บทที่ 7 เยี่ยมเรือนจํา
บทที่ 7 เยี่ยมเรือนจํา
เฉียวสวนโส้นิ่งเงียบไม่พูดจา
สตาร์ทรถ เหยียบคันเร่ง แล้วขับออกจากบ้านเฉียวไป
ระหว่างทาง ป้ายโร่ซีเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด ทั้งที่กระจก ข้างรถก็เปิดอยู่ ทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อย แต่เธอก็ ไม่สามารถควบคุมหัวใจตัวเองได้ เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ประหม่าจนเหงื่อไหลออกมือ
ตั้งแต่เธอโตมานี่เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่กับเฉียวสวนใส้ใน พื้นที่เล็กๆเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ด้วยกลัวว่าความในใจของตนจะรั่วไหลออกมา
รถหยุดที่หน้าอาคารทหารแห่งหนึ่ง ป้ายโร่ซีขมวดคิ้ว รีบร้อนปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วเปิดประตูลงจากรถ
อาคารตรงหน้าคือเรือนจำที่แม่ของเธอถูกคุมขังไว้
เนื่องจากเหตุการณ์ร้ายแรงมาก ก่อนที่จะมีการ พิจารณาคดี นอกจากทนายความแล้ว คนอื่นไม่ได้รับ อนุญาตให้เข้าพบ
หมดหนทาง เธอเองก็ยังไม่เคยได้เข้าพบแม่
ป้ายโร่ หันไปมองเฉียวสวนใส้ที่ลงมาจากอีกฝั่งของรถ ด้วยความสงสัย เห็นแค่เขาเดินมายืนข้างๆ แล้วหยิบมือ ถือขึ้นมาโทรออกไป
สองนาทีต่อมา ทหารติดอาวุธนายหนึ่งก็เปิดประตูออก มา โค้งคำนับเฉียวสวนใส้
ป่ายโร่ซียืนอึ้ง
ในตอนที่เธอคิดว่าอำนาจอันน่าเกรงขามตรงหน้าไม่อาจ ละเมิดได้นั้น กลับเป็นเรื่องง่ายดายเมื่ออยู่ในกำมือของ เฉียวสวนโส้ เพียงแค่การโทรศัพท์เท่านั้น
ในตอนนี้ ใจที่เต็มไปด้วยความชื่นชมก็เต้นถี่ขึ้นอีกครั้ง
เธอเดินตามเฉียวสวนโส้ไปอย่างสงบเสงี่ยม ผ่านประตู เหล็กหลายบานโดยไม่มีใครขัดขวาง มาถึงห้องพบญาติ
นาทีที่ป่ายโร่ซีเดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นแม่ของเธอรอ พวกเขาอยู่นานแล้ว
ใบหน้าที่สับสนยังไม่อาจซ่อนอารมณ์ที่ละเอียดอ่อนได้ ดวงตาของเธอขุ่นมัว รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความรัก
“แม่…” ป๋ายโร่ซีกลั้นน้ำตาไว้ วิ่งเข้าไปโผกอดใส่อัน เสี่ยว
อันเสี่ยวเองก็ตาชื้น พูดกระซิบด้วยน้ำเสียงติดขัด “โร่ซี ลูกเข้ามาได้ยังไง?”
ป่ายโร่ซีกระพริบตา กลืนน้ำตาลงท้อง รีบเดินออกจาก แม่ของเธอ เธอไม่ได้มาเพื่อระลึกถึงอดีต “แม่คะ พี่สาม พาหนูเข้ามา”
อันเสี่ยวก้มหน้าลงแล้วแอบเช็ดน้ำใสๆออกจากตา ผืน ยิ้มเบาๆแล้วมองไปที่ประตู
เฉียวสวนโส้เดินเข้ามาช้าๆ แววตาอบอุ่น น้ำเสียงก็ เปลี่ยนไปจากความเย็นชาที่เคยมี กลายเป็นความอ่อน โยน แม่ สบายดีไหมครับ?”
