ลูกสะใภ้ตัวน้อยที่ข้าม

ตอนที่ 8 ซื้อเส้นไหม



ตอนที่ 8 ซื้อเส้นไหม

จับเลี้ยงขับความชื้น? แนวคิดนี้เมื่อก่อนเฉินเสงี่ยไม่เคยได้ยิน มาก่อนเลย

เธอขอบคุณคุณยายก่อนจะรับถ้วยมา พลางก้มหน้าลง

ล้วงกระเป๋าเตรียมจะหยิบเงินออกมา ตอนที่เธอเดินเข้ามาเธอ เห็นป้ายที่แขวนอยู่หน้าร้านเขียนว่า “ร้านชาสมุนไพรเดี่ยว กาน้ำชา ใบใหญ่ที่ตั้งเรียงอยู่หน้าร้านเป็นชาสมุนไพรหลาย หลากชนิด

เธอกำลังจะควักเงินออกมา หญิงชราคนนั้นกลับหยุดมือ ของเธอไว้ “ไม่ต้องเกรงใจหรอก มันก็แค่ชาถ้วยเดียว ฉันก็แค่ เห็นแม่หนูแล้วชอบถึงได้เรียกแม่หนูไว้ หนูลองชิมดูสิ

เมื่อเฉินเสวี่ยได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้เสแสร้ง “ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณคุณยายมากนะคะ หนูเพิ่งจะมาที่นี่ เรื่องพวกนี้หนูไม่รู้ อะไรเลยค่ะ ชาสมุนไพรนี้คงจะมีวิถีความรู้ไม่น้อยเลยใช่ไหม คะ”

ในขณะที่พูดเฉินเสวี่ยก็จิบน้ำชาไปด้วย บอกตามตรงว่า รสชาติของจับเลี้ยงนี้มันไม่ค่อยอร่อยเลยจริงๆ พื้นรสชาติเป็นรสขมทั้งหมด แม้ว่าจะมีความ หวานของหล่อฮั่งก้วยอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากจบหนึ่งลงไป ความหวานอันน้อยนิดนั้นไม่สามารถระงับความขมของจับ เลี้ยงได้เลย หลังจากกลืนลงคอไปแล้วในปากยังมีรสขมเหล่า นั้นติดอยู่เลย

หญิงชรามองสีหน้าของเฉินเสวี่ยที่แสดงออกมาก็หัวเราะ ฮ่าๆ เสียงดัง “ขมเกินไปดื่มไม่ได้เลยใช่ไหม มันก็เป็นอย่างที่ หนูว่าจริงๆ นั่นแหละ เมื่อก่อนก็มีเรื่องตลกว่ากล่าวกันว่าจับ เลี้ยง [1] ทั้งไม่เย็นแล้วก็ไม่ใช่ชา จับเลี้ยงนี้ต้มด้วยยาสมุนไพร ที่ช่วยลดความร้อนทั้งหมด สมุนไพรเหล่านี้จะมีรสขมติดมา ด้วย”

เฉินเสวี่ยเองก็หัวเราะตาม “มันขมนิดหน่อยจริงๆ ด้วยค่ะ แต่มีคำกล่าวว่ายาดีขมปากแต่มีคุณรักษาโรคไงคะ เดี๋ยวดื่มๆ ไปก็ชินเองค่ะ” หลังจากคุยกับคุณยายได้สักพักเธอก็นึกจำบาง อย่างขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้เพื่อนของเธอคนหนึ่งหางานได้แถบ ทางตอนใต้ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าควรจะดื่มพวกจับเลี้ยงน้ำ สมุนไพรพวกนี้ ต่อมามีผื่นขึ้นตามร่างกาย เมื่อไปตรวจที่โรง พยาบาลทางโรงพยาบาลถึงบอกว่าทางนี้ความชื้นสูง ต้องกิน อาหารที่ช่วยลดความร้อนขับความชื้น ไม่อย่างนั้นภายใน ร่างกายจะสะสมความชื้นจนทำให้เกิดผื่นคันเอาได้ง่ายๆ นอกจากนี้ถ้าผืนพวกนี้มันผุดออกมาถือว่ายังดี ถ้า หากมันไม่ออกมา ความชื้นภายในร่างกายสูงจะส่งผลกระทบ ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเพื่อนคนนี้ถึงได้เริ่มดื่ม จับเลี้ยงอย่างเชื่อฟัง นอกจากนี้หากมีใครไปทางใต้เขาก็จะ กําชับเตือนทุกครั้ง

