ลูกสะใภ้ตัวน้อยที่ข้าม

ตอนที่ 3 ว่ายน้ำ



ตอนที่ 3 ว่ายน้ำ

พูดนะง่ายแต่ทำนะยาก วางแผนเสร็จแล้วแต่เมื่อนำไปปฏิบัติ จริง เฉินเสวี่ยรู้สึกจริงๆ ว่าการฝึกฝนพละกำลังของตัวเองใน เวลาสิบห้านาทีนี้มันผ่านไปอย่างยากลำบากเหมือนหนึ่ง ชั่วโมง ร่างกายหนักเกินไปอีกทั้งยังอ่อนแอมากด้วย มองดู อวบอ้วนแต่แท้จริงแล้วมีแต่เนื้ออ่อนทั่วทั้งตัว เวลาดันตัวขึ้น ตอนวิดพื้นมือของเธอเอาแต่นั่นไม่หยุด เพิ่งจะทำไปแค่สอง ครั้งก็อยากร้องไห้แล้ว ไม่สามารถรักษาท่าทางมาตรฐานไว้ได้ เลย ท้ายที่สุดต้องเปลี่ยนมาเป็นท่าคุกเข่าวิดพื้นถึงได้ยืนหยัด ผ่านมันมาได้ เธอทนทำท่าแพลงก์ได้แค่สามสิบวินาทีก็รู้สึกว่า บริเวณเอวกับหน้าท้องของตัวเองทั้งเมื่อยทั้งปวด เหงื่อไหล จากหน้าผากลงมาถึงคางเป็นสายๆ ก่อนจะหยดลงบนพื้น เธอ พยายามจะรวบรวมสมาธิความสนใจไปอยู่ที่ลมหายใจของตัว เอง กัดฟันแน่นหน้าอก เอว ขาตั้งเป็นเส้นตรง

สุดท้ายเมื่อทำจนเสร็จสิ้นทั้งสิบห้านาทีแล้ว เฉินเสวยรู้สึก เหมือนตัวเองเพิ่งจะถูกตักขึ้นมาจากน้ำยังไงอย่างนั้น การที่จะ ไปว่ายน้ำแล้วต้องอาบน้ำอีกในคราวนี้ไม่ได้สูญเปล่าอีกแล้ว

หลังจากทําความสะอาดสถานที่ที่เธอเพิ่งจะออกกำลัง กายไปเมื่อครู่แล้ว เฉินเสงี่ยหยิบเอากะละมังหนึ่งใบ แบกเอา ชุดว่ายน้ำและเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนก่อนจะออกจากบ้านไป เตรียมพร้อมที่จะไปว่ายน้ำ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนนี้ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วหรือ เปล่า คนภายในตึกนี้ถึงแทบไม่เห็นใครอยู่เลย แต่ทว่าก็ดี เหมือนกัน เธอเพิ่งจะทำขายหน้าขนาดนั้น ตอนนี้เป็นเสวี่ยก็ไม่ อยากทักทายเพื่อนบ้านเหล่านี้เช่นกัน ตอนนี้ทุกคนพักอยู่ใน ชุมชนบ้านพักญาติซึ่งต่างก็เป็นแบบนี้ แค่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ แค่โดนหางลมพัดผู้คนทั่วทั้งชุมชนต่างรู้กันไปทั่ว ไหน เล่าจะเหมือนยุครุ่นหลังที่แม้แต่เพื่อนบ้านประตูตรงข้ามกันยัง ไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ ถ้าหากตอนนี้บังเอิญเจอเพื่อนบ้านขึ้นมา จริงๆ เฉินเสวี่ยก็ไม่รู้ว่าควรใช้สีหน้าแบบไหนไปสู่หน้าฝ่ายตรง ข้ามเช่นกัน

โชคดีที่ตลอดทางมานี้ไม่มีเรื่องอะไร ส่วนเรื่องที่จะมีใคร คอยมองคอยชี้ไม้ชี้มือใส่เธออยู่ไกลๆ ไหมนั้นเฉินเสวี่ยไม่ได้ สนใจ เธอก็ไม่ใช่คนจิตใจเปราะบางขนาดนั้น ถูกคนอื่นว่าแค่ไม่กี่ประโยค ก็ใช่ว่าเนื้อจะหลุดออกไปเสียหน่อย แต่ถ้าเนื้อหลุดได้จะยิ่งดี เลย

