บทที่ 9 พ่อรูปหล่อ VSแฟนเก่า
เฉียวเมิ่งเยวหายใจเฮือก แล้วรีบลุกขึ้นไปเก็บเอกสารที่ กระจัดกระจาย
เมื่อโจว อหยางเห็นเข้าก็รีบมาช่วย
“ฉันช่วยนะ เสี่ยวเมิ่ง
“ไม่ต้อง ฉันจัดการเองได้” เฉียวเมิ่งเยวพูดอย่างเฉยเมย
“คุณคิดจะถอยห่างผมไปเรื่อยแบบนี้เหรอ?”
เฉียวเมิ่งเยว่หยุดเก็บเอกสาร แล้วพูดขึ้น : “แล้วยังไงหละ?
โจวจื่อหยางชะงักไปด้วยคำถามของเธอ ไม่รู้ว่าจะตอบกลับ
ยังไง
“เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด คำพูดที่เกี่ยว ชิงพูดมามันไม่ได้เป็นความจริงเลย
“เราเลิกกันแล้ว ตอนนี้คุณกับเยซึ่งเป็นแฟนกัน ไม่จำเป็นต้อง หยิบยกเรื่อง ในอดีตมาพูดอีก
เสี่ยวเมิ่ง เธอจำเป็นต้องใช้ถ้อยคำแบบนี้มาคุยกับฉันด้วย หรอ? เมื่อก่อนเธอก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้เธอก็ยังเป็นแบบนี้
เฉียวเมิ่งเยอ้าปาก กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
ฉันได้ยินเสียงที่คมชัดของเย่ชิงพูดว่า “เฉียวเมิ่งเยวี่เธอยังอับอายไม่พอหรอ มาเกลี้ยกล่อมแฟนของฉันในที่สาธารณะแบบ
ตอนนี้ เวลาช่วงพักดื่มชาก็ใกล้จะหมดลงแล้ว ผู้คนก็เริ่มพา กันเดินกลับเข้ามาแล้ว ความสนใจได้ถูกเย่ชิงดึงดูดมาทางนี้ สายตาทุกคู่มองมาทางเฉียวเพิ่งเขาอย่างสนใจ
เฉียวเมิ่งเยวรู้สึกได้ถึงสายตาของการนินทา ไม่ต้องการที่จะมี ส่วนร่วมในกิจกรรมที่น่าอับอายแบบนี้
แต่เมื่อเย่ชิงสบโอกาสที่จะทำให้เธออับอายแล้ว จะยอม ปล่อยเธอไปได้ยังไง
“ภายนอกก็ดูเป็นคนปกติดี คิดไปถึงเลยว่าจะกล้าทำเรื่องที่ได้ ยางอายแบบนี้! เธอคิดว่าคนอื่นเขาโง่กันหมดเลยหรอ?”
เฉียวเมิ่งเยว่เม้มปาก ลุกขึ้นยืน เตรียมที่จะปะทะกลับ ก็มีคนที่
เร็วกว่า
ไงกัน?” เสียงของเห้ออี้ล้วดังขึ้นจากด้านนอก
คู่หมั้นผมตาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปชอบผู้ชายแบบนี้ได้
ทุกคนหันไปตามที่มาของเสียง
เฉียวเพิ่งเยวก็ไม่ต่างกัน เธอมองไปทางต้นเสียงอย่าง
ประหลาดใจ
เห็นแค่เห้ออี้ตั๋วเดินเข้ามาจากกลางฝูงชน ให้อยตัวแววตายิ้มแย้ม แสงอาทิตย์สาดส่องลงที่ใบหน้าของเขา บนร่างเขาราวกับกำลังเรื่องแสง แพรวพราวราวกับว่าแสง อาทิตย์ทั้งหมดมารวมตัวอยู่ที่เขา ในพริบตา
ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาอย่างจรดอยู่บนร่างของเฉียวเมิ่งเยว่ เขาไม่ได้สนใจคนอื่นเลย
เมื่อเดินไปหยุดอยู่ข้างๆเฉียวเมิ่งเยว่ เขาก็เอื้อมมือออกไป ประคองเธอไว้
หลังจากนั้นก็ดึงเธอไปไว้ด้านหลัง
ดวงตาของเขามองเชิงอย่างเยือกเย็น “เมื่อกี้นี้คุณพูดว่า อะไร รบกวนคุณพูดใหม่อีกครั้ง
เมื่อเย่ชิงเห็นเห้ออี้ลัว ก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ร่างกายสั่นเทา โดยไม่ตั้งใจ
เมื่อโจวจื่อหยางมองเห็นเห้อวอย่างชัดเจน ก็จำได้แล้วว่า เขาก็คือผู้ชายคนที่อยู่ในลิฟต์กับเฉียวเมิ่งเยวที่โรงพยาบาล ไฟ โกรธในใจเขาได้ลุกขึ้น ถาม “คุณเป็นอะไรกับเสี่ยวเพิ่ง?”
