Chapter 6 : มารความสุข
หลายวันต่อมา…
อีกไม่กี่วันจะมีการเปลี่ยนวอร์ดฝึกแล้ว วอร์ดต่อไปของ ฉันคือ…วอร์ดสูตินารีเวช หรือห้องคลอดนั่นเอง
ฉันว่าครั้งแรกของทุกคนก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาไม่ว่า จะขึ้นฝึกวอร์ดไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าชวนขนหัว ลุกบอกต่อกันมารุ่นต่อรุ่นผ่านการเติมสรรปั้นแต่งอะไร มาบ้างก็ไม่รู้มันถึงได้น่ากลัวจนใครหลายคนไม่กล้าย่าง กรายเข้า โรงพยาบาล เรื่องอาถรรพ์ต่าง ๆ เอย อย่างเช่น อาถรรพ์ห้องคลอด เคสแรกหากใครทําคลอดได้เด็กเพศ เดียวกับตัวเองจะขึ้นคาน
จะว่าไปแล้วฉันก็อดตื่นเต้นไม่ได้นะ ฉันจะได้เห็น ชีวิตหนึ่งลืมตาขึ้นมามีชีวิตด้วยตัวเองหลังจากที่คุณแม่ คอย ประคับประคองตอนอยู่ในท้องมาเก้าเดือน ฉันว่า ธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์นะ ว่ามั้ยล่ะ ^^
ฉันรู้ว่าคนจำนวนไม่น้อยกลัวเลือด…หนึ่งในนั้นก็มีฉัน
รวมอยู่ด้วย
หลายคนคงอยากรู้ว่าทำไมฉันต้องมาเรียนพยาบาลใน เมื่อฉันกลัวเลือด??
คุณเคยมีใครสักคนเป็นแรงบันดานใจมั้ย…พี่หมอคือแรงบันดานใจของฉัน…นี่แหละคือคําตอบ
หลายปีที่แล้วฉันรู้ว่าพี่หมอเลือกเรียนคณะแพทย์ฯ ครอบครัวของเรารู้จักกัน และฉันก็รู้ว่าในอนาคต หมอ ต้องเป็นหมอที่เก่งแน่ ๆ แล้วฉันก็อยากเป็นคนคอยยืน อยู่ข้างๆเขา ฉันอยากเห็นเขาสวมชุดกาวน์คุณหมอ ทำงาน…และอาชีพที่จะได้ยืนอยู่ใกล้ชิดเขา จะเป็นอะไร ไปไม่ได้นอกซะจากอาชีพพยาบาล
ทุกครั้งที่ฉันเห็นเลือดหัวใจมันจะเต้นแรง แข้งขาพลัน
ไม่มีแรง แต่ถ้าเลือดเท่าเข็มตำมือไม่เป็นอะไรหรอก เพราะฉันก็เคยโดนเข็มร้อยมาลัยต่ำ บ่อยจนเลือดไหล ช้บ ๆ ออกบ่อย แต่ถ้าเลือดเยอะๆล่ะก็ ต้องหาคนหามกัน ล่ะทีนี้ ล้อเล่นนนน ไม่ขนาดนั้นหรอก ก็แค่ขาสั้น เท่านั้นเอง ฉันจะคิดในแง่ดีว่าเป็นสั่นสู้ก็แล้วกัน
“มะลิฉัตรจำา ส่งฉันเอาหนังสือไปคืนที่ห้องสมุดหน่อย สิ” น้ำใสพูดขึ้นในตอนที่เราเดินมาเอา ของที่ล็อกเกอร์ ภายในตึกคณะ เตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแยกย้ายกัน กลับบ้านเพราะตอนนี้เป็นเวลาลงวอร์ดเราแล้ว
ชื่อจริงของฉันคือมะลิฉัตร เป็นชื่อที่ยายมาลัยกับแม่ มาลีตั้งให้ เพราะพริ้งเลยใช่มั้ยล่ะ
“ได้สิ ฉันก็กะว่าจะเอาหนังสือไปคืนที่ห้องสมุดอยู่ เหมือนกัน”
“เธอยืมมาจากไหนเหรอ O.O?”