หลังจากเดินตามเส้นทางในความทรงจำมาจนถึงสระว่าย น้ำ เฉินเสงี่ยมองประกาศที่อยู่หน้าประตู โชคดีที่สระว่ายน้ำ แห่งนี้มีไว้ให้ในกองทัพ ใช้การโดยเฉพาะ ทหารและครอบครัว ต่างสามารถเข้าใช้งานได้ฟรี ไม่อย่างนั้นว่าตามราคาตั๋วเข้า ต้องเสียครั้งละห้าเฟิน [1] แม้จะเป็นจำนวนไม่มากแต่ถ้าเธอ มาว่ายน้ำทุกวัน นั่นก็เป็นค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ตอน นี้รายรับของแต่ละครอบครัวต่างไม่สูงนัก แม้ว่าหลัวต้าอวี่จะ เป็นผู้บังคับการกองพันแต่เงินเบี้ยเลี้ยงหนึ่งเดือนก็แค่สามสิบ หยวนเท่านั้น อีกทั้งเธอก็ไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้ วันเวลาใน หนึ่งเดือนยังถือว่าค่อนข้างรัดตัวมากพอสมควร

หลังจากลงทะเบียนที่ประตูและรับกุญแจตู้เก็บสัมภาระ เรียบร้อย เฉินเสวี่ยก็เข้าไปด้านในสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำใน สมัยนี้ไม่ได้สร้างให้หรูหรามากขนาดรุ่นหลังๆ อันที่จริงก็เป็น สระปูนซีเมนต์ปูกระเบื้องเคลือบ แถมยังมีกลิ่นผงฟอกขาว รุนแรง โชยมาด้วย เฉินเสวี่ยแอบครุ่นคิดอยู่ว่าของแบบนี้เป็น อันตรายต่อผิวหนัง อีกเดี๋ยวว่ายน้ำเสร็จแล้วต้องรีบไปอาบน้ำ ล้างออกให้ดี น่าเสียดายในตอนยังไม่ของจำพวกโลชั่นบำรุงผิว พวกน้ำมันหอยเอาใช้ทามือทาเท้า ในห้องของเธอยังมี ครีมได้ยินมาก่อนเลย เดาว่าการแข่งขันด้านการตลาดในยุค หลังคงดุเดือดกว่ายุคมากนัก

เธอหาตู้เก็บของของตัวเองจนเจอ เสื้อผ้าวาง เก็บเรียบร้อยแล้วเปลี่ยนใส่ชุดว่ายน้ำ เฉินเสวี่ยชอบว่ายน้ำ มาก ท่วงท่าทุกรูปแบบต่างว่ายได้ไม่เลย แม้ว่าทักษะความ สามารถการว่ายน้ำของร่างเดิมค่อยเท่าไหร่ก็ว่า ว่ายเป็น นั้นชุดว่ายตัวนี้อยู่

เสวยย้อนความทรงจำตอนเธออยู่ปักกิ่งเป็นฉาก ว่ายในทหาร เพียงแต่ว่าร่างอ้วนเกินเมื่อใส่ชุด ว่ายแล้วจึงเหมือนหมูชั้นชิ้นใหญ่ถูกถึงว่าชุดว่ายตัวจะเป็นเบอร์ใหญ่พิเศษก็ตาม เมื่อสวมอยู่ตัวของเฉินเสงี่ยมันก็ยังว่ารัดแน่นจน น่าหวาดกลัว สายตรงทั้งสองข้างเหมือนกับจมเข้าไปอยู่ ด้านในเนื้อแล้ว เสวี่ยแอบกับตัวเองว่าโชคชุดว่าย เป็นแบบอนุรักษ์นิยม ถ้าเป็นแบบชุดว่ายน้ำบิกินี่ล่ะคงจะ เหมือนเอาเชือกมาผูกติดไว้กับก้อนเนื้อจริงๆ แน่

เธอหายใจเข้าออกลึกๆ อยู่สองสามครั้งแล้วเดินออกจาก ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปลงสระน้ำ ยังดีที่ทันทีที่ลงไปอยู่ในสระน้ำ แล้ว ความรู้สึกถูกเชือกชุดว่ายน้ำบีบรัดทุเลาลงไปมาก

เฉินเสวี่ยปรับการหายใจเล็กน้อยก่อนจะเริ่มว่ายไปมาใน นา แรกเริ่มการเคลื่อนไหวยังไม่สอดรับกันสักเท่าไหร่ แต่ยังดี ที่เดิมทีร่างเดิมว่ายน้ำเป็นอยู่แล้ว ทักษะการว่ายน้ำของเฉินเส วียเองยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากว่ายไปมาสองสามรอบการ เคลื่อนไหวก็ค่อยๆ คล่องตัวขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกว่านั้นความเร็วก็ เปลี่ยนเป็นเร็วมากขึ้น