จึงยกหัวข้อนี้ขึ้นมาพูดคุยกับคุณยายและมันก็ได้เปิดบท สนทนาของคุณยายจริงๆ คุณยายแซ่เงิน สามีแซ่เดี่ยว ที่จริง แล้วชาสมุนไพรนี้เป็นสูตรลับที่ตกทอดจากบรรพบุรุษของคุณ ตา เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีการปฏิรูปเศรษฐกิจก็เป็นร้านชา สมุนไพร ตอนนั้นยังมีชื่อเสียงมากพอสมควร ต่อมามีการ ปฏิรูปแล้ว ร้านนี้ก็ไม่ได้เปิดอีกเลย คนในครอบครัวก็ไป ทำงานอื่น แต่เพราะบรรพบุรุษต่างพึ่งพาสูตรลับชาสมุนไพร มาโดยตลอด งานฝีมือก็เป็นแค่งานฝีมือในการชงสมุนไพรเอา มาทำเป็นจับเลี้ยง ออกจากจับเลี้ยงนี้ไปแล้วก็ไม่รู้จะไปทำอะไร แล้ว ที่บ้านก็ไม่ได้มีชีวิตดีอะไร ค่อนข้างจะขัดสนมาโดยตลอด

แล้วก็เป็นเพราะเหตุนี้ เมื่อบุคคลหนึ่งเพิ่งจะเริ่มต้นทำ ธุรกิจการค้า คนอื่นๆ จะกำลังรอดูอยู่ตลอด บ้านของคุณยาย เฉินเอาป้ายเดี่ยวจี้แขวนขึ้นอีกครั้ง ในเมื่อสถานการณ์ภายใน บ้านก็เป็นแบบนี้แล้ว ยังมีอีกตั้งหลายปากที่ต้องกินข้าว เสื้อผ้าดีๆ หนึ่งตัวจะสามารถสวมใส่ได้ก็ต่อเมื่อออกจาก บ้านเท่านั้น วันเวลาที่ต้องยากจนเสียยิ่งกว่าชาวนายากจนใน ชนบท ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว

เดี๋ยวก็ถือได้ว่าเป็นแบรนด์เก่าแก่แล้ว ยิ่งกว่านั้นจับเลี้ยง สมุนไพรของคุณยายใช้ได้ผลจริงๆ เหล่าคนสูงอายุต่างจดจำ กันได้ จับเลี้ยงสมุนไพรหนึ่งถ้วยก็ไม่แพง ดื่มแล้วยังสามารถ พักเท้าอยู่ที่ร้านก่อนได้ ร้านก็ค่อยๆ เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จาก แรกเริ่มต้องต้มจับเลี้ยงสมุนไพรตั้งแต่เช้าตรู่แล้วเข็นรถเข็น ออกไปขาย กระทั่งออมเงินจนได้ร้านสําหรับขาย ต่อมาบริเวณ ใกล้เคียงก็มีร้านขายอาหารอื่นๆ มารวมตัวกันที่นี่ กระทั่ง ค่อยๆ กลายเป็นตรอกขายอาหารประจำบริเวณใกล้เคียงนี้ไป แล้ว

