บทที่ 13 อยากจะบ้าตายจริงๆ
บทที่ 13 อยากจะบ้าตายจริงๆ
พูดจบ เธอก็หันไปทางชามบะหมี่
ถึงแม้ว่าหม้อจะใหญ่มาก แต่เธอก็ไม่กล้าตักมากเกิน ไป เพราะกลัวว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ จึงใช้ถ้วยเล็กๆตัก แทน พอหยิบตะเกียบแล้วก็นั่งลงตรงข้าม เฉียวสวนโส้ และก้มหน้าลงกินบะหมี่
แน่นอนว่ามันอร่อยไปหมดทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปรส กลิ่นและสี ฝีมือดีขึ้นสุดยอด
เธอกินไปกินไป ดวงตาก็เปียกชุ่ม
ยิ่งกินยิ่งรู้สึกสะอื้นในคอและน้ำตาคลอเบ้า เธออยากจะ ร้องไห้เพราะว่าเฉียวสวนโส้เมื่อสิบปีก่อน เป็นบุตรชาย แห่งสวรรค์ที่นิ้วมือทั้งสิบนิ้วไม่เคยจะต้องแตะต้องการ งานใดๆ
ช่วงเวลาของเขาในกองทัพจะต้องยากลำบาก เหนื่อย มาก และอันตรายมากๆอย่างแน่นอน
เธอสูดหายใจลึก ก้มหน้าลงเอาผมมาบังเอาไว้ แล้วแอบ เช็ดหยดน้ำตาที่เบ้าตา
ขณะที่เงยหน้าขึ้น ก็พบว่า เฉียวสวนโส้ วางตะเกียบลง แล้ว ข้างในถ้วยแทบไม่ขยับ มีเพียงไข่ดาวที่หายไปครึ่ง หนึ่ง
เธอมองไปที่ตาของเฉียวสวนโส้
เขานั่งอย่างเงียบงันเป็นอันมาก และกำลังมามองที่เธอ
สิ่งนี้ทำให้เธอไม่สบายใจเลย เคลียร์คอให้โล่งแล้ว น้ำ เสียงก็ยังไร้พลัง “พี่สาม ทำไมไม่กินแล้วล่ะคะ”
เฉียวสวนโส้ มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ สีหน้าไม่ ชัดเจน น้ำเสียงมีร่องรอยความไม่พอใจ : “ลดน้ำหนัก”
ป้ายโร่ซี เกือบจะสำลักด้วยความตกใจ นี่มันเป็นมุขตลก
ใช่ไหม?
ทั้งตัวของเขานอกจากกล้ามเนื้อแล้ว ยังมีส่วนไหนเป็น ไขมันส่วนเกินอีกล่ะ?
ถึงแม้เธอจะไม่เคยเห็นก็เถอะ แต่มันทำให้เธออยากรู้
อยากเห็นจริงๆ
“ลดน้ำหนัก แล้วทำไมถึงทำมื้อดึกล่ะ?”
“หิวไง”
พูดจบ เฉียวสวนโส้ ดึงเก้าอี้ออก หมุนตัวเดินออกจาก ห้องครัว
มองดูเงาแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินจากไป
หัวใจของป่ายโรชีวุ่นวาย เหมือนกับสระน้ำที่มีน้ำ กระจ่างใสในฤดูใบไม้ร่วงแน่นิ่งมานับสิบปี ราวกับมีก้อน หินเล็กๆ โยนเข้าไป ภายในชั่วพริบตาก็เกิดระลอกคลื่น
เธอค่อยๆมองไปที่เขียง ต้นหอมที่สับไว้เรียบร้อยแล้วไม่ ได้ใส่เข้าไป บังเอิญลืมใส่ลงไป หรือว่ายังคงจําได้ว่าเธอ ไม่กินต้นหอม?
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยคิดเลยว่าระดับสติปัญญาของ เธอจะอ่านเขาออก
แต่ เฉียวสวนโส้ ทําอย่างชัดเจนขนาดนี้ เธอเข้าใจผิด ได้หรือ?
