King of Fighter

บทที่7 ฉงดื่มจนเมาแล้ว



บทที่7 ฉงดื่มจนเมาแล้ว

รอยยิ้มที่สดใสของเฉินหยาง เรียกได้ว่าคือความหวานนะ

ซูฉิงเห็นผู้ชายที่อบอุ่นคนนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีขึ้นมา รอยยิ้ม เล็กๆ ของเธอ จากนั้นก็เห็นรถBMWของเฉินหยาง ก็อดสงสัยขึ้น มาไม่ได้ พูดขึ้นว่า “รถคันนี้?”

ซูจึงไม่คิดว่าเฉินหยางจะมีเงินมาซื้อรถคันนี้ได้ คนที่มีเงินซื้อ รถBMWจะมาเช่าห้องราคาถูกสามร้อยต่อเดือนเหรอ?

เห็นได้ชัดว่าไม่ได้

เฉินหยางพูดขึ้น “นี่เป็นรถของเจ้าของบริษัทของพวกเรา ตอน นี้ผมขับรถให้เจ้านายนะมา พี่ฉิง ขึ้นรถ” เขาพูดจบก็เปิดประตู รถให้ฉิงอย่างคึกคัก

ประตูที่เปิดคือด้านหน้า เขาต้องให้ซูจึงนั่งข้างๆ ตัวเองเป็น เรื่องปกติ

ซูฉิงก็ขึ้นรถไป

จากนั้น เฉินหยางก็ขึ้นตาม แล้วเคลื่อนรถออกไป ซูฉิงรู้สึกคาดไม่ถึงเล็กๆ เดิมทีแล้วนายขับรถเป็นนี่?”

เฉินหยางหัวเราะ แล้วพูดขึ้น เมื่อก่อนผมเคยเป็นทหารนะ นี่ เรียนมาจากในหน่วยทหาร

ซูฉิ่งนึกได้ฉับพลัน
เฉินหยางพูดขึ้นอีก “พวกเราไปรับเสียวเสวก่อนดีไหม?” ซูฉิงพูดต่อ “ไม่ต้องแล้ว วันนี้วันศุกร์ เสี่ยวเสวถูกแม่ฉันรับไป แล้ว”

นี่กลับไม่แปลก วันสุดสัปดาห์ จึงต้องทำงาน ก็ไม่มีทางดูแล เสี่ยวเสว่ได้

เฉินหยางถามขึ้นอย่างสงสัย “พี่ฉิง พ่อแม่ของคุณเป็นคนเมือ งบิงไห่เหรอ? ”

ซูฉิงพูดขึ้น “ใช่สิ”

เฉินหยางพูดต่อ “งั้นทำไมคุณถึงไม่อยู่บ้านล่ะ ออกมาอยู่ข้าง นอกทําไม?”

แท้จริงแล้ว ซูฉิงอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ยากลำบาก

เฉินหยางถามจบ ริมฝีปากของซูฉิงก็เผยไปด้วยรอยยิ้มที่บ่ง

บอกถึงความยากลำบาก

เฉินหยางรีบพูดขึ้นอย่างใส่ใจทันที “หากว่าไม่สะดวกก็ไม่ ต้องพูดแล้ว”

ซูฉิงพูดขึ้น “ก็กลับไม่ได้มีอะไรพูดไม่ได้ วันนี้นายเองก็เห็น สามีเก่าของฉันแล้วใช่ไหม? ตอนแรกพ่อแม่ของฉันไม่เห็นด้วยที่ ฉันแต่งงานกับเขา แต่ว่าฉันก็ยังดื้อรั้นจะแต่ง ตอนนี้ฉันตกต่ำถึง ขั้นนี้ ก็ต้องโทษหัวสมองขี้เลื่อยของฉัน นี่คือกรรมที่ตามสนอง ฉัน ดังนั้น มีความยากลำบากอะไร ฉันก็ต้องแบกรับมันเอง”
เฉินหยางถอนหายใจเบาๆ พูดขึ้น “พ่อแม่จะโทษลูกตัวเองได้ อย่างไร คุณจะทำให้ตัวเองลำบากทำไม ผมเชื่อคุณพ่อแม่ไม่ โทษคุณหรอก”

ซูฉิงพูดต่อ “แต่ว่าฉันเองก็โทษตัวเอง ก็แบบนี้แหละ ฉันรู้สึก ว่าตอนนี้ก็ดีพอแล้ว”

ในขณะนั้นเฉินหยางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ซูฉิงก็พูดขึ้นอีก “ใช่สิ ฉันเคยพูดว่าจะเลี้ยงข้าวนาย นาย อยากกินอะไร? ”

เฉินหยางเม้มปากหัวเราะ พูดต่อ “พี่ฉิงคุณชอบกินอะไร ผมก็ อยากกินอันนั้น”

ซูฉิงหัวเราะชอบใจ จากนั้นก็ถามต่อ “ใช่แล้ว นายไม่ใช่คน

เมืองพิงไห่ใช่ไหม?”

