King of Fighter

บทที่3หัวหน้าควบคุมที่สวยและมุทะลุดุดัน



บทที่3หัวหน้าควบคุมที่สวยและมุทะลุดุดัน

ที่ทํางานของเฉินหยางคือบริษัทเครื่องสําอางYD ขนาดของ บริษัท YDไม่นับว่าใหญ่นัก แต่ว่าน้ำหอมหนึ่งในนั้นจำนวนที่ จําหน่ายออกไปไม่แย่นัก เงินทุนวิสาหกิจของบริษัทนี้ก็พุ่งไปถึง หนึ่งร้อยล้าน

แต่ว่าเมืองวิ่งไห่คือเมืองท่องเที่ยว ดังนั้นสำหรับในเมืองบึง ให ก็นับว่าเป็นบริษัทระดับกลางๆ

และยิ่งไปกว่านั้นเฉินหยางในบริษัท YDคือผู้รักษาความ ปลอดภัยคนหนึ่ง เรียกย่อๆ ว่ายาม

ที่อยู่ของบริษัทคือตึกใหญ่สูงตระหง่านตา

ตึกใหญ่มีทั้งหมดสี่ชั้น ถูกบริษัทYDเช่าทั้งหมด

หลังจากที่เฉินหยางมาถึงบริษัทตึกใหญ่ เขาก็ไปห้องพักของ ยามเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าในนั้น

“เชี่ย คุณเซีย ทำไมวันนี้เงียบขนาดนี้ ปกติแล้วพวกนายไม่ใช่ ขี้โม้จนแทบลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วเหรอ?” เฉินหยางยังไม่ทันได้ เดินเข้าไปในห้องพัก เสียงก็ลอยเข้ามาด้านในก่อน

คุณเซียคือหัวหน้ายาม การปฏิบัติตัวสง่างดงาม ไม่คิดเล็กคิด น้อย ดังนั้นความสัมพันธ์ดีกับทุกคนมากๆ

ในตอนนั้นเอง เมื่อเฉินหยางเข้าไปในห้องพัก ก็มองเห็นหัวหน้าควบคุมฝ่ายการขายอย่างจ้าวเสี่ยวหลุยสีหน้าเย็นชามอง มาที่ตัวเอง

“เชี่ยย ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว” เมื่อเฉินหยางเห็นจ้าวเสี่ยวหลุย เข้าใจทุกอย่าง

ยิ่งไปกว่านั้นคุณเซียและยามไม่กี่คนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ไม่กล้า

หายใจออกมาแรงๆ

สีหน้าของทุกคนก็คือเฉินหยางวันนี้นายน่าเวทนาแล้ว

จ้าวเสี่ยวหลุยใส่ชุดเดรสรัดรูปสีดำ รูปร่างที่สูงของเธอ แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้กับลูกค้าก็จะกระตือรือร้นแบบไม่มีที่สิ้นสุด กับ พนักงานชั้นล่างก็จะเย็นชาราวกับหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี

เฉินหยางและจ้าวเสี่ยวหลั่ยเคยทะเลาะกันมาก่อน เพียงเพราะ ว่าครั้งนั้นพวกคุณเซียคุยโม้เรื่องหุ่นของจ้าวเสี่ยวหลุ่ย เฉินหยาง เพื่อจะได้เข้าจังหวะกับทุกคน พูดไปประโยคหนึ่งว่าจ้าวเสียว หลุ่ยผู้หญิงคนนี้ก้นใหญ่ผลสุดท้ายนั้น ใครจะไปรู้ว่าจะถูกจ้าว เสี่ยวหลุยได้ยินเข้าพอดี

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็นับได้ว่าจ้าวเสี่ยวหลุยเกลียดเฉิน

หยางเข้าแล้ว

เฉินหยางก็รู้สึกว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรม พวก คุณเซียพวกนั้นพูดเกินไปมากกว่า อะไรจ้าวเสี่ยวหลุยไปนอนกับ ลูกค้าทำนองนั้น

ทำไมถึงเป็นตัวเองที่มาถูกได้ยินเข้า
แต่ว่า จ้าวเสี่ยวหลุ่ยแม้ว่าจะเป็นผู้นำ แต่กลับเป็นฝ่ายการ ขายควบคุมจัดการภายในฝ่ายผู้รักษาความปลอดภัยไม่ถึง