“อ้าว ฉันก็ยืมมาจากห้องสมุดกลางน่ะสิ ถามแปลก -[]”
ฉันจ้องหน้าน้ำใสอย่างมีคำถาม ทุกทีฉันก็ไปแต่ห้อง สมุดกลางนี่นา หรือว่า…
“เธอส่งฉันเอาหนังสือไปคืนที่ห้องสมุดคณะบริหารฯ หน่อยสิ ^^”
นั่นไง =..=;; ฉันกะไว้แล้วเชียว เธอแอบไปยืมหนังสือที่ นั่นตอนไหนเนี่ย
“ห้องสมุดตึกคณะบริหารมันมีเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพด้วย เหรอน้ำใส” ฉันถามติดตลก
“แหม มะลิก็ เธอก็น่าจะรู้ดีนี่นาว่าการได้เห็นหน้าคนที่ เราแอบรักแล้วมันจะรู้สึกยังไง มันก็ไม่ต่างจากเธอกับอา จารย์หมอแม็กซ์หรอกน่า”
พอน้ำใสพูดถึงคุณดีแซมฉันก็ลืมบอกไปว่าหลังจากที่ ฉันก่อเรื่องไว้กับคุณดริกสันวันก่อนเขาก็ไม่โทรมาอีกเลย ไม่รู้ว่าเขายุ่งหรือว่าอะไร คงไม่ใช่โกรธฉันที่ทำแบบนั้น กันคุณพ่อเขาหรอกนะ ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นี่นา
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา”
ฉันพูดแค่นั้นแล้วล้วงกุญแจจากกระเป๋าสะพายข้างออก มาเปิดล็อคเกอร์ จะได้เก็บของแล้วเอาหนังสือไปคืนซะที ฉันอยากกลับบ้านไปพักแล้ว
ฉันเอื้อมไปเอาหนังสือสามเล่มในล็อกเกอร์ออกมา แต่ แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น…
ปึก!
มือถือของคุณดีแซมตกพื้น แล้วมันก็กระเด็ดไปอยู่แทบ เท้าน้ำใส!
ฉันลืมไปเลยว่าวันนี้ฉันเอามือถือเครื่องนี้มาด้วยแล้วฉัน ก็เอามันวางไว้บนหนังสือ! ตายแล้ว!!
หวังว่ามันคงไม่พังหรอกนะ แค่หนี้เก่าฉันยังไม่มีปัญญา จ่ายเลยถ้าบวกหนี้ใหม่อีกฉันคงต้องไปถอนหญ้าใน สวนมะลิหลังบ้านมากินประทังชีวิตแล้วล่ะ ที่หนักใจ มากกว่าเรื่องอื่นใดคือฉันจะตอบคำถามน้ำใสว่ายังไงดี
ฉันก้มลงไปเก็บมือถือบนพื้นที่นอนนิ่งอยู่แทบเท้าน้ำใส ใครจะไปรู้ว่าเธอก็ก้มลงเก็บเช่นเดียวกันกับฉัน แต่เธอ คว้ามันได้ก่อน…
“มือถือเธอเหรอมะลิ” น้ำใสจ้องหน้าฉันอย่างสงสัย ระคนแปลกใจ
“ใช่แล้วจ้ะ ^^”:”
“ไม่เห็นเธอเคยพกเลย ไม่อยากจะเชื่อว่าอย่างเธอจะใช้ มือถือรุ่นนี้ นี่มันตั้งหลายหมื่นนะ”
“เอ่อ…ก็…” เอาล่ะสิ ฉันจะตอบคนตรงหน้าว่ายังไงดี
“หวังว่า…” น้ำใสสวนขึ้น ดวงตากลมโตหรี่มองหน้าฉัน พยายามจะจับผิด “เธอคงไม่ได้ไปขโมยของใครมาหรอก ใช่มั้ย?”