เฉินหยางพูดตอบ “ผมไม่ใช่บ้านผมอยู่ในเขาพูดไปพี่ฉิงคุณ ก็ไม่รู้จัก”

“พ่อแม่นายล่ะ?” ซูฉิงถามต่อ

เฉินหยางตกตะลึงเล็กน้อย สายตาของเขาก็ซับซ้อนขึ้นมา

ปีนี้ เฉินหยางอายุยี่สิบสี่ปีเต็ม จากที่เขาจำความได้ ก็คือใช้ ชีวิตอยู่กับอาจารย์ในเขาที่ด้าซึ่งอ่านหนึ่ง

อาจารย์คือคนที่เลี้ยงดูเฉินหยาง และยังสอนกังฟูให้เฉินหยาง ตอนอายุสิบหกปีนั้น อาจารย์เป็นคนจัดการให้ตัวเขาไปทำภารกิจที่ต่างประเทศจากนั้น อาจารย์เองก็ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว ติดต่อไม่ได้อีกเลย

เฉินหยางตัดสินใจเข้าไปอยู่ในกองทหารรับจ้าง

ฝีมือความสามารถและความฉลาดของเขาก็โดดเด่นจนทำให้ เขาอยู่แนวหน้า แต่หลังจากนั้น พี่ใหญ่ในกองทหารรับจ้างนั้นทน เขาไม่ไหวอยากจะฆ่าเขา

เฉินหยางรู้สึกตัวได้ก่อน ก็หนีออกมา เขาโมโหอย่างมาก ก่อ ตั้งกองทหารรับจ้างหมาป่าเลือดกองทหารรับจ้างขึ้นมาด้วยตัว เอง

ใช้เวลาห้าปี กองทหารรับจ้างหมาป่าเลือดกองทหารรับจ้าง กลายเป็นกลุ่มระดับหนึ่งของนานาชาติ ราชาหมาป่าเฉินหยาง ก็ คือผู้ชนะสี่ทิศ

ส่วนพ่อแม่นั้น?

เป็นสิ่งที่เฉินหยางเลอะเลือนมากที่สุด เขาไม่รู้ว่าพ่อแม่ตัวเอง คือใคร เขารู้สึกว่าตัวเองคนที่ไม่มีรากฐาน

“ผมไม่มีพ่อแม่ แล้วก็ไม่มีญาติ เฉินหยางพูดขึ้น ในความทรง จําของผมเริ่มแรก ก็คืออาจารย์ของผมเลี้ยงดูผมมา แต่ตอนนี้ อาจารย์ของผมก็หายตัวไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

ซูฉิงตกตะลึง เดิมทีเธอก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองมืดมิดพอแล้ว แต่ เมื่อมาเทียบกับเฉินหยาง กลับเหมือนกับว่าไม่คุ้มกับการเอ่ยขึ้น อย่างไม่รู้ตัว ซูจึงรู้สึกว่าเฉินหยางทำให้เธอสนิทมากขึ้น
ภายในรถเต็มได้วยกลิ่นหอมที่ออกมาจากร่างกายของซูฉิง ความหอมแบบนี้ทำให้คนหลงใหล

ซูฉิงพูดขึ้น “ขอโทษ”

เฉินหยางเม้มปากหัวเราะ พูดขึ้น “ผมชินนานแล้ว

“งั้นหลังจากนี้มีแผนอะไรอยู่อีกไหม? เช่น หาเด็กสาวสร้าง ครอบครัวขึ้นมา?” ซูฉิงพูดขึ้น

เฉินหยางหัวเราะหึหึ พูดขึ้น “ผมก็กำลังแค่นี้ ไม่มีเงินไม่มีรถ ไม่มีบ้าน สาวที่ไหนจะมายอมแต่งงานกับผมล่ะ”

ซูฉิงพูดต่อ “นายอย่าพูดแบบนี้สิ นายเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยม จะ ต้องมีเด็กสาวดีๆ มาชอบนายแน่”

เฉินหยางหัวเราะชอบใจ พูดขึ้น “แล้วพี่ฉิงคุณล่ะ?”

