I have a crush on you

บทที่ 6 พี่สามหมั้น



บทที่ 6 พี่สามหมั้น

บทที่ 6 พี่สามหมั้น

นั่งรถออกมาได้หนึ่งชั่วโมง ป้ายโร่ซีก็ลากกระเป๋าเดิน ทางของเธอลงจากรถตรงเชิงเขาที่สวยราวกับภาพวาด

คฤหาสน์ของตระกูลเฉียว

คฤหาสน์ที่หรูหราที่สุดของเมืองชิง เป็นหนึ่งไม่มีสอง ตั้ง ตระหง่านอยู่บนภูเขาที่สวยงามราวกับปราสาทสุดโมเดิล สองหลัง

ระดับความฟุ่มเฟือยน่าทึ่ง

คฤหาสน์ทั้งสองหลังอยู่ห่างกันเป็นระยะทางสองร้อย เมตร แบ่งเป็นหนานย่วนของนายใหญ่ตระกูลเฉียว กับ เป่ยย่วนของนายรอง

สถานที่เกิดเหตุที่คุณน้ารองเสียชีวิตก็คือที่เป่ยย่วน เธอ กลับมาอยู่ที่นี่เพียงเพื่อช่วยคุณน้ารองหาผู้ร้ายตัวจริง ล้างข้อครหาให้แม่

ป้ายโร่ซีเดินไปกดกริ่งหน้าประตูเหล็กขนาดใหญ่ ชายวัยกลางคนที่ดูสงบเสงี่ยมเปิดประตูพร้อมรอยยิ้ม นอบน้อม “คุณหนูโร่ซี อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์ลุงหลิน!”

ลุงหลินรับกระเป๋าเดินทางของเธอไปถือทันที แล้วเดิน ตามหลังมาอย่างถ่อมตัว “คุณหนูโร่ซีจะกลับมาอยู่ที่นี่ หรือครับ?”

“อั้ม” ป๋ายโร่ซียิ้มตอบ หันมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ สวนยังคงสวยงามราวกับแดนสวรรค์ หรูหราและสง่างาม สองฝั่งข้างถนนเต็มไปด้วยดอกมะลิส่งกลิ่นหอม

ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นรถทหารที่คุ้นตา ป่ายโร่ซีถึงกับ ผงะแล้วหยุดเดิน “ลุงหลิน นั่นรถใครกัน?”

ลุงหลินพูดอย่างดีใจ “คุณชายสามครับ เขากลับมา แล้ว”

“กลับมา? หมายความว่ายังไง?” ป้ายโร่ซีประหม่าจน ปลายนิ้วสั่นเล็กน้อย หายใจได้ไม่เป็นจังหวะ

“คุณหนูโร่ซีคุณยังไม่ทราบหรือครับ? คุณชายสาม เดือนหน้าก็จะแต่งงานแล้ว”

“แต่งงาน?” ป๋ายโร่ซีหันกลับไปมองลุงหลิน หัวใจแทบ แตกเป็นเสี่ยงๆ ยากที่จะรับไหวจนพูดไม่ออก จู่ๆดวงตาก็ ชื้นขึ้น ลำคอแห้งผาก ในสมองว่างเปล่า
ลุงหลินกลับไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของป่ายโร่ซี ยัง คงพูดไปยิ้มไปต่อว่า “ผมเฝ้าดูนายน้อยทั้งสามโตขึ้นมา นายน้อยใหญ่ก็แต่งงานมีลูกแล้ว นายน้อยรองก็หมั้นมา หลายปี คุณชายสามเอาแต่ห่วงใยประเทศกับประชาชน ผมกังวลมากว่าเขาจะลืมบทสรุปสำคัญในชีวิตไป…

น้ำเสียงสับสนของป่ายโร่ซีขัดจังหวะการพูดของลุง หลินขึ้นเบาๆ “เขาจะแต่งงานกับใคร?”

“หยิ่นรุ่ยคุณหนูตระกูลหยิ่น เพื่อนของคุณหนูโร่ซีไง ครับ เธอไม่ได้แจ้งคุณหนูหรือ?”

ป้ายโร่ซีเลื่อนสายตาไปที่รถคันนั้น กัดริมฝีปากยิ้มเบาๆ แล้วฝืนพูดว่า “เปล่า” น้ำตาที่ไม่ตั้งใจไหลออกมา ไหลลง บนแก้มเธอราวกับเม็ดถั่ว

แสงอาทิตย์อันอบอุ่น สาดส่องลงบนตัวป้ายโร่ซี แต่ส่วน ลึกในหัวใจเธอกลับหนาวเย็น

ท้ายที่สุดก็เป็นเหมือนคนโง่ แอบรักอย่างไร้เดียงสามา ยี่สิบปี ปกป้องตัวเองราวไข่ในหินเพื่อเขา ปฏิเสธผู้ชาย นับไม่ถ้วนเพื่อเขา กระทั่งจะกลายเป็นหญิงแก่ที่ไม่ได้ แต่งงานอย่างที่ใครๆพูดเพื่อเขา

“คุณหนูโร่ซี…” ลุงหลินเรียกด้วยน้ำเสียงตกใจ “คุณโรซี ร้องไห้ทำไมครับ?”

