บทที่ 5 บีบคั้น
บทที่ 5 บีบคั้น
ทันทีที่ป่ายซานซานง้างมือขึ้น ป่ายโร่ซีก็ตอบสนอง อย่างรวดเร็วด้วยการคว้าข้อมือของหล่อนไว้ แล้วตบเข้า ที่หน้าของหล่อนอย่างเต็มแรงอีกครั้ง
“เพียะ”
“หูย” ทุกคนอ้าปากค้าง มองด้วยความรู้สึกเจ็บร้อนแทน ต่างก็ตื่นตกใจ
ป่ายซานซานไม่อาจทําอะไรป่ายโร่ซีได้เลย เจ็บจน ดวงตาแดงก่า โมโหโกรธแค้น แทบทนไม่ไหวที่จะกัดกิน ใบหน้าของป่ายโร่ซี
ป้ายโร่ซีปรายตามองมอง พูดด้วยความโมโหทุกคำ “เธอ จำคำพูดฉันไว้นะ ข้อแรก แม่ของฉันไม่ใช่เมียน้อย แม่ รู้จักกับพ่อเลี้ยงหลังจากที่เขาหย่ามาหลายปีแล้ว ข้อสอง แม่ของฉันไม่ใช่ฆาตกร แม่ถูกใส่ร้าย ข้อสาม เฉียวสวน โส้เมื่อก่อนไม่ทำกับฉันแบบนี้ เขา…”
ระหว่างที่พูดอยู่ คำพูดของป่ายโร่ซีก็หยุดลง หัวใจที่ สงบลงเริ่มเจ็บปวด ทําไมเธอจะต้องมาอธิบายเรื่องแบบนี้ กับคนที่ไม่เกี่ยวข้องฟังด้วย?
ป่ายซานซานรู้ว่าตัวเองอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ยังไงก็เอา ชนะป่ายโร่ ที่แข็งแรงกว่าไม่ได้ เธอดึงมือกลับ เดินไปที่ โซฟาแล้วนั่งลงอย่างไม่เต็มใจ ปากพูดสาปแช่ง แล้วมอง ไปที่ป้ายโรซีอย่างอาฆาต
ป้ายโร่ซียืนนิ่งอยู่ที่เดิม จิตใจเหน็ดเหนื่อยราวกับสูญ เสียอะไรบางอย่าง
ครั้งหนึ่ง พี่สามของเธอก็เคยรักเธอมาก
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เย็นลง อย่างรวดเร็ว จนถึงจุดที่กลายเป็นน้ำแข็ง
เพื่อที่จะไม่รบกวนการพักผ่อนของคนอื่น ป้ายโร่ซีหยุด ที่จะเคาะประตูเรียกให้เปิด แล้วยืนมองทะเลอยู่ข้าง หน้าต่างเพียงลำพัง
กลางคืนมืดมิดขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนต่างหลับหมดแล้ว
แผ่นหลังหดหู่อ้างว้างของเธอยืนอยู่ใต้คืนที่ฟ้าใส มอง ดูดาวเต็มท้องฟ้า มองดูมหาสมุทรที่มืดมิด ฟังลมฟังคลื่น ฟังเสียงอ้างว้างในหัวใจ
ตอนที่เธออายุสามขวบ แม่ก็แต่งเข้าตระกูลเฉียวพร้อม กับพาเธอไปด้วย
นับตั้งแต่เธอจำความได้ เธอก็ชอบลูกชายคนที่สามของ พ่อเลี้ยงมากเป็นพิเศษ คนที่รักความสันโดษ พี่สามที่ยาก จะเข้าหา
ยิ่งเขาเกลียดเธอ เธอก็ยิ่งอยากเข้าใกล้
เฉียวสวนโส้ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกเพราะพ่อแม่หย่า ร้างกัน ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ มีเพียงแต่เธอคนเดียวที่ เดินเข้าไปในโลกของเขา เธอในตอนนั้นเป็นเหมือนแมลง ตัวน้อยที่ฆ่าไม่ตาย เกาะติดเขาไม่ห่างราวกับเขาเป็น ก้อนน้ำตาล
ทุกครั้งที่เจอ มักจะเข้าไปกอดอย่างไม่เขินอาย
กินอาหารที่เขากิน ใช้ของที่เขาใช้ ใส่เสื้อผ้าที่เขาใส่ ทำ เรื่องที่เขาทำ ยกใจให้เขาไปตั้งแต่แรก
ทุกคืนจะแอบย่องเข้าห้องของเขา สอดตัวเข้าผ้าห่ม แล้วนอนกอดเขา มักจะทำให้พี่สามที่ถูกปลุกให้ตื่นรู้ตัว แต่เธอก็ยังไม่ลดละ หน้าด้านหน้าทนที่จะทำต่อไป
เขาก็ไม่ได้กีดกันการเข้าหาของเธอ ถึงแม้จะมีความเย็น ชาต่อเธอ แต่อย่างน้อยเธอก็พิเศษกว่าคนอื่น
เมื่อตอนเด็กเธอชอบเปลี่ยนนามสกุลเล่นเป็นเฉียว เพื่อ จะได้รู้สึกสนิทกับพี่สามมากขึ้น