เฉินเสวี่ยพูดคุยกับคุณยายเฉินพลางคิดคำนวณอะไรบาง อย่างในใจ

“คุณยายเฉินคะ ร้านของคุณยายขายแต่จับเลี้ยงสมุนไพร ไม่คิดจะทำของว่างมาขายด้วยกันกับจับเลี้ยงหรอคะ ผู้คนที่นี่ เดินกันเหนื่อยกระหายแล้วก็เข้ามาดื่มจับเลี้ยงสักถ้วย พักๆ เท้า เอาของว่างมาทานกับชา ทั้งได้รองท้องทั้งได้พักผ่อนด้วย ก็ดีไม่ใช่เหรอคะ”
คุณยายเฉินยิ้มตาหยีพลางส่ายหัวไปมา “คนหนุ่มสาว อย่างพวกเธอนะฉลาดเฉลียว ลูกคนที่สองของฉันก็พูดแบบนี้ เหมือนกัน บอกว่าท่าแค่จับเลี้ยงสมุนไพร ชาหนึ่งถ้วยห้าเป็น ดื่มจนอิ่ม ถึงแม้ว่าจะเอามาจากบ่อบ้านของตัวเอง เงินทุนไม่ มาก แต่อาศัยแค่จับเลี้ยงก็ทำเงินอะไรไม่ได้ เขาก็บอกว่าต้อง คิดหาวิธีเหมือนกัน

เพียงแต่ว่าการทําของว่างต้องใช้ฝีมือ หนูดูจากร้านขาย ขนมจีบซาลาเปาหลายร้านที่นี่สิ พวกนั้นต่างมีฝีมือที่สืบทอด มากจากต้นตระกูลทั้งนั้น ยิ่งกว่านั้นทำซาลาเปาลำบากกว่าทำ จับเลี้ยงเสียอีก ตีสามกว่าต้องตื่นขึ้นมาผสมแป้ง ปรุงไส้ ที่นี่ อากาศก็ร้อนมากอีก ถ้าวันนั้นขายไม่ออกก็ไม่มีประโยชน์แล้ว การทําของว่างไหนจะง่ายดายขนาดนั้นล่ะ

เฉินเสวยยิ้ม ในยุคนี้มาพูดถึงของว่างผู้คนต่างยังไม่มี ความคิดอะไร ปกติก็จะกินแต่ขนมจีบซาลาเปา ร้านชา สมุนไพรมาขายซาลาเปามันก็ไม่เข้ากันด้วย

“คุณยายเฉินพูดถูกค่ะ การทำซาลาเปามันยากลำบาก ยิ่ง กว่านั้นนึ่งซาลาเปาก็มีไอร้อน แล้วก็ไม่เข้ากันกับจับเลี้ยงด้วย ที่หนูพูดถึงไม่ใช่ของว่างอันนี้ค่ะ เป็นของว่างแบบอย่างเช่นขนมถั่วแดง โก๋ถั่วเขียวแบบนี้ต่างหากค่ะ ทานคู่กับน้ำชาช่วย ลดความขมของชาได้ด้วยนะคะ ซาก็ไปลดความเลี่ยนของขนม แบบนี้เหมาะจะขายในร้านเราพอดีเลยไม่ใช่เหรอคะ อีกอย่าง ของว่างแบบนี้ไม่ใช่อาหารร้อนแบบซาลาเปา ขอเพียงแค่เก็บ ให้ดี อย่าให้พวกแมลงหรือหนูกัด อย่างน้อยสามารถเก็บได้ถึง สองอาทิตย์เลยนะคะ ถ้าเป็นช่วงอากาศเย็นวางไว้เป็นเดือน ไม่เสียค่ะ”

“แต่ของว่างแบบนี้ไม่มีใครทำเป็นนี่นา ยายอย่างฉันทำ ไม่เป็นหรอก ร้านค้าแถบนี้ก็ไม่มีใครทำเป็นเหมือนกัน ฉันว่า ขนาดในห้างใหญ่ๆ ของรัฐก็ยังไม่เคยเห็นของว่างแบบนี้มา ก่อนเลย”

