Hello!! My Cinderella นางซินหน้า...

Chapter 3 : เพื่อนฉัน…ไม่เหมือนใคร



Chapter 3 : เพื่อนฉัน…ไม่เหมือนใคร

คุณดีแซมมาส่งฉันถึงบ้านแล้วเขาก็กลับไป…

อยากรู้กันล่ะสิว่าหลังจากที่คุณดีแซมพาฉันเสริมสวย แล้วเราไปไหนกันต่อ คุณดีแซมพาฉันไปซื้อคอร์สสอน แต่งหน้าหลักสูตรเร่งรัด ฉันต้องไปเรียนทุกวันเสาร์ อาทิตย์เป็นเวลาสองเดือนตามที่ได้ตกลงกับครูสอน แต่ง หน้าซึ่งเป็น Makeup artist ชื่อดังไว้ ก็อย่างที่รู้กันว่าคุณ ดีแซมเป็นคนกว้างขวาง เขาสนิทกับ Makeup artist คน นี้เลยได้ตัวมาสอนฉันแบบตัวต่อตัว ถ้าไม่สนิทกันจริงๆ เขาไม่ยอมสอนแน่ คุณดีแซมบอกว่าถ้าจะให้ฉันไปแต่ง หน้าที่ร้านทุกครั้งที่เขาเรียกให้ไปเจอกับคุณแม่ของเขา คงไม่ไหว เผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันการที่ฉันแต่งหน้า เอง ทำผมเอง ทำเองเป็นทุกอย่างมันจะเป็นการประหยัด เวลาได้มาก ไม่พอแค่นี้เขายังพาฉันไปซื้อเครื่องสําอาง เซ็ตใหญ่ยกเซ็ตให้ฉันอีกด้วย

รู้มั้ยว่าเครื่องสำอางที่เขาซื้อให้ฉันไม่เคยใช้เลยสัก อย่าง แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าอันไหนใช้กับส่วนไหนของ ใบหน้า T^T รู้จักแค่ลิปสติกกับอายไลน์เนอร์ก็หรูแล้วฉัน น่ะ

ฉันเดินขึ้นบ้านมาอย่างทุลักทุเล สองมือหิ้วของ พะรุงพะรัง ถือว่าเป็นการซื้อของที่แพงและเยอะที่สุดเท่า ที่ชีวิตฉันเคยได้สัมผัสมา
ฉันเอาของวางไว้หน้าประตูบ้านหลังจากที่จัดการปิด ประตูและล็อคเรียบร้อยเพราะตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย จัดการเปิดไฟขับไล่ความมืดออกไป ฉันเดินช้าๆมาส่อง กระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้งสภาพค่อนข้างเก่าของยายใกล้ กับประตูห้องนอนของตัวเอง บนนั้นมีกระป๋องแป้งเด็ก กลิ่นที่ฉันชอบวางอยู่พร้อมกับหวีหนึ่งอัน ชีวิตฉันไม่เคย มีใครมาสนใจ ฉันจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องสําอาง ประเคนความสวยอะไรขนาดนั้น

ฉันไล่สายตาขึ้นจากของบนโต๊ะหน้ากระจกมามองเงา สะท้อนของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่หน้ากระจก ฉัน มองเธอคนที่อยู่เบื้องหน้า…ผมดัดลอนใหญ่สีดำสนิท ปล่อยสยายยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าได้รูปถูกแต่งแต้ม ด้วยเครื่องสำอางชั้นดี ดวงตากลมโตบัดนี้ดูโฉบเฉี่ยว ด้วยการกรีดอายไลน์เนอร์เส้นบางคมกริบ ขนตาที่ยาว อยู่แล้วถูกติดขนตาปลอมให้ตาดูมีมิติขึ้น จมูกถูกไฮไลท์ จนดูโด่งมีมิติโดยไม่ต้องเจ็บตัวไปเสริม ริมฝีปากสวยได้ รูปแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงชุ่มฉ่ำน่าสัมผัส

