ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง
“แต่ในขณะเดียวกันนายก็ต้องคิดด้วยเหมือนกันว่าเขาก็เป็น แค่เด็กสาวคนหนึ่ง ปล่อยวางชีวิตในเมืองใหญ่ไม่พอ ยัง ติดตามนายมาถึงกองทัพห่างไกลแบบนี้ นี่ก็เป็นการอุทิศตน อย่างหนึ่งนะ คนรักของนายอายุก็ไม่มากใช่ไหม”
“อืม เพิ่งจะสิบแปดปีครับ เพิ่งจะเรียนจบโรงเรียนมัธยม หลัวต้าอวี่พูดเสียงอู้อี้
“นายดูสิ จบชั้นมัธยมศึกษาเลยด้วย เป็นคนมีความ สามารถ วุฒิการศึกษาสูง ยิ่งกว่านั้นครอบครัวยังอยู่ที่ปักกิ่ง ด้วยใช่ไหม นายต้องคิดสิว่าเดิมที่ครอบครัวของเธอก็เป็น ครอบครัวคนเมือง ทั้งปัจจัยองค์ประกอบก็ดี เรื่องงานบ้านพวก นี้น่ะต่างก็เรียนรู้หลังแต่งงานกันหมดนั่นแหละ นี่เธอเพิ่งจะ แต่งงานก็ออกติดตามนายแล้ว สิ่งนี้ก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับ เธอเหมือนกันนะ สถานที่นี้เธอก็ไม่คุ้นเคย แถมพวกนายสอง คนเพิ่งแต่งงานใหม่ด้วย เดิมที่สามีภรรยาจำเป็นต้องเผชิญ หน้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไปด้วยกัน ปรับตัวให้เข้ากับ สภาพแวดล้อมใหม่ คนเป็นภรรยาต้องรู้จักเห็นอกเห็นใจสามี คนเป็นสามีก็ต้องรู้จักให้อภัยภรรยา
หลัวต้าอวี่ฟังคำพูดของจ้าวเสวี่ยงแล้วก็รับคำอย่างยิ่ง ถึง เมื่อได้ยินข้าวเสวี่ยงพูดแบบนี้ เขาครุ่นคิดอย่างละเอียด อีกครั้ง มันก็จริง ก่อนหน้านี้พี่ชายของเธอก็เคยพูดให้ฟังว่า ตั้งแต่เล็กจนโตเฉินเสวี่ยถูกที่บ้านตามอกตามใจมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรเธอก็เป็นคนเมือง ไม่เหมือนกับเด็กสาวในชนบท ของพวกเขาที่อายุสิบสองสิบสามก็ต้องลงไปทำการทำงานแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาเธออยู่ที่บ้านไม่เคยต้องล้างจานซักผ้า ตอนนี้ แต่งงานกับเขาแล้วก็ต้องการช่วงเวลาในการปรับตัว ตัวเขาตั้ง เงื่อนไขกับเธอขนาดนี้อาจจะมากเกินไปหน่อย ถึงจะบอกว่า ตอนแรกที่แต่งงานกันมีหลายอย่างที่ไม่สามารถพูดได้ แต่ใน เมื่อตอนนี้แต่งงานกันแล้ว ยังไงชีวิตก็ต้องเดินต่อไป อย่างน้อย ที่สุดตัวเองจะไม่กลับบ้านเลยทุกวันๆ แบบนี้ก็ไม่ถูกต้องจริงๆ
