Hello!! My Cinderella นางซินหน้า...

Chapter 1 : Top secret! เหยียบให้มิด



Chapter 1 : Top secret! เหยียบให้มิด

“เฮ้อ และแล้วการขึ้นวอร์ดก็ผ่านไปอีกวัน (-O-);; ” น้ำ ใสพูดขึ้นในตอนที่เรามาเอาเสื้อผ้าจากล็อคเกอร์ภายใน ตึกคณะ ‘พยาบาลศาสตร์ ไปเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทหลัง จากที่การขึ้นวอร์ดสำหรับวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดีอีกวัน

ฉันไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มนิดๆเห็น ด้วยกับคำพูดของเพื่อนรัก พรุ่งนี้วันเสาร์คือวันหยุด ฉัน ว่าจะดูแลสวนดอกมะลิหลังบ้านซะหน่อย ไม่มีเวลาดูแล ซะนานเลย T^T

ฉันชื่อ ‘มะลิ’ เรียน อยู่คณะพยาบาลศาสตร์ปีสาม การ เรียนของเทอมนี้จะแบ่งเป็นวันจันทร์และอังคารเรียนตาม ปกติ แล้ววันพุธ พฤหัสบดีและวันศุกร์จะขึ้นฝึกตามวอร์ด ต่างๆของทางโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยตาม ที่อาจารย์ แบ่งให้ ซึ่งนิสิตพยาบาลปีสามจะขึ้นวอร์ดแต่ละวอร์ดเป็น เวลาสามถึงสี่อาทิตย์และจะ เวียนกันไปจนครบทุกวอร์ด ฉันดีใจนะที่ฉันกับน้ำใสอยู่กลุ่มเดียวกัน

“หิวอ่ะมะลิ เปลี่ยนชุดแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า” น้ำใส เอ่ยชวน

น้ำใส คือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน เธอเป็นสาว หวานอมเปรี้ยว ตัวเล็กน่ารัก เธอเป็นคนมีน้ำใจ ข้อเสีย ของน้ำใสคือเป็นคนพูดตรงไปหน่อย ฉันยังไม่รู้เลยว่าเรามาสนิทกันได้ยังไง มารู้ตัวอีกทีก็คบกันมาสามปีแล้ว ค่ะ ^_^

ครอบครัวของน้ำใสทำธุรกิจส่วนตัวและมีฐานะ ต่างจาก ฉันที่เป็นแค่เด็กกำพร้าอยู่บ้านสวนตามลำพัง แต่ฉันก็ไม่ เคยอิจฉาใครๆ มีทุกอย่างตามที่ต้องการ สําหรับฉันแล้ว การไม่มีปัญหากับใคร และอยู่อย่างสงบสุขอย่างทุกวันนี้ มันคือความสุขของฉันแล้วล่ะ

บ้านสวนที่ฉันอยู่คือสวนดอกมะลิ เป็นมรดกตกทอดที่ ครอบครัวฉันทิ้งไว้ให้หลังจากที่ทุกคนจากฉันไปในที่อัน ไกลแสนไกลแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่คนเดียวแต่ฉันก็ไม่ เคยเหงา เพราะฉันเชื่อว่าทุกคนที่ฉันรัก…พวกท่านเหล่า นั้นยังคงมองฉันอยู่ และอยากจะเห็นวันที่ฉันประสบความ สําเร็จในชีวิต…ฉันเชื่ออย่างนั้น

“ฉันว่าเราไปนั่งหาอะไรกินกันที่ศูนย์อาหารโรงพยาบาล กันดีมั้ย ^^” ฉันออกความเห็น

“แหมมม รู้นะ” น้ำใสเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก “ที่อยาก ไปศูนย์อาหารโรงพยาบาลที่แท้อยากจะเห็นหน้าอาจารย์ หมอสุดหล่อล่ะสิ ฉันรู้ทันหรอก”

“อะไรเล่า ตอนนี้มันก็ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว ศูนย์อาหาร ใกล้ๆ ก็คงจะปิดหมดแล้ว ฉันก็เลย…”
“รู้ทันหรอก ไม่ต้องแก้ตัวหรอก” น้ำใสพูดดักคอทะลุ กลางปล้อง ไม่พอแค่นั้นเธอยังหยิกแก้มฉันอีกต่างหาก