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ฉัน….เธอคือคนที่คุณดีแซม ปั้นขึ้นมา…ผู้หญิงที่ชื่อจัสมินผมกำลังขับรถมุ่งไปยังผับ FT ตามที่ได้นัดกับเอ็มมาไว้ หลังจากส่งมะลึกลับบ้านแล้ว เธอเอ่ยชวนผมเข้าไปกิน น้ำตามมารยาท แต่ผมไม่มีเวลามากนักเลยปฏิเสธไป

รู้มั้ยสิ่งที่ตลกสําหรับผมคืออะไร คือการที่มะลึกลัวผม ยังไงล่ะ ไม่รู้ว่าเธอกลัวผมค่าหรือว่ายังไง เธอไม่กล้าต่อ ปากต่อคำกับผม บางครั้งที่ผมพูดอะไรไม่ถูกใจเธอ มะลิก็ เถียงอยู่ในลำคอเบาๆเท่านั้น

วันนี้ผมหมดเงินไปเยอะเหมือนกันกับการแปลงโฉมมะลิ ผมไม่แคร์จำนวนเงินหรอกเพราะมันแลกมากับการที่ทุก สายตามองไปที่มะลิ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมพอใจที่สุด…พอ แปลงโฉมแล้วเธอดูเหมือนคนละคนเลยล่ะ คุณหนูจัสมิน สวยคมและเซ็กซี่ทุกกระเบียดนิ้ว ช่างแตกต่างจากมะลิ เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีอะไรสะดุดตา แต่เธอก็น่า รักเป็นธรรมชาติ

การที่ชีวิตผมไม่เคยขาดผู้หญิงทำให้ผมมองปราดเดียว ก็รู้ว่ารูปร่างภายใต้ เสื้อผ้าธรรมดาของมะลิซ่อนรูปแค่ ไหน ผมยอมรับเลยว่าทันทีที่เห็นมะลิอยู่ในชุดเดรสสีแดง นั้นเธอช่างดูสะดุดตาผมมาก ขายาวเรียวสวย เอวคอด ได้รูปหุ่นนาฬิกาทราย หน้าอกนี่ไม่ต้องพูดถึง (-.-)^^^ ผม ว่ามะลิคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมรู้จักและมีหุ่นเป๊ะตั้งแต่หัว จรดเท้าขนาดนี้โดยไม่ต้องเจ็บตัวพึ่งศัลยกรรม
สิ่งที่ขัดใจผมนิดหน่อยคือผมชอบผู้หญิงผมสีน้ำตาล แต่ มะลิเรียนคณะพยาบาลและต้องขึ้นวอร์ดอะไรของเธอ เธอทำสีผมตามที่ผมต้องการไม่ได้ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ใน เมื่อผมเปลี่ยนเธอไปเยอะแล้วเว้นไว้สักอย่างก็ไม่เป็นไร ผู้หญิงผม ก็ดูเช็กซี่แบบดาร์กๆ ได้เหมือนกัน

เอาเถอะครับ ลืมย้ยนั่นไปก่อน ตอนนี้ผมก็มาถึงที่หมาย แล้ว เอ็มม่าคงจะรอผมอยู่ เพราะเธอไม่งี่เง่าซื้ออยากรู้ เรื่องส่วนตัวผมมากจนผมรำคาญเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ ผมควง ผมก็ยังอยากจะสนุกกับเธอต่อ ผมว่าเธอก็พอจะ เคานิสัยของผมออกอยู่

ผู้หญิงสวยแถมฉลาดแบบนี้นานๆทีผมจะเจอ…

เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วผมก็เดินเข้าผับไป คนตรวจ บัตรหน้าประตูทักทายผมเป็นการใหญ่เพราะจำได้ว่าผม เป็นแขกประจำของผับชื่อดังแห่งนี้ ทันทีที่ก้าวผ่านประตู ไป เสียงเพลงบีตหนักๆ จังหวะมันส์ๆ ก็เข้ามากระแทกรูหู ทักทาย สายตาหลายคู่ของสาวๆมองมาทางผม พยายาม สื่อว่าอยากรู้จักมากมายแค่ไหน ผมได้แต่ส่งยิ้มทักทาย ไป เดี๋ยวจะหาว่าผมหยิ่งเหมือนไอ้เวรไบรอันอีก

