I have a crush on you

บทที่ 15 ชั่วนิจนิรันดร์



บทที่ 15 ชั่วนิจนิรันดร์

บทที่ 15 ชั่วนิจนิรันดร์

เฉียวสวนโส้จ้องมองหญิงสาวบนรถด้วยสีหน้าที่สลัว และเย็นชา โดยไม่พูดอะไรสักคำ

หลังจากขึ้นรถมาแล้ว หยิ่นรุ่ยวางฝ่ามือลงบนมือของ เขาทันที และขอร้องเสียงต่ำา : “สวนใส้ ขอโทษนะขอโทษ พาฉันไปด้วยได้ไหม?”

หยิ่นรุ่ย รู้สึกได้ถึงออร่าที่เย็นชาและน่ากลัวภายในรถ ความโกรธของชายหนุ่มปกคลุมไปทั่วทั้งคัน

เธอไม่รู้ว่าทำไมเฉียวสวนโส้ ถึงได้จอดรถไว้ที่นี่ และ ไม่รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงโกรธขนาดนี้ แต่ว่าเธอต้องการ ให้การแสดงนี้จบลงได้แล้ว

“ลงไป” คำพูดของเฉียวสวนโส้ เย็นเยียบราวกับออกมา จากโรงเก็บน้าแข็ง

แม้แต่ซิงเฉินที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับยังรีบหันหน้ามา ขยิบตาให้ หยิ่นรุ่ย และกระซิบโน้มน้าวว่า : “คุณหมิ่น รีบ ลงจากรถเถอะ”

หยิ่นรุ่ย เหลือบมองไปยังป้ายโร่ซี ที่ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าของตึก แล้วกัดฟัน สะกดกลั้นความโกรธเอาไว้พร้อม กับถามเฉียวสวนโส้ อย่างสงสัยว่า “คุณมาหาโร่ซึ สินะ? พวกเรากำลังจะแต่งงานกันแล้ว ทำไมถึงยังมาตามพัวพัน หล่อนแบบนี้อีก?”

ซิงเฉิน ตื่นตกใจ นิ้วมือมาอยู่ตรงด้านหน้าปาก “ชูวๆ”

หยิ่นรุ่ย โกรธจนสีหน้าถอดสี แล้วพุ่งไปแผดเสียงใส่ซิง เฉิน : “ไม่ต้องมาช่ว

ซิงเฉินตกใจแล้วหันกลับไปที่พวงมาลัยตรงหน้าทันที และทํางานอย่างสงบไม่แทรกแซงอีกต่อไป

หยิ่นรุ่ย หันไปมองทางเฉียวสวนโส้ อีกครั้ง แล้วพบว่า สีหน้าของชายหนุ่มนั้นเลวร้ายมาก ทั้งหม่นมืดและเย็นชา

จนน่ากลัว

เธอเองก็กังวลมากจนเหงื่อออกที่มือ ตอนนี้เป็น สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอไม่รู้ว่าทำไม เฉียวสวนโส้ ถึงได้โกรธมากขนาดนี้ แต่มันไม่ใช่เพราะ เธออย่างแน่นอน

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยิ่นรุ่ยลองเสี่ยงดวงเอ่ยว่า : “ป๋ายโร่ ซีกวนโมโหคุณ?”

เฉียวสวนโส้ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ และหลับตาลงช้าๆก่อนจะพูดคำที่เย็นเยียบออกมาจากช่องระหว่างฟัน : “ไป

ให้พ้น”

หยิ่นรุ่ย กลืนน้ำลายอย่างรวดเร็ว แล้วย้ายตำแหน่ง แทนที่จะลงจากรถ ตรงกันข้ามกลับนั่งตัวตรง แล้วเอ่ย ประชดประชัน : “ความโกรธของคุณเกิดขึ้นโดยไม่ สามารถอธิบายได้ ดูแล้วคงจะมีแต่ป่ายโร่ซี ที่ทำได้ ฉัน เดาว่าเขาใกล้จะกลับมาแล้วใช่ไหม?”

ชายหนุ่มหลับตาและเอนกายพัก แต่มือ ต้นขากลาย เป็นกำปั้นอย่างอดไม่ไหว เส้นเลือดที่หลังมือปรากฏชัด บรรยากาศหนาวเย็นกำลังก่อตัว

เมื่อรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่ม มุมปาก ของหยิ่นรุ่ยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะจางๆ น้ำเสียงอ่อนลง แล้วเอ่ยกระซิบว่า : “โร่ซี เพิ่งจะบอกกับฉันว่าหวงว่างาน แต่งงานของเราจะจัดขึ้นเร็วนี้ อย่างนี้แล้วเขาจะได้กลับ จากต่างประเทศเพื่อมาร่วมงานแต่งงานเร็วหน่อย โร่ซีเอง ก็น่าสงสารมากๆเลยนะคะ ผู้ชายที่รักจากไปปีกว่าแล้ว เป็นความทุกข์ของรักทางไกล…

