บทที่ 11 ไล่ตามดารา
บทที่ 11 ไล่ตามดารา
หน้าต่างค่อยๆปิดลง แล้วรถยนต์ก็สตาร์ทเครื่องก่อนจะ ขับออกไปอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
ในเวลานี้เอง หลิวเยว่ ชะลอฝีเท้าลงแล้วซวนเซจะล้มมิ
ล้มแหล่
ป้ายหลิ่วหัวมีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว รีบพุ่งเข้าไปกอด เธอทันที แล้วโอบไว้ในอ้อมแขน เนื่องจาก หลิวเยว่ มีน้ำ หนักมาก ทั้งสองคนจึงค่อยๆย่อตัวนั่งลง
หลิวเยว่ นั่งหน้ามืดอยู่บนพื้น อยากจะร้องแต่ก็ร้องไม่ ออก ป้ายหลิ่วหัว คุกเข่าลงและประคองเธออย่างตื่น ตระหนก: “เธอ เธอไม่เป็นไรนะ อย่าทำให้ฉันตกใจสิ…”
หลิวเยว่ ร้องไห้อย่างหมดอาลัยตายอยาก : “ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะปีศาจร้ายป้ายโร่ซี เป็นหล่อนที่ทำให้ซานซาน ของพวกเราติดคุก แล้วตอนนี้ก็ทำร้ายซานซาน อีก…”
ป่ายโร่ซี ยืนอยู่ที่เดิมและมองรถที่กำลังไกลออกไป อย่างว่างเปล่า และดูคู่สามีภรรยาที่มองดูเธออย่างชิงชัง อีกครั้ง หัวใจเหนื่อยล้าจนไม่อยากจะพูดอะไรสักคำ
อย่างไรก็ตามเธอเคยชินแล้วกับการที่ต้องกลายเป็นคน บาปไปโดยไม่รู้ตัว คำนำหน้าชื่อที่ได้มาอย่างน่าอัศจรรย์ ใจ
หลิวเยว่ ยกมือขึ้นช้าๆไปที่ป้ายโร่ซี แล้วขบเขี้ยวเคี้ยว ฟันกล่าวหาว่า : “เป็นลูกที่แย่มาก ตอนที่อยู่บ้านป่าย แกก็ จะฆ่าซานซาน ของพวกเรา พอมาที่บ้านตระกูลเฉียวเป็น เพราะเฉียวสวนโส้ คนนั้นคิดที่จะฆ่าลูกของหญิงชู้เช่นแก ซานซาน เลยต้องมาเดือดร้อนเพราะแกอีกครั้ง…ฮึกฮึก…” หลิวเยว่ พูดพร้อมกับเอนตัวเข้าไปในอ้อมกอดของสามี แล้วร้องไห้
ป้ายโร่ซี อยากจะส่งข้อความไปถึงหล่อนมากๆว่า : คน เราไม่สามารถต้านทานความชั่วที่ก่อขึ้นเองได้หรอก
แต่เมื่อเห็นหลิวเยว่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดใจจึง ไม่อยากจะพูดจาไร้สาระอีก อารมณ์ของตัวเองยังไม่ สามารถจัดการให้ดีได้เลย แล้วจะมีเวลาที่ไหนไปสนใจ คนอื่น?
ป๋ายโร่ซีเดินผ่านพวกเขาไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ขณะ ที่เดินไปก็หยิบหน้ากากสีดำจากกระเป๋าข้างขึ้นมาสวม
หลังจากที่แม่ประสบอุบัติเหตุ เธอก็ขอลาหยุดจาก บริษัทเป็นเวลาหนึ่งเดือน เวลาผ่านไปครึ่งนึงแล้ว เธอไม่กล้าที่จะหยุดพักผ่อนแม้เพียงชั่วครู่ ไม่สามารถไว้ใจ เฉียวสวนโส้ ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เมืองถ่ายทำภาพยนตร์เฉียว
สิงโตหินขนาดใหญ่ตรงประตูทางเข้าเป็นจุดที่ป้ายโร่ซี เลือกจะหยุดรอดู
เธอสวมหน้ากากสีดำแล้วเอนตัวพิงอยู่เงียบๆ
ตามหาอยู่หนึ่งวัน ก็พบว่าจู่ๆคนรับใช้สองคนก็หายไป จากโลกนี้ ไม่รู้จะติดตามได้เช่นไร
ตอนนี้เธอพุ่งความสนใจไปยังถังลี่เต๋อ
คําสั่งของเฉียวสวนใส้สําหรับเธอแล้วไม่ต้องตามห ก็ได้ ยังไงเธอก็ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่ลูกน้องของเขา แล้วยิ่ง ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของเขาด้วย
ด้านนอกเมืองถ่ายทำภาพยนตร์เฉียวมีผู้คนพากันเดิน ไปมาอย่างขวักไขว่ มีผู้สื่อข่าว แฟนคลับและผู้คนอยู่ทั่ว ทุกแห่ง
