บทที่ 17 ฆาตกร
บทที่ 17 ฆาตกร
คุณปู่เฉียว เงยหน้าขึ้นมองเฉียวเซี่ยวเซี่ยวอย่างอุ่น เคือง : “ตั้งแต่วันที่เธอได้เดินเข้ามาในบ้านตระกูลเฉียว ฉันได้บอกกับพวกเราทุกคนแล้วว่านับจากนี้เธอเป็นลูก ของบ้านตระกูลเฉียว พวกเธอคือพี่น้องกัน ไม่มีแบ่งแยก ฉันเธอ”
“แต่ว่าแม่ของหล่อน…”
เฉียวเซียวเซียว ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ เฉียวสวนโส้ ก็ โพล่งออกมา ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่เย็นชาอย่างยิ่ง : “คดี ยังไม่สรุป ใครให้สิทธิ์เธอมายืนยันตัวฆาตกร?”
* เฉียวเซี่ยวเซี่ยว มองไปทางเฉียวสวนโส้ แล้วเงียบ ลงไปทันใด
ในตระกูลนี้ มองดูแล้วเหมือนกับว่าคุณปู่เฉียว น่าเกรง ขาม และมีรัศมีมากที่สุด แต่คนที่ทุกคนให้ความเคารพ และกลัวมากที่สุด ยังคงเป็น เฉียวสวนโส้
เฉียวอีโห้กลัวจนตัวสั่น เพราะตำแหน่งของเขา เขารีบ ดึงข้อมือของเฉียวเซี่ยวเซี่ยว บังคับเธอนั่งลงแล้วพูดลอด ไรฟันว่า : “หุบปาก อย่าสร้างปัญหาให้ฉันต้องเดือดร้อน”
เฉียวอีให้ พูดกับ เฉียวเซี่ยวเซี่ยว เสร็จแล้ว ก็รีบหันไป ยิ้มแหยๆให้กับ เฉียวสวนโส้ : “สวนใส้ อย่าได้ใส่ใจลูกพี่ ลูกน้องคนนี้เลยนะ เธอไม่รู้ความนักหรอก”
ป้ายโร่ซี มองไปที่ เฉียวสวนโส้ ใบหน้าของเขาเย็นชา สายตานั้นมองไปที่คนอื่นๆอย่างหมางเมิน แต่ไม่ใช่กับ เธออย่างแน่นอน
การแก้ไขสถานการณ์แบบนี้ นับว่าเป็นการช่วยเธอหรือ ว่าแม่ของเธอกันนะ?
ในความคิดของเธอ อาจจะเป็นการปกป้องแม่ของเธอ เท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วเขาเกลียดเธอยิ่งกว่าเฉียวเซี่ยวเซี่ยว
คำพูดของเฉียวสวนโส้ ได้สงบความเดือดดาลของ เฉียวเซี่ยวเซี่ยว ลงแล้ว คนอื่นๆก็ไม่กล้าพูดอะไร
ป้ายโร่ซีจัดแบ่งตามความอาวุโส และได้นั่งถัดจากเฉียว สวนโส้
ในเวลานี้ ราวกับนั่งอยู่บนแท่งเข็ม
เธออาบน้ำก่อนมาที่นี่ กลิ่นหอมจึงซึมทะลักออกมาจางๆ ทำให้ เฉียวสวนโส้นั่งอยู่ด้านข้างรู้สึกได้ไวที่สุด และทําให้จิตใจของเขาเตลิดเปิดเปิง
หางตาของเขามองไปทางป่ายโร่ซีที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นว่า เธอก้มหน้าลง สองมือวางอยู่บนต้นขาใต้โต๊ะ กำลังกาง มือออกและลูบที่กลางฝ่ามือ
และในขณะนั้นเอง เขาชะงักไปชั่วขณะแล้วคิ้วขมวด
คุณปู่เฉียวกำลังกล่าว และทุกคนกำลังฟังอย่างตั้งใจ
จู่ๆเฉียวสวนโส้ ก็เอื้อมมือออกมาจับข้อมือเธอ ป่ายโร่ซี ตกตะลึง สีหน้าขาวซีดไปในชั่วพริบตา แล้วจ้องมองเขา ด้วยสายตาที่หวาดกลัว แล้วดึงกลับมาด้วยมือที่สั่นเทา
เขาแค่อยากเห็นเธอเจ็บปวด แต่เขาไม่รู้เลยว่าความ หยาบคายในวันนี้ได้ทําร้ายเธอ
แต่ว่าสิ่งที่มองเห็นจากสายตาของป่ายโร่ซี ในขณะนี้ คือความหวาดกลัว ดวงตาของเธอหวั่นเกรง และกลัวเขา มาก เขาเพียงแค่ขยับเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เธอตกใจจน หน้าขาวซีดแล้ว ผู้หญิงคนนี้กลัวเขาอย่างมากไปแล้วใช่ ไหม?