ดังนั้นจ้าวเสี่ยวหลุยจ้องเฉินหยางอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็มี งานย้ายของหนักๆ เหนื่อยๆ ก็มาหาเฉินหยางอย่างไม่ลังเลเลย สักนิด เฉินหยางมีแรงอยู่มาก กลับไม่ได้สนใจ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้น ในตอนนั้นเฉินหยางเอามือกันไป มา หัวเราะแห้งๆ “หัวหน้าจ้าวสวัสดีครับ วันนี้คุณสวยจริงๆ ทำไมถึงว่างมาเยี่ยมชมพวกเราในนี้ได้ล่ะ?”

จ้าวเสี่ยวหลุ่ยหัวเราะเสียงเย็นชา พูดขึ้น เฉินหยาง นายสาย ครึ่งชั่วโมงเต็มๆ นี่เป็นครั้งที่สามที่นายมาสายในเดือนนี้ ตาม กฎของบริษัท นายสามารถถูกไล่ออกได้

ในใจของเฉินหยางเต้นตุบๆ ครู่หนึ่ง คิดในใจเงียบๆ ผู้หญิง

คนนี้เหี้ยมโหดจริงๆ เดิมทีต้องข้ามาตลอด

คุณเซี่ยเห็นดังนั้นก็รีบออกมายืนไกล่เกลี่ย พูดขึ้น “หัวหน้า จ้าว คุณก็เห็นว่าเฉินหยางคนนี้ยังเป็นหนุ่มไม่รู้เรื่องรู้ราวนะ พวก เราให้โอกาสเขาอีกครั้ง มาสายควรหักเงินก็หักเถอะ

เฉินหยางเองก็พูดคล้อยตาม “ใช่สิ ใช่สิ

จ้าวเสี่ยวหลุยจ้องตามคุณเซียอย่างแรงๆ พูดขึ้น “หัวหน้าเซีย ฉันยังไม่ได้พูดถึงคุณนะ สองครั้งก่อนหน้านี้แยกเป็นสายสี่สิบ นาทีและอีกหนึ่งชั่วโมง ทำไมคุณถึงไม่ได้จดไว้? ฉันเห็นว่า ตำแหน่งหัวหน้านี้ก็ไม่อยากทําแล้วสิ
แม้ว่าคุณเซียเองก็เป็นหัวหน้าตำแหน่งเล็กๆ แต่เขาเองก็อายุ ห้าสิบกว่าแล้ว หางานนี้ได้ก็ไม่ง่ายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวเสี่ยว หลุยคือคนดังที่อยู่แนวหน้าของประธานหลินชิงเสว่ ดังนั้นเขาก็ ไม่กล้าต้องโทษกับจ้าวเสี่ยวหลุ่ย ทำได้แค่หุบปากลงเงียบๆ จาก นั้นก็มองไปที่เฉินหยางอย่างเบื่อหน่าย แสดงถึงเหตุสุดวิสัยไม่ อาจช่วยได้

เฉินหยางเอ่ยขึ้นอย่างหมดคำพูด “หัวหน้าจ้าว คุณพูดว่าคุณ เป็นหัวหน้าควบคุมของฝ่ายการขายคุณมาควบคุมเวลาเข้างาน ของพวกเรา นี่คงไม่เห็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลอยู่ในสายตาเลยเห รอ”

จ้าวเสี่ยวหลุยพูดขึ้นเสียงเย็น “คุณว่าฉันยุ่งเรื่องคนอื่นไปทั่ว เหรอ?”