ราวกับฟ้าผ่ากลางแสกหน้า ฉันไม่คิดว่าเพื่อนฉันคนนี้จะ มองฉันเป็นหัวขโมยไปได้ ตลอดเวลาที่คบกันมาเธอมอง ฉันเป็นคนยังไงกันนะ
“ฉันไม่ได้ขโมยของใครมานะ มือถือเครื่องนี้ฉันเก็บเงิน ซื้อเองต่างหาก เห็นเธอบ่นว่าฉันใช้มือถือเครื่องเก่าแล้ว เธออายคนอื่นไม่ใช่เหรอ”
พูดจบฉันก็คว้ามือถือในมือน้ำใสมาถือไว้ เกิดน้ำใส สงสัยยิ่งกว่านี้ค้นมือถือขึ้นมาจะยุ่งเอา ถ้าเธอเห็นว่ามือ ถือเครื่องนี้มีเบอร์คุณดีแซมอยู่ล่ะก็ ฉันตายแน่!
“ก็ดีแล้ว” น้ำใสยกไหล่ขึ้นอย่างไม่คิดจะใส่ใจนัก “ฉัน ก็แค่แปลกใจว่าคนขี้เหนียวอย่างเธอจะซื้อมือถือแพง ๆ ได้”
“ฉันไม่ได้ขี้เหนียวซะหน่อย ฉันก็แค่ไม่ใช้เงินเปลืองต่าง หาก”
“มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ รีบไปกันดีกว่า ไม่แน่วันนี้ อาจจะโชคดีเจอกลุ่มพี่ดีแซม”
น้ำใสจัดการล็อคล็อคเกอร์ตัวเองหลังจากเอาของออก ไปเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินไป ก่อนโดยไม่รอฉัน ฉันได้แต่ ยืนมองตามหลังเธอไป ในใจนึกแย้งเต็มที่…
มันจะเหมือนกันได้ยังไงล่ะ…ประหยัดกับขี้เหนียว แค่ เขียนก็ไม่เหมือนกันแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงความหมาย หรอก…
เวลาเลิกเรียนแบบนี้เป็นเรื่องปกติที่ในห้องสมุดจะมี คนไม่เยอะนัก ยิ่งเป็นห้องสมุดในตัวคณะแบบนี้ด้วย แล้ว…ถ้าไม่อยากค้นข้อมูลหรืออยากมา นั่งหาอะไรอ่าน จริง ๆ ฉันว่าคนส่วนใหม่เลือกจะไม่มาที่นี่นะ ค้นจาก อินเตอร์เน็ตมันเร็วแล้วสะดวกกว่ากันเยอะใช่มั้ยล่ะ แต่ ข้อมูลบางอย่างมันมีแค่ในหนังสือ ถ้ามีอยู่ในอินเตอร์เน็ตหมดฉันว่าห้องสมุดคงจะร้างผู้คนแน่ ๆ
น้ำใสไปส่งฉันคืนหนังสือที่ห้องสมุดกลางแล้วเราก็มา ห้องสมุดในตึกคณะบริหารฯ ทันที เธอจัดการคืนหนังสือ แล้วทําท่าเดินหาหนังสือเรื่องอื่นตามชั้นหนังสือที่วาง เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ หนังสือหลายพันเล่มล้วนแต่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจทั้งนั้น
ฉันเดินหาที่นั่งเงียบๆ ปล่อยให้น้ำใสเดินหาหนังสือโดย มีจุดประสงค์แอบแฝงต่อไป ฉันว่าถ้าเธอไม่โชคดีจริง ๆ คงไม่มีทางเจอกลุ่มคุณดีแซมในห้องสมุดแห่งนี้แน่ ฉัน ยอมความคิดของเพื่อนคนนี้จริง ๆ U..บ
