I have a crush on you

บทที่ 20 แต่งงาน



บทที่ 20 แต่งงาน

บทที่ 20 แต่งงาน

ป้ายโรซี วิ่งออกไปอย่างอดไม่ไหว แล้วหยุดอยู่ข้างๆ ประตูเหล็ก เธอแนบหลังของเธอกับกำแพง ฟังความ เคลื่อนไหวของประตูเหล็กใหญ่ที่อยู่ด้านนอก

เสียงของเฉียวอี้ชวน ดังออกมา : “ทำไมถึงกะทันหัน อย่างนี้ล่ะ?”

“ยังมีหลายอย่างที่ต้องจัดการที่ค่ายทหารครับ เรื่องที่ บ้านก็แก้ไขแล้ว ผมควรกลับไปได้แล้ว”

“จับฆาตกรได้หรือยัง?”

“พ่อครับ ไม่ต้องสนใจว่าใครคือฆาตกรหรอกครับ ตอน บ่ายนี้คุณไปที่สถานีตำรวจแล้วดำเนินการรับแม่ออกมา เถอะครับ”

“อืมๆ”

หยิ่นยินกังวลใจ : “น้องสาม คุณไปแบบนี้แล้ว แล้วเรื่อง แต่งงานกับน้องสาวของฉันจะทำอย่างไร?”

“ผมจะไปหาหมิ่นรุ่ย”
หยิ่นเนยิ้มอย่างสบายใจแล้ว “ดีจ้ะ ถ้าอย่างนั้นดินทาง ปลอดภัยนะ แล้วกลับมาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆนะ”

เฉียวสวนผู่: “น้องสาม นายจะไม่ไปทักโร่ซีงั้นเหรอ? เธอ ไม่รู้ว่านายจะจากไปกระทันหันนะ”

“ไม่ต้องหรอก” เฉียวสวนโส้ ปฏิเสธทันที

ป้ายโร่ซีที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงมีน้ำตาไหลออกมา เธอ ใช้มือทั้งสองข้างปิดปากไว้แน่น แล้วเอนตัวนั่งยองๆพิง กำแพง และจมเข้าไปในพุ่มดอกไม้ทั้งตัว

น้ำตาราวกับสายฝนที่ตก หัวใจเหมือนถูกมีดกรีด

ถึงแม้จะจากไปแล้ว แม้แต่การเจอหน้ากันครั้งสุดท้ายยัง

รู้สึกว่าเป็นส่วนเกินงั้นเหรอ?

สิบปีก่อน ตอนที่เขาไปรับราชการทหาร เธอร้องไห้หนึ่ง เดือนเต็มๆ

ทุกครั้งที่คิดถึงเขาขึ้นมา ก็จะแอบไปร้องไห้ ร้องเสร็จ แล้วก็เช็ดน้ำตา จากนั้นคิดถึงเขาต่อไป และใช้ชีวิตด้วย รอยยิ้ม

ทุกครั้งที่เขากลับมาจากค่ายทหารมาเยี่ยมคนที่บ้านเธอจะต้องหาข้ออ้างออกจากบ้านป่าย มาอยู่ที่บ้าน ตระกูลเฉียว โดยบอกว่ามาอยู่เป็นเพื่อนแม่ ในความเป็น จริงเธอแค่อยากเจอเขา ถึงแม้จะได้เจอกันปีละครั้ง เธอก็ พอใจแล้ว

ถึงทุกครั้งที่ได้พบกันเขาเหมือนกับภูเขาน้ำแข็งที่เย็น ยะเยือก แม้กระทั่งจะพูดสักคำไม่มี แต่ขอเพียงแค่เธอ โอกาสได้เรียก “พี่สาม”สักครั้ง เธอก็รู้สึกหวานชื่นในใจ แล้ว

สิบปีที่ผ่านมาเจอกันน้อยมากจนใช้นิ้วมือนับครั้งได้ หลังจากครั้งนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะได้เจอเขาอีกเมื่อไหร่