ฉันเพียงแต่ยิ้มเขินให้เพื่อนที่รู้ทันความคิดฉัน อาจารย์ หมอที่น้ำใสหมายถึงคืออาจารย์หมอแม็กซ์ หรือพี่หมอ ถ้าเป็นเวลาที่ฉันเจอเขาบริเวณมหาวิทยาลัยฉันก็จะเรียก เขาว่าอาจารย์เป็นการให้เกียรติ แต่ถ้าเจอเขาที่อื่นฉันก็ จะเรียกเขาว่าพี่หมอ

ทุกเช้าฉันจะเก็บดอกมะลิหลังบ้านมาร้อยพวงมาลัยรวม ทั้งดอกมะลิสดเอาไปขายให้ร้าน ‘Max&Mell Flowers Shop’ เป็นร้านของแม่พี่หมอซึ่งก็คือน้าเมษา ฉันสนิทกับ ครอบครัวนี้ พวกเขาคือผู้มีพระคุณของฉันเพราะตอน ยายฉันป่วยก็มีครอบครัว หมอคอยช่วยเหลือตลอด ไม่พอแค่นั้นยังช่วยซื้อพวงมาลัยและดอกมะลิสดจาก ฉันด้วย ตั้งแต่ฉันขึ้นปีสามมาฉันก็ไม่ได้เอาของพวกนี้ ไปขายให้กับน้าเมษาทุกวัน เหมือนแต่ก่อนเพราะต้อง ฝึกงาน น้าเมษาบอกว่าถ้าหากฉันต้องการจะเอาไปขาย เมื่อไหร่เธอก็พร้อมจะช่วยฉันซื้อ ทุกเมื่อ

หลายวันผ่านมานี้ก็เป็นวันสำคัญของ ‘น้องเมลล์’ น้อง สาวสุดน่ารักของพี่หมอ เธอเข้าพิธีหมั้นกับ ‘พี่ไบรอัน’ หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษสุดหล่อที่สุดอีกคนหนึ่งของมหา’ลัย ของเรา เมลล์เป็นคนนิสัยน่ารัก คงไม่แปลกที่จะมัดใจ หนุ่มหล่อแสนหยิ่งยโสอย่างพี่ไบรอันได้ เธอมาชวนฉัน ไปงานหมั้นด้วย แต่อย่างฉัน…ไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไป บริเวณคฤหาสน์ตระกูลเบรซหรอก เลยฝากของขวัญให้พี่หมอเอาไปให้เมลล์แค่นั้น

คงจะพอเดาออกแล้วล่ะสิว่าเรื่องที่น้ำใสแซวฉันคือ อะไร…

ใช่แล้วล่ะ…ฉันชอบพี่หมอ (.///.)

ฉันก็เป็นเหมือนผู้หญิงหลายคนที่ชอบพี่หมอแม็กซ์ แต่ สิ่งที่ทำให้ฉันดีใจมากกว่าผู้หญิงพวกนั้นคือ…พี่หมอรู้จัก ฉันดีในระดับหนึ่ง

แน่นอนว่าน้ำใสรู้ว่าฉันรู้จักเมลล์เพราะเธอเป็นน้องสาว ของคนที่ฉันชอบ ทุกครั้งถ้าน้ำใสเห็นฉันคุยกับเมลล์เธอ จะโกรธฉันมาก สาเหตุน่ะเหรอ…ก็เพราะเมลล์คือคนที่พึ่ ไบรอันเลือกน่ะสิ จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่แค่เมลล์คนเดียวที่ ถูกน้ำใสเกลียดเข้าไส้หรอก น้ำว้าแฟนพี่คอปเตอร์เองก็ เช่นกัน

น้ำใสเคยชอบสามหนุ่มฮอตกลุ่มนั้นมาก ชอบชนิดที่ เรียกว่าคลั่งไคล้จนแทบบ้า ถ้าเธอรู้ข่าวว่าสามคนนี้ไป ชอบใครล่ะก็…ผู้หญิงคนนั้นจะถูกเกลียดขี้หน้าไปทันที ถ้ามีโอกาสเธอก็ไม่พลาดที่จะแกล้ง

คนที่โสดคนสุดท้ายของกลุ่มอย่าง ‘คุณดีแซม’ จึงเป็นที่ สนใจของน้ำใสมาก เธอชอบเขามากชนิดที่ฉันยังแอบคิด ว่าน้ำใสอาจจะมีปัญหาทางจิต ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรจะคิดแบบนี้กับเพื่อน แต่เท่าที่คบกันมาฉันว่าฉันรู้จักเพื่อน คนนี้ดี