ป่ายโร่ซีรู้สึกตัว รีบปาดน้ำตา แล้วยิ้มอย่างสดใส “ฉัน ไม่ได้ร้องไห้ เมื่อกี้ลมพัดทรายเข้าตาฉันน่ะ”

เธอใจห่อเหี่ยวมาก ขยี้ตาแล้วรีบก้าวเท้าเดินเข้าบ้าน เฉียวไป

เข้ามาถึงห้องนั่งเล่นที่โอ่อ่าสวยงาม การตกแต่งที่ หรูหรายิ่งดูสูงสง่า เธอคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้มาก แต่ใน ขณะเดียวกันก็รู้สึกห่างเหิน

“คุณโร่ซีสวัสดีค่ะ!” คนรับใช้ที่เปิดประตูให้กล่าว ทักทายอย่างสุภาพ

เสียงของคนรับใช้ดังจนรบกวนชายสองคนในห้อง

รับแขก มองมาทางหน้าประตูพร้อมกัน

ป้ายโร่ซียิ้มตอบให้กับคนรับใช้ เข้าบ้านไปถอดรองเท้า เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับดวงตาสีดำที่เย็นชาและคมกริบ ที่ ทำเอาคนมองตัวสั่น

สองมือของเฉียวสวนโส้วางอยู่บนโซฟา ท่าทางขี้เกียจ แต่ชั่วร้าย จับคู่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงทหารสีเทา แผ่ รังสีสง่างามแต่ให้ความรู้สึกคุกคาม ทำให้ป้ายโร่ซี ประหม่าจนอึดอัด
“โร่ซี ลูกกลับมาอยู่ที่นี่หรอ?”

ป้ายโร่ซีถูกดึงสติกลับมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น จึงรีบ หันไปยิ้มให้กับชายอีกคน พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย อย่างสุภาพ “พ่อ หนูจะกลับมาอยู่ซักพักค่ะ”

ชายที่พูดกับเธอคือพ่อเลี้ยงของเธอเฉียวอีชวน โดย ปกติเฉียวอีชวนจะเป็นคนที่หล่อเหลาและใจเย็น เพราะ เรื่องของแม่เธอ ไม่เจอไม่กี่วันเขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ แปรปรวน ใบหน้าห่อเหี่ยวและริ้วรอยก็เพิ่มขึ้น

เฉียวอีชวนพูดอย่างดีใจ “พี่สามของลูกกลับมาแล้ว ลูก สองคนไม่เจอกันหลายปีแล้วใช่ไหม?”

ป้ายโร่ เค้นรอยยิ้มที่น่าอึดอัด พยักหน้าเล็กน้อยตาม มารยาท แล้วพูดอย่างสุภาพ “ไม่เจอกันนานนะคะ พี่ สาม”

เฉียวสวนใส้ไม่โต้ตอบคําทักทายของป้ายโร่ซี สายตา เย็นชาจับจ้องบนใบหน้าของเธอ เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม คน มองมายากที่จะเข้าใจ

ลุงหลินถือกระเป๋าขึ้นไปข้างบน ป๋ายโร่ซีหลีกเลี่ยง สายตาที่จับจ้องของเฉียวสวนโส้ ยิ้มให้เฉียว ชวนแล้ว พูดว่า “พ่อ หนูขอตัวไปจัดของก่อนนะคะ”
“เรื่องจัดของเอาไว้ให้คนใช้ทำ ลูกมานั่งคุยกับพ่อตรงนี้ ดีกว่า”

ป้ายโร่ซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินไปหา เธอเลือกนั่งใกล้ ตำแหน่งของเฉียวอีชวน พอก้นของเธอแตะโซฟา เฉียว สวนโส้ก็ลุกขึ้นยืนทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่ ต้องทำข้าวเย็นเผื่อผม ผมมีธุระต้องไปทำ

ร่างกายของป๋ายโร่ซีแข็งไปเล็กน้อย จิตใจวูบลงไปถึง ตาตุ่ม ก้มหน้าก้มตาแม้แต่ความกล้าที่จะมองเขาเดินจาก ไปยังไม่มี

“สวนโส้ น้องสาวแกพิ่งกลับมา ไม่ฉลองหน่อยหรือ?” เฉียวอีชวนพูดปราม

เฉียวสวนโสไม่หันกลับมามอง เอาแต่ก้าวเดินจากไป

“ลูกชายบ้านนี้ แต่เล็กจนโตหยิ่งยโสมาตลอด บุคลิก เข้มแข็งแต่เย็นชา ไร้หนทางจริงๆ เฮ้อ…” เฉียวอีชวนบ่น พึมพำกับตัวเองพลางถอนหายใจ