อันเสี่ยวส่งยิ้มให้ “ค่อนข้างดีเลยจ่ะ คนที่นี่ดูแลแม่ดีมาก แม่อยู่ที่นี่แทบจะเหมือนราชินี กินกับนอน ไม่ต้องทำอะไร เลย”
ป้ายโร่ซีตะลึงงัน ประหลาดใจมาก
เธอหันกลับไปมองเฉียวสวนโส้ เห็นเพียงท่าทีของชาย หนุ่มที่แตกต่างจากตอนอยู่กับเธออย่างสิ้นเชิง
“นั่งลงคุยกันดีกว่าครับ” เฉียวสวนโม้ผายมือเชิญ ด้วย ความเคารพอย่างมาก
ป้ายโร่ซีรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แม้ว่าชายคนนี้จะเกลียดเธอ แต่อย่างน้อยก็ยังเคารพแม่ของเธอ และไม่มองข้ามความ รักของแม่ทั้งหมดที่แม่เธอมอบให้กับพวกเขาสามพี่น้อง
อันเสี่ยวนั่งตรงข้ามพวกเธอ ป้ายโร่ซีกับเฉียวสวนโส้นั่ง ข้างกัน
แม้ว่าจะเศร้าใจมาก แต่ใบหน้าของอันเสียวก็พยายาม ยิ้มอย่างร่าเริง แล้วค่อยๆพูดว่า “สวนโส้ ลูกไม่ต้องให้ สิทธิพิเศษอะไรแม่แล้ว แบบนี้มันจะดูไม่ดีเอา
ป้ายโร่ซีสีหน้างุนงง
เฉียวสวนไส้ยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่ใช่สิทธิพิเศษอะไรหรอก ครับ”
“แม้แต่พวกทหารยามก็ก้มหัวและโค้งคำนับเมื่อเจอแม่ แม่เหมือนคนติดคุกตรงไหน? เหมือนมาเสวยสุขมากกว่า ทำเอานักโทษคนอื่นคิดว่าแม่เป็นราชายมบาลกลัวกันใหญ่”
เฉียวสวนโส้เม้มริมฝีปาก เลื่อนตาลงไม่ส่งเสียงอะไร
ป้ายโร่ซีรีบกุมมืออันเสี่ยว “แม่คะ อย่าพึ่งพูดเรื่องพวกนี้ เลย แม่เล่าเหตุการณ์ให้พี่สามฟังเถอะ แล้วยัง….
“เขามาหาแม่ครั้งที่แล้วก็เล่า….” อันเสี่ยวกล่าว
“อะแฮ่ม!”
เฉียวสวนโส้รู้สึกสำลักจึงกระแอมเล็กน้อย ขัดจังหวะคำ พูดของอันเสี่ยว
ป๋ายโร่ซึมองไปที่เฉียวสวนโส้ด้วยความสงสัย
เธออ้อนวอนขอร้องเขาอย่างหนัก ที่แท้เขาแค่ทำเหมือน เธอเป็นลิงค่าง? ไหนบอกว่าไม่สนใจ? ทำไมต้องวางกับ ดักเธอ?