“นี่มันตั้งกี่วันแล้ว สามีภรรยาที่ไหนจะเกลียดชังกันข้าม วันข้ามคืน งานบ้านพวกนี้ค่อยเรียนรู้ทีหลังได้ ลงมือทำแล้วไม่ นานก็เป็น ตอนที่ฉันกับพี่สะใภ้ของนายเพิ่งจะแต่งงานใหม่ผัด อาหารไหม้คาหม้อไปตั้งหลายต่อหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งก้นหม้อ ไหม้จนทะลุไปตั้งนานแล้วแต่กลับไม่รู้เลย ตอนเที่ยงพวกเรา สองคนต่างก็ไม่ได้กินข้าวกันเลย” เมื่อจ้าวเสวี่ยซงพูดเกี่ยวกับเรื่องสามีภรรยาของ พวกเขาขึ้นมาก็หัวเราะมีความสุขใหญ่ “เสี่ยวหลัว นายเองอยู่ ที่บ้านก็คงจะเป็นคนทำงานบ้านได้ดีคนหนึ่งแน่เลย เป็นสามี ภรรยาจะแบ่งแยกกันชัดเจนขนาดนั้นไปทำไม งานบ้านพวกนี้ ใครทำไม่ทำ การเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านให้สะอาด เพื่อให้ตัวเองอยู่อย่างสบายใจไม่ใช่หรอ
หลัวต้าอวี่พยักหน้าตาม ภายในใจก็ตัดสินใจแล้วเช่นกัน ยังไงภรรยาคนนี้ก็แต่งมาแล้ว ทะเบียนสมรสก็จดไปแล้วจะทำ ยังไงได้อีกล่ะ ยังไงก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป ตัวเองโกรธมาหลายวัน ขนาดนี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว วันนี้ถือโอกาสที่ไม่ได้ยุ่งมากกลับ บ้านให้เร็วหน่อยแล้วก็จัดการทำความสะอาดบ้านก่อนแล้วกัน พอนึกถึงสภาพที่เห็นเมื่อครั้งที่แล้ว แถมตอนนี้ยังเป็นหน้าร้อน อีก หลายวันมานี้ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นสภาพไหนไปแล้ว
จ้าวเสวี่ยงหัวเราะฮ่าๆ พลางลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นฉัน ไม่อยู่ต่อแล้วนะ นายเองก็รีบกลับไปคุยกับคนรักของนายดีๆ เรื่องระหว่างสามีภรรยาต้องพูดให้เข้าใจกัน วันเวลาที่เหลือจะ ได้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ถ้ามีเวลาก็ไปกินข้าวที่บ้านนะ ให้ พี่สะใภ้ของนายเนื้อตุ๋นให้กิน”
หลัวต้าอวี่รีบลุกขึ้นยืนส่งจ้าวเสวี่ยง “ขอบคุณครับพี่จ้าว หลายวันที่ผ่านมาในใจก็คิดว่าทำผิดไปเหมือนกันครับ วันนี้จะ กลับไปครับ แล้วก็ไปคุยกับเฉินเสวี่ยดีๆ ไม่ควรทำให้ทาง องค์กรต้องเป็นกังวลอีก
“เฮ้อ ก็ไม่มีอะไรกังวลไม่กังวลหรอก พวกนายเพิ่งจะ แต่งงานใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาต้องค่อยๆ จัดการ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่นายควรจะจดจําเอาไว้ในใจก็คือ นาย เป็นผู้ชาย แล้วก็เป็นทหารคนหนึ่ง ปฏิบัติต่อตนเองให้ใช้ความ เข้มงวดเคร่งครัด ปฏิบัติต่อผู้อื่นให้ใช้ความอะลุ่มอล่วย ใน ชีวิตครอบครัวเองก็เหมือนกันต้องตั้งเงื่อนไขกับตัวเองให้สูง ตั้งเงื่อนไขกับคนรักสามารถผ่อนคลายลงหน่อย เพราะยังไง เขาก็อายุน้อยกว่านายมากขนาดนั้น