เมื่อได้ยินเฉินเสวี่ยพูดแบบนี้ดวงตาของคุณยายเฉินก็ พลันเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย

“หรือไม่คุณยายเอาแบบนี้ไหมคะ คุณยายดูสิว่าคุณยายก็ แช่เฉิน หนูก็แซ่เฉินเหมือนกัน ถ้าคุณยายเชื่อใจหนูวันหลังหนู จะทำของว่างมาให้คุณยายลองวางขายด้วยกันดู ถ้าหากว่า เหมาะสม พวกเราสองคนก็ร่วมมือกัน หนูของว่างมาวาง ขายที่ร้านคุณยาย เงินที่ได้พวกเราสองคนแบ่งกัน

เฉินเสวี่ยหยุดชะงักไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นอีกว่า “คุณยาย รู้ว่าหนูเพิ่งจะตามคนในครอบครัวมาอยู่ที่นี่ แล้วก็อยากจะหา อะไรสักอย่างเลี้ยงชีพ ไม่ควรจะให้แต่สามีเป็นคนเลี้ยงฝ่ายเดียว

คุณยายพยักหน้า “เรื่องนี้ฉันฟังก็ว่าได้ แต่ว่าฉันยังตัดสิน ใจไม่ได้หรอก เอาไว้ลูกของยายกลับมาตอนเที่ยงแล้วพวกเธอ สองคนลองคุยกันดู แต่หนูวางใจได้ หนูมีฝีมือแบบนี้อยู่ยังไงก็ มีกินอย่างแน่นอน เหมือนครอบครัวของเราถ้าไม่ใช่เพราะ อาศัยฝีมือในการทำจับเลี้ยงสมุนไพรนี้ก็คงทำไม่ได้ถึงตอนนี้

“ได้เลยค่ะ ขอบคุณคุณยายมากเลยนะคะ เดี๋ยวหนูจะไป เดินซื้อของอีกสักหน่อย รอถึงตอนบ่ายหนูจะกลับมาคุยกับ ลูกชายคุณยายอีกครั้งนะคะ”

เฉินเสวี่ยเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าคุณยายเฉินจะสามารถ ตัดสินใจได้ในทันที ความคิดของคนในยุคสมัยนี้ยังไม่ได้เปิด กว้างมากขนาดนั้น นอกจากนี้การที่พูดคุยเล่นๆ ตามท้องถนน แล้วจะสามารถหาคู่ค้าร่วมธุรกิจได้ เรื่องนี้เป็นเสวี่ยก็ไม่ได้คิด ว่ามันจะง่ายดายขนาดนั้น เธอคิดว่าทางที่ดีที่สุดคือการที่ สามารถร่วมมือกับร้านค้าที่นี่ได้ เพราะในเมื่อที่นี่มีร้านค้า สำเร็จรูปอยู่แล้ว ในมือของเธอก็มีเพียงแค่วิธีการทำของว่าง นิดหน่อยเท่านั้น ถ้าจะทำเองแบบนั้นต้องหาหน้าร้าน ตัวเองก็ ไม่สามารถเข้ามาทุกวันต้องหาจ้างคนมาดูร้านและขายของให้ เรื่องที่อยู่ข้างหลังยังมีอีกเป็น กองๆ ตามมา ตอนนี้เธอเพิ่งจะเริ่มต้น ยังไม่อยากจะวางร้านค้า ให้ใหญ่ในคราวเดียว แบบนั้นลงทุนมากเกินไป เรื่องความมุ่ง มั่นทางจิตใจก็จะไม่ไหวเอาได้ง่ายๆ ถ้าหากสามารถร่วมหุ้น ส่วนกับคุณยายได้ เธอสามารถตัดเรื่องอื่นออกไปได้จำนวน มาก เพียงแค่กำหนดวันแล้วส่งของว่างมาก็เรียบร้อยแล้ว นอก จากนี้เดี๋ยวจี้ก็เป็นแบรนด์เก่าแก่ ในขณะที่เธอกำลังนั่งคุยกับ คุณยายได้สักพักก็มีคนหลายคนเข้ามาดื่มชาสมุนไพร ขอเพียง แค่คนส่วนหนึ่งในนี้มีคนซื้อขนมกินบ้าง การตลาดนี้ยัง สามารถพัฒนาขึ้นได้อีก ถ้าหากเปิดร้านใหม่เพื่อขายของว่าง แบบนั้นจะมีแต่คนที่มาซื้อขนมโดยเฉพาะถึงจะเข้ามา ตาม กำลังการซื้อของผู้คนในตอนนี้ หนึ่งวันอาจจะได้ขายแค่ไม่กี่ รายการเท่านั้น ทว่าในร้านชาสมุนไพรการทานของว่างชิ้นสอง ชิ้นเป็นการถือโอกาสทำไปพร้อมกัน ถ้าหากว่ากินดีกินอร่อย ห่อกลับบ้านไปด้วยยิ่งดีใหญ่เลย ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสแบบนี้ แน่นอนว่าต้องลองดูก่อน ถ้าหากว่าครั้งนี้ไม่ได้ ครั้งหน้าเธอก็ ทำขนมมาด้วยเลยเอาให้คุณยายลองชิมดูก่อนแล้วลองวาง ขาย ไม่แน่ว่าอาจมีความคืบหน้าก็เป็นได้