ผู้คนมากหน้าหลายตาพร้อมจะเข้ามาทำความรู้จักกับ ผม แต่ผมไม่มีเวลามาสนใจสายตาพวกนี้นัก ผมกวาด มองไปทั่วร้านหาร่างบางสุดเซ็กซี่ที่คุ้นตา แล้วผมก็สบตาเข้ากับสาวลูกครึ่งสาคม เธอกำลังนั่งอยู่ตรง เคาน์เตอร์บาร์และมองมาทางนี้พร้อมกับแสยะยิ้มเซ็กซี่ ตรงมุมปากส่งมาให้เป็นการทักทาย

วันนี้เอ็มม่ามาในชุดเซ็กซี่ขยี้ใจ ชุดเดรสสั้นสีดำรัดรูป ของเธอขาดเว้าตรงช่วงเอว โชว์เอวคอดส่อหล่อตาผู้ชาย และพร้อมจะทำให้ผู้หญิงหลายคนอิจฉาหุ่นของเธอใน เวลาเดียวกัน

แต่ทว่า…

แวบหนึ่งในใจผมกลับคิดว่าไม่ว่าเอ็มม่าจะสวยและ เซ็กซี่ขยี้ใจแค่ไหน ก็สู้กับมะลิในลุคเซ็กซี่ไม่ได้เลยสัก în…

ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย ผู้หญิงธรรมดาอย่างยัยนั่นจะมาสู้ ดีกรีนางแบบระดับแนวหน้าอย่างเอ็มม่าได้ยังไง =..=;; นี่ ผมอยู่กับมะลินานจนติดโรคเพี้ยนจากเธอมาแล้วรึไงกัน นะ ก็ยัยนั่นน่ะ ทำให้ผมทึ่งกับเรื่องราวของเธอหลายเรื่อง แล้วนี่นา

“มาช้าจังเลยนะคะดีแซม” นี่คือประโยคทักทายของ เอ็มม่าทันทีที่ผมเข้าไปนั่งเก้าอี้ทรงสูงอีกตัวข้างเธอ

“ขอโทษทีนะครับ พอดีผมติดธุระนิดหน่อยน่ะ”
“ธุระกับผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า” เอ็มม่าดักคออย่างรู้ทัน ผม เพียงแค่ยักไหล่ตอบเธอไปก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มส อำพันกับบาร์เทนเดอร์อย่างรู้กัน

“เหมือนเดิมใช้รึเปล่าครับคุณ แซม”

ผมพยักหน้าให้เขานิดๆเป็นคำตอบ บอกแล้วไงว่าที่นี่คือ ร้านประจำผม อ้อ คงจะแปลกใจกันล่ะสิว่าทำไมผม คอป เตอร์และไบรอัน ร้านประจำถึงไม่ใช่ร้านเดียวกัน อย่าง แรกเลยคือไอ้คอปเตอร์น่ะมันไม่ใช่คนชอบดื่มนักมันเลย ไม่ค่อยออกมากินนอกบ้านแบบผม ส่วนไอ้เพื่อนรักอีก คนก็เหมือนกัน ถ้ามันไม่มีเรื่องให้คิดมาก เซ็ง จิตตกมัน ก็ไม่ออกจากบ้านหรอก แต่พวกมันสองตัวคอแข็งกว่าผม อีกนะ – _-** พอช่วงหลังๆมาพวกมันมีแฟนกันแล้วก็ไม่ ค่อยได้ออกมาหรอก ไม่เหมือนกับผม การออกมาสนุกน อกบ้านคือชีวิตจิตใจ ผมน่ะเข้าผับบ่อยกว่าเข้าบ้านอีก ก็ นอกบ้านมีสิ่งเจริญหูเจริญตาเยอะนี่นา อยู่แต่บ้านก็เห็น แค่หน้าคุณหญิงหมื่นกะรัตผมก็เบื่อเป็นนะครับ (- -);;

พูดถึงแม่แล้วผมก็เซ็งขึ้นมาเลยแฮะ ตอนนี้ผมก็เร่งมือ ปั้นคุณหนูจัสมินขึ้นมาแล้ว ผมก็หวังอย่างเดียวว่าพอผม พาเธอไปเจอแม่แล้ว แม่จะเลิกบ่นใส่หูให้ผมหาเมียซะที นะ