แล้วเธอยังเคยงอแงว่าโตขึ้นจะเป็นเจ้าสาวของพี่สามให้ ได้ แต่ถูกแม่ตีไปหนึ่งที จากนั้นจึงไม่กล้าพูดเรื่องนี้อีก
นั่นเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำวัยเด็กที่สวยงาม เธอ นึกว่าพี่สามชอบเธอ ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความรักก็ไม่เป็นไร
แต่เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรถึงทำให้ชายคนนั้น เกลียดชังเธอมากขนาดนี้
เขาอยู่ในอาชีพทหารมาสิบปี เธอก็กลับไปอยู่กับพ่อที่ บ้านป่าย ทั้งสองมีโอกาสได้พบกันแค่ไม่กี่ครั้ง
เขาไม่ใช่พี่สามคนเดิมอีกแล้ว เธอเองก็ไม่ใช่ป้ายโร่ซีที่
ไม่รู้ความและไร้ยางอายอีกต่อไป
พอฟ้าสว่าง เรือก็เทียบท่า
ตำรวจได้รับแจ้งมาก่อนแล้ว รถตำรวจจอดเรียงรายอยู่ บนชายฝั่ง ทั้งชายและหญิงจำนวนสิบกว่าคน พอลงจาก เรือก็ถูกใส่กุญแจมือทันที แล้วลากขึ้นรถตำรวจไป
แต่มีเพียงป่ายโร่ซีคนเดียวที่ถูกจับแยก
ไปถึงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอถูกบังคับให้เข้ารับการ ตรวจร่างกาย แล้วนำตัวกลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบ ปากคำ ที่ต่างไปจากสิ่งที่เธอคิดคือเธอไม่ได้ถูกควบคุม ตัวไว้ หลังให้ปากคำเสร็จก็ปล่อยตัวเธอกลับบ้าน
บ้านป่าย!
บ้านจัดสรรหลังหนึ่งตั้งอยู่ในย่านระดับสูง
บ้านที่ป่ายโร่ซีอาศัยอยู่ตอนนี้ เป็นของครอบครัวที่มี ฐานะดี พ่อกับแม่เลี้ยงเปิดโรงงานอาหาร ชีวิตนับว่าค่อน ข้างดี
ป้ายโร่ซีพึ่งจะเดินเข้าบ้าน ยังไม่ทันได้เอ่ยปากทักทาย สิ่งที่ต้อนรับเธอทันทีคือการตบหนึ่งฉาด
“เอี๊ยะ”
เสียงที่ดังกึกก้องทำลายความเงียบสงบของเช้าวันใหม่ แก้มที่โดนตบนั้นทั้งเจ็บทั้งปวด ป้ายโร่ซีตกตะลึงยกมือขึ้นกุมแก้มที่ปวดร้าวด้วยความงุนงง
ผู้หญิงที่ตบหน้าเธอคือหลิวเยว่แม่ของป่ายซานซาน และเป็นแม่เลี้ยงของเธอ
หลิวเยว่ยกมือข้างหนึ่งท้าวเอว หุ่นที่อ้วนท้วมสวมใส่ เครื่องประดับที่ไร้รสนิยม แสดงอาการคุกคามพร้อมถาม ขึ้นอย่างโมโห “แกพาลูกสาวฉันไปไหน? ทำไมตำรวจถึง แจ้งพวกเราว่าเธอถูกควบคุมตัว?”
ป้ายโร่ เหนื่อยใจมาก กัดเม้มริมฝีปากล่างของเธอ
ในชีวิตนี้สิ่งที่เธอทำมากที่สุดคืออดทน แต่การโดนตบ ครั้งนี้เธอไม่อยากทนอีกต่อไป จึงตอบกลับอย่างเย็นชา “งั้นคุณก็ไปถามตำรวจสิ
“แกพาซานซานออกไป ทำให้เธอถูกตำรวจจับ แกยัง กล้ากลับมาหน้าตาเฉย? แกทําอะไรกับซานซานกันแน่?”
ป้ายโร่ หัวเราะอย่างขมขื่น แล้วถามกลับ “ทำไมไม่กล้า ถามตำรวจล่ะ? หรือจริงๆคุณรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวทำผิด อะไร?”
หลิวเยว่ไม่ตอบ กัดฟันจ้องไปที่ป้ายโร่ซี แววตาดุร้าย
ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกไม่พูดอะไร เขาก็ คือพ่อที่อ่อนแอไร้ความสามารถของป่ายโร่ซี
แต่หญิงชราผมหงอกอีกคนกลับเปิดปากพูดอย่างมีนัย “แม่เป็นยังไงลูกสาวก็เป็นอย่างนั้น ให้ซานซานไปสนิท ชิดเชื้อกับคนแบบนี้ เดี๋ยวนี้หมาที่ทำตัวเหมือนคนมีเยอะ ใจคนยากแท้หยั่งถึง”
หมาทําตัวเหมือนคน?