เฉินเสวยพลางว่ายพลางคิดไปด้วยว่าตอนนี้ตนเองคงจะ เหมือนก้อนเนื้อสีขาวที่ลอยล่องอยู่บนน้ำอย่างแน่นอน เอ่อ การใช้สิ่งนี้มาเปรียบเทียบตัวเองแบบนี้ดูค่อนข้างน่าขยะแขยง นิดหน่อย แต่ถ้าว่ายแบบนี้ทุกวันจะต้องค่อยๆ ลดลงได้อย่าง แน่นอน เธอรู้ดีว่าการลดน้ำหนักเป็นโครงการใหญ่ พอดีที่ตอน นี้ไม่ได้มีเครื่องชั่งน้ำหนักที่สะดวกสบายอยู่ที่บ้านด้วย จะได้ เลี่ยงไม่ให้ตัวเองอยากจะสั่งทุกครั้งที่มองเห็นเครื่องชั่ง แบบ นั้นคงจะเหมือนเพลงที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ที่ชื่อว่า “ชั่งสัก หน่อย’ ที่เห็นเครื่องชั่งเมื่อไหร่เป็นต้องชั่งดูสักหน่อย กินข้าวเสร็จซึ่งอีก วิ่ง ครบสองรอบก็ไปชั่งใหม่ แบบนั้นคงได้บ้ากันพอดี

แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงเดือนมิถุนายน แต่เฉินเสงี่ยมาว่าย ค่อนข้างช้าซึ่งแสงแดดไม่ได้แรงมากขนาดนั้น หลังจากเฉินเส ว่ายไปมากว่าหลายสิบรอบแล้วจึงขึ้นฝั่ง มองนาฬิกาเรือน ใหญ่บนฝาผนังริมฝั่งพลางกดดูชีพจรของตัวเอง หนึ่งร้อยกว่า เร็วกว่าชีพจรในสภาวะปกติของเธอยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ประมาณ ว่าปริมาณการออกกำลังกายแบบแอโรบิกค่อนข้างเหมาะสม ครั้งต่อไปสามารถเพิ่มให้มากขึ้นได้อีกเล็กน้อย ข้อดีของการ ว่ายน้ำคือไม่ทำให้ข้อต่อได้รับความเสียหายใดๆ แต่ทว่าระดับ ความสามารถในการว่ายน้ำอย่างเธออยากจะออกกำลังกาย ให้ได้ปริมาณมากก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังต้องอาศัยการฝึกฝนและ กําลังเข้ามาช่วยเสริม

หลังจากว่ายน้ำไปประมาณหนึ่งชั่วโมงภายในสระก็แทบ ไม่มีผู้คนอยู่แล้ว เฉินเสวี่ยรีบเข้าไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำอีก ฝั่ง สระผมอย่างประณีตให้สะอาดที่สุดเพราะสารฟอกขาว ทำร้ายเส้นผมอย่างมาก เธอไม่อยากให้ลดน้ำหนักจนผอมลง อย่างยากลำบาก แต่แถมผมเหลืองแห้งกร้านไปทั่วทั้งหัวหรอก นะ
รอกระทั่งเธอจัดการทุกอย่างเสร็จออกมาคืนกุญแจตู้ เป็นเวลากว่าห้าโมงครึ่งแล้ว เฉินเสวี่ยแอบถอนหายใจด้วย ความโล่งอก โชคดีที่ตนเองควบคุมเวลาได้ดี เธอหอบข้าวของ เดินกลับบ้าน ขณะที่เดินขึ้นตึกไปนั้นได้ยินเสียงของครอบครัว หลายครอบครัวกำลังเริ่มทานอาหารเย็นกันแล้ว แต่ทว่าเมื่อ เป็นประตูบ้านของตัวเองดูก็เป็นไปตามที่คาดไว้ ภายในบ้าน ไม่มีใครอยู่เลย

เฉินเสวี่ยยักไหล่ ก็ดี เพราะถ้ามีเธอคงจะรู้ว่าควรจะเผชิญ หน้าด้วยยังไง เธอเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเหล่าทหารที่มีครอบครัว ติดตามมาด้วยเหล่านี้โดยปกติแล้วกลับบ้านบ่อยแค่ไหน แต่ ในเมื่อติดตามมาอยู่กองทัพแล้ว ถัดไปด้านข้างก็เป็นค่าย ทหาร นอกเสียจากว่าจะมีการฝึกภารกิจใหญ่ที่สำคัญบางอย่าง คงจะสามารถกลับบ้านได้ทุกวัน ไม่อย่างนั้นการสร้างชุมชน ครอบครัวทหารเอาไว้ในกองทัพก็คงจะไม่มีความหมายอะไร แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าสามารถกลับบ้านมาพักผ่อนได้เพียง ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์? แต่ว่ากองทัพเหมือนจะไม่มีแนวคิด เรื่องวันหยุดสุดสัปดาห์นี่นา จะมีก็แต่ลาพักร้อนอะไรทำนอง นั้น?

