บทที่ 18 ข้อต่อรอง
บทที่ 18 ข้อต่อรอง
สีหน้าของเฉียวอีโห้เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ทำให้เฉียวสวนโส้ทำเป็นเรื่องขำขัน : “หลานชาย ลูกพี่ ลูกน้องดื่มมากไปแล้ว เมาแล้วล่ะ ฮ่าๆ… จากนั้นเขาก็ดึง เฉียวตงหลิง ให้นั่งลง
สีหน้าท่านปู่เฉียวเปลี่ยนไปในทันที หรี่ตามองไปที่เฉียว ตงหลิง
เฉียวตงหลิงรู้สึกขุ่นเคืองใจ แล้วหันไปโพล่งกับ เฉียว สวนโส้: “พี่สาม พี่กับปู่อี้เฉิง เป็นพี่น้องที่ดีที่สุด พวกพี่ เข้าร่วมกองทัพด้วยกัน สร้างความสําเร็จจนกลายเป็น แม่ทัพใหญ่ของ ประเทศซี เขาลงชิงตำแหน่งผู้นำประเทศ หน้าที่การงานของพี่สดใสมาก ตอนนี้ ประเทศซี เป็นโลก ของพวกพี่ “สองพี่น้อง” เรียบร้อยแล้ว ประเทศเดียวยัง ไม่พอ พี่ยังจะกลับมาปล้นธุรกิจของพวกเราอีก พี่จะกิน รวบทุกอย่าง….
“ตงหลิง หุบปาก….” เฉียวอีโห้ด่า
สีหน้าของท่านปู่เฉียวเปลี่ยนไปทันที สายตาเปลี่ยนไป ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก
เฉียวสวนโส้ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขามองเห็นทุกอย่างตามสภาพความเป็นจริงตั้งนานแล้ว และพูดลึกซึ้ง อย่างมากว่า : “น้องสี่ ความสามารถของฉันไม่จำเป็น ต้องให้นายมาสนับสนุน แต่ใส่ใจกับทัศนคติของนายสัก หน่อย อย่าทําตามอำเภอใจมากเกินไปในเรื่องต่างๆก่อน ที่จะมีการตัดสิน
“นี่ไม่ชัดเจนอีกเหรอ? คุณปู่ต้องการจะยกกิจการให้ ดูแล” เฉียวตงหลิง คิดเอาเองว่าในตระกูลนี้มีเพียงเขา ถึงจะมีคุณสมบัติ เขาสามารถสร้างมูลค่าให้กับบริษัทได้ หลายหมื่นล้านตั้งแต่อายุยังน้อย เขาได้ทุ่มเทเลือดเนื้อ ให้กับบริษัทเป็นอันมาก
เฉียวสวนโส้ นั่งเหยียดตรงอย่างสง่าผ่าเผย สายตา ราวกับกองไฟ และกล่าวเตือนช้าๆอย่างสงบ : “ใช้สมอง คิดดู ในประเทศนี้บุคคลสำคัญสามารถทำธุรกิจได้หรือ เปล่า?”
เฉียวตงหลิง พูดไม่ออกในทันใด
เฉียวสวนโส้หรี่ตาอย่างลึกซึ้ง แล้วเตือนอีกว่า : “กิจการ ของประเทศหรือธุรกิจของครอบครัวที่สำคัญ?”
