บทที่11 ช่วยครั้งที่สอง
“ช่วยเธองั้นเหรอ?” เผยลี่เชินมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน ของตน ก่อนจะสบถเสียงเย็น “ไป่เสวีเอ๋อร์ หน้าเธอน มันหนาดีจริงๆ”
นิ้วเรียวยาวพยายามง้างริมฝีปากที่กัดแน่นของหญิง สาวอย่างรุนแรง ก่อนใบหน้าแสนเย็นชานั้นจะประคอง คนในอ้อมกอดออกไปจากที่นี่
เป็นเวลาเช้าตรู่ของอีกวันกว่าไป๋เสบู่เอ๋อร์จะฟื้นคืนสติ
แค่เพียงหันไปมองรอบตัวก็ทันเห็นเผยลี่เชินที่นั่ง ผ้าเช็ดตัวปิดส่วนล่างเดินออกมาจากห้องน้ำ กล้ามเนื้อ แปดแพคที่แข็งแรงยังคงเต็มไปด้วยหยดน้ำ ซึ่งความ เป็นจริงนั่นเป็นสิ่งที่น่าล่อใจมาก
เธอพึมพำกับตัวเมื่อรู้สึกใจเต้นแรงราวกับถูกเติมเต็ม
ชายหนุ่มอีกฝั่งที่เห็นเธอตื่นแล้วก็ไม่ได้มีสีหน้าตกใจ อะไร ดูเหมือนความชื้นของน้ำจะฝังลึกเข้าไปถึงดวงตา อีกคน ทำให้มันลึกลงไปอีกอย่างยากที่จะคาดเดา สายตานั่น
เขาทำเพียงแค่มองไปที่เตียงแค่แป๊ปเดียว ก้าวไป ข้างหน้าเทน้ำหนึ่งแก้ว แล้วเดินกลับมายื่นให้คนบน เตียงพร้อมสายตาที่เย็นชาเหมือนเดิม “ไป๋เสบู่เอ๋อร์ นี่เป็นรอบที่สองที่ฉันช่วยเธอ”
การที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอเผยลี่เชินเป็นคนแรก เธอก็ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่มันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
มองเห็นมือหนากำลังถือแก้วน้ำในมือ ไปเสวีเอ๋อร์ที่ ไม่รู้ตัวเรื่องปากตัวเองก็ไม่ได้ระวังเสียจนบังเอิญไป โดนแผลจนได้ เธอสูดหายใจเข้าออกแรงๆอีกครั้งก่อน จะเรียกสติกลับมา “เออใช่ แล้วจ้าวหยางหลินเป็นยังไง บ้าง?”
จริงๆเขาก็ไม่ได้คิดไปถึงว่าคำถามแรกของคนพึ่งตื่น ขึ้นมานี่จะเอ่ยถึงผู้ชายคนอื่น เผยลี่เชินว่างแก้วลงแทบ จะทันที สายตามองเธออย่างเย็นชา “ตายไปละ
“ว่าไงนะ?!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจ ว่าจะลุกขึ้นยืนตามอีกคนไปแต่ เรี่ยวแรงที่ไม่มีทำเอาล้มกลับไปที่เตียงเหมือนเดิม “ตอนนี้ตระกูลไป๋จะมีข่าวลบๆอีกไม่ได้แล้ว บอกฉันมา ตรงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวหยางหลินกันแน่?”