เฉินเสวียออกจากร้านชาสมุนไพรเดี่ยวพลางเดินอยู่รอบๆ ร้านค้าในบริเวณใกล้เคียง เดินดูจนทำให้ เธอประหลาดใจอย่างไม่คาดคิดขึ้นมาเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้เฉินเสวี่ยเข้าไปดูในห้างสรรพสินค้าของรัฐเพื่อ ค้นหาว่ามีเส้นไหมดีๆ ที่สามารถใช้ทำสร้อยข้อมือได้บ้างไหม เมื่อก่อนตอนที่เธอทำงานฝีมือต่างเป็นเอกลักษณ์ของเธอทั้งนั้น สิ่งของที่ทำออกมาไม่เว่อร์เกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียวต่างเป็น ในแบบที่ทุกคนเฝ้าตามหา แถมเธอยังมักจะใช้เทคนิคใหม่ๆ ทุกครั้งที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่จะทำการประกาศภายในร้าน ก่อน โดยพื้นฐานจะถูกจองก่อนจนหมดเลย กระทั่งถึงตอนที่ เธอเอาขึ้นชั้นวางคนต่างพากันแย่งชิงอย่างบ้าคลั่ง เธอคิดว่า ถ้าหากสามารถตามหาเส้นไหมที่คล้ายคลึงกันได้ ตอนนี้ก็ สามารถทําพวกเครื่องประดับข้อมือขนาดเล็กๆ ออกมา ไม่ว่า จะทำไว้ใช้เองหรือว่าทำขายก็ได้ทั้งนั้น ต้นทุนเส้นไหมพวกนั้น ก็ไม่แพงมาก ตอนนั้นเธอใช้เงินสิบกว่าหยวนก็สามารถซื้อม้วน ขนาดใหญ่ได้แล้ว ราคาล้วนอยู่ที่การออกแบบและค่าแรง ทั้งหมด เพียงแต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นเธอเดินดูรอบๆ ห้าง สรรพสินค้าสองสามรอบ ทั้งถามพนักงานขายที่ไม่แยแสพวก นั้นแล้วก็หาเส้นไหมที่เหมาะสมไม่ได้เลย ส่วนที่ในร้านค้ามี ต่างเป็นเพียงด้ายแบบที่เอาไว้ใช้เย็บผ้าเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นเธออยากหาลูกปัดไข่มุกเล็กๆ เอามาไว้ ประดับบนเครื่องประดับยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่เลย