จ้าวเสวี่ยซงหลังจากพูดจบแล้วก็เดินออกไปเลย หลัวต้าอ ก็อยู่ห้องทำงานจัดการเอกสารต่ออีกสักพัก จากนั้นจัดการ เก็บอย่างดีแล้วล็อกประตูกลับไปดูที่บ้านก่อน เขารู้ว่านิสัย ใจคออย่างเฉินเสวี่ยสามารถไม่ทำความสะอาดบ้านหลายๆ วันได้อย่างแน่นอน แต่ละวัน โยนข้าวของไปทั่วทุกที่ วันๆ ได้แต่ ทานข้าวที่โรงอาหารทุกวัน ผักกไม่มี วันนี้เขาจะกลับบ้านและตรงไปซื้อผักกลับไปทำอาหาร เที่ยงทานดีๆ สักมื้อ เลี่ยงที่ต้องทานข้าวหม้อใหญ่ในโรง อาหารทุกวัน อะไรก็รสชาติเดียวกันหมด คนทางนี้รสนิยม อาหารจืดชืด วันนี้เขาจะทำอาหารเปิดกระเพาะตัวเองสักหน่อย
กระทั่งหลัวต้าอวี่กลับถึงบ้าน เมื่อเปิดประตูออกเขาถึงกับ ตกตะลึงไป ภายในบ้านสะอาดสดใสไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่าง ถูกจัดเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ พื้นบ้านกวาดได้สะอาดหมดจด ตรงระเบียงยังมีเสื้อผ้าสามสี่ตัวตากอยู่ นี่ใช่บ้านฉันจริงไหม เนี่ย หลัวต้าอวี่ก้าวกลับไปมองหน้าประตูบ้านอีกครั้ง พลาง มองกุญแจที่อยู่ในมือของตัวเอง ไม่ได้หยิบผิดนี่นา บ้านฉัน จริงๆ ด้วย นี่ภรรยาเปลี่ยนนิสัยแล้วหรอ หรือว่าแม่ยายมาช่วย ทําความสะอาดที่นี่ให้? หลัวต้าอวี่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเฉินเสวี่ย จะสามารถทำความสะอาดบ้านได้สะอาดหมดจดถึงขนาดนี้
เดิมทีภายในใจยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก คิดว่าตัวเองกลับ มาต้องมาจัดการทำความสะอาดให้สะอาด แล้วยังรู้สึกว่าแต่ง ภรรยาแบบนี้มาไม่มีความหมายอะไรเลยจริงๆ แค่บ้านยัง ทำความสะอาดไม่ได้เลย ตัวเองกลับไปต้องอยู่อย่างผู้ใหญ่ไม่ ถือโทษโกรธผู้น้อยจัดการเก็บกวาดให้สะอาด ใครใช้ให้เธอ เป็นภรรยาของเขา ใครใช้ให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านของเขา ยังไงก็ปล่อยเฉยๆ ไว้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
ผลปรากฏว่ากลับมาถึงที่บ้านกลับเห็นบ้านอยู่ในสภาพ สะอาดเรียบร้อยแบบนี้ หลัวต้าอวี่ไม่สามารถบอกได้จริงๆ ว่า รู้สึกยังไง รู้สึกตื่นตะลึงเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกละอายเล็กน้อยที่ตัว เองเอาแต่กล่าวโทษภรรยา ภายในใจลึกๆ ยังรู้สึกไม่สบายใจ อยู่นิดหน่อย แต่อะไรคือสาเหตุของความไม่สบายใจนั้น ตอนนี้ เขายังไม่สามารถบอกชัดเจนได้ ดูเหมือนว่าตัวเองมักจะรู้สึกว่า ตัวเองดีกว่าภรรยาคนนี้ในทุกๆ ด้าน แต่ในทันทีทันใดก็พบว่า ภรรยาคนนี้ไม่ได้แย่ขนาดที่ตัวเองคิด ภายในใจรู้สึกจิตตกเล็ก น้อย ความรู้สึกผิดผสมกับความรู้สึกอึดอัดใจกำลังสะท้อนอยู่ ภายในใจ