“ว้าว! ไอดอลออกมาแล้ว…” แฟนคลับคนหนึ่งจะโกน เสียงดัง ฝูงชนต่างพากันโอบกอดกัน
ป้ายโร่ซี เหลือบมองไปทางด้านหน้าด้วยความอยากรู้ อยากเห็น มีหนุ่มน้อยไอดอลวัยใส่แต่ตัวตามแฟชั่นคน หนึ่งถูกล้อมรอบบอดี้การ์ดสองสามคนในชุดสูทและ รองเท้าหนัง
ชายหนุ่มที่เพิ่งจะอายุยี่สิบต้นๆ สำหรับป้ายโร่ซีที่เป็น โบราณวัตถุอายุ 25 ปีแล้วนั้นช่างไม่มีเสน่ห์ใดๆเอาเสีย
เลย
ดวงตาอันแหลมคมของเธอมองเห็นถังลี่เต๋ออยู่ด้านหลัง บอดี้การ์ด แค่เพียงพวกแฟนคลับบีบเข้ามาเท่านั้น
เธอก็จะขยับเข้าไปใกล้ทันที
หลังจากที่หนุ่มน้อยไอดอลขึ้นรถบริษัทไปได้ไม่นาน ถังลี่เต๋อ เองก็ตามไป
ดาราใหญ่และหัวหน้าของบริษัทภาพยนตร์ออกไปด้วย กันถือว่าเป็นเรื่องปกติ
แฟนคลับต่างพากันขวางให้แทกซี่หยุดแล้วพากันขึ้นไปนั่ง
ป้ายโร่ซี ได้ขวางรถแทกซี่เอาไว้ ในตอนที่เข้าไปนั่งข้าง คนขับ จู่ๆก็มีสาวน้อยสองคนมุดเข้ามานั่งที่ด้านหลัง
“รีบขับไปเร็วค่ะ ตามไอดอลของพวกเราให้ทัน” เด็ก สาวกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับตบที่เบาะ
ป่ายโร่ซี หันกลับไปมองเด็กสาวที่อยู่ด้านหลัง แล้วดึง หน้ากากลงพร้อมกับพูดด้วยความโกรธ : “โทษทีนะ ขอ เชิญพวกเธอลงไปได้แล้ว”
เด็กสาวทําปากจู๋ : “เพื่อนร่วมชั้น ใช้รถร่วมกันมัน ประหยัดเงินกว่านะ เราทุกคนต่างก็รักไอดอลเหมือน กัน พวกเราต่างรักใคร่ซึ่งกันและกันเหมือนเป็นคนใน ครอบครัว อย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลยน่า เดี๋ยวคนขับรถ ก็ตามไม่ทันหรอก…
เพื่อนร่วมชั้น?
ป้ายโร่ซี ขมวดคิ้ว เธอดูเหมือนนักเรียนชั้นมัธยมปลาย งั้นเหรอ? แต่อย่างไรก็ตามความหน้าหนาของเด็กสาวที่ อยู่ด้านหลังมีแต่จะทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลง
เธอจึงทำได้เพียงส่งสัญญาณให้กับคนขับรถโดยไม่มีทางเลือก
รถของบริษัทขับไปได้ครึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นก็หยุดตรง หน้าอาคารที่มีชื่อว่า “ตี๋ค่า”
ประตูรถเปิดออก ถังลี่เต๋อ ก็ลงมาจากรถ
ป๋ายโร่ซี ปลดเข็มขัดนิรภัยออกทันทีแล้วเตรียมลงจาก รถ เด็กสาวที่เบาะหลังตบไหล่คนขับและเบาะที่นั่งอย่าง บ้าคลั่ง : “เร็วเข้า เร็วเข้า…ขับตามไปเร็ว ไอดอลของ พวกเราจะไปแล้วเนี่ย”
“ฉันจะลงรถ”
แต่ทว่าเสียงของป่ายโร่ซี ถูกเสียงกรีดร้องอันบ้าคลั่ง นี้กลบไปตั้งนานแล้ว คนขับเหยียบลงไปบนคันเร่งด้วย ความรู้สึกตื่นเต้น
ในเวลานี้ ป่ายโร่ อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ได้แต่ เอนหลังพิงเบาะ แล้วลูบที่หน้าผากอย่างหมดหนทาง
เข้าสู่ตอนกลางคืน ใต้โคมไฟที่ส่องสว่าง ทัศนียภาพ ของเมืองได้เข้าสู่ความสว่างไสวเจิดจ้า
คฤหาสน์ตระกูลเฉียว ในหนานย่วน
เฉียวสวนโส้ที่วิ่งวุ่นทั้งวันกลับมาถึงบ้าน
และเดินเข้าไปในห้องโถง
“น้องสาม” น้ำเสียงแจ่มชัดดังมาจากชั้นบน
เฉียวสวนโส้ เงยหน้าขึ้นมอง แล้วเห็น เฉียวสวนผู่พี่ชาย ของเขา กับพี่สะใภ้หยิ่นยิน เดินลงบันไดมา
เฉียวสวนโส้ มีรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้น เฉียวสวนผู่ เดิน ลงมาชั้นล่างอย่างรวดเร็ว สองพี่น้องกอดกันแน่น
“พี่ใหญ่”