เดิมทีเฉินเสงี่ยหมดความหวังไปแล้ว ขนาดในห้างสรรพ สินค้ายังไม่มี ตามร้านค้าแผงลอยด้านนอกเหล่านี้เธอคิดว่ายิ่ง ไม่น่าจะมียิ่งกว่า แต่คาดไม่ถึงเลยว่าขณะที่เธอกำลังเดินรอบๆ จะมาเจอเส้นไหมชนิดนี้วางขายอยู่บนแผงลอยแผงหนึ่ง

“โอ้ ทำไมคุณถึงมีเส้นไหมแบบนี้ล่ะ” เฉินเสวี่ยดีใจเดินไป นั่งยองๆ ลงตรงหน้าแผงลอย พลิกดูเส้นไหมเหล่านั้นพลางเอ่ย ถาม

เห็นคนเฝ้าแผงเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง คิ้วหนาตาโต เป็น คนที่มองแล้วดูกระตือรือร้นมาก เมื่อได้ยินเฉินเสวี่ยเอ่ยถาม แบบนี้ก็ฉีกปากยิ้มกว้าง “คุณสายตาเฉียบแหลมจริงๆ เลย เส้นไหมนี้นำเข้ามาจากทางฝั่งฮ่องกงที่นี่ไม่มีหรอก ส่วนผมไป ที่ฮ่องกงเพราะที่บ้านมีธุระก็เลยซื้อกลับมาบางส่วน ตอนแรกก็ รู้สึกว่ามันสวยดีสามารถเอามาเย็บเสื้อผ้าทำดอกไม้ได้ ปรากฏ ว่าพอเอามาให้คนที่บ้านดูต่างก็ว่าผมซื้อมาผิดแล้ว เส้นไหม ใช้ไม่ได้เลยแค่ดูดีเฉยๆ อย่างมากก็แค่เอามาใช้ทำดอกไม้ ใหญ่ประดับตกแต่งบนเสื้อผ้าเท่านั้น แถมผมก็ไม่มีฝีมือทาง ด้านนั้นอีก เลยเอามาตั้งแผงลอยดูว่าจะมีใครเป็นไปทำดอกไม้ไหม ซื้อกลับไปยังจะพอมีประโยชน์

เฉินเสวยพยักหน้า มิน่าถึงได้มีเส้นไหมชนิดนี้ ด้ายชนิดนี้ อย่ามองแค่ว่าไม่เหมาะจะทําด้ายเย็บผ้า เอามาทำก็ไม่ใช่เรื่อง ง่าย ต้องรักษาความมันเงาและความเหนียวทนทานให้ดี ต้อง เป็นไหมที่ผลิตจากโรงงานรายใหญ่ถึงจะรับประกัน ในยุคสมัย นี้ยังไม่ค่อยมีใครใช้เส้นไหมแบบนี้ คนๆ นี้ซื้อได้จากฮ่องกง อาจจะเป็นเพราะทางโน้นมีบางคนที่ทำงานฝีมือหัตถกรรมแบบ ดั้งเดิมอยู่บ้างถึงได้ใช้เส้นไหมประเภทนี้ มิน่าแม้แต่ในห้าง สรรพสินค้ายังไม่เห็นเลย ถ้าเส้นไหมแบบนี้มีอยู่ในห้างจริงๆ ก็ เกรงว่าจะไม่มีใครซื้อเหมือนกัน

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง เส้นไหมนี้ไม่สามารถเอามาเย็บ เสื้อผ้าได้จริงๆ นั่นแหละ คุณขายเท่าไหร่” เฉินเสวี่ยพลิกดูเส้น ไหมแล้วนับว่าคุณภาพไม่เลว อีกทั้งสีก็ค่อนข้างครบถ้วน ตอน นี้ต้องดูที่ราคาแล้ว เธอกระทั่งสามารถคิดได้แล้วว่าสามารถนำ มาทำสิ่งของอะไรได้บ้าง รูปร่างที่ออกแบบเรียบร้อยทุกอย่าง เหล่านั้นปรากฏขึ้นในสมองของเธอโดยตรง