เป็นแบบนี้ฉันเลยไม่กล้าแม้แต่คิดจะบอก ‘เรื่องนั้น’ ให้ น้ำใสฟังไงล่ะ…

ณ ศูนย์อาหารโรงพยาบาล B…

ฉันนั่งทานข้าวอยู่ตรงข้ามกับน้ำใสไปเงียบๆ สองตาก็ แอบส่องหาร่างสูงแสนคุ้นตาหวังจะได้เจอหน้าให้ชื่นใจ ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโรคจิตเลยนะ _ ฉันว่า ไม่ได้มีแค่ฉันหรอกที่มีอาการแบบนี้ ใครที่กำลังมีอาการ ตกหลุมรักคนบางคนอยู่ก็คงจะเป็นเหมือนกันนั่นแหละ แค่เห็นหน้าใกล้ๆ ชีวิตก็มีความสุขแล้วใช่มั้ยล่ะ

ศูนย์อาหารเวลานี้มีคนอยู่บ้างประปราย ส่วนมากจะเป็น นิสิตแพทย์ฯ ปีห้ากับปีหก ร้านกับข้าวหลายร้านยังใจดี เปิดขายให้ ไม่ต้องเสียเวลาไปหาอะไรทานข้างนอกมหา วิทยาลัยไกลๆ ให้เสียค่าเดินทางด้วย

“มองจานข้าวบ้างก็ได้นะมะลิ ฮิๆๆๆ” น้ำใสพูดกลั้ว หัวเราะพลางจ้องหน้าฉันอย่างขำๆ

“น้ำใสก็”
ฉันว่าฉันเนียนแล้วนะ น้ำใสยังเห็นอยู่เหรอเนี่ย ( ._.);;

“อ๊ะนั่น! อาจารย์หมอนี่ O[ ]O!”น้ำใสชี้ไปด้านหลังฉัน เห็นแบบนั้นฉันก็หันขวับไปทันทีหวังจะเห็นร่างสูงที่กำลัง มองหา

สิ่งที่เห็นกลับมีแค่ความว่างเปล่า…

“ฮ่าๆๆ เธอเนี่ยน้า ไร้เดียงสาจนซื่อบื้อ” น้ำใสส่ายหน้า เอือมระอากับความชื่อของฉัน

ฉันบอกแล้วว่าน้ำใสเป็นคนพูดตรง ฉันชินแล้วกับนิสัย ของเพื่อนคนนี้ แล้วอีกอย่างฉันก็คงจะซื่อบื้อจริงๆอย่างที่ น้าใสว่านั่นแหละ

ทันใดนั้นเองฉันก็เหลือบไปเห็นพี่หมอเดินเข้ามาในศูนย์ อาหารแห่งนี้ ร่างสูงสมส่วนผู้มีเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา ชนิดที่สาวๆหลายคนมองแล้วต้องเหลียวหลัง ฉันชอบพี่ หมดใส่เสื้อกาวน์แบบนี้จัง

ฉันมองพี่หมออยู่นานจนเขาเริ่มรู้ตัวว่าถูกมองเลย มองมาทางฉัน เมื่อเราสบตากันเขาก็พยักหน้าทักทาย ฉันพร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาหัวใจฉันเต้นแรง ฉันยิ้มกว้าง ทักทายเขาเช่นกัน
แค่รอยยิ้มยังมีอิทธิพลต่อหัวใจฉันมากขนาดนี้…(.///.)

น้ำใสคงจะเห็นว่าฉันกำลังยิ้มทักทายใครบางคนที่อยู่ ด้านหลังเธอไกลๆ เธอจึงมองตามสายตาของฉันไปก็เห็น ว่าเป็นพี่หมอนั่นเอง

“ยิ้มกว้างเลยน้า ไม่ต้องกินข้าวก็อิ่มผู้ชายแล้วมั้ง”

เมื่อได้ยินแบบนั้นรอยยิ้มของฉันถึงกับสะดุดก่อนจะมะ ลายหายไปในตอนที่พี่หมดหันไปสั่งกับข้าวพอดี

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะน้ำใส”

