ตอนที่ 5 เกลี้ยกล่อม
จากการเก็บข้าวของในหลายวันที่ผ่านมาบวกกับเมื่อเทียบกับ ความทรงจําของร่างเดิมแล้ว เฉินเสวี่ยพบว่าตัวเองยังเป็นสาว น้อยผู้ร่ำรวยอีกด้วย แน่นอนว่ามองจากมาตรฐานในยุคสมัยนี้ เมื่อก่อนร่างเดิมใช้เงินมือเติบมาก ไม่มีเก็บออมเงินอะไรเอาไว้ เลย แต่เพราะครั้งนี้เธอแต่งงานแล้วก็เนื่องจากเวลาเพียงไม่ นานต้องติดตามกองทัพมาอยู่ที่ห่างไกลถึงขนาดนี้ คนที่บ้านจึง เป็นห่วงอย่างมาก แม่ยัดเงินไว้ให้เธอถึงหกร้อยหยวน ถือว่า เป็นเงินสินเดิม [1] ฝ่ายหญิง
ส่วนพี่ชายของเธอแม้ว่าภายในใจจะยังโกรธน้องสาวคน นี้ที่ความคิดไม่อยู่ในลู่ทางที่ถูกต้อง อยู่ๆ กลับไปวางแผนใส่ ทหารภายใต้บังคับบัญชาของเขา แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยัง เป็นน้องสาวของตัวเองและรู้สึกปวดใจที่เธอต้องจากบ้านไป ไกลตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ เขารู้ว่าถึงแม้ว่าหลัวต้าอวี่จะมี คุณสมบัติด้านหน้าที่การงานที่ไม่เลว ในอนาคตจะต้องได้เลื่อน ขึ้นอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อบ้านเขาอยู่ชนบทเดิมทีที่บ้านไม่ได้ มีเงินทองอะไรเลยจึงแอบยัดเงินให้น้องสาวอีกสามร้อยเป็นการส่วนตัวเช่นกัน เพียงแค่นับสองคนนี้ รวมกันก็เป็นเงินกว่าเก้าร้อยหยวนแล้ว ในยุคนี้ปกติเงินเดือน เฉลี่ยต่อเดือนก็อยู่เพียงแค่ไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น ก็เหมือนกับ หลัวต้าอวี่ที่ถึงจะเป็นถึงผู้บังคับกองพันแล้วแต่ก็ได้เงินเบี้ย เลี้ยงต่อเดือนเพียงแค่สามสิบหยวนนี้ยังได้ไม่ถึงสองเดือนเลย เงินจำนวนนี้คนทั่วไปต้องใช้เวลาหานับสิบๆ ปี นอกจากนี้ถึง แม้ว่าหลัวต้าอวี่จะไม่ชอบการแต่งงานครั้งนี้ แต่ในเมื่อเขาพยัก หน้าตกลงแต่งแล้วเงินเดือนที่เขาหามาได้บวกกับเงินที่เขาเก็บ ออมไว้ทั้งหมดก่อนหน้านี้ต่างมอบให้เฉินเสวี่ยเก็บทั้งหมด ใน ใจของเขาคิดว่าเงินนี้ควรจะเป็นภรรยาเป็นคนจัดการดูแล ใน มือของเขาก็เหลือไว้เพียงเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ เมื่อนำเอา จํานวนเหล่านี้นับรวมเข้าด้วยกันก็เป็นเงินมากเกินกว่าหนึ่งพัน หนึ่งร้อยหยวนแล้ว
เงินของพี่ชายและแม่ที่อยู่ในนั้นล้วนเป็นธนบัตรหนึ่งร้อย หยวน ใหม่เอี่ยมทั้งหมด ส่วนที่หลัวต้าอให้นั้นเป็นเงินเล็กเงิน น้อยมีทั้งสิบหยวน แล้วยังมีห้าสิบหยวน ห้าหยวน หนึ่งหยวน อยู่ด้วยบ้างเล็กน้อย