ทั้งสองคนนั่งเคียงข้างกัน เฉียวสวนโส้ จับมือของเธอวางไว้บนต้นขาของตัวเอง เมื่อก้มหน้าลงมองฝ่ามือของ เธอ ฝ่ามือขาวนวลของเธอมีรอยขีดข่วนที่น่าสยดสยอง
เขาโกรธอย่างมาก แต่ในเวลานี้เขาโทษตัวเองมากกว่า
ป้ายโร่ซี กังวลมาตลอด กลัวว่าจะมีคนมาเห็นเข้า และ ยิ่งกลัวว่าผู้ชายคนนี้จะทำร้ายเธออีก ไม่รู้ว่าทำไมผู้ชาย คนนี้ถึงจับข้อมือของเธอเอาไว้ ดังนั้นจึงออกแรงดึงกลับ มา
แต่เรี่ยวแรงของเธอมีน้อยเกินไป ไม่มีทางที่จะสลัดการ หน่วงเหนี่ยวของเขาได้
เธอพบว่า เฉียวสวนโส้ เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋า กางเกงของเขา แล้วหยิบเอากระปุกสีแดงอันเล็กๆออกมา กระปุกเล็กๆนั้น มีขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดไฟ และด้าน บนมีตราสัญลักษณ์ของกองทัพ
ป้ายโร่ซี เพิ่งเคยเห็นของชนิดนี้เป็นครั้งแรก
เธอสงสัยอย่างมากว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่ ชาย หนุ่มเปิดฝาออก ปลายนิ้วจิ้มลงไปในเนื้อครีมใส แล้วลูบ ลงกลางฝ่ามือของเธอเบาๆ
กลิ่นหอมจางๆของเจลใสและกลิ่นมิ้นท้อบอวลไปทั่ว ห้องนั่งเล่น ป้ายโร่ซีรู้สึกเย็นวาบที่ฝ่ามือ ความเจ็บปวดที่ยังมีอยู่ลางๆบรรเทาลงทันที รู้สึกสบายและคลายปวด
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนขนาด นี้จากปลายนิ้วของผู้ชายคนนี้ เขาขยับเบาๆ แค่แตะที่ ฝ่ามือของเธอเท่านั้น แต่มันกลับเป็นสายรัดแน่นที่นุ่ม นวลและรบกวนห้องหัวใจเธอที่สุด
“กลิ่นอะไรหอมจังเลย” จู่ๆหยิ่นยินก็เอ่ยขึ้น
“อืม หอมจัง ฉันเองก็ได้กลิ่น” คนอื่นๆก็ได้กลิ่น สูดจมูก และมองไปรอบๆ
ป้ายโร่ซีรู้สึกประหม่าไม่รู้จะทำอย่างไรดี อยากจะถอน มือกลับมา แต่ เฉียวสวนโส้ จับฝ่ามือเธอเอาไว้ เธอบีบ ต้นขาแน่น เอนตัวเข้ามาใกล้โต๊ะ เพื่อปิดกั้นสายตาของ คนข้างๆ
ไม่มีสักคนที่มองเห็นว่าทั้งสองคนจับมือกันอยู่ใต้โต๊ะ
“อย่าฟุ้งซ่าน” คุณปู่เฉียวออกคำสั่ง ทุกคนจึงกลับมี สมาธิอีกครั้ง
ในเวลานี้หัวใจของป่ายโร่ซี นั้นเต้นด้วยความตื่นเต้น อยู่ตลอด คาดว่าเต้นไปมากกว่าสองร้อยครั้งแล้ว ไม่ สามารถเอามืออออกจากฝ่ามืออันอบอุ่นของเขาได้ มัน คือการจับมือกันใช่ไหม?