“ฉันก็พูดเล่นไปงั้นแหละ จริงจังไปได้น่า

อืดดดดด~ อืดดดดด~

ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรกับน้ำใสกับคำพูดค่อนข้าง รุนแรงของเธอ มือถือของฉันที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้าง ก็สั่นสะเทือนระดับสิบริกเตอร์จนฉันตกใจ ฉันรีบล้วงมัน ออกมาดูหวังจะกดรับสายก่อนที่น้ำใสจะทำหน้ารำคาญ เสียงสั่นของมันไปมากกว่านี้ แต่พอเห็นชื่อของคนโทรมา ฉันถึงกับชะงักมือไปทันที

‘D-Sam’
“มือถือรุ่นเดอะบองเธอยังไม่เปลี่ยนอีกเหรอ ฉันจะซื้อ มือถือเครื่องใหม่ให้เป็นของขวัญวันเกิดก็ไม่เอา”

“ขอตัวไปคุยธุระข้างนอกก่อนนะน้ำใส ลูกค้าน่ะ”

ฉันไม่ตอบคำถามน้ำใสแต่เลือกที่จะบอกเพื่อนไปแบบ นั้น ขืนน้ำใสรู้ว่าใครโทรมารับรองศูนย์อาหารแตกแน่

ฉันไม่รอคำตอบจากน้ำใสแล้วรีบวิ่งออกมาหาที่คุยโทร ศัพท์เงียบๆแทน นี่ฉันลืมไปแล้วนะว่ามีเบอร์นี้อยู่ในมือ ถือรุ่นเก่าของฉันด้วย ตั้งแต่ที่ฉันกับคุณดีแซมเจอกันวัน นั้นเขาก็หายไปเลย

การเจอกันครั้งนั้นทำให้ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเรียกคุณดี แซมว่า ‘ ‘ อย่างที่เคยเรียกอีกต่อไป ฉันคิดว่า ‘พี่ดีแซม มันใกล้ชิดและฟังดูสนิทสนมกับเขาจนเกินไป แต่ใน ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด เขาคือคนที่ฉัน ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเข้าใกล้ด้วยซ้ำ

“สะ…สวัสดีค่ะ” ฉันกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์เมื่อกด รับสายก่อนที่ปลายสายจะตัดไปซะก่อน

[โชคดีที่ฉันฉลาดพอที่จะเมมเบอร์นี้ของเธอเอาไว้ ฉัน ถึงกับขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับสิ่งที่คุณดีแซมพูด แล้วปลาย สายก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ฟังจากน้ำเสียงแล้วเขาคงกำลัง หงุดหงิด [ทำไมฉันโทรเข้าเครื่องที่ฉันให้เธอไว้แล้วไม่รับ

“อะ…อ้อ คือฉันไม่ได้เอามือถือของคุณมาด้วยน่ะค่ะ” ฉันบอกไปตามตรง

ใช่แล้วล่ะ ฉันไม่กล้าจะเอามือถือของเขาเข้ากระเป๋า ด้วยซ้ำ เกิดน้ำใสมาเห็นเข้าล่ะก็ฉันไม่ต้องอธิบาย เป็นการใหญ่เหรอ ระดับฉันเนี่ยนะจะพอมือถือรุ่นใหม่ ล่าสุดเครื่องละตั้งหลายหมื่น

ทำไมเธอถึงไม่พกติดตัวไว้ฮะ]

“ฉันกลัวมันหายน่ะค่ะ” ฉันกัดปากตัวเอง กลั้นใจพูด โกหกออกไป

[เออๆ ช่างเถอะ ฉันจะโทรมาบอกเธอว่าพรุ่งนี้บ่ายโมง ให้มาเจอฉันที่คอนโด S ห้อง 1205 หวังว่าเธอคงจะว่าง มาตามนัดนะ] คำพูดของปลายสายเหมือนเป็นการออก คำสั่งอยู่ในที ถ้าหากว่าฉันมีนัดจริงๆ ฉันคงต้องยกเลิก นัดทั้งหมดไปเจอคุณดีแซมไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

“พรุ่งนี้ฉันว่างค่ะ”

(โอเค ดีมาก เงินที่ให้ไปซื้อเสื้อผ้า เธอจัดการแล้วใช่ มั้ย?
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เป็นอีกครั้งที่ฉันกลั้นใจโกหกปลาย สายไป ฉันบอกแล้วไงล่ะว่าฉันลืมเรื่องของเขาไปเลย เรื่องเสื้อผ้าน่ะลืมไปได้เลย T^T