เฉินเสวี่ยหยิบเอาสมุดบันทึกออกมา พลางจดบันทึก รายรับแต่ละรายการลงไป ถึงแม้ว่าหลัวต้าอจะมอบเงินนี้ให้เธอเป็นคนจัดการดูแลแล้ว แต่ว่าในใจของ เธอไม่ได้เห็นเงินนี้เป็นของเธอเลย แต่เพียงแค่ดูแลมันชั่วคราว เท่านั้น ภายในใจของเฉินเสวี่ยยังคิดอีกว่าเมื่อวันไหนอยู่ด้วย กันไม่ได้ หย่าร้างกันขึ้นมาจริงๆ บันทึกบัญชีนี้จะต้องถือออกมา อธิบายอย่างชัดเจน ถึงอย่างไรเสียเธอก็ไม่มีทางเอาเปรียบ ผู้ชายคนนี้อยู่แล้ว
เงินเหล่านี้ดูแล้วเหมือนจะเยอะ แต่ถ้าหากเก็บเอาไว้แต่ เพียงในมือไม่ใช้จ่ายมันก็เป็นแค่เงินตาย แต่จะหาเงินได้ อย่างไรนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย ตอนนี้เกี่ยวกับสถานการณ์ของ ที่นี่เฉินเสวี่ยยังคงมืดแปดด้าน หลังจากร่างเดิมมาถึงที่นี่ดู เหมือนว่าเธอจะเคยออกไปเดินเล่นซื้อของมาก่อนหนึ่งครั้ง แต่ ดูเหมือนว่าแค่ไปสหกรณ์ร้านค้าซื้อขนมจำนวนหนึ่ง พลิกดู ความทรงจำเหล่านั้นอยู่เป็นเวลานาน เธอกลับแค่บ่นว่าที่นี่ไม่ดี เท่าปักกิ่งเลย ของมีมูลค่าอะไรก็ไม่มีเลย
ในเมื่อตอนนี้ภายในบ้านก็นับว่าทำความสะอาด เรียบร้อยแล้ว เฉินเสวี่ยจึงตัดสินใจว่าวันพรุ่งนี้จะเข้าไปดูในตัว เมืองว่าตอนนี้มีอะไรที่สามารถทำการค้าขายได้บ้าง ต้องหา แผงตั้งขายให้ได้ก่อน รอให้หากระปุกทองแรกได้ต่อไปไม่ว่า เรื่องอะไรก็จะจัดการได้ง่าย
สำหรับธุรกิจที่จะทำเมื่อเริ่มต้นนี้เธอก็มีวางแผนเอาไว้บ้าง แล้ว ตัวเธอสามารถทำงานฝีมือได้ ฝีมือการทำอาหารก็ไม่แย่ ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดคือสามารถทำเป็นของว่างทานเล่นออกมา ก่อน ของพวกนี้ราคาต้นทุนไม่ได้สูง แถมยังสามารถทำเงินคืน ได้ในทันทีด้วย หลังจากพอมีชื่อเสียงบ้างแล้วค่อยคิดพิจารณา เปิดร้านอย่างเป็นทางการจะทำของกินหรือทำเสื้อผ้าก็ได้ทั้งนั้น อันที่จริงเมื่อก่อนของทำมือที่เฉินเสวี่ยทำได้ดีที่สุดคือการทำ เครื่องประดับเล็กๆ หลากหลายแบบ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกถึง การออกแบบที่มีเอกลักษณ์ในตัวเองด้วย เพียงแต่น่าเสียดายที่ ของประเภทเครื่องประดับต้องจัดเตรียมของเยอะเกินไป ตอนนี้ ก็ไม่สามารถเปิดได้ในทันทีทำได้เพียงค่อยๆ วางแผนต่อไป