“แม่ครับ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเถอะ!” น้ำเสียง เรียบๆของ เฉียวสวนโส้ดูร้อนรน
อันเสี่ยวรู้สึกว่าเฉียวสวนโส้ดูแปลกไป แต่ก็ไม่ลำบาก อะไรที่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
“วันนั้นคุณน้ารองของลูกชวนแม่ไปร้านเสริมสวย แม่ คิดว่าหลังจากนี้ลูกก็จะแต่งงานกับหยิ่นรุ่ยแล้ว เธอก็จะ มาเป็นลูกสะใภ้แม่ อยากจะสนิทกันไว้ แม่เลยชวนเธอไป ด้วย พวกเราสามคนไปร้านเสริมสวย พวกเรากินอาหาร กลางวันกันข้างนอก ช้อปปิ้ง ประมาณบ่ายสามโมง หยิ่ นร่ยบอกว่าอยากเรียนทําขนมเค้ก พอดีว่าคุณน้ารองของ ลูกก็เก่งด้านนี้ พวกเราเลยไปทำเค้กด้วยกันที่เป่ยย่วน”
“วันนั้นลุงรองของลูกกับลูกสาวเขาไม่อยู่บ้าน คนรับ ใช้สองคนในบ้านก็กำลังทำความสะอาดสระว่ายน้ำบน ดาดฟ้า พวกเราทำเค้กเสร็จ ก็นั่งดื่มชายามบ่ายอยู่ด้วย กัน พอใกล้ค่ำ หยิ่นรุ่ยก็กลับไปก่อน จากนั้นแม่ก็กลับ หนานย่วน … แต่ไม่นึกว่าไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แม่ก็ได้ยิน เสียงหวอจากรถพยาบาลกับรถตำรวจ วันรุ่งขึ้นตำรวจก็ มาจับแม่”
ป้ายโร่ ขมวดคิ้ว “กล้องล่ะ? ห้องครัวมีกล้องวงจรปิด…
“ตำรวจบอกว่าวันนั้นระบบกล้องวงจรปิดทั้งหมดของ บ้านเฉียวขัดข้องพอดี แล้วเสื้อโค้ทกับโทรศัพท์มือถือแม่ ก็ลืมเอากลับมาบ้าน
“ทําไมมีดผลไม้ที่เสียบหัวใจคุณน้ารองถึงมีรอยนิ้วมือ แม่?”
อันเสี่ยวส่ายหัว พลางถอนหายใจ “เฮ้อ นี่มันพลาดจริงๆ ในวันนั้นแม่รับหน้าที่ปอกผลไม้ บนมืดแน่นอนว่าต้องมี รอยนิ้วมือแม่”
ป่ายโร่ กุมหัว คว่ำหน้าลงกับโต๊ะอย่างไม่เป็นสุข เธอ ตอนนี้เกลียดตัวเองที่ฉลาดไม่พอ ยิ่งใจร้อนรนความคิดก็ ยิ่งสับสน
เฉียวสวนโส้พูดออกมาอย่างแผ่วเบา “ที่สำคัญกว่า นั้นคือที่เล็บของคุณน้ารองมีเส้นผมของแม่อยู่ ผล DNAยืนยันแล้ว”
อันเสี่ยวพยักหน้า พูดอย่างสงบ “นี่เป็นการใส่ความโดย เจตนา แม่ต้องรับโทษไม่เป็นไร สงสารก็แต่คุณน้ารอง ของลูกยังสาวอยู่แท้ๆไม่น่าเลย ฆาตกรบ้าคลั่งคนนี้จะ ต้องได้รับผลกรรม”
“หยิ่นรุ่ยสามารถเป็นพยานให้แม่ได้ไหม?” ป้ายโร่ซีมอง ไปที่เฉียวสวนใส้ ส่งสายตาวิงวอน
“ทำไมถามฉันล่ะ?” เฉียวสวนโส้เลิกคิ้วเล็กน้อย ใบหน้า อึมครึม
ป้ายโร่ซีถูกปรามด้วยออร่าเย็นชาของชายหนุ่ม จึงได้ แต่พึมพำในใจ เพราะหยิ่นรุ่ยเป็นคู่หมั้นของพี่ไง
อันเสี่ยวหลายบรรยากาศที่เย็นยะเยือกนี้ลง “ไม่ได้ หรอก หยิ่นรุ่ยกลับไปก่อนแม่ แม่ยืนยันได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ ในที่เกิดเหตุ แต่เธอจะยืนยันไม่ได้ว่าแม่ไม่ได้ฆ่าคน
ป้ายโร่ สูดหายใจเข้าลึก ค่อยๆหลับตาลง สมอง ทบทวนสิ่งที่แม่พูดไปเมื่อครู่ ประหลาดใจขึ้นกะทันหัน ตบสองมือลงบนโต๊ะด้วยความดีใจ “แม่คะ หนูเจอช่อง โหว่แล้ว…”
อันเสี่ยวถูกเสียงตบโต๊ะด้วยความดีใจของเธอทำให้ ตกใจ ยกมือกุมหน้าอก แล้วมองเธอด้วยความสงสัย
ดวงตาสีสําคมกริบของเฉียวสวนโส้มองเธออย่างคาด
หวัง
“คนรับใช้ วันนั้นคนรับใช้สองคนกำลังล้างสระว่ายน้ำ บนดาดฟ้าใช่ไหม?”