เธอไม่เข้าใจเลยว่าจริงๆแล้วผู้ชายคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่
วันรุ่งขึ้น ยามเช้าตรู่
เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า ป้ายโร่ซีมีถุงดำใต้ตา เพราะเมื่อ คืนกินจนอิ่มตื้อ และนอนไม่หลับทั้งคืน
วันนี้เธอยังต้องติดตามถังลี่เต๋อ ต่อไป โดยไม่มีทาง
เลือก
หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว ป้ายโร่ซีก็เลือกเสื้อโค้ตสี เทาอ่อนแบบเรียบง่ายที่สุดและกางเกงขายาวสีดำ เพราะ ว่ารอยคล้ำใต้ตา เธอจึงจงใจแต่งหน้าให้สวยงามและมัด ผมหางม้า
มองตัวเองในกระจกอย่างกระปรี้กระเปร่าและมีชีวิตชีวา และเท่เหมือนกับผู้หญิงที่สืบราชการลับในหนังที่ไล่ตาม จับขโมย เธอสะพายกระเป๋าด้านหลังแล้วเดินออกไปด้วย ความพึงพอใจ
คนรับใช้กำลังยุ่งอยู่ในห้องนั่งเล่น คนอื่นๆยังไม่ตื่น
เธอเพิ่งจะเดินลงมา แม่บ้าน ป้าชิว ฉีกยิ้มกว้างแล้วถาม : “คุณโร่ซี จะรับอาหารเช้าหรือเปล่าคะ?”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” เธอต้องรีบไปที่ชุมชนของเขาก่อนที่ ถัง เตือจะออกจากบ้าน
ป้าชิวเป็นกังวล : “ไม่กินอาหารเช้าจะปวดกระเพาะนะ คะ อย่าคิดว่าคุณอายุน้อยแล้วจะไม่เป็นไร ถ้าคุณแก่ แล้ว…”
“ฉันกินค่ะ…” ป้ายโร่ซี ยกมือขึ้นยอมแพ้ เธอไม่อยาก ใครก็ตามที่ห่วงใยเธอต้องผิดหวัง ถ้ามาจากใจจริงเธอก็ ยินดีรับ
เธอยิ้มอย่างไม่มีทางเลือก แล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร และ มองเห็นขนมอบที่สวยงามวางอยู่บนโต๊ะ ซาลาเปา โจ๊กที่ มีสารอาหารสูง และเค้กธัญพืชเป็นต้น
เธอหยิบซาลาเปาขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในปาก มืออีกข้าง หยิบอีกอัน หันไปมองป้าชิว ที่ยืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับมี รอยยิ้มที่น่ารักปรากฏอยู่
ป้าชิว ยิ้มเอาใจ ก่อนจะถอนหายใจ “คุณผู้หญิงของ ฉันนี่นะ คุณมีภาพลักษณ์ที่สูงส่งขนาดนี้ แล้วนี่…นี่กินไป ด้วยเดินไปด้วย มากเกิน…”
“ไม่เป็นไรนี่คะ กินอิ่มก็พอ ใครจะสนใจภาพลักษณ์ของ คนเดินถนนกันล่ะ?” ป้ายโร่ซี ตรงหน้าของป้าชิว เป็นคน สบายๆ หยิบซาลาเปาแล้วเดินจากไป
เพราะว่าเธอรีบมากจริงๆ
ที่บ้านตระกูลเฉียว เธอสนใจภาพลักษณ์ของตนเองมาก กว่าใครๆ เพราะว่าที่นี่มีคนที่เธอแอบชอบอยู่