เวลาสามสี่วันที่เฉินเสวี่ยอยู่ที่บ้านทำความสะอาดมา หลัวต้าอวี่ไม่เคยกลับมาเลย เฉินเสงี่ยเองก็ไม่สนใจเช่นกัน ดู เหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะไม่เอาใจใส่ภรรยาของเขาเลยจริงๆ ไม่ อย่างนั้นต่อให้ทั้งสองคนจะทะเลาะกัน จะโกรธเคืองกันมากแค่ ไหนแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่หนึ่งอาทิตย์จะไม่กลับมาดูมาแลเลย ถัด ไปด้านข้างนี้ก็เป็นค่ายทหารแล้ว เรื่องกลับบ้านก็เป็นแค่เรื่อง ก้าวเท้าเดียวเท่านั้นเอง แม้ว่าหลายวันที่ผ่านมานี้จะไม่มีใครมาเคาะประตูเยี่ยมเยือนเลย แต่ห้องชั้นบน ชั้นล่างนี้ก็ไม่เก็บเสียง เฉินเสวี่ยได้ยินเสียงก็พอจะฟังออกแล้ว ผู้ที่ติดตามกองทัพทั้งหลาย คนส่วนใหญ่ต่างกลับมาค้างคืนที่ บ้านกันทั้งนั้น แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้ ไม่งั้นจะเอาเมีย ติดตามกองทัพมาด้วยทำไมล่ะ หรือว่าให้อยู่รอเป็นหม้าย? ต่อให้มีภารกิจสำคัญอะไรที่ต้องออกไปเร่งด่วนก็ควรจะบอก กันคนที่บ้านสักคำไหม ไม่อยากเจอก็ขอฝากข้อความกับเพื่อน ร่วมงานมาบอกตอนพวกเขากลับมาก็ได้หนิ อะไรก็ไม่มีสัก อย่าง นั่นก็อธิบายได้เพียงว่าภายในใจของหลัวต้าอวี่กำลัง รำคาญเธอ เบื่อบ้านหลังนี้ ไม่อยากจะกลับมา
เฉินเสวี่ยก็ไม่สนใจ แต่ทว่าเธอก็ยังดึงกระดาษออกมา
หนึ่งแผ่นและเขียนลงไปว่าวันนี้เธอจะเข้าเมือง ตอนเย็นถึงจะ
กลับมาทำอาหาร เผื่อว่าผู้ชายคนนี้บังเอิญกลับมาวันนี้พอดี
พอไม่เห็นเธออยู่บ้านแล้วเกิดเข้าใจผิดอะไรขึ้นมาอีก แต่ทว่า
เฉินเสวี่ยก็แอบตั้งตาคอยจริงๆ ว่าถ้าผู้ชายคนนี้กลับมาแล้ว
เห็นว่าภายในบ้านเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขนาดนี้ เขา
จะตกใจบ้างไหม
อย่าได้กล่าวไป หลายวันนี้ถึงแม้ว่าหลัวต้าอวี่จะไม่เคย กลับบ้านเลย แต่การเคลื่อนไหวของเฉินเสวี่ยเขาก็ได้ยินมาไม่ น้อยเช่นกัน ตอนเช้าตรู่ของวันนี้หลังจากเขาฝึกทหารเสร็จ ออกกำลังกายเรียบร้อย ตอนนี้กำลังดูเอกสารอยู่ในห้องทำงาน จากนั้นจ้าวเสวี่ยซงก็ เดินเข้ามา
“เสี่ยวหลัวนี่ยังอีกแล้วหรอ เอกสารพวกนี้ดูทุกวันก็ไม่ หมดไม่สิ้นหรอก ตอนนี้ก็ยังไม่มีภารกิจฝึกอบรบเร่งด่วนอะไร ทำไมไม่พักผ่อนสักหน่อยล่ะ” ทันทีที่จ้าวเสวี่ยงเดินเข้ามาก เห็นหลัวต้าอวี่กำลังดูเอกสารอีกแล้วจึงพูดติดตลกใส่หนึ่ง ประโยค จะบอกว่าตัวเขาค่อนข้างจะพอใจในตัวของหลัวต้าอ มากพอสมควร ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นกรรมาธิการการเมืองว่าตาม เหตุผลคือจะสูงยิ่งกว่าหลัวต้าอวี่ แต่ตอนนี้เขาอายุสามสิบกว่า แล้ว หลัวต้าอวี่เพิ่งจะอายุแค่ยี่สิบห้า อายุยี่สิบห้าสามารถเป็น ถึงผู้บังคับกองพันแล้วนั่นคือผู้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยัง น้อยที่แท้จริงเลยนะ สองเดือนที่ได้ทำความรู้จักกันมาก สามารถมองออกว่าหลัวต้าอวต้นกล้าต้นหนึ่ง ทำงานอย่าง จริงจังรอบคอบ สมรรถภาพทางร่างกายเยี่ยมยอด สามารถนำ ทหารได้ ทั้งยังสามารถปรามผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาได้ แม้ว่า เพิ่งจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้บังคับกองพันงานหลาย อย่างยังไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่โดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นคนรักที่ จะเรียนรู้อย่างหนัก เส้นทางในอนาคตจะต้องไม่แย่อย่าง แน่นอน
สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือคนนั้นในบ้านของ เขาค่อนข้างจะขี้เกียจ แต่ความขี้เกียจนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อะไร จ้าวเสวี่ยซงอายุมากกว่าพวกหลัวต้าอวี่หลายสิบปี สำหรับเรื่องระหว่างสามีภรรยาพวกนี้ค่อนข้างจะเข้าใจ มากกว่าหน่อย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาทางหลักการอะไร นอกจากนี้คู่สามีภรรยาจะมีปัญหากระทบกระทั่งกันบ้างก็เป็น เรื่องปกติ เขาอยู่ในกองทัพมานานก็พอจะรู้ว่าทำไมหลัวต้าอ ถึงได้ถูกโอนย้ายมา กล่าวก็คือเป็นเพราะทางบ้านของภรรยา ออกอำนาจ แบบนั้นความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาจึงยิ่งส่ง ผลกระทบต่อหน้าที่การงานของเขา ตอนนี้เพิ่งแต่งงานใหม่ ยัง ไม่ทันได้หันมองกลับมาหากัน ทั้งสองคนจึงยังไม่ได้ปรับตัว เข้าหากันให้ดี
แม้ว่าในตอนนั้นจะเป็นความรับผิดชอบของภรรยาของ เขา แต่ระหว่างทะเลาะกันไม่ใช่ต่างก็พูดอะไรออกมาด้วยความ รีบร้อนหรอ ตอนนี้เขาเล่นไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์ วันๆ เอาแต่หมกอยู่ในค่าย นี่ก็ไม่ใช่ทัศนคติในการแก้ไขปัญหานี้ นา
“ก็มันไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้วหนะครับ ก็เลยลองๆ ดู กรรม การจ้าวรีบนั่งลงก่อนครับ ผมจะไปชงชามาให้ท่านสักหน่อย เมื่อหลัวต้าอวี่เห็นจ้าวเสวี่ยงเดินเข้ามาก็ไม่ได้ดูเอกสารต่อ แล้วอันที่จริงตัวเขาเองก็ไม่ได้มีกะจิตกะใจดูเอกสารสักเท่าไหร่ ขณะที่ดูเอกสารอยู่ภายในใจก็ยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้ยินคน อื่นๆ พูดกันที่โรงอาหารเมื่อวานนี้ ภรรยาของเขาคนนั้นตอนนี้ ไปว่ายน้ำแทบทุกวัน ก็ไม่รู้ว่าคิดยังไง นี่อยู่บ้านไม่ทำงานอะไร กลับมีความพยายามไปว่ายน้ำขึ้นมา แต่ว่าไปว่ายน้ำก็ดี