ป้ายโร่ซีนั่งกุมมือตัวเอง กัดริมฝีปากล่างเบาๆ ก้มหน้าจม อยู่กับความคิดที่เจ็บปวดของตัวเอง

เฉียวสวนโส้เดินไปถึงทางเดินนอกคฤหาสน์ ทันใดนั้น ก็ หยุดเท้าลง มองไปที่ท้องฟ้าไกล นิ่งเงียบไปสามวินาทีจากนั้นก็ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา

นับในใจเงียบๆ “1 2 3 4 5..” นับไปจนถึง15กว่าจะ ได้ยินเสียงร้อนรนมาจากด้านหลัง “พี่สาม พี่สามรอก่อน ฉันมีเรื่องจะพูดกับพี่

เฉียวสวนโส้วางข้อมือลง ยิ้มมุมปาก มองไกลออกไป ด้วยสายตาที่พร่ามัว สองมือล้วงกระเป๋ารอให้ป๋ายโร่ซีไล่ ตามมา

ป่ายโร่ซีหายใจหอบจนวิ่งไปถึงหน้าเฉียวสวนโส้ พูดไป หอบไปว่า “พี่สาม ในเมื่อพี่กลับมาแล้ว ช่วยแม่ฉันหน่อย ได้ไหม พี่เห็นไหมว่าตอนนี้พ่อเจ็บปวดขนาดไหน? ถ้า แม่ฆ่าคนจริง ฉันไม่ยอมให้พี่ฝ่าฝืนกฎหมายหรอก แต่แม่ โดนใส่ร้าย พี่ พี่…ถ้าแม้แต่เรื่องนี้ยังไม่ช่วย แล้วจะคู่ควร กับเครื่องแบบบนตัวนั่นได้ยังไง?”

ไม่มีการแสดงออกใดๆบนใบหน้าของเฉียวสวนโส้ กลิ่น อายไม่รับฟังใครแบบนี้ทำให้ป้ายโร่ซีรู้สึกไม่สงบ

เขาเอาแต่มองตาของเธอนิ่งๆ เธอเองก็มองชายหนุ่มผู้ เฉยเมยกลับอย่างไม่เกรงกลัว

ดวงตาของป่ายโร่ซีเริ่มชื้น ขุ่นมัว น้ำใสๆเอ่อล้นมาจาก ตา ใครมองก็ต้องเกิดความสงสาร
แต่กับชายหนุ่มคนนี้ไม่เห็นมีอาการใดๆ

ผ่านไปสักพัก เฉียวสวนโส้ถึงเปิดปาก น้ำเสียงทุ้มนิ่ง ของเขาเย็นชามาก “เงื่อนไขอะไรเธอก็จะยอมรับใช่ ไหม?”

“ใช่ ขอแค่พี่รับปากว่าจะช่วยแม่ฉัน ไม่ว่าเงื่อนไขอะไร ฉันก็ตกลง ต่อให้ฉันไปติดคุกแทนแม่ก็ไม่เป็นไร” ป้ายโร่ ซียืนหยัดอย่างหนักแน่น

“เธอไม่ต้องไปเข้าคุก แต่จำคำพูดวันนี้ของเธอไว้” เฉียว สวนโส้ทิ้งคำพูดเฉยชาไว้ แล้วก้าวเท้าเดินไปทางรถ ทหาร

ป่ายโร่ซีดีใจอย่างไม่คาดฝัน วิ่งตามหลังเฉียวสวนโส้ ราวกับเด็กที่ดีใจ “พี่สาม พี่สาม รับปากจะช่วยแม่ฉัน แล้วใช่ไหม?”

“เธอรับปากฉันหรือเปล่าล่ะ?”

“เงื่อนไขคืออะไร?”

ป้ายโร่ซีเดินตามเขาไปถึงข้างประตูรถ เฉียวสวนโส้ดึง ประตูด้านข้างคนขับออก ออกคำสั่งอย่างไร้โทนเสียง “เข้าไป
“อ้อ” ป้ายโรซีไม่จําเป็นต้องถามอีก ดูเหมือนว่าเขาจะ ตกลงแล้ว เพียงแค่ไม่รู้ว่าเงื่อนไขของเขาคืออะไร หวังว่า มันจะไม่โหดร้ายเกินไปก็พอ

ขึ้นไปนั่งข้างคนขับ เฉียวสวนโส้ก็ผลักประตูปิด

เดินข้ามมาอีกฝั่ง เฉียวสวนโส้ขึ้นนั่งฝั่งคนขับ สายตา มองไปที่ถนนด้านหน้า แล้วพูดสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้ม “คาด เข็มขัด

ป้ายโร่ซีเริ่มประหม่า ดูเหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล รีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ “พวกเราจะไปที่ไหน?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