แต่ว่าตอนนี้หลัวต้าอวี่ก็ไม่ได้คิดให้ละเอียดว่าความรู้สึก ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในหัวใจของเขามันมาจากไหน เดินเข้า ประตูไปดูรอบๆ สะอาดหมดจดทุกที่เลยจริงๆ บนเตาก็เช็ดจน สะอาด แม้แต่กระจกในห้องน้ำยังใสจะสะท้อนแสงเลย ทำให้ดู เหมือนบ้านสว่างและกว้างขวางขึ้นมากไม่น้อย ห้องด้านนอก เก็บกวาดเสียจนสะอาดขนาดนี้ เมื่อหลัวต้าอวี่เปิดประตูห้อง ของตัวเองออกกลับตรงกันข้ามรู้สึกว่าภายในสกปรกอยู่เล็ก น้อย ก็ไม่แปลก ทางตอนใต้อากาศร้อน ความชื้นสูง ห้องนี้ของเขาไม่ได้เปิดประตูมาเกือบจะอาทิตย์แล้ว ไม่ได้เก็บกวาด ระบายอากาศจึงมีกลิ่นอับราอยู่บ้างเล็กน้อย ยังดีที่เพิ่งจะหนึ่ง อาทิตย์ก็กลับมา ถ้าปิดเอาไว้แบบนี้ไปตลอดไม่แน่ว่าอาจจะมี ราขึ้นบนเตียงนอนไปแล้ว
แต่ที่มันกลายเป็นแบบนี้หลัวต้าอวี่ก็โทษเฉินเสวี่ยไม่ได้ เป็นเขาเองที่กลัวว่าเฉินเสวี่ยจะทำห้องของเขาสกปรก เลอะเทอะ อีกทั้งยังไม่อยากให้เป็นเสวี่ยเข้ามานอนหลับใน ห้องนี้ถึงได้ปิดประตูแถมยังล็อกเอาไว้ตลอด ตอนนี้เป็นเสวี่ย ทําความสะอาดด้านนอกแต่ไม่สามารถทำความสะอาดห้องเขา ได้ก็เป็นเหตุผลที่สมควร หลัวต้าอวี่บิดเศษผ้า จัดการเก็บกวาด ทำความสะอาดห้องของตัวเอง แล้วก็พลิกเตียงเล็กน้อย ตอนนี้ บ้านก็สะอาดแล้ว เขาสามารถกลับมานอนค้างคืนได้แล้ว แบบ นี้ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์มีราขึ้นอีกแล้ว
ทางด้านนี้เก็บได้พอสมควรแล้ว เนื่องจากเฉินเสวี่ย ทำความสะอาดด้านนอกเสียจนสะอาดหมดจดเกินไป ภายใน ห้องเขากลับมีแต่กลิ่นอับราอบอวล หลัวต้าอวี่ใช้ความ พยายามอย่างหนักในการทำความสะอาด ซึ่งใช้เวลานานเสีย ยิ่งกว่าที่เขาเคยคาดไว้มาก รอกระทั่งเก็บเสร็จก็เกือบจะเที่ยง แล้ว โอเค ตอนแรกอุตส่าห์คิดว่ากลับมาจะซื้อผักมาทำอาหาร มื้อใหญ่กินเองสักหน่อย เที่ยงนี้คงจะทำไม่ได้แล้วไปกินที่โรงอาหารก่อนดีกว่า กระทั่งตอนที่จะ หยิบเอาตัวอาหารเขาถึงได้เห็นโน้ตที่เฉินเสวี่ยทิ้งเอาไว้ในลิ้น ชัก ที่แท้ก็เข้าไปในเมืองอีกแล้ว ทันทีที่เห็นโน้ต การเปลี่ยน มุมมองและความรู้สึกผิดที่หลัวต้าอวี่เพิ่งจะมีต่อเฉินเสวี่ยเมื่อ ครู่นี้ก็สลายหายไปในทันที แต่เกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แทนอีกครั้ง วันๆ รู้จักแต่ซื้อ ซื้อ ซื้อ ตลอดทั้งวัน ไม่ทำการ ทำงานอะไรเลย เขาคิดว่าตอนนี้เฉินเสวี่ยก็ยังไม่มีการงาน อย่างเป็นทางการอะไร