ป้ายโร่ซีได้เพียงขำอยู่ในใจ แต่ขมขื่นมาก
คนที่พูดคือย่าของเธอ ได้ฟังมาจากแม่ว่าการหย่าร้างใน ครั้งนั้นก็เป็นเพราะแม่สามีที่มีความเผด็จการ ไม่อาจทน แบกรับกรรมนั้นได้จึงพาเธอจากมา
ป้ายโร่ซีพูดอย่างนิ่งเฉย “งั้นก็ฝากพวกคุณไปบอกป่า ยซานซานด้วย หลังจากนี้ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ แล้วก็ ไม่ต้องมาเข้าใกล้ ความสัมพันธ์นี้กับเธอ ฉันป้ายโร่ซีไม่ ขอรับไว้”
หลิวเยว่โกรธจนใบหน้าหมองคล้ำ กำหมัดแน่นพร้อมที่ จะโจมตี
ป้ายโร่ซีกำลังจะเดินจาก หญิงชราก็ตบมือของเธอลง บนโต๊ะกาแฟอย่างแรง เสียงที่ดังขึ้น หยุดเท้าของป้ายโร่ ลงอย่างกะทันหัน
หญิงชราพูดด้วยความโกรธ “หน้าด้านไม่ไว้หน้ากันแล้ว ใช่ไหม ยังกล้าตอบโต้ผู้อาวุโส แกจะเนรคุณใช่ไหม? เด็ก ดีอย่างซานซานจะเล่นยาค้าประเวณีได้ยังไง? ต้องเป็น แกแน่ที่ก่อเรื่อง”
ป้ายโร่ซีเหนื่อยจนแทบไม่อยากหายใจ เธอไม่อยาก อธิบาย เพราะไม่มีใครเชื่อเธอ
ในตอนนั้น ป่ายหลิ่วหัวพ่อของเธอก็เปิดปากพูดในที่สุด แต่ก็เพียงแค่พูดกับหญิงชราอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า “แม่ ซาน ซานอาจจะทำผิดเองจริงๆก็ได้ วันๆคิดแต่อยากจะเป็น ดาราจนบ้าไปแล้ว…”
หลิวเยว่ตะคอกกลับทันที “ไร้สาระ ลูกสาวฉันจะไปทำ อะไรผิด?”
ป้ายหลิ่วหัวตัวหดลง กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
หญิงชราได้ยินลูกสะใภ้ดุลูกชายของตนก็ไม่พอใจ แต่ก็ ยังไว้หน้าด้วยการกระแอมเตือนเบาๆ “อะแฮ่ม…”
หลิวเยว่ระงับความเย่อหยิ่งจองหองของตน ถลึงตาใส่ ป้ายโร่ซีพร้อมพูดนิ่งๆ “ตอนนี้ฉันเห็นแกแล้วรู้สึกเศร้าใจ อายุ25แล้วยังไม่ได้แต่งงาน แล้วก็ไม่ไสหัวกลับไปหาครอบครัวของแม่แกอีก เอาแต่อยู่ที่นี่ทำร้ายพวกเรา พูดง่ายๆคือเป็นตัวปัญหา ตอนนี้ยังทำให้ซานซานของ พวกเราโดนจับอีก”
ระหว่างที่พูด หลิวเยว่ก็เริ่มร้องไห้อย่างเสแสร้ง “ซาน ซานไปทำอะไรให้แก แกถึงมาทำให้ลูกฉันต้องติดคุกตั้ง หลายเดือน เธอจะลำบากขนาดไหน!
ป้ายหลิ่วหัวเดินเข้าไปหาทันทีด้วยความปวดใจ โอบ กอดหลิวเยว่ พร้อมพูดปลอบ “ไม่ต้องร้องแล้ว ฉันจะหา วิธีช่วยซานซานออกมาเอง”
หญิงชราเองก็รีบร้อนพูดปลอบใจ “ลูกสะใภ้วางใจเถอะ ซานซานต้องไม่เป็นอะไร คนจิตใจเลวทรามพวกนั้นจะ ต้องได้รับผลกรรม
ป้ายโร่ซียิ้มมุมปากอย่างขมขื่น แม้แต่คนโง่ยังเข้าใจ ความหมายที่แฝงอยู่
เธอเดินขึ้นชั้นบนไปโดยไม่พูดอะไร กลับถึงห้องก็เก็บ กระเป๋าออกจากบ้านป่ายทันที
ไม่มีเหนี่ยวรั้ง ไม่มีฝืนใจ การอยู่ในครอบครัวนั้น เธอคือคนที่ถูกปฏิเสธมากที่สุด
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