“เส้นไหมนี้เป็นไหมดี ยิ่งกว่านั้นม้วนใหญ่หนึ่งม้วนนี้ก็ยาวมาก สามารถใช้ได้เป็นเวลานาน ม้วนละสิบ หยวนแล้วกัน”

เมื่อเป็นเสวี่ยได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มคนนั้นพูดก็หัวเราะคิก “คุณขายสิบหยวน? เส้นไหมนี้เป็นไหมที่ฉันยอมรับ แต่ก็อย่าง ที่คุณพูดว่ามีแค่ไม่กี่คนที่ใช้เป็นนี่นา คุณเอาวางไว้ตรงนี้มีใคร คนอื่นเคยมาถามบ้างไหม ฉันเองก็เป็นเพราะตัวเองชอบงาน มือทักถอประเภทนี้ถึงได้เต็มใจที่จะซื้อเส้นไหมนี้ แต่ว่าสิบ หยวนมันก็เกินจริงเกินไปหน่อย ตอนนี้เงินเดือนหนึ่งเดือนของ ทุกคนแค่เท่าไหร่เอง ด้ายหนึ่งม้วนคุณขอราคาสิบหยวนฉันซื้อ ไม่ไหวหรอก”

เฉินเสวี่ยพูดพลางชะงักมือที่ยังคงพลิกเส้นไหมด สิบ หยวนก็โลภมากเกินไปจริงๆ ราคานี้โหดเกินไป

“ดูที่คุณพูด สิบหยวนมันแพงจริง แต่นี่เป็นของที่นำเข้า มาจากฮ่องกงเลยนะ โดยทั่วไปก็หาซื้อไม่ได้นี่นา อีกอย่างผม ไปฮ่องกงครั้งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเดินทางไปกลับ ค่าอาหาร ค่าที่ พักไม่ใช่หรอ ถ้าคุณไม่ซื้อที่นี่ ทั้งเมืองนี้ก็หาซื้อไม่ได้หรอก”

เฉินเสวยยิ้มๆ “ฉันหาซื้อทั้งเมืองไม่ได้ แต่ฉันแค่ซื้อเพื่อ เอามาเล่นสนุกเท่านั้น คงไม่ต้องถึงกับไม่กินข้าวกินปลาเพียงแค่เพราะจะซื้อของเล่นเพื่อ ความสนุกแบบนี้หรอกมั้ง อีกอย่างคุณไปฮ่องกงก็คงจะไม่ได้ ซื้อแค่ไหมไม่กี่ม้วนกลับมาหรอกมั้ง วันอากาศร้อนๆ แบบนี้ พวกเราอย่ามัวทะเลาะกันที่นี่เลย ฉันน่ะชอบเส้นไหมประเภทนี้ จริงๆ ฉันว่าเส้นไหมนี้ของคุณวางเอาไว้ตรงนี้ตากแดดต่อไปอีก นานก็คงจะไม่มีคนมาซื้อหรอก เอาแบบนี้ สิบหยวน ไหม ฉัน เอากลับไปทั้งหมด ถ้าคุณคิดว่าเหมาะสมก็โอเค ถ้าไม่เหมาะ สมก็ลืมไปซะ เพราะถึงยังไงตัวฉันก็แค่ซื้อไปเล่นเท่านั้นเอง”

เมื่อคนตรงข้ามได้ยินเฉินเสวี่ยพูดแบบนี้ก็กระโดดขึ้น ทันที “ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย สิบหยวนเอาไปทั้งหมด ผมมีเส้นไหม ถึงสิบสองสี คุณอยากจะซื้อด้วยราคาสิบหยวน แบบนั้นผมก็ เสียเปรียบตายเลยสิ ไม่เอาๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