(แล้วเจอกันนะ คุณหนูจัสมิน หึๆๆๆ

คุณแซมตัดสายไปแล้ว เสียงหัวเราะในลำคอของเขา ทำให้ฉันอดขนลุกไม่ได้…คุณหนูจัสมินอย่างนั้นเหรอ

นี่ฉันต้องร่วมมือทำบาปโกหกแม่เขาจริงๆเหรอเนี่ย T^T

ณ ตลาดนัด Y…

หลังจากที่แยกย้ายกับน้ำใสแล้วฉันก็มาเดินดูเสื้อผ้า สวยๆที่นี่…

ตลาดนัด Y เต็ม ไปด้วยร้านรวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้าน ของกิน ร้านขายของประดับตกแต่งต่างๆ และร้านขาย เสื้อผ้า ซึ่งแต่ละร้านที่เอาสินค้ามาขายเรียกได้ว่าสวยทั้ง นั้นจนฉันเลือกไม่ถูก
เน้นเซ็กๆนะ ฉันชอบผู้หญิงเซ็กซี่

ค่าพูดนั้นของคุณดีแชมยังดังก้องอยู่ในหัว แบบไหน ละจะเรียกเซ็กซี่สำหรับเขา แต่สำหรับฉันแล้วการใส่ กระโปรงเหนือเข่าขึ้นไปหนึ่งคืบก็ถือว่าสั้นมากแล้ว นะ กระโปรงนิสิตที่ฉันใส่ทุกทีก็เหนือข้อเท้ามาคืบหนึ่ง ถ้า เทียบกันแล้ว…ความสั้นเหนือเช่าล่ะมั้งถึงจะเรียกเซ็กซี่

ฉันเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ไปเรื่อย มีชุดกระโปรง หลายชุดเหมือนกันที่ฉันถูกใจและเลือกไม่ถูก ถามราคา แล้วฉันแทบไม่กล้าจับ ราคาเกือบทั้งสี่ห้าร้อยแน่ะ ราคานี้ ฉันใช้ได้หลายวันเลยนะ เสียดายเงินแฮะ

ฉันเดินไปสักพักก็เหลือบไปเห็นชุดแล็กสั้นสีครีม ความ สั้นเหนือเข่านิดๆ มันน่ารักถูกใจฉันมากจนอดไม่ได้ที่จะ เดินเข้าไปถามราคากับเจ้าของร้าน

“ขอโทษนะคะ ตัวนี้เท่าไหร่คะ?”

“ตัวนี้สามร้อยห้าสิบค่ะ

ฉันถึงกับลอบกลืนน้ำลายกับราคาของมัน มันก็จริงที่ คุณดีแซมให้เงินมาเยอะมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉัน ไม่ใช่คนใช้เงินมือเปิบ แล้วอีกอย่างฉันก็เกรงใจเขาด้วย น่ะ
“ลดให้หน่อยได้มั้ยคะ ^^?”

*สามร้อยยี่ก็ได้จ๊ะ ชุดนี้น่ารักมากเลยนะ เซ็กซี่หน่อยๆ เข้ากับน้องมาก

ตอนแรกฉันกะจะถอดใจแล้ว แต่พอได้ยินคำว่าเซ็กซี่ จากพี่ผู้หญิงเจ้าของร้านฉันก็หูผึ่งขึ้นทันทีแล้ว หันมาต่อ รองราคาอีกครั้ง

“สามร้อยนะคะ”

“ไม่ได้จริงๆจ้ะ พี่ลดให้ได้แค่นี้จริงๆ”

ฉันหันไปมองชุดเบื้องหน้าอีกครั้ง แล้วตัดสินใจควักเงิน จ่ายในที่สุด ฉันรู้คนหาเช้ากินค่ำเป็นยังไงฉันเลยไม่กล้า จะต่อราคาไปมากกว่านี้แล้ว

ชุดเดียวก็พอแล้วมั้ง….ส่วนเงินที่เหลือก็คืนเขาไป เอาไป เป็นค่าซ่อมรถก็ได้นี่นา

บ่ายวันต่อมา…

ณ คอนโด S…
ฉันแหงนหน้ามองความสูงของคอนโดหรูใจกลางเมือง อันสูงชะรูด เห็นแค่ข้างนอกแล้วฉันก็รู้ได้ทันทีว่าคอนโด แห่งนี้ราคาโหดแสบทรวงแน่ๆ

ฉันสูดลมหายใจเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ในมือมีถุง เสื้อผ้าที่ซื้อมาจากตลาดนัดเมื่อวานติดมาด้วย ยอมรับ เลยก็ได้ว่าฉันก็แอบหวั่นเหมือนกันนะที่คุณดีแซมให้ฉัน มาหาเขาถึงคอน โด อย่าลืมสิว่าเขาเป็นผู้ชาย ฉันก็ได้แต่ หวังว่าเขาคงไม่คิดอกุศลกับคนประหลาดแบบฉัน

เฮ้ย!! นี่ฉันคิดไปไหนเนี่ย (-^-)*

ฉัน เดินไปหวังจะเดินเข้าไปข้างในตึก แต่ก็ต้องชะงัก เพราะการจะเข้าไปข้างในได้นั้นฉันต้องมีคีย์การ์ด ฉัน ไม่มีคีย์การ์ดแล้วจะเข้าไปได้ยังไงกันล่ะเนี่ย ดูสารรูปฉัน สิ ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์กับรองเท้าผ้าใบธรรมดาๆ ไม่ เหมาะเลยกับคอนโดหรูหราอย่างนี้

ฉันได้แต่ยืนชะเง้อมองผ่านกระจกใสเข้าไปข้างใน ล็อบบี้ของคอนโดหวังจะเห็นคน คุณดีแซมมายืนรอ แต่ กลับไร้วี่แววของร่างสูง หรือว่าฉันจะโทรบอกให้เขาลงมา หาดีนะ ขืนยืนมองซ้ายมองขวาแบบนี้ล่ะก็ ยามได้หิ้วไป พอดี ทำตัวลับๆล่อๆ เป็นใครก็ต้องคิดว่ามาไม่ดี

ก่อนที่ฉันจะทันได้ล้วงเอามือถือคู่ใจออกมาโทรหาคุณดี แซม ก็มีผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังจะเดินเข้าไปข้างในตึกพอดี ฉันจึงใช้จังหวะที่เธอใช้คีย์การ์ดและผลัก ประตูเข้าไปอาศัยเข้าไปด้วย

“ขอบคุณนะคะ พอดีฉันลืมคีร์การ์ดไว้บนห้องน่ะค่ะ ฉันบอกผู้หญิงคนนั้นเพราะเธอมองมาทางฉันด้วยสายตา แปลกใจ แต่พอเธอได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มรับนิดๆ แล้วเดิน แยกออกไปอีกทาง

ฉันเดินเข้าลิฟต์…มุ่งสู่ชั้น 12 โดยไม่รอช้า ตอนนี้ฉันก็ สายมากแล้ว เพราะเสียเวลากับการเข้ามาภายในคอนโด

ติ้ง~

ลิฟต์เปิดออก เผยให้เห็นห้องต่างๆทั้งซ้ายและขวา มี หมายเลขห้องต่างๆติดไว้ตามประตู คอนโดนี้หรูเกินกว่าที่ ฉันจินตนาการไว้มากทีเดียว ดูสะอาดสะอ้าน น่าอยู่มาก เห็นแบบนี้แล้วไม่ต้องคิดถึงราคาเลย

ฉันเดินดูหมายเลยห้อง ไล่มาจนถึงหน้าห้อง 1205 ห้อง ของคุณ แซม…

ก๊อกๆๆๆ~

ฉันเคาะประตูเรียกคนที่อยู่ในห้อง รอสักพักก็ไม่มีคน เดินมาเปิดประตูเลยตัดสินใจเคาะเรียกอีกครั้ง
ก๊อกๆๆๆ~

ไร้วี่แวว ไม่มีคนมาเปิด…

ก๊อกๆๆๆ~

บางทีคุณดีแซมอาจจะยังไม่ได้ยิน…

ก๊อกๆๆๆ~

ยังคงเงียบ หรือว่าเขาไม่อยู่กันนะ…

ฉันตัดสินใจจะเคาะประตูเรียกอีกครั้ง เพราะคิดว่าคุณดี แซมอาจจะไม่อยู่หรือไม่ได้ยิน ถ้าครั้งนี้เขาไม่มาเปิดฉัน ก็คงต้องโทรถาม