เฉียวตงหลิง กลืนน้ำลาย แล้วเริ่มตื่นตระหนก มองไป ที่คุณปู่เฉียวซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วมองไปที่ เฉียวสวนโส้ อีก ครั้ง ถึงรู้ตัวว่าเมื่อกี้นี้ตนเองหุนหันพลันแล่นเกินไป และ เปิดเผยความทะเยอทะยานในใจของตนเองออกมาภายในชั่วพริบตา
เมื่อเรื่องนี้สงบลงแล้ว เฉียว ให้เอามือยันหน้าผาก ท้าย ที่สุดเขารู้ว่าลูกชายลูกสาวของตัวเองหุนหันพลันแล่น เกินไป มันจะต้องกลายเป็นเรื่องเลวร้ายแน่ๆ เขาแสร้ง ทําเป็นเรื่องขบขันอย่างไม่มีทางเลือก : “ต้องเป็นประเทศ สำคัญอยู่แล้วล่ะ ประเทศสำคัญโดยไม่จําเป็นต้องตั้ง คำถามเลย”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ
คุณปู่เฉียวค่อยๆหันไปทางเฉียวสวนโส้อีกครั้งแล้วถาม ว่า : “คดีของอาสะใภ้รองเป็นยังไงบ้าง? แม่เลี้ยงของแก ถูกควบคุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัย ฉันได้ยินมาว่าแกได้ ตรวจสอบเมื่อเร็วๆนี้ มีความคืบหน้าบ้างหรือเปล่า?”
เมื่อพูดถึงคดี ป้ายโร่ซี รู้สึกมีชีวิตชีวาทันที และมองไปที่ เฉียวสวนโส้อย่างตื่นเต้น
จากหางตาของเฉียวสวนโส้ มองเห็นว่า ป้ายโร่ซี ตื่นเต้น มาก จึงจงใจซื้อเวลา : “เป็นรูปเป็นร่างนิดหน่อยครับ”
“ตรวจสอบให้ดี” คุณปู่เฉียวถอนใจแล้วเอ่ย : “ฉันไม่ อยากให้ลูกสะใภ้คนหนึ่งหายไป แล้วอีกคนมีความผิด”
เฉียวเซียวเซียวถามอย่างตื่นเต้นบนโต๊ะ : “พี่สาม ฉัน รู้ว่าพี่สืบเจอฆาตกรแล้ว เป็นอันเสี่ยว คนนั้นใช่ไหม? เพราะว่าเป็นแม่เลี้ยงของพี่ ดังนั้นพี่เลยปกปิดใช่ไหม?”
เฉียวสวนโส้ ขมวดคิ้วแน่น
ป้ายโร่ซี ตกตะลึง รู้สึกว่าคำพูดของเฉียวเซี่ยวเซี่ยว มากเกินไปแล้ว
ทุกคนต่างวิตกกังวลแทน เฉียวเซี่ยวเซี่ยว นี่เป็นคำพูด ที่หาญกล้าจนถึงขีดสุด
ไม่เพียงแค่เฉียวเซี่ยวเซี่ยวจะไม่หวั่นเกรง แต่ยังวิจารณ์ อีกว่า : “เมื่อสองวันก่อนมีชุดตำรวจนอกเครื่องแบบสอง สามคนมาตรวจสอบ ที่จริงแล้วคนเหล่านั้นไม่ใช่ตำรวจ ธรรมดา และเป็นนักสืบชั้นยอดที่เป็นลูกน้องของพี่สาม ผู้ ยิ่งใหญ่ของประเทศซี พวกเขาใช้เวลาแค่สามวันแล้วไม่ มาอีก เดาได้ว่าพี่รู้ความจริงของเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้ว”
เฉียวสวนโส้ เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม สายตาไม่สามารถ คาดเดาได้ ปลายนิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะเบาๆเป็นจังหวะ เคลื่อนไหวเบาๆและสบายๆ แต่ตกอยู่ในสายตาของป่าย โร่ ด้วย
ป้ายโร่ซี รู้ว่าการเคลื่อนไหวเล็กๆของเฉียวสวนโส้นแสดงให้เห็นว่าถูกคนอื่นมองทะลุแล้ว
ที่แท้ เขารู้แล้วว่าใครคือฆาตกร แล้วทำไมถึงยังปิดบัง?
คุณปู่เฉียวเองรู้สึกว่ามีความสมเหตุสมผลเช่นกัน จึง มองไปที่ เฉียวสวนโส้ ทันทีแล้วซักถามว่า : “สวนโส้ ที่ จริงแล้วเป็นยังไง?”