เธอรู้สึกดีใจอย่างไร้ความมุ่งมาดปรารถนา และลืมสิ่งที่ ผู้ชายคนนี้ทำร้ายเธอไป
ในตอนที่ไม่มีใครให้ความสนใจเธอเฉียวสวนใส้ ค่อยๆ ลดศีรษะลงแล้วคลายมือ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมืออีกข้าง ของเธอ
คราวนี้เขาไม่ต้องจับมือของ ป้ายโร่ซี เอาไว้แล้ว เธอ วางมือลงบนตักของเขาอย่างเชื่อฟัง
เขาก้มหน้าลงแล้วทายาให้เธออย่างตั้งใจ ป้ายโร่ซี รู้สึก มีความสุข ใบหน้าแดงก่ำและแอบสุขใจ
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ใบหน้าของเฉียวสวนโส้แย่ยิ่งกว่า พอมองเห็นบาดแผลของเธอ นอกจากเขาจะเอาแต่โทษ ตัวเองแล้ว ยังทั้งโกรธและหงุดหงิดตัวเอง
เขาทายาให้เธอด้วยความระมัดระวังจนเสร็จ ปลายนิ้ว สัมผัสลงบนฝ่ามือของเธอสองสามครั้ง และเอาออกอย่าง ไม่เต็มใจ
ป้ายโร่ซี รู้สึกหงุดหงิด เมื่อไม่สามารถรู้สึกได้ถึงสัมผัส ของเขาแล้ว มันเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
ในขณะที่เธอกำลังดึงมือกลับมา จู่ๆ เฉียวสวนโส้ ก็ยัด กระปุกยา ปิดผาเรียบร้อยแล้วไว้ในฝ่ามือของเธอ
เธอถือกล่องเอาไว้ แล้วมองไปทางเขาด้วยความ ประหลาดใจ
สุดท้ายแล้วสายตาของชายหนุ่มมองไปที่คุณปู่เฉียว ใบหน้าของเขาเย็นชาและหม่นมืด มองไม่เห็นอารมณ์ ใดๆเลย
ป้ายโร่ซี ถือกล่องเอาไว้ สองมือพับอยู่บนโต๊ะ ค่อยๆ เอนไปทางด้านข้างของเฉียวสวนโส้ ศีรษะเกือบจะแนบ กับแขนของเขา แล้วกระซิบแผ่วเบาว่า : “พี่สามคะ มอบ ให้ฉันเหรอคะ?”
ชายหนุ่มฮึมฮัมออกมาเบาๆจากลำคอ
ในใจของป่ายโร่ซี รู้สึกหวานชื่น เม้มปากอยากจะยิ้ม และอดกลั้นไม่เผยความคิดของตัวเอง แล้วแอบลดศีรษะ ลงค่อยๆยืดตัวขึ้นนั่งตรง พร้อมกับแอบเอากล่องที่ถือไว้ ในมือใส่ไว้ในกระเป๋า
เธอไม่มีความคิดที่จะฟังว่าคุณปู่เฉียวกำลังพูดอะไรเลย สีหน้าของคนอื่นล้วนแต่หนักอึ้ง และเธอได้ก้มหน้าลง แล้วจมอยู่กับความคิดของตนเองเพียงลำพัง
หลังจากท่านปู่เฉียวพูดเรื่องของตระกูลจบแล้ว จึงพูดเรื่องทั่วๆไปว่า : “ฉันเองก็แก่แล้ว อายุมีแต่มากขึ้นๆ แล้ว ก็ไม่รู้ว่าวันที่ฉันจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาฉันเลยทำพินัยกรรมเอาไว้ ฉัน ไม่สามารถเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นกับลูกชาย หลาน ชาย ดังนั้นเมื่อฉันแก่ชราเป็นร้อยปี ฉันหวังว่าพวกแกจะ ยอมรับความประสงค์ของฉันด้วยความเต็มใจ ทุกคนต่าง เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องคิดกังวลมากจนเกินไป”
ลูกชายคนเล็กของบ้านลูกชายคนรอง เฉียวตงหลิงที่ ยังเรียนปริญญาโทด้านการจัดการ ถามอย่างตื่นเต้นว่า : “คุณปู่ครับ ผมไม่สนใจว่าปู่จะจัดสรรหุ้นอย่างไร แต่ผม อยากจะรู้ว่าปู่จะมอบบริษัทให้ใครจัดการ”
“ใครมีความสามารถก็จัดการได้” คุณปู่เฉียวเอ่ยเรียบๆ
เฉียวตงหลิง ชี้ไปที่ เฉียวสวนโส้ : “ยกเว้นพี่สามที่ไม่ เคยค้าขาย ทุกคนใน บ้านตระกูลเฉียวล้วนแต่มีความ สามารถ ผมแค่อยากรู้ว่าปู่คิดอย่างไรครับ”
คุณปู่เฉียวยิ้มและถามกลับว่า : “พี่สามของแกแม้แต่ กิจการของกองทัพยังสามารถจัดการได้ แค่บริษัทธรรม ดาๆยังต้องให้แกมาตั้งคำถาม?”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง แต่เฉียวสวนโส้กลับไม่สนใจ เพราะว่าเขาคาดเดาความคิดของคุณปู่ได้แต่ แรกแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าคุณปู่จะมอบกิจการให้กับชายที่ มีงานยุ่งมากคนนี้ แต่ว่าคนอื่นกลับไม่คิดเช่นนี้
เฉียวตงหลิง ตื่นเต้นมากที่สุด ผลุดลุกขึ้นยืนทันที : “คุณ ปู่ ปู่จะยกธุรกิจให้พี่สามจริงๆเหรอครับ?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