ได้ยินเสียงรถทหารด้านนอกเริ่มการทำงาน

ป่ายโรซีใช้มืออีกข้างปิดปากที่กำลังร้องไห้เอาไว้ อีก ข้างก๋าเสื้อผ้าของเธอแน่น กดทับความเจ็บปวดเอาไว้จน หายใจไม่ออก

เจ็บที่ขั้วหัวใจ มันเจ็บปวดมาก เจ็บปวดมากๆ

เขาไปแล้วจริงๆ ไปยังเมืองที่ครอบคลุมเส้นทางทั้งสอง เมือง เมืองที่ห่างไกลและไม่สามารถเข้าถึงได้และจะ ไม่ได้มองเห็นใบหน้าที่เย็นชาของเขาอีกแล้ว และจะไม่ ได้ยินน้ำเสียงไพเราะที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดของเขา
หลังจากที่เขากับหยื่นรุ่ย แต่งงานกันแล้ว แม้แต่ความ คิดถึงก็จะกลายเป็นเรื่องสกปรกและผิดศีลธรรม

ช่วงเวลาท่ามกลางสายฝน หลังจากที่ผ่านพ้นไป ไม่ทัน ที่คุณจะได้เก็บรักษาเอาไว้ก็มลายหายไปแล้ว

เส้นทางชีวิตของป่ายโร่ซี กลับมาเป็นปกติ

แม่ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว ตำรวจให้เหตุผลว่า ฆาตกรเป็นคนอื่น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในเวลานี้

เฉียวสวนโส้ ปล่อยฆาตกรไปหรือมีแผนอื่น?

ข้อนี้กลายเป็นข้อสงสัยเดียวอยู่ในใจของป่ายโร่ซี เธอกลับมาทํางานที่บริษัท วันแล้ววันเล่า เธอทำงานยุ่ง ทุกวัน

สถานที่ทำงานของป่ายโร่ซีเป็นรัฐวิสาหกิจ ทำงานเก้า โมงเช้าถึงห้าโมงเย็นทุกวัน

ครึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา
ในตอนเย็นเวลาห้าโมงครึ่ง ป้ายโร่ซีเลิกงานตามปกติ เพิ่งจะเดินออกมาจากตัวอาคาร

ทันใดนั้นเอง ผู้หญิงสามคนเดินพุ่งตรงเข้ามาขวางข้าง หน้าเธออย่างหยิ่งผยอง

“เซี้ยะ เพี้ยะ” หญิงสาวตรงเข้ามาสะบัดมือตบหน้าป้าย โรซีอย่างรุนแรงสองครั้ง

การโจมตีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ป้ายโร่ซี ตกใจกลัว แก้มของเธอปวดแสบปวดร้อน และหูก็อื้อ

“อ้า…” ป้ายโร่ซี ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมา เส้นผมก็ถูกผู้หญิงอีกคนดึงเอาไว้ เธอรีบปกป้องผมของ ตนเองแล้วต่อว่า : “พวกคุณเป็นใครกันแน่? ต้องการจะ ทําอะไร?”

“ตีคนสารเลวไร้ยางอายอย่างแกไงล่ะ ขโมยสามีของ เพื่อนสนิทตัวเอง ทำตัวอ่อนแอ ที่จริงแล้วข้างในก็คือผู้ หญิงแรดคนหนึ่ง”

คนที่เดินออกมาจากบริษัทต่างพากันถอยห่างออกไป แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายวิดีโออัพลงอินเตอร์เนต อย่างไม่แยแส
ด้านนอกล็อบบี้เป็นฉาก “ทุบตีและค่าทอนังเมียน้อย”

“อีกะหรี่ ยั่วยวนสามีของเพื่อนสนิท ปล้นเอาความสุข ของคนอื่นไป ไร้ซึ่งศีลธรรม นังเมียน้อยไร้ยางอาย”

“คนสารเลวเช่นนี้แม้แต่หมูมายังไม่อาจเทียบได้ คนอื่น ทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้กับหล่อน หล่อนกลับขโมยสามีของ คนอื่น สมัยนี้ป้องกันไฟป้องกันโจรแล้วยังต้องป้องกันคน ใกล้ชิดไม่ให้ขโมยแฟนด้วย เพราะว่ามีคนสารเลวประ เภทนี้น่ะแหละ”