สีหน้าของ เฉียวสวนโส้ ไม่เปลี่ยนแปลง และพูดอย่าง ใจเย็นว่า : “คุณปู่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เรื่องนี้ผมจะ จัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน”
คุณปู่เฉียวพยักหน้าเห็นด้วย เพราะไว้วางใจเขามาก ที่สุด : “ฉันเชื่อว่าแกจะจัดการได้เรียบร้อย
“สำหรับการประชุมของครอบครัวในวันนี้ พวกแกมีใคร อยากจะเพิ่มเติมอะไรอีกไหม?” คุณปู่เฉียวกวาดสายตา ไปรอบๆ แล้วเปล่งเสียงออกมา
หยิ่นยิน ค่อยๆยกมือขึ้น ยิ้มจางๆด้วยความกระดาก แล้ว ถามว่า : “ฉันแค่อยากจะรู้ว่าการแต่งงานของน้องสามใน เดือนหน้าจะดำเนินการต่อหรือเปล่าคะ?”
“ศพของแม่ฉันยังไม่ทันจะเย็น พี่สามจะจัดงานแต่งงั้น เหรอ?” สีหน้าของเฉียวเซี่ยวเซี่ยว เปลี่ยนไปในทันที
“ไม่มีงานแต่งงาน” เฉียวสวนโส้ ลดสายตาลงและน้ำ เสียงเย็นชา
ป่ายโร่ บิดมุมผ้าอย่างตื่นเต้น กัดริมฝีปากล่างเอาไว้ และอยากจะออกไป
เธอไม่อยากจะฟังพวกเขาคุยกันในหัวข้อนี้ ขอเพียงแม่ ปลอดภัย เธอจะไปจากที่นี่ทันที ใครจะแต่งงานก็ไม่มี ส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ
หยิ่นยินแค่นยิ้ม ที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะต้องการ ใช้ประโยชน์ในอำนาจของคุณปู่เฉียวมาช่วยให้น้องสาว ของเธอได้แต่งงาน
“น้องสาม น้องสาวของฉันบอกว่า คุณจะไม่มีงานแต่งก็ ไม่เป็นไร พวกคุณจดทะเบียน แล้วให้เธอย้ายมาที่บ้าน ตระกูลเฉียว คนในครอบครัวกินข้าวด้วยกันก็มีความ หมายพอแล้ว ไม่ต้องฟุ่มเฟือยหรอก”
เห็นด้วยกับคำพูดของภรรยา แล้วพยักหน้าตาม : “น้อง สาม ที่พี่สะใภ้ใหญ่ของนายพูดก็ถูก ไม่อย่างนั้นก็จด ทะเบียนก่อนแล้วค่อยจัดงาน”
คุณปู่เฉียวยังคงเงียบ ไม่ต้องการเพิ่มแรงกดดันให้กับ เฉียวสวนโส้
ลูกชายคนที่สองของบ้านก็ยังคงมอง เฉียวสวนโส้ อยู่ เงียบๆ เพื่อดูว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร
ในตอนที่ทุกคนกำลังเงียบงันอยู่นั้น จู่ๆเฉียวสวนใส้ ก็ หันไปทางป่ายโรซี
การกระทํานี้ของเขาทำให้ ป้ายโร่ซี ตกใจ แล้วกระพริบ ขนตาเรียวยาว ด้วยความตกตะลึง : “พี่…พี่สาม ทำไมถึง มองฉันล่ะ?”
