บทที่ 8 กล้าดียังไงมารังแกคู่หมั้นผม
“แต่คุณนึกถึงฉัน ฉันก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วค่ะ ถ้าได้ร่วมงาน วิจัยกับคุณบ่อยๆ ฉันคงจะโดนพวกแพทย์ในโรงพยาบาลพากัน ค่าตายแต่ๆ”
หลินจื้อหัวเราะ “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะทำตัวให้ไม่ต้องเด่น มากหน่อย คุณกลับไปทำงานเถอะ ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจก็ถาม ผมได้เลย”
เฉียวเมิ่งเยว่กลับไปถึงห้องทำงาน เอานิตยสารที่ไม่ได้เปิด อ่านวางไว้บนโต๊ะ
โจว อหยางกับเย่ซึ่งก็เป็นแพทย์ด้านหลอดเลือดหัวใจและ หลอดเลือดสมอง การประชุมงานวิจัยครั้งนี้ต้องได้เจอพวกเขา
แน่
แต่แล้วยังไงหละ
เธอต้องการจะก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางนี้อย่างแท้จริง เป็น ไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าร่วมในการวิจัยนี้เพราะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ
พวกเขาอย่างง่ายดายแน่
เวลาดำเนินไปถึงวันพุธอย่างรวดเร็ว
เฉียวเมิ่งเยวก็ขับรถไปถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อตรวจ สอบความถูกต้องของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่จะต้องพูดใน ครั้งนี้กล้องถ่ายรูป และDV กับหลินจื้อแล้วถึงจะออกเดินทางไป
ที่งาน
มีเฉียวเมิ่งเยวขับรถของหลินจื้อ
รถโปโลของเธอนั้นถูกเกินไป ไม่เหมาะที่จะขับไปสถานที่ที่มี แต่รถยนต์หรูหราราคาหลักล้าน
ถ้าปกติขับโปโลคันเล็กไปไหนมาไหนนั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าใน สถานที่แบบนี้ระวังสักหน่อยจะดีกว่า
เมื่อมาถึงสถานที่จัดงานในเขตชานเมือง เฉียวเมิ่งเยวก็ปล่อย ให้หลินจื้อไปพักในห้องวีไอพีก่อน ส่วนตัวเองก็ไปทำหน้าที่ เตรียมการต่าง ๆ และติดต่อกับผู้จัดสถานที่และติดตามความคืบ หน้าของการประชุม
ถึงแม้ว่าจะเคยติดต่อแล้ว อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องปกติที่ การประชุมใหญ่แบบนี้จะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงกำหนดการ
พอพนักงานดูแลสถานที่เห็นว่าเฉียวเพิ่งเยว่กำลังเดินมา ก็พูด ขึ้น “หมอเฉียว คุณมาพอดีเลย ฉันมีเรื่องที่ต้องการคุยกับคุณ
“ค่ะ เชิญพูดได้เลย”
ก่อนหน้านี้เราคุยกันว่าพอศาสตราจารย์หลินบรรยายครับ สองชั่วโมง ก็สามารถพักได้เลย ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย มีการเพิ่มเวลาเข้ามาคุณคิดว่าจะได้ไหมคะ?”
“หัวข้อที่จะเพิ่มคืออะไรคะ ตารางเวลาของศาสตราจารย์หลิน นั้นกะทัดรัดมาก การบรรยายหลักสูตรในครั้งนี้เป็นภาษา อังกฤษทั้งหมด หลักสูตรสองชั่วโมงก็ถือว่ายืดเยื้อมากแล้วนะคะ ฉันคิดว่าศาสตราจารย์หลินต้องการการพักผ่อนในเวลานั้นค่ะ
“ค่ะ ดิฉันทราบค่ะ พนักงานมีสีหน้าลำบากใจ “ฉันได้รับแจ้ง มากะทันหัน ว่ามีแขกคนสำคัญจะเดินทางมา หลังจบการ บรรยายจะมีการจัดสัมมนาขึ้น ในฐานะที่ศาสตราจารย์หลินเป็น วิทยากรคนสำคัญหากไม่มีการเข้าร่วมทางเราก็ไม่สามารถแก้ไข ได้เหมือนกันค่ะ ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจนะคะ
ทางพนักงานเคยร่วมงานกับเฉียวเมิ่งเยวมาแล้วหลายครั้ง เห็นการทํางานของเฉียวเมิ่งเยวมาตลอด
ในบางกรณีเธอนั้นสามารถตัดสินใจได้โดยตรง เมื่อเทียบกับ แพทย์และผู้ช่วยรอบ ๆ ศาสตราจารย์คนอื่น
“ฉันคงต้องคุยกับศาสตราจารย์หลินก่อน จะให้ค่าตอบคุณ ครึ่งชั่วโมงก่อนจบการบรรยายนะ”
“ค่ะ” เมื่อพนักงานได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปแจ้งคนอื่นๆก่อนนะคะ”
เฉียวเมิ่งเยว่หยิบตารางเวลาและแผนภูมิเดินไปนั่งที่โซฟา ด้านข้าง หอประชุมแล้วเปิดดูอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วจำลองสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในหัว
ทันใดนั้นมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมา “ไอหยา นี่ไม่ใช่เพิ่งเมิ่งหรอก
เหรอ?”
