลิวหลานอยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่กลับถูกตัว

จนถึงห้ามไว้ “คุณพ่อคุณแม่คะ ขึ้นไปข้างบนก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้เขาไม่ได้ ต้องรับผิดชอบแค่ตัวหนูคนเดียว”

ทั้งคู่รู้ดีอยู่แล้วว่าหมายถึงอีอี ตลอดมาเป็นเพราะไม่มีพ่อ จึงทำให้ถูกคนอื่นๆเยาะเย้ย ทั้งสองต่างคำนึงถึงเรื่องนี้มาโดย ตลอด จึงทำได้เพียงแค่สะบัดแขนเดินออกไปอย่างไม่พอใจ

ฉู่เทียนเจียงกลับขมวดคิ้วขึ้น อะไรคือไม่เพียงแต่เธอคนเดียว

หลังจากนั้นตัวจนถึงก็เดินก้าวไปทีละก้าว กำลังจะตัดความ สงสัยความคิดของเขาออกไป โดยเฉพาะหางตาของตัวจนถึงมี น้ำตาไหลรินไม่หยุด

ผู้ชายคนนี้ เธอเคยรักเขามาก ไม่อย่างนั้น คงไม่มีความ สัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาจนให้กำเนิดอีอีหรอก

“ฉัน………ให้อภัยคุณ มันเป็นเพราะเราสองคน…..…..

ในขณะที่ตัวจิ๋นถึงกำลังพูดอยู่ ก็ถูกใครบางคนพูดแทรกขึ้นมา ทันที

“โนๆๆ! ถึงถึง ฉู่เทียนเจียงได้ตกรอบไปแล้ว เข้าใจไหม? คนคนนี้ เป็นคนที่เธอเลือกจากรายชื่อเมื่อกี้ ตอนนี้สามีของเธอ คือเขา”

ฮัวจิ๋นถึงมองไปที่ตัวว่านถึงที่ขวางทางอยู่แวบหนึ่ง ด้วยความ รังเกียจขยะแขยง
“สามีของฉันเป็นใคร ไม่จําเป็นต้องให้ตัวว่านกงคนอย่างนาย มายกมือวาดเท้า สั่งการหรอกนะ”

ในขณะที่มีคนนอกอยู่ ตัวจนถึงกลับไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย อ้วว่านลงเองหน้าเสียไปในทันที จึงพูดขึ้นอย่างถูก

“เรียกแกว่าถึงถึงแกคงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครสินะ? กล้ามา พูดแบบนี้กับฉันงั้นเหรอ ฮัวจนถึง แกมันก็แค่หมูตัวหนึ่งที่คุณ เลี้ยงไว้เท่านั้นแหละ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