กลับไม่อยู่บ้านอ่านหนังสือจะวิ่งเข้า เมืองไปทำอะไร เมื่อนึกถึงตอนที่เพิ่งจะมาที่นี่ใหม่ๆ เพราะกลัว ว่าเฉินเสงี่ยมาที่นี่ต่อไปอยู่คนเดียวแล้วจะเบื่อ เขาถึงกับลา งานหนึ่งวันเพื่อไปซื้อของในเมืองเป็นเพื่อนเงินเสวี่ยหนึ่งวัน แต่ผลปรากฏว่าหลังจากเฉินเสวี่ยไปแล้วกลับไม่พอใจกับ สิ่งของ ในเมืองพวกนั้นเลย แต่ละประโยคมีแต่บ่นว่าที่นี่เทียบ อะไรปักกิ่งไม่ได้เลยสักอย่าง มาอยู่ที่นี่มาลำบากจริงๆ
แต่เดิมที่นี่ก็เทียบปักกิ่งไม่ได้อยู่แล้ว ปักกิ่งเป็นสถานที่ อะไร นั่นคือเมืองหลวงของทั้งประเทศเชียวนะ ที่นี่เป็นแค่เมือง เล็กๆ จะเทียบกับปักกิ่งได้ยังไง อันที่จริงแล้วในมุมมองของ หลัวต้าอวอย่างน้อยที่นี่ก็ยังอยู่ในเมืองเทียบกับบ้านนอกที่เขาจากมาแล้วดีกว่ามากเป็นไหนๆ หลัง จากพวกเขาแต่งงานกันก็เร่งจัดการเรื่องเลื่อนตำแหน่งและ ติดตามกองทัพ เขายังไม่เคยได้พาเฉินเสวี่ยกลับบ้านเลย แน่นอนว่าจากชนบทมาอยู่ในกองทัพนั้นเป็นเรื่องปกติ การก ลับบ้านต้องใช้เวลาทั้งยังต้องใช้ค่าเดินทางอีก ไม่รู้ประหยัด เงินไว้ส่งไปรษณีย์กลับไปดีกว่า แต่ในตอนนั้นหลัวต้าอวี่เห็นว่า ขนาดในเมืองเฉินเสวี่ยยังรู้เรื่องมากขนาดนี้ก็รู้สึกเป็นกังวล ในใจ แต่งงานกันเพราะสถานการณ์แบบนี้ ถ้าได้ไปดูบ้านของ เขาจริงๆ สภาพชนบทแบบนั้นเฉินเสวี่ยยังจะรับได้จริงเหรอ ถึง ตอนนั้นไม่รู้ว่าเธอจะพูดคำพูดไม่น่าฟังอะไรออกมาอีก
ปรากฏว่าเพิ่งจะผ่านไปไม่นานเฉินเสวี่ยก็เข้าเมืองอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าของในเมืองนี้มีแต่ของเชยๆ ไม่น่าสนใจหรอ ทำไมถึง คิดอยากจะเข้าเมืองอีกแล้วล่ะ เข้าเมืองต้องเสียเงินเสียทอง ครั้งที่แล้วบอกว่า ในเมืองไม่น่าสนใจแต่ซื้อขนมพวกนั้นเป็น แพ็คๆ ลูกกวาดที่สหกณ์ร้านค้าหนึ่งกรมสามหยวนซึ่งมาตั้ง หลายกรัม ตอนนี้ซาลาเปาเนื้อราคาลูกละสองเหมา [1] เอง ลูก กวาดถุงนั้นกินแล้วได้อะไร ไม่ถึงสองวันก็กินหมดแล้ว หลัว ต้าอวี่พลางครุ่นคิดอย่างโกรธเคือง พลางเดินไปตักอาหารที่ โรงอาหาร หยิบเอากล่องอาหารกลางวันออกจากบ้านและบังเอิญเจอหลี่หงปืนกับภรรยาของเขาพอดี ทันทีที่พบกันก็ รีบกล่าวทักทายกัน
“หงปืน พี่สะใภ้ นี่ก็จะไปโรงอาหารเหมือนกันหรอครับ
หลี่หงปืนอายุมากกว่าหลัวต้าอวี่ไม่กี่ปี แต่ตำแหน่งของ เขาไม่สูงเท่าหลัวต้าอวี่ ดังนั้นจึงไม่กล้าจะให้หลัวต้าอวี่เรียก เขาว่าพี่ใหญ่ ทั้งสองคนพูดกันหลายครั้งว่าให้หลัวต้าอวี่เรียก แค่ชื่อเขาเท่านั้น หลัวต้าอวี่ก็ยอมตกลง แต่อย่างไรก็ตามเขา อายุมากกว่าหลัวต้าอวี่อยู่ดี ดังนั้นกับคนรักของเขาหลัวต้าอวี่ จึงยังคงเรียกว่าพี่สะใภ้