ลืมเรื่องแม่ไปก่อนดีกว่า กลับมาสนใจผู้หญิงที่สวยที่สุด ข้างกายผมตอนนี้ดีกว่า…
“อย่าบอกนะว่านั่นเด็กใหม่คุณ” เอ็มม่ายังคงอยากรู้ และถามติดตลก ท่าทางของเธอนึ่งต่างกับผู้หญิงคนอื่นที่ ผ่านมา ผมว่าเธอก็คงจะไม่แคร์นักถ้าหากว่าผมจะมีเด็ก ใหม่จริงๆ คนสวยและฉลาดอย่างเธอก็คงจะเล่นๆกับผม เหมือนกันนั่นแหละ

ตอนนี้เธอคงจะอารมณ์ดีแล้วล่ะมั้ง ตอนบ่ายมะลิมา ขัดจังหวะเรากำลังจู๋จี๋ก้นเธอก็เลยเหวี่ยงนิดหน่อยอย่างที่ เห็นนั่นแหละ

“เลิกห่วงเถอะ ยัยนั่นน่ะไม่น่ากินเท่าคุณหรอก” ผม กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ชนิดที่ว่าจะทำให้ผู้หญิงตรงหน้าพอใจ และหลงใหลที่สุด

“หึๆๆ คําพูดอาบยาพิษชัดๆ”

ผมถึงกับหัวเราะออกมาเพราะโดนรู้ทันซะแล้ว ช่าง สิ! ผมไม่สนหรอกว่าเอ็มม่าจะรู้ทันหรือไม่ เราก็ไม่คิดจะ จริงจังกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมว่า….คืนนี้ของผมกับเธอคง อีกยาวนาน

[End: D-Sam’s Part::]

ณ วัดแห่งหนึ่ง…
วันนี้ฉันมาทำบุญให้พ่อกับแม่และยาย แล้วตอนนี้ฉันก็ เอาพวงมาลัยมาไหว้ทั้งสามหน้าเจดีย์เก็บอัฐิที่ตั้งอยู่เรียง กัน

“พ่อจ๋า แม่จ๋า ยายจ๋า หนูควรจะทำยังไงดีจ๊ะ ยายสอน หนูไว้ว่าการโกหกผู้ใหญ่มันบาป”

ฉันพูดพร้อมกับมองรูปของบุคคลที่ฉันรักมากที่สุดสาม คนซึ่งได้จากฉันไปนานแล้ว เรื่องนี้ทำให้ฉันคิดหนักจน นอนแทบไม่หลับ เช้าวันนี้ฉันตื่นไปเก็บดอกมะลิมาร้อย พวงมาลัยไปขายให้น้าเมษาแล้วฉันก็มาทำ บุญที่วัด เสร็จจากตรงนี้แล้วฉันตั้งใจจะไปเรียนแต่งหน้าน่ะ

จริงอยู่ที่ฉันมีเงินเก็บ แต่มันก็มีไม่มากนัก ถ้าจะเอา ไปจ่ายให้คุณดีแซมหมดฉันก็ไม่มีจะใช้จ่ายน่ะสิ อีก อย่าง….เงินเก็บก้อนนี้ฉันตั้งใจเอาไว้ว่าหลังเรียนจบฉันจะ ใช้ผ่าตัด ช็อกโกแลตซีสต์ในรังไข่ที่เป็นอยู่ การทานยา สำหรับฉันมันเหมือนจะไม่ดีขึ้นเลย (ช็อกโกแลตซีสต์ คือ การที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ จะมีอาการปวด ท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง ประจำเดือนมามากและมี บุตรยาก)

“มันเกิดจากความผิดพลาดของหนูเองที่ทำให้เกิดเรื่อง แบบนี้ขึ้น” ฉันพูดเสียงเบาอย่างรู้สึกผิด ฉันอยากระบาย เรื่องนี้ให้กับใครสักคนฟัง และพวกท่านทั้งสามคนคือคน ที่ฉันจะมาระบายเรื่องไม่สบายใจให้ฟังทุกครั้ง ถึงแม้ว่า จะไม่ได้รับคำปรึกษาดีๆกลับมาก็ตาม แต่ฉันมั่นใจว่าพวกท่านคอยรับฟังฉันอยู่เสมอ คอยเฝ้ามอง ฉันแก้ปัญหา นั่นคือสิ่งที่จะทำให้ฉันเติบโตเป็นผู้ใหญ่มาก ขึ้นเมื่อแก้ปัญหาได้