น้ำใสมองหาใครคนนั้นอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก และแล้ว ฉันก็เห็นรอยยิ้มพอใจปรากฏบนใบหน้าสวยของเพื่อน รัก….วันนี้โชคเข้าข้างเธอ
ฉันมองตามสายตาน้ำใสไปก็ปะทะเข้ากับร่างสูงผมสืบ ลอนด์ทองคุ้นตา ถึงแม้ว่าเขาจะหันหลังให้ฉันแต่ฉันก็จำ เขาได้ทันทีว่าเขาคือคุณดีแซม เขากำลังนั่งคุยกับเพื่อน ในกลุ่มสี่ห้าคนในนั้นมีพี่คอปเตอร์กับพี่ไบรอันด้วย
น้ำใสรวบรวมความกล้าโดยการสูดลมหายใจเข้าลึกสุด ปอดแล้วผ่อนออกมาช้า ๆ เธอเดินไปยังโต๊ะของผู้ชาย กลุ่มนั้น มุมที่ฉันนั่งมันค่อนข้างลับตาคนและไกลจากน้ำใสพอสมควรเลยไม่ได้ยินว่าน้ำใสพูดอะไร เห็น เพียงแค่เธอพูดอะไรสักอย่างแล้วจากนั้นคุณดีแซมก็ พยักหน้ารับก่อนจะเดินตามน้ำใสออกมาทางชั้นหนังสือ
น้ำใสยืนชี้หนังสือเรื่องอะไรฉันก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่รู้ คือมันวางอยู่ชั้นบนสุดของชั้นหนังสือ ผู้หญิงตัวเล็กแบบ เธอ (ฉันสูงกว่าน้ำใสนิดหน่อย) เอื้อมไม่ถึงแน่
น้ำใสบอกให้คุณดีแซมช่วยหยิบหนังสือให้นี่เอง…
หลังจากที่ได้หนังสือมาอยู่ในมือสามเล่มจนพอใจแล้ว น้ำใสคงจะพูดขอบคุณคุณดีแซม เพราะฉันเห็นเขาพยัก หน้ารับคําด้วยรอยยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ แน่นอนว่าน้ำ ใสไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดมือไปแน่ เธอชวนเขา คุยสักพักก่อนที่คุณดีแซมจะขอตัวกลับเพราะเพื่อนๆของ เขาจะกลับกันแล้ว
แว๊บหนึ่งคุณดีแซมมองมาทางนี้จนฉันแทบมุดหลบ ใต้โต๊ะไม่ทัน ถึงแม้ว่าตรงนี้จะลับตาอยู่แล้วแต่ฉันก็ไม่ ประมาท เขาคงรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองเลยมองหา ที่มาของดวงตานั้นตามสัญชาตญาณ ในความเป็นจริง แล้วไม่ว่าคุณดีแซมจะเห็นฉันหรือไม่เขาก็คงจะไม่เดินมา ทักฉันอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดว่าเขาทำล่ะ อย่าลืมสิว่าน้ำใสก็ อยู่ด้วยนะ ฉันไม่อยากเสี่ยง
น้ำใสเดินมาหาฉัน ใบหน้าสวยหวานยิ้มแก้มปริ ฉันว่าคืนนี้น้ำใสต้องนอนหลับฝันดีแน่เลย
“อ้าว ทําไมไปมุดอยู่ใต้โต๊ะแบบนั้นล่ะมะลิ” น้ำใสขมวด คั่วด้วยความแปลกใจ เธอเดินเข้ามาเห็นจังหวะที่ฉัน คลานออกมาจากใต้โต๊ะพอดี
“อ๋อ ฉันทําปากกาตกน่ะ ^^”
“ว่าแต่เมื่อกี้เธอเห็นรึเปล่าว่าฉันคุยกับใคร
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