เหมือนกันไม่อย่างนั้นผมของเธอคงจะได้มันเยิ้มสุดๆ ยิ่งกว่า นั้นเธอยังเป็นคนเมืองด้วย คนบ้านนอกอย่างเขายังไม่ชอบผม มันขนาดนั้นเลย จะสกปรกเกินไปแล้ว เมื่อนึกถึงเรื่องวันนั้นที่ ไปเห็นสภาพบ้านรกขนาดนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ภายในใจของเขาก็ เริ่มโมโหขึ้นมา หลายวันมานี้เขาก็ไม่ได้กลับบ้านเลย ไม่ จำเป็นต้องบอก มันต้องรกยิ่งกว่าเดิมอยู่แล้ว เป็นผู้หญิงคน หนึ่งแท้ๆ ทำไมถึงชอบอยู่ในที่ที่เหมือนกองขยะแบบนั้น แถมผู้ หญิงคนนี้ยังเป็นภรรยาของตัวเองด้วย หลัวต้าอวี่ครุ่นคิดแล้วก็ อดกลั้นไว้อีกครั้ง แม้ว่าครอบครัวของภรรยาต่างก็ดีกันทั้งหมด พี่ชายเองก็รับรู้ถึงความยากลำบากของตัวเขา แต่ในเมื่อนั้น คือน้องสาวแท้ๆ ของเขา แม้แต่ก่อนออกเดินทางเขายังกำชับ ร้องขอกับตนว่าให้ดูแลน้องสาวของเขาให้ดีๆ เลย เขาเองก็ อยากจะดูแลให้อย่างดี แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาจะดูแลได้ยังไง
เขาพลางครุ่นคิดไปด้วย ส่วนมือก็ทำโน่นนี่ไม่หยุด เพียง ไม่นานชาก็ชงเสร็จเรียบร้อย นี่ก็ไม่ใช่ชาติอะไร เป็นชาที่ทาง กองทัพเอามาแจกจ่ายให้ ภายในห้องมีน้ำร้อนที่ทหารฝ่าย บริการต้มมาไว้ให้แล้ว เขารินน้ำใส่ลงไปพลางยกถ้วยน้ำชา ยื่นให้จ้าวเสวี่ยง “เพิ่งจะชงเสร็จ ร้อนหน่อยนะครับ
จ้าวเสวี่ยซงรับมันมาแล้ววางลงข้างๆ “เสี่ยวหลัวไม่ต้อง เกรงใจขนาดนั้นหรอก รีบนั่งลงๆ วันนี้ฉันมาที่นี่ไม่ได้จะมาคุย เรื่องงานกับนายหรอก ไม่ว่าจะว่ายังไงฉันก็แก่กว่านาย ทั้งยัง ทำงานทางด้านอุดมการณ์การเมือง ฉันจะถือว่าตัวเองเป็นพี่ ใหญ่คนหนึ่ง อยากจะมาคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในครอบครัว ของนายตอนนี้”
จ้าวเสวี่ยซงเองก็ไม่ได้อ้อมค้อมอะไร เขาแสดงจุด ประสงค์ของเขาออกมาอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา
หลัวต้าอวี่ถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจพี่จ้าว แล้วนะครับ ภรรยาของผมคนนี้ เรื่องนี้คือผมไม่รู้ว่าควรจะทำ ยังไงแล้วจริงๆ” เขาขมวดคิ้วนิ่งแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปาก อย่างไรดี เขากับเฉินเสวย ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกพื้น ฐานอะไรต่อกันเลย เขาเป็นคนชนบทบ้านนอก ไม่ได้คิดอะไร มากมายขนาดนั้น แต่ดันมาถูกคนอื่นวางแผนบังคับแต่งงานแบบนี้ภายในใจก็ได้แต่อดกลั้น ความโกรธมาโดยตลอด ความโกรธ ไม่สามารถระบายออก