แต่ปัญหาที่ฉันกำลังเผชิญอยู่นี้มันเหมือนเป็นปัญหา ใหญ่โตจนฉันไม่อาจแก้ไขมันได้…

“ทุกคนจะโกรธมั้ยคะถ้าหากว่าหนู…เลือกที่จะเชื่อฟังคำ

สั่งเขา”

ทันทีที่ฉันพูดจบ อยู่ๆสายลมก็พัดมาปะทะร่างกายฉัน เบาๆ…ราวกับกำลังปลอบและบอกฉันว่า…พวกท่าน เคารพการตัดสินใจของฉัน

ครั้งหนึ่งยายได้บอกฉันว่า ทุกคนย่อมทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ กับตัวเองเสมอ ท่านจะไม่ว่าถ้าหากฉันจะทำอะไรเพราะ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดว่ามันดีต่อตัวฉันที่สุดแล้ว

“ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้าใจหนู หนูสัญญาว่าหนูจะ ผ่านมันไปให้ได้และจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก”

เช้าวันต่อมา…
ฉันยืนรอน้ำใสไปเรียนด้วยกันหน้าตึกคณะ และ โน่น…เธอกำลังเดินมาทางนี้แล้ว…

“มะลิ” น้ำใสเรียกทันทีที่เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าฉัน ดวงตากลมโตกวาดมองใบหน้าฉันจนทั่ว

“ว่าไง”

“เธอไปทำอะไรมาเหรอ เธอแปลกไปนะ”

“แปลกยังไง?” ฉันจ้องน้ำใสตาปริบๆ นี่หน้าฉันแปลก ขนาดเพื่อนสนิทยังทักเลยเหรอเนี่ย

“เธอดู…สวยขึ้นนะ” พอได้ฟังแล้วฉันก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้เพื่อนรัก “แบบว่าหน้าเธอมันดูขาว ดูสว่างขึ้นอ่ะ หน้าก็นุ่ม นุ่ม” ไม่ว่าเปล่าน้ำใสยังเอานิ้วมายิ้มแก้มฉันอีก ต่างหาก

“มะ…ไม่หรอกมั้ง”

มันเห็นความแตกต่างชัดขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าเป็นแบบ นั้นจริงมันก็สมกับราคาสปาร์ขัดผิวบวกกับคอร์สเสริม ความงามแล้วล่ะ เมื่อวานฉันไปเรียนมา เขาสอนฉันทุก อย่างจริงๆเกี่ยวกับการดูแลผิว ขั้นตอนเยอะมาก บางที ฉันก็แอบคิดเหมือนกันนะว่ามันยากไปสำหรับฉัน แต่จะ ทำยังไงได้ล่ะ ฉันติดหนี้คุณดีแซมตั้งห้าหมื่น คิดๆดูแล้วฉันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ออกจะนอกจากจะไม่ ต้องเสียเงินแล้วเขายังซื้อของให้และมอบความสวยให้ อีกต่างหาก

สําหรับสิ่งที่เขามอบให้…ฉันไม่เคยต้องการเลยสักนิด

ใครจะว่าฉันเพี้ยนก็ว่าเถอะ ผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนแต่ อยากจะสวยกันทั้งนั้น แต่ฉันเป็นคนเรียบง่าย หาเรื่องยุ่ง ยากมาให้ตัวเองแบบนี้ฉันไม่ปลื้มเลย =..=

“จริงๆนะ ดูแขนเธอสิ ดูเนียนขึ้นเยอะเลยอ่ะ ผิวดู สุขภาพดี ผมเธอก็ด้วย”

น้ำใสจับฉันหมุนสำรวจความแตกต่าง นี่เธอกำลังทำให้ ฉันคิดว่าเมื่อก่อนฉันมีสภาพแย่มาก T^T แน่ล่ะ ฉันไม่ โกรธน้ำใสหรอกถ้าเธอจะหมายความแบบนั้นจริงๆ ก็ฉัน ไม่ใช่คนชอบแต่งตัวนี่