เห้ออี้ถั่วเหลือบมองเขา “อายุยังน้อยก็หูตึงแล้วหรอ เมื่อผม ก็พูดขึ้นชัดเจนแล้วไม่ใช้หรอ?”
โจวจื่อหยางไม่รู้ว่าเห้ออี้ลัวจะพูดแบบนี้ ใช้เวลาไม่นานเขาก็ ตอบกลับ “เสี่ยวเมิ่งไม่มีทางไปชอบผู้ชายแบบนายแน่?
เห้ยจั่วไม่ปล่อยมือของเฉียวเมิ่งเยว่ เลยตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาก็ยิ้มออกมา “ผมเป็นคนแบบไหน? คุณรู้หรือไง? แล้วคุณหละมีแฟนที่สวยขนาดนี้แล้ว ไม่ดูแลดีๆ กลับ มาตอแยอะไรกับคู่หมั้นผมทำไม? แล้วยังมี พี่สาวคนนี้อีก คราว หลังจะพูดอะไรก็ให้สุภาพหน่อย ครั้งต่อไปถ้ามาพูดกับคู่หมั้น ของผมแบบนี้อีก อาจจะทำให้ผมอารมณ์เสียได้นะ”
พูดจบ เห้ออี้ถั่วก็จูงเฉียวเมิ่งเยว่เดินจากไป
เฉียวเมิ่งเยว่ ถูกเห้ออี้ถั่วพาขึ้นลิฟต์ไป
เห้ออี้ลัวกดไปที่ชั้นไหนซักชั้น เฉียวเมิ่งเยวดึงมือของตัวเอง กลับ “ฉันยังทํางานไม่เสร็จเลย”
“เธอพูดถึงเอกสารพวกนั้นหรอ? ผมให้คนไปจัดการแล้ว ให้ อลั่วหยุด แล้วพูดขึ้น “สองคนนั้น ฉันก็จะให้จนจัดการซะ
เฉียวเมิ่งเยวมองเห้ออี้ลัวอย่างงงๆ ไม่เข้าใจความหมายของ คำว่า “จัดการ” ที่เขาพูด
ในระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันลิฟต์หยุดลง
เห้ออี้ถั่วดึงเฉียวเมิ่งเยว่เขาไปในห้องชุด กดเฉียวเมิ่งเยวนั่ง ลงบนโซฟา “คุณพักผ่อนอยู่ในนี้ดีๆผมจะไปประชุมแล้วจะรีบ กลับมาทันที”
เห้อ ถั่วพูดจบก็เดินออกไป
ใกล้จะออกไปจากห้องแล้วเขาก็เดินกลับมาอีก
หยิบโทรฟฟท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วยืน ให้เลี้ยวเพิ่งเยว่ “ถ้าเบื่อก็เปิดคลิปเด็กน่ารำคาญของเสี่ยวเป่า มี ประวัติที่มีดมนของเขาอยู่ในนั้นด้วย
พูดจบ เห้ออี้ถั่วก็เดินกลับออกไป
ครั้งนี้เขาเดินออกไปโดยสิ้นเชิง
ในห้องชุดเงียบลงทันที
เฉียวเมิ่งเยว่ ค่อยๆก้มหัวลง และมองไปที่โทรศัพท์มือถือที่ยัง อุ่นในมือของเธอ
มือที่เหมือนมีสติของตัวเอง ปัดหน้าจอเบา ๆ
ใบหน้าที่บอบบางและมีเนื้อละเอียดของเสี่ยวเป่าก็ปรากฏบน หน้าจอทันที เธอมองไปที่หน้าจอด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาสีดำที่เปล่งประกายคู่นั้นคล้ายกับดวงตาของเรือว
มาก
มือของเฉียวเมิ่งเยว่ สัมผัสไปใบหน้าของเสียวเป่าช้าๆ
นึกถึงเรื่องเมื่อคราวก่อนที่เธอแยกกับเสี่ยวเป่าโดยไม่มีการ าลา ปลายนิ้วของเธอราวกับโดนลวก รีบสะดุ้งกลับมา
การสะดุ้งและหดมือของเธอทำให้เลื่อนข้ามไปภาพถัดไป นั่น รูปคู่ของเห้ออี้ลั่ว กับเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่านั่งอยู่บนตักของเห้อลั่ว ท่าทางราวกับเป็นรูปปั้น พระพุทธรูปองค์น้อยเลย คอเล็กยึดขึ้นมองเห้ออี้ถั่ว