“ใช่น่ะสิ อากาศร้อนแบบนี้ก็ไม่อยากอาหารอะไรเลย แล้ว ในห้องครัวก็ร้อน จะให้แม่เชี่ยวหลานทำอาหารให้ก็ลำบาก เกินไปเลยจะไปตักอาหารที่โรงอาหารมากินให้มันแล้วๆ ไป
ทั้งหลี่หงปืนและภรรยาของเขาต่างเป็นชาวเมืองทั้งคู่ เมื่อ ก่อนหลี่หงปืนเรียนจบชั้นมัธยมต้นด้วยผลการเรียนค่อนข้างดี ไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เข้าเป็นทหาร อยู่ในกองทัพก็ยังคงร่ำเรียน ต่อจนตอนนี้ได้ทำงานพลเรือนในกองทัพแล้ว
“หงปืน รักพี่สะใภ้จังเลยนะ” หลัวต้าอวี่ก็หัวเราะตาม อยู่ ที่บ้านนอกต้องทำอาหารทุกวัน กระทั่งกลายเป็นแม่ย่าไปแล้ว แต่ยังงานไม่ห่างมือเหมือนเดิม ถ้าลูกสะใภ้บ้านไหนไม่ทำ อาหารเพียงในเวลาไม่ถึงครึ่งวันก็ได้รู้กันไปทั้งหมู่บ้านแล้ว ออกจากบ้านต้องโดนว่าอยู่ครึ่งค่อนวัน ไหนจะมีแนวคิดที่ว่า อากาศร้อนไม่ทำอาหารแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าตอนนี้ ในเรือนพักญาติต่างก็ใช้เป็นก๊าซเหลวกันแล้ว ใช้ง่ายยิ่งกว่า เตาไฟใหญ่ตามบ้านนอกเยอะเลย ทั้งยังอยู่ไกล ร้อนไม่เท่า เตาไฟใหญ่ด้วย เมื่อเขาเข้ากองทัพ โดยเฉพาะหลังจาก แต่งงานมีภรรยาติดตามกองทัพแบบนี้ถึงได้เห็นว่าที่แท้คนใน เมืองไม่ได้เป็นแบบนี้
หลิวรั่วซี คนรักของหลี่หงปืนหน้าตาดูสุภาพอ่อนโยน สวมชุดกระโปรงแขนจีบสีฟ้าอ่อนดูทันสมัยกว่าคนอื่นๆ ใน ย่านนี้มาก หลิวรั่วทำงานอยู่ในสหกรณ์ร้านค้าในตัวเมือง ดัง นั้นสิ่งที่สวมใส่อยู่บนตัวต่างดูท่าที่เป็นของสดๆ ใหม่ๆ ที่เพิ่งส่ง เข้ามา ทั้งเธอยังสามารถขอรับราคาส่วนลดในฐานะของ พนักงานภายในด้วย นอกจากนี้พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายต่างมี งานการทำไม่มีภาระอะไร ดังนั้นครอบครัวของพวกเขาจึงมี คุณสมบัติค่อนข้างดี สิ่งที่คนทั่วทั้งชุมชนนี้ต่างไม่มีใครเทียบได้เลย
เมื่อได้ยินหลัวต้าอวี่พูดแบบนั้น หลัวรั่วซีก็ยิ้มออกมา อย่างเขินอายเล็กน้อย แต่หลี่หงปืนกลับหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ภรรยาตัวเองไม่รักแล้วใครจะรักล่ะ นี่นายก็จะไปโรงอาหาร ใช่ไหม ไปด้วยกันเถอะ”
ทั้งสามคนเดินพูดคุยกันลงไปด้านล่าง เมื่อเดินบนถนน แล้วหลัวรั่วถึงได้เอ่ยถามขึ้นมา “ทำไมน้องสาวไม่อยู่ล่ะ ช่วงนี้ ฉันไม่ได้เจอเธอเลย”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