“เธอไปทำอะไรมา บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ” น้ำใสจับไหล่ ทั้งสองข้างของฉันพร้อมกับจ้องตากับฉันอย่างเค้นถาม

“มะ…ไม่ได้ทำอะไรนี่” ฉันกลัวสายตาแบบนี้ของน้ำใสจัง ถ้าความแตกขึ้นมาฉันต้องตายแน่ๆ

“ไม่ได้ทำอะไรได้ยังไง เธอเปลี่ยนไปเห็นได้ชัดเลยนะ”
“ก็…ฉันเก็บบ้านเมื่อวานแล้วไปเจอเคล็ดลับความงาม ของยายเข้าน่ะ ฉันก็เลยนึกสนุกลองดู ^^* * ฉันต้นเรื่องโก หกสดๆร้อนๆบอกน้ำใสไป หวังว่าเธอคงจะเชื่อนะ

“ว้าว! เคล็ดลับยายเธอนี่เจ๋งมากเลยอ่ะ คราวหน้าฉันจะ ไปบ้านเธอ เธอทำให้ฉันบ้างสิ เผื่อจะตั้งสายตาที่ดีแซม มามองฉันบ้าง” น้ำใสพูดอย่างเพ้อฝัน แต่น้ำเสียงของ เธอกำลังคาดหวังอยากให้ความฝันเป็นจริงไม่น้อย ลม หายใจฉันสะดุดกึกทันทีเมื่อเพื่อนเอ่ยถึงผู้ชายคนนั้น

“ได้สิ ^^*

ฉันรับคำน้ำใส ความจริงยายก็มีเคล็ดลับความงามของ คนสมัยก่อนเหมือนกัน ท่านก็เคยทำให้ฉันนะ แต่เคล็ด ลับสมัยก่อนคงจะเห็นผลทันตาแบบสมัยนี้ไม่ได้หรอก สมัยนี้การนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ร่วมด้วยทำให้เห็น ผลเร็วขึ้นทันตายังไงล่ะ

“ว่าแต่เธอเถอะ เปลี่ยนไปขนาดนี้หวังจะจับอาจารย์ หมอแม็กซ์ล่ะสิ” น้ำใสยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอมองฉันเหมือนรู้ทัน ฉันไปหมดทุกอย่าง

“บ้าน่า อย่ามัวแต่ยืนโอ้เอ้กันเลย ไปเรียนกันดีกว่า”

ฉันเอ่ยชวนเป็นการตัดบทก่อนที่ฉันจะเผลอหลุดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปให้น้ำใสจับได้แล้วเดินนำน้ำใสเดินไป หวงห้องเรียนภายในตึกคณะ

ฉันเดินนำน้ำใสเข้าห้องเรียนมา เพื่อนที่กำลังนั่งคุยรอ อาจารย์เข้ามาสอนในห้องเอ่ยทักทายอย่างเช่นทุกครั้ง เพื่อนร่วมชั้นปีของฉันมีประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบคน พวก เราเรียนด้วยกันมาสองปีกว่าแล้วทำให้สนิทกันเกือบทุก คน แต่คนที่ฉันสนิทด้วยมีแค่น้ำใสเพียงคนเดียว

“หายไปสองวันนี่ดูสวยขึ้นนะมะลิ” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง เอ่ยทักขึ้น นั่นยิ่งดึงให้สายตาของเพื่อนในห้องหลายคน ให้หันมาสนใจพร้อมเดินมาใกล้

“นั่นสิ ไปทำอะไรมาเหรอ” เพื่อนอีกคนเดินเข้ามาใกล้ เธอกวาดมองหน้าฉันอย่างที่งจัดกับการเปลี่ยนแปลงครั้ง นี้

“ดูผมเธอสิ ดูมีน้ำหนักอ่ะ” เพื่อนอีกคนจับผมฉันที่ปล่อย สยายยาวเต็มแผ่นหลัง

“ฉันว่าเธอหน้าตาดีอยู่แล้วเพียงแต่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง พอเธอเปลี่ยนไปแบบนี้แล้วสวยขึ้นมากเลยนะมะลิ”