ไม่สนแล้ว ถึงยังไงเธอก็ไม่รู้แน่ชัดอยู่ดีแล้วก็ไม่ได้อยากรู้ ด้วย เธอไม่มีความชำนาญในเรื่องทำให้ตัวเองเจ็บปวดแบบนี้ จะคิดถึงคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องด้วยคนนั้นไปทำไม

ใช่ ตอนนี้เป็นเสวยถือว่าหลัวต้าอวี่เป็นบุคคลที่ไม่ได้มี ความเกี่ยวข้องอะไรกัน ถ้าหลัวต้าอวี่ยังไม่กลับมาแบบนี้ ภายในใจของเธอก็ร้องออกมาได้เพียงว่า ดี

หลังจากเอาเสื้อผ้าแช่ไว้ในกะละมังแล้ว เฉินเสวี่ยครุ่นคิด ก่อนจะได้โรงอาหารตักอาหารกลับมารองท้องก่อนแล้วค่อยว่า กัน ไม่อย่างนั้นเธอเกรงว่าถ้าไปช้าโรงอาหารอาจจะไม่มี อาหารเหลือแล้ว เธอหยิบเอากล่องใส่อาหารกับตัวอาหารสอง สามใบจากที่บ้านไป ทหารทานข้าวไม่ต้องใช้เงิน แต่เจ้า พนักงานทหารอย่างพวกหลัวต้าอวี่ทานข้าวจำเป็นต้องจ่ายตั๋ว อาหาร แน่นอนว่าทุกๆ เดือนจะมีเงินอุดหนุนตัวอาหารให้ ตลอด เฉินเสวี่ยหากล่องเก็บตัวอาหารจนเจอจากในลิ้นชักห้า ชั้นตามความทรงจำที่มีอยู่ คาดว่าคงจะเป็นหลัวต้าอใส่มัน เอาไว้ จะว่าไปแล้วแม้ว่าเขาจะเย็นชาไม่แยแสภรรยา แต่เงิน เดือนทุกๆ เดือนก็เอาให้ตลอดนับว่าทำได้ไม่เลวเช่นกัน คาด ว่าในยุคนี้ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาส่วนใหญ่น่าจะเป็น แบบนี้ทั้งนั้น คนหนึ่งหาเงินมาจุนเจือครอบครัว อีกคนหนึ่งคอย เก็บหอมรอบรับอยู่ที่บ้าน นั่นคือครอบครัวต้นแบบในสายตา ของคนทุกคน
ทันทีที่เฉินเสวี่ยเดินไปถึงโรงอาหารก็ถึงกับต้องมึนงงไป ไม่น่าแปลกเพราะตัวของเธอไม่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิต ในชุมชนทหารเลยแม้แต่นิด แม้ว่าจะมีความทรงจำของร่าง เดิมอยู่บ้างแต่ในเมื่อมันไม่ใช่ความทรงจำของตัวเธอเองย่อม ไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างคล่องแคล่วขนาดนั้น เธอต้อง ค้นหามันในตอนนั้นทันทีถึงจะหาพบ

ผู้คนในยุคนี้ทานอาหารกันค่อนข้างเร็ว ขณะที่เธอออก จากสระว่ายน้ำแล้วเดินกลับบ้าน แม้แต่คนที่เอาอาหารกลับไป ทานที่บ้านต่างทานได้พอประมาณแล้ว คนที่ทานอาหารที่โรง อาหารต่างทานเสร็จกันไปนานแล้ว แม้ว่าตอนนี้โรงอาหารจะ ยังคงเปิดอยู่แต่ด้านในนั้นไม่มีอาหารอะไรเหลืออยู่แล้ว แม้แต่ พนักงานในโรงอาหารกลุ่มละสองสามคนต่างกำลังนั่งทาน อาหารกันแล้ว เมื่อเห็นว่ามีคนเพิ่งจะมาทานอาหารเย็นเอาป่าน นี้ต่างพากันมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด ไม่แน่บางที พรุ่งนี้เฉินสวยอาจจะมีชื่อเสียงมากขึ้นกว่าเดิม ทำนองว่าอยู่ บ้านไม่ทำอะไรรู้จักแต่เที่ยวเล่น ขนาดมาตักอาหารที่โรง อาหารยังมาสายอะไรทำนองนั้น