“ไม่เจอกันนานเลย ยิ่งโตยิ่งสูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเลย นะ” เฉียวสวนผู่ จัดอยู่ในประเภทบอบบาง ร่างสูงและ อ่อนโยน สวมแว่นตาสีเงินที่ทำให้มองดูแล้วเหมือน ศาสตราจารย์
หลังจากคลายกอดอออกแล้ว เฉียวสวนโส้ ทักทายหยิ่น ยิน ที่อยู่ด้านหลังเบาๆ : “พี่สะใภ้”
“น้องสามกลับมาคราวนี้ก็อย่าไปอีกเลยนะ จะในเขต ทหารหรือว่าที่บ้าน ก็รับใช้ชาติได้เหมือนกันแหละจ้ะ” หยิ่นยิน พูดเช่นนี้เพื่อความสุขของน้องสาว
เฉียวสวนโส้ยิ้มจางๆ แต่ไม่ตอบรับคำพูดของเธอ
“ไป ไปกินข้าวกันเถอะ” เฉียวสวนผู่ พูด
“กินมาแล้วครับ พวกพี่กินให้อร่อยเถอะครับ”
เฉียวสวนผู่ พยักหน้า และทำได้เพียงพาภรรยาไปยัง ห้องกินข้าว
เฉียวสวนโส้ เองก็หันหลังแล้วเดินไปที่บันได
เฉียวอีชวน ได้รออยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว
สองสามีภรรยา ทักทายโดยพร้อมเพรียงกัน : “คุณพ่อ”
เฉียวอีชวนที่อ่อนแรงพูดว่า : “กินข้าวกันเถอะ”
เฉียวสวนผู่ เอ่ยว่า : “พ่อครับ พ่อไม่ได้บอกว่าน้องก็จะ กลับมาอยู่ที่บ้านเหรอครับ? แล้วเจ้าตัวล่ะครับ? ผมกลับ มาจากเจรจาธรุกิจก็ยังไม่เห็นเลย”
เฉียวอีชวน : “ออกไปตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับ เลย โชคดีที่ฉันยังมองการณ์ไกล ส่งคนไปคอยติดตาม เธอแล้ว”
เฉียวสวนผู่ : “ถามหน่อยครับว่าจะกลับเมื่อไหร่ พี่ใหญ่มี ของขวัญอยากให้เธอ
“ตกลง” เฉียวอีชวน หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทร หาบอดี้การ์ด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แล้วเสียงเพลงที่ไพเราะก็ดังลอด ออกมา
“เฮ้ คนอยู่ที่ไหน? ปลอดภัยหรือเปล่า?” เฉียวอีชวน เอ่ย ถามออกไป
คนรับใช้ตักข้าว
ทันใดนั้นเก้าอี้ก็ถูกคนดึงออก ทั้งสามคนตัวแข็งทื่อไป ชั่วขณะ แล้วเงยหน้ามอง
เฉียวสวนโส้ นั่งลงอย่างกระดากอายเล็กน้อย “ผมอยาก ดื่มน้ำซุปซักชามน่ะครับ”
หยิ่นยิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เฉียวสวนผู่ กลับยิ้มอย่างมีความสุข เขาชี้ไปที่คนรับใช้ : “ตักน้ำซุปเร็วเข้า”
ฟังโทรศัพท์จนจบ ใบหน้าของเฉียวอีชวน หมองหม่นลง ไปเล็กน้อย
เฉียวสวนผู่ ที่กำลังคืบผัก ก็ถามไปด้วยว่า : “น้องไป ที่ไหนเหรอครับ?”
เฉียวอีชวนเอ่ยประโยคที่ไม่น่าเชื่ออย่างตื่นเต้นว่า : “ไป ไล่ตามดาราที่เรียกว่าไอดอล”
“แค่กแค่ก… ทันใดนั้นเสียงสำลักได้ดึงดูดความสนใจ ของทุกคน
เฉียวสวนโส้ กำหมัดแนบกับปากของเขา พร้อมเอียง ศีรษะไปด้านข้างแล้วไอดังขึ้นมา
เฉียวอีชวน ขมวดคิ้ว : “ดื่มช้าๆ ไม่ต้องรีบ
“ไม่เป็นไรครับ” เฉียวสวนโส้ หยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ด ปาก สีหน้าเปลี่ยนเป็นหม่นมืดด้วยเช่นกัน
เฉียวสวนผู่กลับหยอกล้อด้วยรอยยิ้มเริงร่า : “น้องสาม นี่นายตกใจหรือแปลกใจ?”
เฉียวสวนโส้ ลดสายตาลง สีหน้าของเขาเย็นชา เขาฝืน ยิ้มออกมาจางๆและไม่ส่งเสียงอะไร
เฉียวสวนผู่ ใช้ข้อศอกสะกิดภรรยาสุดที่รัก และถาม เสียงต่ำว่า “บริษัทที่คุณบริหารเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ คุณรู้ไหมว่าคือใคร?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