“ถอดเสื้อผ้าของมันออกแล้วถ่ายลงเวบไซต์ให้ทั้งโลกรู้ ว่าอีโสภณีคนนี้เป็นเมียน้อย…

ผู้หญิงสามคนนั้นรุมด่าทอจนป่ายโร่ซี สับสน เธอถูกผู้ หญิงคนนั้นดึงผมจนไม่สามารถยืดตัวได้ แล้วตะโกนด้วย ความโกรธว่า : “ฉันไม่รู้จักพวกเธอ รีบปล่อยนะ ไม่อย่าง นั้นฉันจะแจ้งความ

ผู้คนนั้นเฉยชาและสนใจแต่การถ่ายวิดีโอแล้วพากัน ชี้นิ้วอย่างสบายๆไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง แล้วยังคอย ติดตามความหมายที่หญิงสาวสามคนนั้นด่าออกมา ไม่มี ใครสักคนจะยื่นมือออกมาช่วยเธอ

และในเวลานี้เอง เสียงของหยิ่นรุ่ย ก็ดังขึ้น : “ปล่อยเธอ นะ เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับพวกเธอ”
ป้ายโร่ซี ได้ยินเสียงของหมิ่นรุ่ย

หยิ่นรุ่ย ตรงเข้ามาผลักผู้หญิงที่กำลังดึงผมของป้ายโร่ซี ออกไป พร้อมกับร้องไห้ดุด่า : “พวกเธอไม่จําเป็นต้องมา ยุ่งเรื่องของฉัน พวกเธอไม่จําเป็นต้องออกหน้าให้กับฉัน ใครให้พวกเธอมาตีหล่อนกัน?”

ป้ายโร่ซีได้รับการปกป้องอยู่ด้านหลังหยิ่นรุ่ยเธอขยับ ผมที่ยุ่งเหยิง และเจ็บที่แก้ม พร้อมกับนึกสงสัยว่าเกิด อะไรขึ้นกันแน่?

ผู้หญิงที่ตีป้ายโร่ซี กำหมัดแน่นและตะโกนใส่หยิ่นรุ่ย ว่า : “หยิ่นรุ่ย ลืมตามามองดูเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างหลังเธอ สิ คนที่ขโมยสามีที่คบกันมาหลายปีและกำลังจะเข้าห้อง หอด้วยกัน คนประเภทนี้เป็นเศษตะกอน แล้วเธอยังจะ ปกป้องมันอยู่อีกเหรอ? ยังคิดว่ามันเป็นเพื่อน? พวกเราพี่ น้องมองดูต่อไปไม่ไหว และต่อสู้ความไม่ยุติธรรมให้เธอ แต่เธอกลับยังช่วยมัน เธอตาบอดใช่ไหม?”

หยิ่นรุ่ย กำหมัดแน่น น้ำตาไหลราวกับสายฝน : “พวก เธอไม่ต้องมาช่วยฉันหรอก ฉันแก้ปัญหาของตัวเองได้ ใครให้พวกเธอตีหล่อน?”

คนที่เดินผ่านไปมาเห็นว่า หยิ่นรุ่ยช่างน่าสงสาร สามีถูก เพื่อนสาวปล้นเอาไปแล้วแต่ยังคงปกป้องเพื่อน ผู้หญิงที่ จิตใจดีคนนี้ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกสงสาร พากันชี้ไปที่ป้ายโร่ซีแล้วยังบันทึกวิดีโอเพื่อให้ทั้งโลกได้รับรู้ “อาชญากรรม” ของเธอ

หญิงสาวสามคนมีความคิดที่ต่างออกไป : “พวกเราทน เห็นมันไม่ได้ก็เลยตียังไงล่ะ เธอยังเศร้าใจอยู่ทำไม? ผู้ หญิงประเภทนี้ถ้าได้เจอเราก็จะตีทันที เพราะว่าไม่ใช่คน มันเป็นคนที่น่ารังเกียจ”

หยิ่นรุ่ยประณามด้วยความโกรธ “พวกเธอไปเลยนะ ไม่ ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน”

หญิงสาวทั้งสามคนยังคงเดือดดาล ได้ชี้ไปที่ป่ายโร่ ซี และสาปแช่ง เพราะต้องการที่จะออกหน้าคืนความ ยุติธรรมให้กับหยิ่นรุ่ย

คนที่เดินผ่านไปมามองดูเหตุการณ์เข้าใจว่าเกิดอะไร ขึ้น แล้วตัวป่วยโรซี จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?

เธอยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง หยิ่นรุ่ยแล้วจมหายไปในห้วง ความคิด

เธอขโมยสามีของหยิ่นรุ่ยไปงั้นเหรอ?

เรื่องเหลวไหลอะไรอย่างนี้ เรื่องไร้สาระแบบนี้ มันเป็น เรื่องเหลือเชื่อมาก
หญิงสาวทั้งสามคนถูกหยิ่นจุ้ย ขับไล่

คนบนถนนก็ทยอยแยกย้าย หยิ่นรุ่ย หันกลับมา ใบหน้า นั้นเต็มไปด้วยน้ำตา แล้วเช็ดหยดน้ำตาด้วยความเสียใจ

ป้ายโร่ซี กำหมัดแน่นและพูดอย่างใจเย็น : “มันเกิดอะไร ขึ้นกันแน่?”

หมิ่นรุ่ยร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น สายตามีความเกลียด ชังอยู่ : “โรซี พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันใช่หรือเปล่า?”

“ฉันทำอะไรที่ทำให้เธอเสียใจหรือเปล่า?”

“ตอนนี้ไม่มีนะ” ป่ายโร่ซีแสดงท่าทีสงบนิ่งจนผิดปกติ

แต่ในเวลานี้ ใจของเธอตื่นตระหนกอย่างมาก ทั้งหวาด กลัว และมีสังหรณ์ที่เหมือนกับยาพิษแพร่กระจายในใจ ของเธอ เธอรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี

เธอถูกทุบตี ถูกคนใส่ร้ายว่าเป็นเมียน้อย แล้วยังถูกถ่าย วิดีโอไปโพสต์บนอินเตอร์เนต เธอต้องการที่จะเข้าใจอย่างชัดเจน

หยิ่นรุ่ยยิ้มเยาะเย้ย แล้วกล่าวตำหนิอย่างแดกดันว่า : “เป็นเพราะว่าฉันทำเรื่องที่ทำให้เธอเสียใจงั้นเหรอ? เธอ ถึงได้ขโมยเอาสามีของฉันไป ถึงได้ปล้นความสุขของ ฉัน จะทำให้ฉันทุกข์ระทมไปชั่วชีวิตใช่ไหม? ทำไมเธอ ถึงต้องทําอย่างนี้กับฉัน เธอ…” ขณะที่พูดเธอก็อดที่จะ ร้องไห้ไม่ได้ “ทำไมเธอถึงได้ทำแบบนี้กับฉัน…เพราะ อะไร?”

ป้ายโร่ซี กำหมัดแน่น หัวใจกำลังจะระเบิด เธอกลัวที่จะ ได้ยินเรื่องที่จะพูดต่อไป แต่ก็ยังคงเผชิญหน้าอย่างกล้า หาญ และปลอบโยนว่า : “หยุดร้องไห้ก่อน แล้วพูดให้ ชัดเจน บอกให้ฉันเข้าใจว่าทำไมถึงถูกตี ทำไมถึงถูกพี่ น้องของเธอมาล้อมวงดาว่าเป็นเมียน้อย”

หยิ่นรุ่ย หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วเช็ดน้ำตาที่หางตา อย่างระมัดระวัง แล้วพูดแต่ละคําออกมาอย่างเย็นชา : “ฉันกับสวนโส้เตรียมงานแต่งงานเป็นเวลานานมากแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีอะไร ทำให้เขาเลือกทำแบบนี้”

“เลือกอะไร?”

“เขาแต่งงานแล้ว และในหนังสือรับรองข้อตกลงการ สมรสอีกครึ่งหนึ่งเป็นชื่อของเธอ ป่ายโร่ซี”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