อย่างไรก็ตามเฉินเสวี่ยเดินดูรอบๆ หนึ่งรอบก็สามารถ บอกได้เลยว่าอย่าว่าแต่อาหารถูกตักไปจนหมดเลย ขนาดซุปก็ เหลือแค่เศษเท่านั้น แม้แต่ก่อนหน้านี้ที่ถือว่าดี อาหารเหล่านี้ยังแค่พอไปวัดไปวาได้ เท่านั้น ไม่ใช่แค่รสชาติไม่ดี เรื่องโภชนาการก็ไม่ตรงกับข้อ กำหนดของเธอในตอนนี้ด้วย หลังจากเดินไปรอบๆ แล้วเธอก็ เห็นเพียงร้านหลักยังพอมีหมั่นโถว ฮวาเจวียน [2] อยู่บ้างเล็ก น้อย ไม่มีทางเลือกอื่นต้องรับมือให้ผ่านวันนี้ไปให้ได้ก่อน เฉิน เสวี่ยซื้อฮวาเจวียนสองสามชิ้นก่อนจะถือกล่องอาหารเดินกลับ ออกไป

ตอนที่กลับมาถึงบ้านพัก ขณะที่กำลังขึ้นไปชั้นบนเธอ บังเอิญได้พบกับผู้หญิงรูปร่างปานกลางคนหนึ่งลงตึกมาทิ้ง ขยะพอดี

“โอ๊ะ นี่ไม่ใช่ครอบครัวของผู้บังคับกองพันหลัวหรอเนี่ย ผู้หญิงคนนั้นเห็นเฉินเสวี่ยเข้าก็รีบกล่าวทักทายอย่าง กระตือรือร้นมาก

“เอ่อ สวัสดีค่ะ” เฉินเสวยพยักหน้ารับ ไม่มีทางเลือกที่เธอ ไม่รู้จักเธอคนนี้เลยนี่นา พวกเขาเพิ่งจะมาได้เพียงไม่กี่วัน ร่าง เดิมคนนั้นก็ไม่ชอบคบค้ากับคนอื่นอยู่แล้ว เหตุการณ์ทะเลาะ กันครั้งก่อนทำให้คนอื่นต่างรู้จักเธอกันหมด แต่เธอยังไม่คุ้น เคยกับคนอื่นเลย

“ก็รู้อยู่ว่าคนสูงศักดิ์อย่างคุณมักลืมง่าย ฉันชื่อเฉินเย่ว์ เป็นคนรักของหยางว่านหลี่ วันนั้นครอบครัวของผู้บังคับกอง หลัวของพวกคุณย้ายเข้ามา เหล่าหยางของเราก็ไปช่วยด้วยเหมือนกัน พวกเรา สองคนไปซื้อผลไม้ที่ร้านค้าด้วยกันมาไง” เฉินเย่ว์หัวเราะคิก คัก แม้ว่าพูดจาดูออกจะใจโหดร้ายไปหน่อย แต่สีหน้ากลับ ดูเหมือนแค่พูดหยอกเย้าหยอกล้ออย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้น จาก ที่ได้ฟังเหมือนเธอจะรู้จักกับร่างเดิมมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว จริงๆ

เฉินเสงี่ยมพลางพยักหน้ารับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ ฉันจําคนได้ค่อนข้างช้า จำหน้าคนไม่ค่อยได้เท่าไหร่ พ สะใภ้เฉิน คราวนี้ฉันต้องจำได้แน่นอนค่ะ จะลงไปทิ้งขยะข้าง ล่างเหรอคะ”