“ใช่ๆๆ เธอคงเริ่มดูแลตัวเองแล้วสินะ ผู้หญิงน่ะเรื่อง ความสวยความงามมันเป็นของคู่กันนะ”
“ฉันว่าถ้าเธอดูแลตัวเองแบบนี้นะ เธอต้องสวยมากแน่

เพื่อนหลายคนเอ่ยชมฉันไม่หยุด ฉันรู้สึกดีนะกับคำ ชื่นชม แต่พอเห็นสายตาของน้ำใสที่กำลังมองมาแล้วรอย ยิ้มฉันเริ่มเลือนหายไป

น้ำใสกำลังโกรธ…เธอสะบัดหน้าหนีฉันแล้วเดินไปนั่ง ด้านหลังแล้ว

“ขอบคุณสำหรับคำชมนะ เราคือมะลิคนเดิมนั่นแหละ ทุกคนคงคิดไปกันเองน่ะ เราขอตัวไปนั่งก่อนนะจ๊ะ ^^” ว่า แล้วฉันก็ผละออกมาเดินไปนั่งข้างๆน้ำใส

“เฮอะ! คงรู้สึกดีล่ะสิ มีแต่คนสนใจเธอ” น้ำใสกอดอก ประชดเสียงขุ่น เธอไม่ยอมมองหน้าฉันเลยด้วยซ้ำ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้ำใสโกรธฉันแบบนี้ ทุกครั้งที่เพื่อน ร่วมชั้นให้ความสนใจฉันมากกว่าเธอ ไม่ว่าจะตอนที่ฉัน ติววิชาเรียนให้ ฉันไปแข่งวิชาการนำชัยชนะและชื่อเสียง มาให้คณะ และรวมถึงตอนนี้น้ำใสก็จะเป็นแบบนี้เสมอ

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะน้ำใส เพื่อนก็แค่แปลกใจเฉยๆ เธอก็รู้ว่าทุกทีฉันเป็นยังไงนี่นา”
“เวลาถูกเยินยอและชื่นชมฉันไม่เคยหลงใหลไปกับค่ พูดเหล่านั้นหรอก ฉันไม่ปฏิเสธว่ามันรู้สึกดีที่มีคนชมคน สนใจ แต่นั่นก็คือฉันน้ำใส ฉันคือมะลิคนเดิม คนธรรมดา ที่ไม่มีใครสนใจยังไงละ

“แต่เธอไม่ใช่ เธอคือคนๆเดียวที่เข้ามาทักฉันตอนอยู่ปี หนึ่ง เธอสนใจฉัน เธอดีกับฉัน และเธอก็สำคัญกับฉันนะ น้ำใส”

“น้ำใสเอาแต่เงียบเธอทำให้ฉันไม่สบายใจมาก

“น้ำใส..”

“ฉันไม่โกรธเธอแล้วก็ได้” และแล้วรอยยิ้มน่ารักของน้ำ ใสก็ปรากฏให้ฉันได้เห็น ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นเป็นกอง

“ขอบคุณนะ ^^”

“แลกกับการที่เธอต้องไปส่งฉันส่องพี่ดีแซมที่ตึกคณะ บริหารฯ เที่ยงนี้”

“โอเคจ้ะ”
ฉันรับคำทันทีเพราะรู้อยู่แล้วว่าการที่จะทำให้น้ำใส หายโกรธได้เร็วคือเรื่อง นี้ เธอชอบไปส่องคุณดีแซมที่ ตึกคณะบริหารธุรกิจบ่อย ๆ ตอนที่เขายังเรียนปริญญา ตรีเรามักจะเห็นเขากับเพื่อนได้บ่อย ๆ แต่ตั้งเขาเรียนโท น้อยนักที่จะเห็นพวกเขา คนที่หาตัวจับยากที่สุดคงจะ เป็นคุณ แซมเนี่ยแหละ ส่วนพี่ไบรอันกับพี่คอปเตอร์ฉัน ก็เห็นบ้าง มีข่าวลือเหมือนกันนะว่าที่พวกเขาเรียนต่อโทก็ เพราะอยากจะอยู่คุมแฟนน่ะ