“ใช่จ่ะ” อันเสี่ยวพยักหน้า
ป้ายโร่ ตื่นเต้นมาก ดวงตาเปล่งประกายด้วยความหวัง “จริงๆแล้วเป็นเรื่องปกติมากที่คนรับใช้สองคนจะล้างสระ ว่ายน้ำ แต่หนูอาศัยอยู่ในบ้านเฉียวมาสิบกว่าปีที่หนูจำได้คือคุณน้ารองเกลียดคนรับใช้ที่สุมหัวกันที่สุด เธอบอกว่าทำงานไปคุยไปจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการ ทำงาน สระว่ายน้ำเดิมทีก็ล้างไม่ยาก เป็นไปไม่ได้ที่คุณ น้ารองจะให้ไปทำด้วยกันสองคน”
อันเสี่ยวเองยังไม่รู้ว่าน้องสะใภ้ของเธอมีนิสัยเช่นนั้น
แววตาของเฉียวสวนโส้มีความประทับใจแวบเข้ามา มุม ปากของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย ออกอาการกลั้นยิ้มไว้ไม่
อยู่
ป้ายโร่ชีวิเคราะห์อย่างจริงจังต่อ “พวกเราหาคำตอบได้ ว่าคนรับใช้สองคนทำไมวันนั้นต้องทำงานด้วยกันอย่าง ผิดปกติ แล้วคุณน้ารองก็อยู่บ้านด้วย พวกเขาไม่กลัวโดน ดุหรอ?”
อันเสี่ยวและเฉียวสวนโส้ต่างนิ่งเงียบ
ป้ายโร่ซีลนลานเล็กน้อย กลัวว่าตัวเองจะพูดจาไร้สาระ มองแม่อย่างไม่แน่ใจ แล้วก็มองไปที่เฉียวสวนโส้
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉียวสวนโส้ก็ยืนขึ้น “แม่ครับ พวกเรา ขอตัวกลับก่อน ครั้งหน้าจะมารับแม่กลับบ้าน”
อันเสี่ยวจิตใจสดชื่น พยักหน้ารับอย่างสบายใจ “จ่ะ”
ป้ายโร่ ยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ชายหนุ่มก็จับฝ่ามือ เธอทันที “ไปกันเถอะ”
อุณหภูมิที่อบอุ่น สัมผัสที่หยาบกร้านแต่แข็งแกร่ง ราวกับกระแสไฟฟ้าที่แผ่จากมือเธอกระจายไปทั่วตัว ทำเอาใจเธอละลาย
สมองว่างเปล่า ลืมกระทั่งบอกลาแม่ เธอถูกลากออก จากห้องไปอย่างรวดเร็ว
กลัวว่าถ้าเดินช้า อุ้งมือใหญ่นี้จะปล่อยเธอ เธอจึงเพิ่ม ความเร็ววิ่งเหยาะๆตามเขา รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นจนแทบ จะระเบิด
เมื่อเดินถึงประตูเหล็กบานที่สอง เขาก็ปล่อยมือเธอ ความรู้สึกสูญเสียเกิดขึ้นเต็มหัวใจของป๋ายโร่ซี ดูเหมือน มันจะเป็นแค่การเล่นละครให้แม่เธอดูเท่านั้น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