เฉินเยวก็ยิ้มตาม “ไม่กี่วันก่อนเหล่าหยางบอกว่าช่วงนี้ อากาศร้อนร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ นี่ฉันก็เลยคิดจะทำอะไร มาบำรุง เลยเอานกพิราบมานซุปให้เขาสักหน่อย คืนนี้ก็เลย กินซุปนกพิราบนี่แหละ ของจำพวกกระดูกแบบนี้ไม่ควรจะเอา ทิ้งไว้ที่บ้านนาน ไม่อย่างนั้นทิ้งไว้ส่งกลิ่นเหม็นจะขายหน้าคน อื่นเขาแค่ไหน ฉันก็เลยจะเอาลงไปทิ้งขยะข้างล่าง” เฉินเย่ว์พูด อย่างภาคภูมิใจ ในชุมชนนี้ครอบครัวของพวกเขาถือว่าอยู่ดี กินดีมาก หยางว่านหลีก็ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงเดือนละสามสิบ หยวนเช่นกัน ส่วนเธอหางานได้เป็นคุณครูประจำโรงเรียนใน เมือง งานค่อนข้างเบากว่างานในค่ายทหาร หนึ่งเดือนก็มีรายได้กว่ายี่สิบหยวน แถมยังเป็นเจ้า หน้าที่แบบทางการ ยังไม่มีลูก ผู้เฒ่าผู้แก่พวกเขาก็ไม่ต้องเลี้ยง ดู เงินห้าสิบหยวนในหนึ่งเดือน ใช้กันอยู่แค่สองคน ในหนึ่ง เดือนได้กินเนื้ออยู่หลายต่อหลายครั้ง ทำเอาเพื่อนบ้านข้างๆ ต่างอิจฉากันหมด ปกติแล้วเวลาเธอพูดจาก็มักจะเคยชินกับ การคุยโวโอ้อวด

“นั่นไม่เลวเลยนะคะ ซุปนกพิราบเป็นอาหารเสริมที่ดีที่สุด อีกอย่างหน้าร้อนแบบนี้ก็สมควรจะบำรุงหน่อยจริงๆ นั่นแหละ ค่ะ” เดิมทีเป็นเสวี่ยก็ไม่ได้คุ้นเคยกับเฉินเยวนัก ทั้งสองคนยืน คุยกันอยู่ในทางเดินของตึก คนหนึ่งถือกล่องอาหาร อีกคนถือ ถุงขยะ ไม่ว่ายังไงสิ่งนี้ก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ โดยเฉพาะ ถุงขยะที่เฉินเย่ว์ถืออยู่นั้นด้านในยังมีของจำพวกซุปๆ ๆ อยู่ ด้วย และดูเหมือนน้ำแทบจะหยดลงมาแล้ว เธอเห็นอย่างนั้น แล้วรู้สึกว่าทั่วทั้งตัวไม่สบายเอาเสียเลย หลังจากขายผ้าเอา หน้ารอดไปสองสามประโยคก็อยากจะก้าวขาขึ้นไปชั้นบนแล้ว

“ก็ใช่น่ะสิ ต้องคนมาจากปักกิ่งเมืองใหญ่อย่างพวกคุณ ถึงรู้มาก นกพิราบนะเนื้อน้อยแต่ราคาแพงเสียยิ่งกว่าไก่ ที่ซื้อ มันก็ไม่ใช่เพราะสนใจที่มันช่วยบำรุงนี่เหรอ โอ๊ะ นี่คุณเพิ่งจะ กลับมาจากโรงอาหารเหรอ ตอนนี้ในโรงอาหารยังมีอาหารอยู่อีกหรอ”

“วันนี้ยุ่งจนเลย แล้วก็ไม่มีอาหารอะไรแล้วจริงๆ นั่น แหละค่ะ นี่ก็เอามาแค่หมั่นโถวไม่กี่ชิ้น แต่ว่าฉันหิวมากแล้ว จริงๆ ยังไงฉันขอตัวกลับบ้านไปทานข้าวก่อนนะคะ พี่สะใภ้เดิน ระวังๆ นะคะ” หลังจากพูดจบก็ไม่สนใจแล้วว่าเฉินเย่ว์จะตอบ กลับยังไง เฉินเสวี่ยรู้สึกเพียงว่าตรงมุมถุงขยะนั้นน้ำซุปอาหาร แทบจะหยดลงมาอยู่แล้วจึงหมุนตัวเดินขึ้นตึกไป

“เอ่อ คุณเองก็รีบกลับไปทานข้าวนะ กลับมาจากโรง อาหารซะดึกขนาดนี้เดี๋ยวได้ทำเอาคุณหิวแย่กันพอดี” แม้ว่า เฉินเยวจะพูดแบบนี้ แต่เมื่อนึกถึงเนื้อไขมันทั่วตัวของเฉินเสวี่ย แล้ว ถึงจะหิวไปอีกสักสองสามมื้อก็คงจะไม่เป็นไรหรอก