เห้ออี้ลัวเองก็มองไปที่เขา
ภาพนั้นดูอบอุ่นมาก
เวลาที่อยู่กับเพื่อถั่ว ท่าทางที่เสี่ยวเป่าแสดงออกมาก็ดู เหมือนเด็กทั่วๆไป แสดงความขี้อ้อนกับเห้อ ถั่ว
สายตาของเฉียวเมิ่งเยว่หยุดอยู่ที่ใบหน้าของเรือมั่ว ในใจ
รู้สึกสั่นไหว
เขากุมข้อมือของเธอไว้ เธอยังจำได้
เฉียวเมิ่งเยว่ ลูบมือของตัวเองเบาๆอย่างไม่รู้ตัว
ความรู้สึกที่ได้รับการปกป้องนั้นค่อนข้างแปลกและมันทำให้ เธอรู้สึกดีจริงๆ
ในตอนที่เธอยังเป็นเด็กพ่อของเธอมักจะเดินทางไปทำงานที่
อื่นอยู่บ่อยๆ และพอไปก็เป็นเวลานาน
เธอและแม่ของเธอมักจะถูกทิ้งไว้ที่บ้านเป็นเวลานาน
แม่ของเธอเป็นผู้หญิงตัวน้อยที่ชอบขี้อ้อนมาก และรูปแบบ ของพวกเธอก็คือเธอปกป้องแม่ของเธอ
แม่ของเธอจะรับหน้าที่เป็นคนทำอาหารและเธอจะรับหน้าที่ เป็นคนดูแลทุกอย่างนอกเหนือจากนั้น
ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับการแก้ปัญหาทุกอย่าง ที่พบเจอด้วยตัว
เอง
ในช่วงที่โจวจื่อหยางอยู่ต่างประเทศแล้วบอกเลิกเธอ เธอก็ซื้อ ตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศเพื่อคุยกับเขาด้วยตัวเอง
เด็กอายุแค่สิบเก้า ที่ไม่เคยออกนอกประเทศ ครั้งแรกที่ไปต่าง ประเทศก็เพื่อตัดความสัมพันธ์
ในเวลานั้นเธอเศร้าและกลัว จนทำอะไรไม่ถูกและไม่มีที่พึ่งใน ต่างประเทศที่น่ากลัว เธอยังคงจําได้
ถ้าพูดตามความเป็นจริง เห้ออี้ชั่วคือคนผู้ชายคนแรกที่เวลา เธอเจอปัญหาแล้วเขาก็ดึงเธอไปไว้ด้านหลัง แล้วยืนอยู่ข้างหน้า เธอ
แต่ผู้ชายอย่างเห้ออลั่ว ทำไมถึงได้มาทำดีกับแพทย์ประจำ
บ้านที่ธรรมดาอย่างเธอหละ?
เขาพยายามจะทําอะไรกัน?
เธอไม่ต้องการที่จะไปคาดเดาจุดประสงค์ของเห้อลั่ว แต่เธอ ก็รู้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่มีเวลาว่างพอที่จะไปเสียกับเห้อ ว
ผู้ชายแบบเขาชอบผู้หญิงแบบไหนทำไมจะไม่มี เขาก็แค่กำลัง สนุกกับของใหม่เท่านั้นแหละ
เธอไม่ควรจะมองไม่เห็นตำแหน่งของตัวเอง เพียงเพราะเขา แสดงให้เห็นถึงอีกด้านที่แตกต่างจากที่คนอื่นเห็น
เมื่อคำนึงถึงสิ่งที่เฉียวเพิ่งเยว่ ก็วางโทรศัพท์มือถือในมือลง แล้วมองดูเวลา ก็พบว่าการสัมมนาใกล้จะจบลงแล้ว จากนั้นเขา จึงจัดเสื้อผ้าของตัวเองและออกจากห้องไป
ตอนที่อยู่ในลิฟต์ เฉียวเมิ่งเยวส่งข้อความวีแซทไปถึงหลินจื้อ
บอกเขาว่า เธอจะไปรอเขาที่รถ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