เธอไม่รู้ว่าคนอื่นเวลาแอบชอบใครสักคนแล้วเป็น อย่างไร แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ล้วนแต่ คาดหวังว่าเฉียวสวนโส้ จะปรากฏตัวออกมาอย่างทันที ทันใด ขอเพียงแค่นึกถึงเขาขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสถาน ที่ที่เป็นไปไม่ได้อย่างห้องน้ำหญิงก็ตามยังคาดหวังว่าจะ ได้เห็นเงาของเขา แต่พอวันหนึ่งไปพบเขาเข้าจริงๆ ก็ตื่น ตระหนกและหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก อารมณ์ไม่ปกติ
เพิ่งจะถือซาลาเปาออกจากประตูมา และซาลาเปาในมือ อีกข้างยังกินไม่หมด คนที่เธอไม่อยากเจอในเวลานี้ก็เข้า มา
เธอนิ่งอึ้ง ยืนตัวแข็งทื่อ
อยากจะวิ่ง แต่ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยวตรงหน้าล๊อค
เธอไว้
“พี่…พี่สาม” ในปากของป้ายโรซี ยังมีขนมปังที่ยังไม่ได้ กลืนลงไป มืออีกข้างยังมีซาลาเปาที่ยังไม่ได้กินเลยสัก คำ เป็นการประจันหน้าที่น่าอึดอัดใจอะไรอย่างนี้ อยากหารูมุดเข้าไปจริงๆ
อากาศยังคงหนาวเย็น ป่ายโร่ซีสวมแจคเก็ต และเขา เพิ่งจะกลับมาจากออกกำลังกาย ร่างกายที่แข็งแรงสวม เพียงเสื้อยืดแขนสั้นและกางเกงวอร์มขายาว
เฉียวสวนโส้ยืนขมวดคิ้วตรงที่ว่างหน้าประตู อากาศเย็น จางๆเริ่มที่จะค่อยๆพัดมาที่ป่ายโร่ซี
รู้สึกได้เลยว่าอากาศยังคงหนาว
ทักทายเขาแล้ว แต่ว่าเขายังไม่ได้พูดอะไร
ป้ายโร่ซี ก้าวเท้าไปยังด้านข้างด้วยใจที่สงบนิ่ง
“จะไปไหน?”
น้ำเสียงเย็นชาของเฉียวสวนโส้ จริงจังและน่าเกรงขาม
“มีธุระต้องออกไปค่ะ” ป่ายโร่ซีพูดพึมพำและเดินผ่าน เขาไปอย่างประหม่า
เสี้ยววินาทีที่เธอเดินผ่านไป ชายหนุ่มเคลื่อนมายัง ทิศทางของเธอ เธอหยุดชะงักลงในช่วงเวลานั้น แล้วอุบัติเหตุก็เกิดขึ้น
คิดไม่ถึงว่า เฉียวสวนโส้ จะใช้ตัวขวางเธอ
ตอนนี้ระยะห่างของคนทั้งคู่เท่ากับศูนย์
เป็นครั้งแรกที่เกิดความห่างแบบนี้ เธอมึนงงไปทั้งตัว ศีรษะของเธออยู่ที่คางของเขา หน้าผาก จมูก และปาก ล้วนแต่กดลงบนหน้าอกของชายหนุ่มทั้งหมด
อุณหภูมิของร่างกายรู้สึกได้จากการสัมผัสในระยะห่าง
ป่ายโร่ซี รู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้า
ลมหายใจนั้นสับสน ทั้งตัวแข็งทื่อและไม่สามารถขยับ ได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่ขยับคือหัวใจ เหมือนกระต่ายที่บ้าไป แล้วและกระโดดไม่หยุด
เธอสูดหายใจลึก ปลายจมูกอบอวลไปด้วยกลิ่นของ ความเป็นผู้ชาย เป็นฮอร์โมนที่ล่อลวงให้คนทำบาป มัน หอมบริสุทธิ์
เธอไม่ได้อยากจะเป็นพวกบ้ากามในตอนนี้ แต่ว่าเธอ ขยับไม่ได้เลยจะทำยังไงดี?
ทันใดนั้น น้ำเสียงที่เคร่งครัดเปล่งเป็นเสียงทุ้ม ดัง ออกมาจากลำคอ เหมือนแม่เหล็กแต่เย็นชา : “วันนี้จะไป ไล่ตามใครอีกล่ะ?”