“พูดพอหรือยัง?” ทันใดนั้นเฉียวสวนโส้ก็พ่นคำที่เย็นชา ราวกับน้ำค้างแข็งออกมา ใบหน้าของเขานั้นหม่นมืดยิ่ง กว่าเดิม

“คุณกลัวอะไรเหอคะ?” หยิ่นรุ่ยฮึมฮัมเสียงหัวเราะเยาะ : “เหอะๆ ดูเหมือนคุณจะกลัวว่าเขาจะกลับมาจริงๆ”

เส้นเลือดสีเขียวที่คอของชายหนุ่มปูดขึ้นมาอย่างเห็น ได้ชัด ความโกรธที่ระงับไว้ถูกกระตุ้นออกมาทีละนิด

แม้แต่ซิงเฉิน ก็เริ่มกระสับกระส่ายแล้ว รู้สึกกลัวราวกับ ว่าที่ตำแหน่งนั่งคนขับนั้นนั่งอยู่บนเข็ม

หมิ่นรุ่ย ยื่นมือมาลูบเสื้อขนมิ้งค์ของตนเอง วันนี้เธอ ตัดสินใจที่จะถอดหัวสิงโตออก แล้วพาดพิงถึงอดีตอย่าง จงใจ : “ที่จริง เมื่อสิบปีก่อนตอนที่คุณเริ่มรับราชการ ทหารก็ควรตัดใจให้หมดนะคะ คุณให้มรดกตกทอดเพียง หนึ่งเดียวที่แม่ของคุณทิ้งไว้ให้มอบให้กับป้ายโร่ซี แต่ ป๋า ยโร่ซี ไม่ได้สนใจเลย เธอส่งต่อให้ฉันง่ายๆ เธอถือว่าคุณ คือต้นหญ้า แต่ฉันถือว่าคุณคือสมบัติ”

หยิ่นรุ่ย พูดพร้อมกับดึงสร้อยคอออกมาจากคอ สายโซ่ ที่ทำจากทองคำขาว จี้ทำจากหยกล้ำค่าที่หาได้ยาก

ยิ่งไปกว่านั้นหยกนี้มีรูปทรงเฉพาะตัวเป็นใบโคลฟเวอร์ สี่แฉกโดยธรรมชาติ

หยิ่นรุ่ย ค่อยๆแกะมันออก ลูบมันด้วยความชื่นชอบ อย่างมาก จากนั้นก็ยื่นให้เฉียวสวนโส้ “คุณต้องการมอบให้โร่ แต่ฉันใส่มาสิบปีแล้ว คืนให้คุณแล้วกันค่ะ”

เฉียวสวนโส้ ค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาที่เย็นชาจับจ้องไป ที่หินหยก แม่ได้บอกกับเขาในวันที่ออกจาก บ้านตระกูล เฉียว ว่าชื่อของมันคือ “ชั่วนิจนิรันดร์” คุณย่าของคุณย่า ได้ถ่ายทอดมารุ่นสู่รุ่น และให้เขาส่งต่อให้กับภรรยาใน อนาคต และส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นสืบไป

มันไม่เพียงแสดงความเป็นนิรันดร์เท่านั้น ยังแสดงถึง ความรักทั้งหมดของเขา

หยิ่นรุ่ย หยิบหินหยกนี้ออกมากระตุ้นเขาหลายครั้ง และ ทุกครั้งผลก็ออกมาเหมือนเดิม ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เฉียวสวนโส ไม่แตะต้องมันเลย

สายตาของเขาเหลือบไปเห็นป้ายโรซีออกมาจากอาคาร ที่ด้านหน้ามีรถแทกซี่กั้นเอาไว้อยู่ ความเดือดดาลของ เขาก็พุ่งสูงขึ้น

เสียงที่เยือกเย็นพ่นออกมาจากส่วนลึกในลําคอ : “ผม เฉียวสวนโส้ ของที่ให้ไปแล้วไม่ต้องการกลับคืนมาอีก หล่อนจะโยนมันทิ้งหรือให้คนอื่น ผมก็ไม่สนใจ

พูดจบเขาก็เปิดประตูแล้วลงจากรถทันที หยิ่นรุ่ย คิดไม่ ถึงว่าเขาจะลงจากรถ จึงตะโกนอย่างร้อนใจว่า : “สวนส้ คุณจะไปที่ไหน?”
เฉียวสวนโส้ หันหน้ากลับมาสั่งซิงเฉิน ว่า : “ไปส่งเธอ ด้วย”

ซิงเฉิน พยักหน้า เหยียบคันเร่งทันทีแล้วรถก็ขับออกไป

หยิ่นรุ่ยกำหยกไว้แน่น แล้วจ้องมองทั้งสองคนด้านนอก หน้าต่าง แล้วกัดฟันด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง

สายฝนพัดอยู่บนแก้มของป๋ายโร่ซี มันหนาวเข้ากระดูก เธอเพิ่งจะเปิดประตูรถแทกซี่

ทันใดนั้นด้านหลังก็มีมือเรียวยาวยื่นเข้ามา และผลัก ประตูลงอย่างแรง

เสียง “ปัง” ดังกระหึ่ม

ป้ายโร่ซี หันกลับมาด้วยความตกใจ

ที่ยืนด้านหลังของเธอคือกำแพงมนุษย์ที่สวมเสื้อโค้ทสี ดำ รูปร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอ เมื่อเงย หน้าขึ้น ก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของชายหนุ่ม หัวใจของเธอหนาวเย็นยิ่งกว่าท้องฟ้าที่มีฝนตก

สีหน้าของชายหนุ่มนั้นมืดมัว ราวกับค่ำคืนที่มีพายุ

ดวงตาเย็นยะเยือกและทะลุทะลวงราวกับจะกลืนกินเธอ ทั้งเป็นด้วยความเกลียดชังและความโกรธที่คลุมเครือ

เทียบกับสภาพอากาศแล้วผู้ชายคนนี้เลวร้ายกว่ามาก

“พี่สาม ” ทันใดนั้น เฉียวสวนโส้ก็ดึงข้อมือของเธอ คุณ…” เข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างรุนแรง “อ้า…” ป้ายโร่ซี รู้สึกเหมือนว่าข้อมือของเธอกำลังถูกบดขยี้ เจ็บปวดจน น้ำตาคลอเบ้า แล้วคิ้วขมวดแน่น

เฉียวสวนโส้ พูดอย่างเย็นชาออกมาทีละคำ : “ฉันเคย เตือนอะไรเธอไปบ้าง?”

ป้ายโร่ซีไม่มีความคิดที่จะฟังว่าเขาพูดเรื่องอะไร แล้ว มองไปที่ข้อมือที่กำลังจะหักมืออีกข้างก็ดันนิ้วมือที่ แข็งแกร่งของชายหนุ่มและกล่าวขอร้องว่า : “พี่สาม ปล่อยมือเถอะนะ มันเจ็บมากเจ็บมากเลย”

เฉียวสวนโส้ ไม่ขยับแต่อย่างใด ความโกรธยังคง ท่วมท้น และเกรี้ยวกราดทุกคำ : “ฉันเคยเตือนเธอแล้วว่า อย่าเข้าใกล้ถังลี่เต๋อ เธอให้คำพูดฉันเป็นเพียงลมข้างหูแล้วยังกล้าที่จะติดตามเขา?”

หรือว่าจะถูกเขาจับได้แล้ว?

ป่ายโร่ซี เจ็บจนน้ำตาไหลออกมา ฝนเม็ดเล็กๆอยู่บนตัว บนแก้ม ทั้งตัวสั่นด้วยความหนาว บวกกับเฉียวสวนโส่ใช้ ความรุนแรงควบคู่ไปด้วย เธอก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดและสะอึก สะอื้น : *ขอโทษค่ะพี่สาม พี่ปล่อยฉันก่อนได้ไหม? มือ ของฉันกําลังจะหักแล้ว…ขอร้อง…ปล่อยมือ…”

เฉียวสวนโส้ ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยมือ ทันใดนั้นมืออีก ข้างก็บีบแก้มเธอ แล้วบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น

ในขณะนี้ ป้ายโร่ซีรู้สึกได้เพียงความเจ็บปวด ชายหนุ่ม ตรงหน้าราวกับปีศาจทําให้เธอหวาดกลัว เพียงแค่เขาใช้ แรงเพียงเล็กน้อย เธอก็เหมือนตุ๊กตาดินเผาที่ถูกบีบให้ เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

น้ำตาแห่งความผิดหวังผสมกับน้ำฝน ไหลลงบนแก้ม ของเธอ เธอมองไปที่ดวงตาที่เลือดเย็นของชายคนนั้น หัวใจของเธอหยดออกมาเป็นเลือด เธอไม่ได้วิงวอน ความอ่อนโยนจากเขา แล้วทําไมต้องเกลียดเธอมาก ขนาดนี้? ทำไมต้องทรมานเธอด้วย?

“ป้ายโร่ ถ้าเธอคิดว่าความสามารถของตัวเอง แข็งแกร่งมากนัก ถ้าอย่างนั้นข้อตกลงของพวกเราก็สิ้นสุดลงที่นี่ เรื่องของแม่เธอก็แก้ไขด้วยตัวเอง” เฉียวสวน โส้ หรี่ตาสีแดงคู่นั้น ไม่มีใครรู้ว่ามันคือความโกรธหรือ ความเจ็บปวด น้ำเสียงของเขาไร้ความรู้สึกหาใดเปรียบ ขณะที่เอ่ยเตือนว่า : “ถ้าหากยังต้องให้ฉันช่วยก็เรียนรู้ที่ จะปฏิบัติตาม

ป้ายโร่ซีสูดจมูกอย่างเจ็บปวด แก้มก็ปวดมากจนน้ำตา ไหล เธอสะอึกสะอื้นและตอบว่า : “ฉันจะทำตาม ฉันจะ เชื่อฟัง ขอร้องปล่อยมือก่อน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