เฉินหยางถอนหายใจออกมา พูดขึ้น “โอ๊ยย คำนี้คุณพูดมา

เองนะ”

จ้าวเสี่ยวหลุยอดไม่ได้ที่จะโมโหจนหน้าซีดเซียว ไอ้ยามหมา น่าโง่ตัวน้อยๆ นี่ ห้าวหาญไม่รู้ฟ้าดินเกินไปแล้ว กล้ามองข้าม ความน่าเกรงขาม จ้าวเสี่ยวหลุยกัดฟันพูดขึ้น “นายรอก่อนเถอะ ฉันจะไปหาฝ่ายบุคคลเดี๋ยวนี้แหละ

เธอพูดจบก็ออกไป

เมื่อออกจากห้องพักได้ จากนั้นก็มีเสียงของเฉินหยางลอยเข้า

“เดี๋ยวก่อน! ”
จ้าวเสี่ยวหลุยยิ้มอย่างเย็นชาภายในใจ เธอหยุดก้าวเดิน พูด ในใจเบาๆ “ไอ้เลว ในที่สุดก็รู้จักกลัวแล้วสินะ จะขอให้ยกโทษ สินะ? เฮอะ ไม่ว่านายจะขอร้องอย่างไร ก็จะไม่ปล่อยนายไป

เธอหันหัวกลับไปมองทางเฉินหยาง เธออยากจะเห็นสีหน้าที่ ยอมแพ้ของเฉินหยาง

คิดไม่ถึงว่าเฉินหยางจะพูดอย่างครุ่นคิดว่า “หัวหน้าจ้าว กระดุมของคุณแตกออกแล้ว

จ้าวเสี่ยวหลุยรู้สึกตัวแล้วมองไปยังด้านล่างทันที

จ้าวเสี่ยวหลุยอดไม่ได้ร้องออกมา ใบหน้าแดงขึ้น เธอรีบ หมุนตัวเดินออกไป ติดกระดุมเข้าโดยเร็ว

และในตอนนั้น เฉินหยางก็พูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “หัวหน้าจ้าว คุณไล่ผมออกจริงๆ งั้นต่อจากนี้คุณทรมานผมไม่ได้แล้วนะ? ยัง ไงแล้วงานผมไปหางานยามข้างนอกก็ไม่ยากนัก แต่คุณก็ไม่ได้ เป็นหัวหน้าของผมอีกแล้ว

จ้าวเสี่ยวหลุ่ยรีบหยุดกึกทันที แล้วพูดในใจ “ใช่สิ งานยามนี้ ไม่ใช่ตำแหน่งที่มีค่าตอบแทนสูง ไม่ได้ไล่เขาออกไม่ได้ ต้อง ค่อยๆ ทรมานนายคนนี้ไปก่อน

เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวเสี่ยวหลุยหันหัวกลับไปพูดแรงๆ “ฉันจะ ทำอย่างไร ไม่จำเป็นต้องให้นายมาสอน” พูดจบก็เดินขึ้นไปทาง เดิน

เธอเดินอย่างรีบร้อน เมื่อเท้าพลิก แล้วก็ลื่นไปอีก กรีดร้องขึ้นมาทันที ล้มลงไปหน้าไกล

พื้นที่นี่เป็นหินอ่อนที่เกลี้ยงเกลา เมื่อได้ล้มลงไปครั้งนี้ก็คือ หนักอยู่บ้าง

และในตอนนั้นเอง จ้าวเสี่ยวหลุยแค่รู้สึกว่าร่างตรงหน้าพริบ ตาเดียว

ต่อจากที่ตัวเองล้มลงไปบนตัวของคนคนหนึ่ง คนคนนั้นก็คือเฉินหยางอย่างแน่นอน จ้าวเสี่ยวหลยอดไม่ได้ หน้าแดงจนถึงกกหู

เฉินหยางรีบพูดอย่างพูดไปอย่างซื่อสัตย์จริง “พี่เสี่ยวหลุย ผม ไม่เป็นไร ผมไม่เจ็บ”

คุณสมบัติที่แท้จริงของการอาศัยประโยชน์ก็เริ่มออกมาแล้ว

จ้าวเสี่ยวหล่ยก็โทษเฉินหยางไม่ได้เป็นธรรมดา ในเมื่อเขาก็ ช่วยตัวเธอเอง เฉินหยางก็รีบจ้องแรงๆ ไปทันที รีบพลิกตัวขึ้นยืน ทันที

เฉินหยางรีบลุกขึ้นตามทันที บนตัวของเขายังมีกลิ่นหอมของ จ้าวเสี่ยวหลีย รสชาติแบบนี้ทำให้คนคิดถึงได้จริงๆ สินะ!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