ไม่สนเธอแล้ว เฉินเย่ว์เดินเตร่ลงไปข้างล่าง ทุกครั้งที่ที่ บ้านทานเนื้อเธอมักจะเอาขยะลงไปทิ้งอยู่หลายครั้งหลายครา คิดแค่ว่าเพื่อบังเอิญเจอเพื่อนบ้านระหว่างทางจะได้พูดคุยกัน ถุงขยะที่อยู่ในมือเธอก็จะหยดตามไปด้วยตลอดทาง

เฉินเสวี่ยกลับคิดไม่ถึงว่าเฉินเย่ว์จะพูดโม้อะไรใส่เธอ ใน เมื่อเธอเพิ่งจะมาจากยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดในยุคนั้น ใครจะเอา เรื่องที่ว่าที่บ้านได้ทานเนื้อมาพูดไปทั่วแบบนี้ ทุกคนต่างสามารถทานเนื้อกันจนเกินไปแล้วจะดีต่อสุขภาพ

เฉินเสวี่ยกลับมาบ้าน รู้สึกกลัดกลุ้มใจกับหมั่นโถวสอง สามชิ้นอยู่เล็กน้อย ว่าตามเหตุผลในช่วงออกกำลังกายนั้น อาหารควรจะประกอบด้วยอาหารที่โปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรต ปานกลาง ไขมันต่ำ ส่วนไขมันนี้ไม่ปัญหาเพราะตอนคน ต่างทานน้ำมันกันน้อย นอกจากนี้หมั่นโถวสีนี้สามารถกล่าวได้ปราศจากไขมันโดยสิ้นเชิง

แต่ส่วนว่าโปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตปานกลางนั้นทำไม่ ได้แล้ว สิ่งที่อยู่ตรงหน้าล้วนเต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต อันจริงหลังจากออกกำลังเสร็จแล้วมากินแป้งจำนวนมากผลเสียต่อร่างกาย เพราะคาร์โบไฮเดรตจำพวกแป้งจะไป ลดความสามารถของระบบการเผาผลาญลง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือจะง่ายต่อการสะสมไขมัน จากการกินแป้งจะทำให้ กล้ามเนื้อเติบโตได้ยาก

แต่เรื่องนี้พรุ่งนี้ค่อยพิจารณาดูอีกครั้งแล้วกัน คืนกินหมั่นโถวครึ่งลูกไปก่อน
ไม่กินเลย เฉินเสวี่ยไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แม้ว่าการ ไม่ทานอาหารเย็นจะได้ผลกับการลดน้ำหนักของคนจำนวนไม่ น้อยจริงๆ แต่ในความทรงจำปริมาณอาหารที่ร่างเดิมทานนั้น เป็นจำนวนไม่น้อยเลย การงดทานอาหารแบบกะทันหันแบบนี้ ไม่เป็นผลดีต่อกระเพาะอาหาร นอกจากนี้จะส่งผลต่อจิตใจ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าชีวิตของตนเองน่าสมเพชเวทนาแบบสุดๆ

หมั่นโถวที่อยู่ตรงหน้านี้ดูไปแล้วก้อนใหญ่มากทีเดียว ทานสักครึ่งคงจะสามารถช่วยให้ผ่านคืนนี้ไปได้อย่างแน่นอน

เฉินเสวี่ยค้นหาดูในห้องครัวแล้วก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ คือไม่มีผักอะไรเลย เจอเพียงแค่ข้าวครึ่งถุงและเส้นบะหมี่อีก ครึ่งถุง ในยุคนี้ยังไม่มีตู้เย็น อากาศที่นี่ก็ร้อนคาดว่าผู้คนคงจะ ไม่เอาผักมาเก็บไว้ที่บ้าน ทว่าสิ่งที่ทำให้เฉินเสวี่ยประหลาดใจ ก็คือเครื่องปรุงรสที่มีค่อนข้างจะครบถ้วนสมบูรณ์ นอกเหนือ จากน้ำตาล เกลือ ซีอิ้ว น้ำส้มสายชูแล้ว แม้แต่พริกไทยป่นและ น้ำมันพริกก็มีครบหมด เมื่อคิดถึงฝีมือการทำอาหารของร่าง เดิมแล้วของพวกนี้คงจะเป็นหลัวต้าอวี่เป็นคนซื้อมาเสีย มากกว่า คาดว่าหลัวต้าอวี่คนนี้คงจะชอบอาหารรสเผ็ด จุดนี้ ทำให้ตัวเฉินเสวี่ยเองรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะตัวเธอเองก็ชอบทานเผ็ดเหมือนกัน สิ่งที่ภูมิใจที่สุดคือแต่ไหนแต่ไรไม่ เคยกลัวว่าจะร้อนในเพราะทานเผ็ดแล้วก็สิวไม่ขึ้นด้วย