แต่ทว่า…

ยังไม่ทันที่มือฉันจะสัมผัสประตู ใครบางคนก็เปิดประตู ออกมา ดวงตาคมโฉบเฉี่ยวที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ชั้นดีจิกมองฉันอย่างไม่พอใจ ภาพตรงหน้าทำให้ฉันถึง เบิกตากว้าง อึ้ง พูดไม่ออก

ผู้หญิงหุ่นดีราวกับนางแบบยืนมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวพันปกปิดร่างกายเอาไว้
“เธอมาผิดห้องแล้วมั้ง” เธอคนนั้นพูดกับฉันเสียง หงุดหงิด

“เธอเป็นแขกของผมเอง”

เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังหญิงสาว ก่อนที่ร่างสูงที่มี ผ้าขนหนูผืนเดียวปกปิดเบื้องล่างอยู่จะเดินมาทางนี้

ฉันหลับตาปี้ ไม่อยากเห็นเรือนร่างสุดเซ็กซี่สุดล่อแหลม ของคุณ แซม

อะไรกันเนี่ย! ทําไมฉันต้องมาเห็นภาพหลังกิจกรรมรัก ของพวกเขาด้วยนะ อ้อ ที่ผู้หญิงคนนี้จิกมองฉันคงเป็น เพราะว่าฉันมาขัดจังหวะของเธอแน่ๆ

“แขกของคุณงั้นเหรอคะ?” ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงตรง หน้าพูดขึ้น ฟังจากน้ำเสียงแล้วเธอค่อนข้างประหลาดใจ และไม่พอใจฉันมากทีเดียว นี่เธอคงไม่ได้คิดว่าฉันจะเป็น ผู้หญิงที่จะมาต่อกิจกรรมรักกับคุณดีแซมหลังจากที่เขา เสร็จกิจกับเธอแล้วหรอกนะ

“ใช่ แขกของผม คุณกลับไปก่อนนะเอ็มม่า ผมมีธุระต้อง คุยกับผู้หญิงคนนี้”

“ธุระอะไรคะ?”
“ธุระส่วนตัว”

“บอกฉันได้มั้ยคะดีแชม

“ถ้าบอกแล้วคงไม่เรียกว่าธุระส่วนตัวหรอกมั้ง คุณกลับ ไปก่อนนะ ผมไม่อยากใช้อารมณ์คุยกับคุณ

เมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่ชื่อเอ็มม่าเริ่มก้าวก่ายคุณดีแซมเลย พูดดักคอเอาไว้ ฟังจากที่พวกเขาคุยกันแล้วฉันพอจะเดา ได้ว่าคุณดีแซมคงเป็นพวกรักสนุกแต่ไม่ อยากจะผูกพัน และเขาก็คงไม่คิดเสียดายเลยถ้าหากว่าเขาจะสลัดเธอ ทิ้งถ้าเหล่าผู้หญิงของเขาก้าวก่ายชีวิตเขามากเกินไปจน น่ารําคาญ

“ก็ได้ค่ะ ไว้เจอกันนะคะ”

ได้ยินแบบนี้ฉันก็คิดว่าเธอคงจะเดินเข้าไปเปลี่ยน เสื้อผ้าแล้ว แต่พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเธอกับเจ้าของห้อง ที่เรียกฉันมาเจอกำลังจูบลากันอย่างดูดดื่มต่อหน้าฉันก็ รีบหลับตา เหมือนเดิม

จะบ้าตาย! ทําไมฉันต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ด้วยนะ

“เข้ามาสิ” เสียงคุณดีแซมดังขึ้นใกล้ๆ แต่ฉันก็ยังไม่ว่าง ใจลืมตามอง
คุณ แซมใช้นิ้วติดหน้าผากฉันแล้วบอกอีกครั้ง “ลืมตา ได้แล้วขับออ

ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างระมัดระวังตามคำสั่ง ฉันกลัวจะ เห็นภาพไม่นำมองนั้นอีกน่ะ แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดแฮะ

คุณแซมเดินนำเข้าไปในห้องแล้ว ฉันสูดลมหายใจเข้า สุดปอดเรียกกำลังใจให้ตัวเองอีกครั้งแล้วเดินตามเขา เข้าไป

เขาให้ฉันมาทําอะไรที่นี่กันนะ…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