มาใส่พ่อตาแม่ยายได้ แต่เมื่ออยู่ที่บ้านกับภรรยาแล้วมันก็มัก จะลงเอยไม่ค่อยดี เท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ไม่มีวิธีพูดออกมาได้ ถ้า หากพูดออกมาคงจะไม่ใช่แค่ทำให้เป็นเสวี่ยขายหน้าเท่านั้น ใบหน้าของเขาก็จะไม่เหลืออะไรเหมือนกัน อย่างไรเสีย แต่งงานไปแล้ว มาพูดเรื่องพวกนี้อีกก็ไม่มีความหมายอะไร แล้ว
จ้าวเสวี่ยซงไม่รู้ว่าการแต่งงานของพวกหลัวต้าอวี่ยังมี เรื่องแบบนี้มาก่อนด้วย ในความคิดของเขารู้สึกเพียงว่าเป็น ปัญหาของสามีภรรยาวัยหนุ่มสาวที่ยังปรับตัวเข้าหากันยังไม่ดี เดิมทีเรื่องนี้ก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ถ้ายังไม่แก้ไขแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
“เรื่องนี้มีอะไรให้พูดยากกันล่ะ ถ้าจะให้ฉันว่าคนรักของ นายเขาก็มีบางส่วนที่ทำไม่ถูกจริงๆ ในเมื่อเธอเลือกที่จะเป็น ภรรยาทหารแล้ว ทั้งยังติดตามมากองทัพอีกก็ควรจะดูแลข้าง หลังให้ดี ให้นายสามารถอยู่ที่นี่ทำงานของตัวเองได้อย่าง สบายใจ นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทางองค์กรอนุญาตให้ภรรยา ทหารติดตามกองทัพได้ใช่ไหมล่ะ หากเป็นแบบนี้มันกลับทำให้ กําลังใจของทหารสั่นคลอน แบบนั้นก็เป็นตัวพวกเราเองที่จะละเลยหน้าที่ การงานขององค์กร”
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรแต่คนที่ทำงานการเมืองนั้นช่างแตก ต่างจริงๆ เริ่มต้นด้วยการกล่าวชมก่อนจะปราม ก่อนอื่นพูด ปัญหาของเฉินเสวี่ยออกมาก่อน ยิ่งกว่านั้นยังมั่นใจได้แล้ว ว่าการทำแบบนี้ทำให้จิตใจของหลัวต้าอวี่สับสนวุ่นวาย ทั้งยัง ชี้ให้เห็นอีกว่าสภาพจิตใจของเจ้าหน้าที่ราชการก็ถือเป็นส่วน หนึ่งของงานราชการการเมืองเช่นกัน ดังนั้นวันนี้ที่เขามายุ่ง เรื่องนี้คือมาในฐานะเพื่อน ฐานะพี่ใหญ่แล้วก็ฐานะของผู้ บังคับการการด้วย
คำพูดเหล่านี้ทำให้หลัวต้าอวี่เงียบขรึมลง ถ้าจะให้เขาบ่น เรื่องภรรยาของตัวเองต่อหน้าคนอื่น เรื่องแบบนี้เขาก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าจะให้เขายอมแพ้ใจอ่อนทั้งแบบนี้เขาก็ไม่สามารถทำได้ เช่นกัน
เมื่อจ้าวเสวี่ยงเห็นว่าหลัวต้าอวี่ไม่ได้พูดอะไรก็รู้แล้วว่า คำพูดเมื่อครู่นี้เขาได้ฟังมันขึ้นใจแล้ว ทหารคนหนึ่ง โดยเฉพาะ ยิ่งเป็นนายทหารคนยิ่งต้องมีความมั่นคงในความคิดความเชื่อ ไม่ใช่ว่าเจอเรื่องอะไรก็กลัวหัวหด
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