“เธอคิดว่ายังไงล่ะ?” เฉียวสวนโส้ถามด้วยน้ำเสียงแผ่ว เบาราวกับสายลม
คำถามนี้ทำให้ทุกคนเกิดความสับสน ป้ายโร่ซีเองก็ สงสัยมากเช่นกัน
“ฉันไม่รู้ค่ะ” ป้ายโร่ซีประหม่าจนมีเหงื่อออกที่ฝ่ามือ แน่นอนว่าเธอไม่เห็นด้วย ไม่เต็มใจ ไม่คาดหวัง แต่ในที่นี้ เธอมีสิทธิ์ตัดสินใจน้อยที่สุด : “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของ ตัวพี่สามเอง ตัวคุณตัดสินใจเองเถอะค่ะ ได้โปรดอย่า ถามฉัน”
สีหน้าของหยื่นยินเปลี่ยนไปทันที แล้วขัดจังหวะการ สนทนาอย่างไม่เกรงใจ : “น้องสาม คุณเอาเรื่องใหญ่ อย่างการแต่งงานกับหยิ่นรุ่ยไปถามโร่ซี ตรงจุดนี้ไม่มาก เกินไปหน่อยเหรอ?”
คุณปู่เฉียวถามกลับอย่างไม่พอใจ “แล้วน้องสาวของ เธอไม่มากเกินไปงั้นเหรอ”
หยิ่นยืน เข้าใจคำพูดของคุณปู่เฉียวจึงหุบปากทันที
คนในเหตุการณ์นี้ มีเพียงหยิ่นยินและคุณปู่เฉียวที่รู้ว่า สิบปีก่อนหยิ่นรุ่ยได้ช่วยชีวิต เฉียวสวนโส้ แล้วเอาบุญ คุณที่ช่วยชีวิตนี้มาเป็นข้อต่อรอง ขอร้องว่าถ้าเฉียวสวน โส้ ยังไม่ได้แต่งงานก่อนอายุสามสิบ เขาต้องแต่งงานกับ เธอ
เฉียวสวนโส้ เป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้นมาโดยตลอด
เส้นตายกำลังจะมาถึง ชะตาชีวิตจะไปที่ไหนขึ้นอยู่กับ ความคิดของเขาเท่านั้น
เฉียวสวนโส้ ไม่สนใจเลยว่าในขณะนี้ คนอื่นจะคิด อย่างไรกับพฤติกรรมของเขา สายตาของเขาอยู่บน ใบหน้าขาวใสของ ป๋ายโร่ซี แล้วถามอย่างจริงจังอีกครั้ง ว่า : “เธออยากให้ฉันแต่งงานแล้วให้หยิ่นรุ่ย มาเป็นพี่ สะใภ้สามของเธอหรือเปล่า?”
ป้ายโร่ซี รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้แปลกประหลาดและตลก มาก ที่โยนปัญหานี้มาที่เธอ เขาจงใจให้เธอต้องลำบาก ใจหรือเปล่า?
ยังเกลียดเธอจนทำให้เจ็บปวดไม่พอ ทำให้ลำบากไม่ พอใช่ไหม?
อย่างเรื่องของหมิ่นรุ่ย เช่นกัน เหมือนกับเอาเกลือมา ราดบนแผลของเธอเลยนะ?
ป้ายโร่ซี ยิ้มเยาะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเบาๆ แล้ว ถามกลับอย่างโกรธๆว่า : “พี่สามถามฉันทำไมเหรอคะ? หรือว่าถ้าฉันพูดว่าไม่อยากให้แต่ง คุณก็จะไม่แต่งจริงๆ งั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง” เฉียวสวนโส้ พูดอย่างเด็ดขาด
ป้ายโร่ซี ตกตะลึง ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริดตาไม่ กระพริบ หยิ่นยิน รีบลุกขึ้นทันที และตำหนิว่า : “น้องสาม คุณเป็นเด็กเกินไปแล้วนะ”
เฉียวสวนโส้ มอง หยิ่นยิน เป็นอากาศธาตุ ยังคงจ้อง มอง ป้ายโร่ซึ
ป้ายโร่ซี ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง และเตรียมจะพูด หยิ่น ยิน ชี้ไปที่เธอและกล่าวเตือนว่า : “โร่ซี เธอพูดให้มันดีๆ นะ พี่สามของเธอทำเป็นเรื่องเด็กเล่นไปแล้ว นี่คือความ สุขทั้งชีวิตของเพื่อนสนิทเธอนะ เธอจะพูดเหลวไหลไม่ ได้”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