ฉันเป็นอันต้องหยุดความคิดเอาไว้แค่นั้นเมื่อมือถือใน กระเป๋าสั่น รู้มั้ยว่าตั้งแต่รู้จักกับคุณดีแซมฉันแทบไม่กล้า ล้วงเอามือถือออกจากกระเป๋ามาดูเบอร์คนโทรเข้า ฉัน กลัวน้ำใสเห็นน่ะ

คนแง้มๆดูในกระเป๋าว่าใครกันที่โทรมาได้จังหวะแบบนี้ และคนๆนั้นคือคนที่ฉันไม่อยากให้เพื่อนรักรู้ความลับมา ที่สุด

‘D-Sam’

“น้าเมษาโทรมาน่ะ สงสัยคงจะสั่งพวงมาลัยพรุ่งนี้มั้ง ฉัน ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกก่อนนะ ในห้องเพื่อนคุยกัน เสียงดังไม่ได้ยินน่ะ
“ตามสบายจ้ะ”

ฉัน รีบลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกมานอกห้องทันที มอง ซ้ายมองขวาหาที่คุยโทรศัพท์แล้วรีบวิ่งไปตรงมุมตึกที่ แน่ใจว่าคงไม่มีใคร มาได้ยินการคุยโทรศัพท์ของฉัน

(ทำไมรับสายช้าจัง] นี่คือเสียงทักทายจากปลายสาย ทันทีที่ฉันกดรับสาย

“ขอโทษค่ะ พอดีในห้องเรียนมันเสียงดังเลยออกมาหาที่ คุยข้างนอก”

(แล้วทำไมฉันโทรเข้าเครื่องที่ให้ไปถึงไม่รับ คงไม่ได้พก อีกล่ะสิ] คุณดีแซมพูดอย่างรู้ทัน

“ค่ะ”

[ครั้งหน้าต้องพกนะ ไม่งั้นฉันจะเอามือถือให้เธอทำซาก อะไรฮะยัยคุณหนูจัสมิน]

“แต่ว่า…”

[ไม่มีแต่ อย่าลืมนะเธอติดหนี้ฉันอยู่ สิ่งที่เธอทำได้คือ ต้องทำตามคำสั่งฉัน]
“ค่ะ” ได้ฟังแบบนั้นฉันก็จนคำพูดสิคะ

เหตุผลนอกจากฉันกลัวมือถือราคาแพงของเขาหายและ กลัวถูกน้ำใสจับได้แล้วฉันยังกลัว ผู้หญิงของเขาโทรมา ด้วยน่ะ รู้มั้ยว่าวันหนึ่งสายเข้าตั้งหลายสิบสาย เกิดมีคน โทรเข้าน้ำใสก็รู้หมดน่ะสิว่าฉันไม่ได้มีแค่มือถือเครื่องที่ ใช้ ปัจจุบัน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันไม่รับรองว่าความลับ จะแตกรึเปล่า เธอต้องซักไซ้ฉันจนละเอียดแน่

(ฉันจะโทรมาบอกเธอว่าเย็นนี้มาเจอฉันที่ห้าง C หน่อย ฉันจะรอเธอที่ร้านกาแฟ S นะ เธอต้องมาแปลงโฉมก่อน แล้วฉันจะพาเธอไปพบใครบางคน

“ใครคะ?” ฉันนึกหวั่นในใจ ถ้าใครบางคนเป็นคุณแม่ ของเขาล่ะก็ บอกไว้เลยว่าฉันยังไม่พร้อม

[เดี๋ยวเธอก็รู้เอง แค่นี้แหละ

คุณดีแซมตัดสายไปหลังสั่งการเสร็จ…

ใครกันนะที่เขาจะพาฉันไปพบ…ขออย่าเป็นคุณแม่เขา เลย ฉันไม่พร้อมจริง ๆ เกิดฉันทำตัวเปิ่น ความแตกขึ้นมา เขาจะมาโทษแล้วเรียกร้องค่าเสียหายฉันจะทำยังไง ได้ บาปเพิ่มยังไม่พอยังจะหาเงินไปใช้คืนเขาอีก แบบนั้นฉัน ก็ไม่ไหวนะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