พี่จึงตกตะลึง ใบหน้าก็แดงขึ้น พูดแค่ “นายเป็นน้องชายฉันไง

ฉันก็ต้องชอบนายสิ

เฉินหยางหัวเราะในใจ พี่ฉิงคนโง่ คุณคงยังไม่รู้ว่าน้องชาย คนนี้ดูคุณจนหมดทั้งตัวไปนานแล้ว

คำถามนี้ไม่เหมาะกับศึกษาพิจารณาอย่างลึกซึ้ง สุดท้ายแล้ว ทั้งสองคนก็หาร้านอาหารร้านหนึ่งเข้าไปนั่งลง

เฉินหยางกลับอยากจะดื่มเหล้าสักหน่อย มอมเหล้าซูฉิง จาก นั้นก็ดูว่าหลังจากที่เมาเหล้าจะเกิดเรื่องดีอะไรหรือไม่ แต่ว่านะ ซู

ฉิงไม่ให้ดื่มเหล้า บอกว่าเขาต้องขับรถ
สิ่งนี้เฉินหยางก็กลัดกลุ้ม ตำหนิอยู่ในใจเงียบๆ ดูแล้วครั้ง หน้าต้องไม่ขับรถมา

ในตอนที่เขากำลังสิ้นหวังนั้น อยู่ดีๆ ซูฉิงก็พูดขึ้น แต่ว่าพวก เราสั่งกับข้าวและเหล้าเอากลับไปได้

เฉินหยางดีใจขึ้นมาทันที

ในใจฉิงก็รู้ยากเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นเธอก็อยากดื่มเหล้า อยู่บ้าง

ทั้งสองคนสั่งอาหารกลับจากนั้น นิ่งก็ซื้อเหล้ามาหนึ่งขวด ยัง มีเบียร์ อีกสิบกระป๋อง

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ก็ขับรถกลับเข้ามาในบ้านของซูฉิง

ห้องเช่าที่ซูฉิงเช่าอยู่นั้นไม่ใหญ่มาก มีความระเกะระกะอยู่ บ้าง กลับไม่ได้เป็นระเบียบเรียบร้อย

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเฉินหยางเข้าไปก็เห็นชุดชั้นในอยู่บนเตียง เขามองไปตรงๆ ซูฉิงก็หน้าแดงแจ๋ขึ้นมาทันที รีบเอาของพวกนี้ เก็บของพวกนั้นเข้ามา ยัดเข้าไปในผ้าห่ม

“เมื่อเช้าตื่นสาย เก็บกวาดไม่ทัน ซูฉิง” อธิบายอย่างวุ่นวาย เฉินหยางหัวเราะหึหึ พูดต่อ “ของผมนั่นยิ่งระเกะระกะนะ จากนั้น สองคนก็เอากับข้าวและเหล้ามาวางไว้ แล้วดื่ม

ในใจของเฉินหยางตื่นเต้นนี้

ทุกครั้งที่ซูฉิงพูดว่าจะดื่มเหล้า เขาก็ไม่ห้าม
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินหยางกำลังคิดอยู่ หรือว่าซูฉิงก็ตั้งใจพูดว่า จะดื่มเหล้า ให้สองคนได้สร้างโอกาสล่ะ?

เอาตัวเองดื่มจนเมา ให้โอกาสกับคนอื่น!

ไม่นานนัก ซูฉิงก็หน้าแดงจัด ในตอนนั้นเองซูฉิงก็เหมือนจะดู น่ารักเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัด ราวกับเด็กน้อยแบบนั้น

ทั้งสองคนดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า สุดท้ายแล้ว ซูฉิงเมาเหล้าแล้ว จริงๆ

เฉินหยางกลับสติสัมปชัญญะเต็มเปี่ยมมากๆ เขาอุ้มชูนิ่งขึ้น เตียงในตอนนั้น ในใจก็ทั้งตื่นเต้นทั้งขัดแย้ง

“แม่งเอ๊ย ตกลงแล้วข้าเป็นสัตว์ป่า หรือสัตว์ป่าก็เทียบไม่ได้ นะ?” เฉินหยางบ่นพึมพำ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