พอดีมีเครื่องปรุงรสครบ เฉินเสวี่ยจึงทำซุปซีอิ้วหนึ่งชาม เพียงแค่เอาซีอิ้วน้ำส้มสายชูใส่ลงไปในน้ำต้ม จากนั้นเติม น้ำมันพริกกับผงพริกไทยลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติอีกเล็กน้อย สิ่งนี้ เธอเรียนรู้มาจากพ่อของเธอ ซุปซีอิ้วฝีมือของพ่อเธอนั้นเด็ด ที่สุด เป็นที่รู้จักในชื่อซุปเทวดา พอดีกับที่วันนี้ออกกำลังกายไป ค่อนข้างมาก สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นการเติมอิเล็กโทรไลต์เข้าไป

หลังจากทำซุปเทวดาเสร็จหนึ่งชาม นำเอาหมั่นโถวมานั่น ครึ่งวางใส่ไว้ในจาน เอาทั้งสองอย่างวางลงบนโต๊ะน้ำชา เรียบร้อยแล้ว เฉินเสงี่ยถึงได้เริ่มรับประทานพลางครุ่นคิดไป ด้วยอย่างช้าๆ

นี่ก็เป็นนิสัยที่เคยชินของเฉินเสงี่ยมาช้านานแล้ว อาหาร หนึ่งมื้อ ถ้าหากทานมันในห้องครัวเธอมักจะรู้สึกเหมือนกับตัว เองยังไม่ได้ทานยังไงอย่างนั้น บางครั้งเธอก็เผลอทานเข้าไป จำนวนมากหลายแคลอรี่โดยไม่รู้ตัว แต่ในทางความรู้สึกกลับ ยังรู้สึกไม่เต็มอิ่มเลย จึงทำให้เผลอทานเยอะเอาง่ายๆ แต่ถ้า หากมานั่งอยู่หน้าโต๊ะ จัดวางโต๊ะอาหารอย่างสวยงาม ดีที่สุดคือเปิดเพลงเล่นไปด้วย ไม่ว่า จะทานคนเดียวหรือทานอาหารร่วมกันกับเพื่อนๆ ต่างสามารถ กินจนรู้สึกเต็มอิ่มได้ทั้งนั้น ตราบใดที่ควบคุมปริมาณได้ดีก็จะ ไม่เผลอทานเยอะเกินไป เพียงแต่ตอนนี้การจะจัดโต๊ะอาหารให้ สวยงามนั้นมันเป็นไปไม่ได้แล้ว ภายในบ้านหลังนี้มีชามข้าว เคลือบอยู่ไม่กี่ชาม บวกกับชามขนาดใหญ่อีกไม่กี่ใบ จากสอง ใบที่ใช้อยู่ในตอนนี้ก็เป็นจานเพียงสองใบที่มีอยู่จากทั้งหมด แล้ว ในอนาคตจะต้องจัดหาชุดอาหารที่สมบูรณ์แบบสักชุดให้ ได้ เฉินเสวยพลางดื่มซุปซีอิ้วพลางเอ่ยปณิธานอันใหญ่หลวง ออกมา

ซาลาเปาครึ่งลูกถูกเคี้ยวกินไปอย่างเชื่องช้าจนหมด เฉิน เสงี่ยรู้สึกอิ่มพอสมควรแล้ว วันนี้ยังอิ่มได้ไม่ถึงเจ็ดส่วนเลย ผืน นับให้เป็นหกส่วนก็แล้วกัน นอกจากนี้ยังเป็นเพราะปริมาณการ รับประทานอาหารของร่างเดิมนั้นค่อนข้างมากด้วย เธอก็ไม่ สามารถลดแบบหักดิบในทันทีได้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการที่ ไม่พึงประสงค์ต่อร่างกายตามมา

หลังจากรับประทานอาหารเก็บกวาดทำความสะอาด เรียบร้อยแล้ว เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังก็เป็นเวลา กว่าหนึ่งทุ่มกว่าแล้ว วันนี้ทรมานร่างกายจนมืดค่ำเลยจริงๆ ผู้คนในยุคสมัยนี้ก็ไม่ได้มีชีวิตยามราตรีอะไร ภายในห้องนี้ก็ไม่มีโทรทัศน์ รอบๆ ด้านก็ไม่มีใครมาเคาะประตู เฉินเสวยเรียบเรียง สถานการณ์หลังจากที่ตนเองข้ามกาลเวลามาในวันนี้ พลาง ครุ่นคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