ป้ายโร่ซี อึ้งแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างรุนแรง
เธอคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มก็ลดศีรษะลงมาเช่นกัน คน หนึ่งก้ม คนหนึ่งเงย ปากเกือบจะตรงกัน
ระยะห่างของริมฝีปากน้อยกว่าห้าเซนติเมตร
ลมหายใจเหนื่อยหอบของพวกเขาพัวพันกัน เมื่อกลอก ตา เธอเห็นตัวเองในดวงตาสีดำและขาวของเขาเป็นครั้ง แรก
ที่จริงแล้วตาของเขาใสราวกับคริสตัล
เธอตื่นตระหนกจนทำให้เส้นที่ข้อมือพลิกกระเด้งออกมา จนรู้สึกเจ็บ นิ้วมือสั่นเล็กน้อย เพราะกลัวว่าเขาจะค้นพบ ว่าตนเองไปคอยตามถังลี่เต๋อ และกลัวว่าระยะห่างจาก เขานั้นใกล้กันมากเกินไปจนควบคุมตัวเองไม่ได้
เสียงของเธอสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน : “ฉัน…ฉันไม่ ได้…ไม่ได้ไปตามใครเลยค่ะ จริงๆนะคะ พี่สาม”
วันนี้ออกไปคอยตรวจสอบถึงสี่เต๋อ ไม่ได้แล้ว เขาสงสัย แล้ว
ป้ายโร่ซี แอบตัดสินใจลับๆ จู่ๆชายหนุ่มก็ใช้ลิ้นเลียริม ฝีปาก ลูกกระเดือกที่ยั่วยวนเลื่อนขึ้นลงสองสามครั้ง มัน เป็นการขยับอย่างเร้าอารมณ์เบาๆ แต่เสน่ห์ที่มีร้ายกาจ
อย่างที่สุด
ใบหน้าร้อนผ่าว ตั้งแต่หูไปจนถึงลําคอ จนแสบร้อนใน ชั่วพริบตา
ป้ายโร่ซี รู้สึกจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เธอถอยออกไป อย่างเร่งรีบทั้งขวยเขินทั้งยังกระอักกระอ่วนใจ แล้วพุ่ง เข้าไปในบ้านด้วยความเร็วหนึ่งร้อยเมตรต่อชั่วโมง
เสียงของ ป้าชิว ดังออกมาจากในบ้าน : “คุณโร่ซี เกิด อะไรขึ้นเหรอคะ?”
เสียงตึงตังบนบันไดชั้นบนเร็วยิ่งกว่ามอเตอร์
และในขณะนี้ เฉียวสวนโส้ ยังคงนิ่งอยู่ในท่าเดิมไม่ ขยับ กำหมัดแน่น หลับตาทั้งสองข้าง ใช้พลังควบคุมที่ แข็งแกร่งระงับแรงกระตุ้นหัวใจและจิตวิญญาณ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากขยับ แต่ถ้าเขาไม่ผ่อนลมหายใจ และผู้หญิงคนนี้ยังไม่ไปไหนอีก เขาก็คงจะจูบผู้หญิงคนนี้อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้น่าด่าจริงๆ ใช้น้ำหอมอะไรกัน พลังในการ ควบคุมที่น่าทึ่งของเขาจะต้องไม่ถูกทำลายเพียงแค่ เพราะผู้หญิงคนนั้นคือ ป้ายโร่ซี หรอกนะ
เฉียวสวนโส้ ก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าตรงหน้าอกของเขา มี ริมฝีปากสีชมพูประทับไว้บนเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวนวล
เขาค่อยๆเอื้อมมือออกไปเพื่อสัมผัส ระยะห่างเพียงแค่ หนึ่งเซนติเมตร
ปลายนิ้วเขาสั่นเล็กน้อย กำหมัดแน่น ดวงของเขาค่อยๆหม่นมืดลง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