เรื่องไม่ดีจะต้องเกิดขึ้นเรื่อยๆต่อแน่ๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้น กับจ้าวหยางหลินเข้าจริงๆ เป็นข่าวขึ้นมาก็ไม่พ้นว่าเธอ จะต้องโดนกล่าวหาอีกแน่
มองเห็นท่าทีแบบนั้นของหญิงสาว เผยลี่เซินก็เผลอ ขมวดคิ้วมุ่น ประชดประชันออกไป “แต่ก่อนไป๋เจิ้งตง เคยบอกฉันไว้ ว่าลูกสาวของเขาไม่มีความสามารถในการทำธุรกิจ แต่ถ้าตอนนี้เขามาล่ะก็ ฉันคงต้องรีบไป ให้เขาเปลี่ยนคําพูด
ชายหนุ่มโน้มตัวลงก่อนจะใช้นิ้วของตนเชยคางหญิง สาวบังคับให้มองตน “ดูเหมือนว่าฉันจะดูถูกเธอมากเกิน ไปจริงๆ เรื่องเมื่อคืนฉันไม่น่าจะโผล่ไป ทำเอาธุรกิจ ใหญ่โตของคุณหนูไป่ล่มไม่เป็นท่า เมื่อคืนเป็นประธาน จ้าว คืนพรุ่งนี้เป็นใครดีล่ะ ประธานซุนงั้นเหรอ ไป๋เจิ้ง ตงบอกว่าเธอไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ แต่ฉันกลับรู้สึก ว่าการขายเนื้อหนังมังสาของตัวเองก็ดูช่ำชองดีนิ
“ปล่อยฉันนะ!” เธอขยับร่างกายพยายามให้พ้นมือ ของอีกคน พยายามดันเข่าให้ชนเข้าต้นขาอีกคน แต่ กลายเป็นไปโดนส่วนอื่นเข้าแทนเสียให้
เผยลี่เซินสบถอย่างไม่พอใจ สีหน้าดูเริ่มที่จะโกรธขึ้น มา “นี่เธอคิดจะทำอะไร? จะหนีงั้นเหรอ?”
การสัมผัสเข้าตรงนั้นที่เปลี่ยนไปของอีกคนทำเอาเธอ อดจะหน้าแดงไม่ได้ เธอรู้สึกว่ายิ่งเธอขยับมากขึ้นใน เวลานี้เรื่องที่แย่จะต้องแย่ลงเรื่อยแน่ๆ
แต่ไม่ใช่เพราะร่างกายของอีกคนที่เปลี่ยนไป แต่เป็น เธอต่างหาก…
กลัวว่าอีกคนจะจับได้เข้า เธอเหยียดร่างกายมองไป ที่เผยลี่เชินเล็กน้อยก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว “เผยลี่เชิน ฉันรู้ว่าคุณดูถูกสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้ แต่ตอนนี้แรง กดดันของตระกูลไป๋มันมากเสียเกินไป ถ้ายังจะเกิดเรื่องขึ้นอีก ฉันก็ไม่สามารถไปยื่นข้อเสนอใครได้อีก ถือว่าฉันขอร้องคุณ เรื่องที่เกิดขึ้นอย่าให้เป็นเรื่องเลย เถอะ”
“งั้นเหรอ?”
ไปเสว่เอ๋อร์ไม่มีอะไรมาต่อรอง เธอทําได้แค่ก๋ามือ แน่นผ่านผ้านวมผืนหนา ก้มหัวลงอย่างหมดหนทาง “ประธานเผย ฉันขอให้คุณช่วยสนับสนุน ขอแค่เรื่อง พวกนั้นไม่หลุดออกไป
จริงๆแล้วเธอเป็นคนที่อ่อนโยนทั้งนิสัยและการ
แสดงออก เสียงของเธอก็ดึงดูดให้เขารับฟังเช่นกัน
เขายกริมฝีปากก่อนจะโน้มศีรษะลงไปเพื่อที่จะจูบริม ฝีปากที่บอบช้ำนั่น ก่อนจะกัดเข้าริมฝีปากนั้นแผ่วเบา “ขอให้ฉันช่วยสนับสนุนเธองั้นเหรอ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เริ่มรู้สึกเจ็บที่ปาก ร่างกายสั่นเทิ้มไปทั่ว ครู่ ไม่ทันจะได้ต่อต้านริมฝีปากหนาก็ผละออกไปค่อยๆ จูบไล่ไปที่แก้มและไหปลาร้าไล่ความอุ่นร้อนของลม หายใจค่อยๆไล่ตามผิวกายเธอลงไปเรื่อยๆ
ไป๋เสบู่เอ๋อร์รู้สึกสะท้านไปทั้งตัว ราวกับมีไฟฟ้าช็อต หน้าอกเธอแล้วความชาไล่ไปทั่วร่างกาย “เผยลี่เชิน คุณทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง…
“ไป๋เสว่เอ๋อร์นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันจะให้ จะเอาไม่ เอา?”
เผย เชิมเงยหน้าขึ้น สีหน้าแสดงความต้องการเล็ก น้อย แต่ดวงตากลับมีความชั่วร้ายแฝงอยู่ในนั้น
เจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยถามส่ายหัวเรียกสติตัวเอง ก่อนที่ วินาทีต่อมาจะเอื้อมมือยึดไหล่หนาและยื่นตัวไปจูบตอบ กลับอีกคน
“เอา”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