ดวงตาเฉียวเมิ่งเยวขยับเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นก็เห็นเชิงกับโจ
วจื่อหยางเดินมาทางเธอ
เย่ชิงสวมชุดกระโปรงยาวสีแดง กับผ้าคลุมหนังสัตว์ตัวใหญ่
เส้นผมถูกดึงขึ้นไปมัดรวมกัน ประดับด้วยปิ่นปักผมประดับ
เพชร
ทั้งมีเสน่ห์และมีราคาแพง
โจวจื่อหยางที่ยืนข้างๆเธออยู่ในชุดสูทสีดำมือหนึ่งข้างถูกกุม ไว้ด้วยมือของเชิง และอีกข้างก็กระเป๋าใบเล็กของผู้หญิง ดู เหมือนจะเป็นมาตรฐานเดียวกับแฟน
“สวัสดี เย่ชิง โจวจื่อหยาง” เฉียวเมิ่งเยวขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็รวมอารมณ์ทั้งหมดแล้วกล่าวทักทายอย่างอัธยาศัยดี
เชิงนั่งลงข้างๆ เฉียวเมิ่งเยว่ มองดูเอกสารที่อยู่ในมือของ เธอ แล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ทำไมไม่ให้ผู้ช่วยของเธอดูหละ? โรงพยาบาลของเธอคงไม่แย่ถึงขั้นนี้หรอกจริงไหม เธอมาฟัง การบรรยาย แม่แต่ผู้ช่วยสักคนก็ไม่ให้มาด้วยหรอ?”
“ฉันมากับเพื่อนที่ทำงานด้วย จริงๆงานพวกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง ในหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ” เฉียวเมิ่งเยวขี้เกียจเกินจะใส่ใจกับ ถ้อยคำของเย่องและพูดอย่างถ่อมตน
พวกเย่ชิงคิดว่าเฉียวเมิ่งเยวจะอาย คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะไม่ ตอบกลับอะไรเลย พูดขึ้นอีก “ได้ยินว่าเธอไม่ได้เรียนปริญญา เอก ถ้าอย่างนั้นเธอคงจะทำงานมานานหลายปีแล้วสินะ ทำไม ถึงให้เธอมาทำหน้าที่ที่แม้แต่นักเรียนวิยาลัยยังทำได้หละ?”
“แน่นอนว่ามันไม่สามารถเทียบกับพวกเธอสองคนได้หรอก” เฉียวเมิ่งเยว่พูดไปด้วยดูนาฬิกาไปด้วย ไม่ต้องการเสียเวลากับ เย่ชิงและโจวจื่อหยาง “ใกล้เวลาแล้ว ฉันขอตัวไปคุยกับ ศาสตราจารย์ของโรงพยาบาลฉันเรื่องการบรรยายก่อนนะ แล้ว เจอกัน”
พูดจบ เฉียวเมิ่งเยวก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
จนกระทั่งเดินไปถึงที่ที่ไม่มีคน เฉียวเมิ่งเยวก็เนื้อตัวสั่นเท่า อย่างเสียการควบคุม
เธอยังคงประเมินอิทธิพลของโจวจื่อหยางกับเย่ชิงที่มีต่อเธอ
ต่ำไป
เชิงมองดูแผ่นหลังของเฉียวเมิ่งเยวที่เดินหายไป แววตาเต็ม ไปด้วยความไม่พอใจและความเกลียดชัง
หลังจากที่เธอรู้ว่าเฉียวเพิ่งเยวก็มาร่วมการบรรยายในครั้งนี้ ด้วย เธอก็คิดอยากจะเหยียบหยามเฉียวเมิ่งเยวต่อหน้าเธอ
เมื่อก่อนตอนอยู่ในโรงเรียนเฉียวเพิ่งเขาก็ดีกว่าเธอทุกอย่าง
เมื่อผู้คนพูดถึงมหาวิทยาลัยหนานเฟิง สิ่งแรกที่นึกถึงคือเดียว เมิ่งเยว่และอย่างที่สองก็คือเธอ
ตอนนี้ เมื่อเธอกลับมาจากต่างประเทศ ก็ได้เป็นถึงรองผู้ อำนวยการแพทย์ของโรงพยาบาลชื่อดังแล้ว
แต่เฉียวเมิ่งเยว่เป็นแพทย์ประจําบ้านของโรงพยาบาล ธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียง ถ้าอยากจะเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้ อ่านวยการแพทย์ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอีกห้าปี
ตั้งแต่เธอแย่งโจวจื่อหยางเธอจากไป เฉียวเมิ่งเยว่ก็ไม่เคย คิดจะมองหน้าเธอกับโจวจื่อหยางอีกเลย
เรื่องนี้ทำให้เยซึ่งไม่พอใจมาก มองดูการแต่งตัวที่ละเอียด อ่อนแล้วรู้สึกบิดเบือน
ในสายตาของโจวจื่อหยางมีแต่หน้าของเฉียวเมิ่งเยวมาตั้งแต่ ไหนแต่ไร มองแต่เฉียวเมิ่งเยวตั้งแต่ที่เธอปรากฏตัวจนกระทั่ง เธอจากไป ไม่มองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ความผิดหวังเพิ่มขึ้นใน ใจอย่างที่ไม่อาจบรรยายได้
การกระทำของพวกเขาทั้งสามคนอยู่ในสายตาของเห้อตั๋วที่ ยืนอยู่ริมหน้าหน้าต่างจากชั้นสามทั้งหมด
เห้ออี้วมองไปที่โจวจื่อหยาง ในดวงตาเปล่งประกายแสง
ความชั่วร้ายออกมา
ข่งชิวชิงที่ยืนอยู่ข้างเห้ออวยิ้มออกมา “ใครไปทำให้นายไม่ พอใจหรอ?”
“ถ้าเกิดว่ามีคนมารังแกภรรยานาย นายจะทำยังไง? ให้ออัล้วค่อยๆถามขึ้น
“ฉันไม่มีภรรยาสักหน่อย จะไปรู้ได้ยังไง?
เห้อ ลิ่วเบื่อที่จะสนใจเขา
เมื่อบ่งชีวซึ่งเห็นว่าเห้ออี้ล้วนั้นจริงจัง เขาจึงตอบกลับ: “ถ้า เกิดว่ามีคนมารังแกภรรยาฉันละก็ ฉันก็จะฆ่ามันทิ้งซะ!”
“ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
จู่ๆข่งชิวชิงก็เรียกสติคืนมา “พี่รอง พี่ไปมีภรรยาตั้งแต่เมื่อ ไหร่? ฉันยังไม่ได้รับการ์ดเชิญเลย?” “ในอนาคต” เห้อ ทั่วทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเดินจากไป
..
การบรรยายของหลินจื้อจบลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเฉียว เพิ่งเยวจะมีประสบการณ์ในด้านของหลอดเลือดหัวใจและหลอด เลือดสมองมาไม่น้อย แต่พื้นฐานทางทฤษฎีนั้นก็มั่นคง
ฟังหลินจื้อบรรยายแล้วก็ไม่รู้สึกยากอะไร กลับได้ประโยชน์
มากมาย
หลังจากจบการบรรยาย ด้านทางผู้จัดงานก็ได้เตรียมการพัก
ดื่มชาให้
ผู้เข้าร่วมการฟังบรรยายต่างก็ไปที่ห้องโถงเล็กใกล้ๆเพื่อดื่ม ขาหรือลงไปเดินเล่นในสวนกันหมด
เฉียวเมิ่งเยว่ก็ใช้เวลาในช่วง นี้จากเรียงเอกสารที่หลินจื้อเพิ่งบรรยายไปเมื่อกี้ และเรื่องที่ทุกคนได้คุยกันกับรูปภาพที่เธอได้ ถ่ายเก็บไว้ในระหว่างการบรรยาย
สถานที่จัดการบรรยายเป็นห้องประชุมขนาดกลาง ผนังห้อง ประชุมทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ขนาดใหญ่ บรรยากาศดีมาก
ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดหน้าต่างฝรั่งเศส
ลมกระโชกพัดมาทำให้เอกสารจำนวนมากกระจัดกระจายไป
ทั่วห้อง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