บทที่ 8 แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย
ทุกคนดูจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากเข้า ห้องมาเพลงก็ไม่ร้องลูกเต๋าก็ไม่มีใครเขย่า เพียงแค่นั่งล้อมรอบ โต๊ะน้ำชาและเริ่มพูดคุยสัพเพเหระ แม้กระทั่งคนที่ดูเฉยเมยมา ตลอดอย่างรั่วซือทานก็เข้ามานั่งล้อมวงด้วย
“วันนี้พี่ดีใจเป็นอย่างมากแก้วนี้พี่จะดื่มให้พวกเธอจนหมด แก้ว” หลินชิงเยว่ยกแก้วเหล้าขึ้นมาขึ้นดื่มจนหมด ดวงตาคู่นั้นดู แดง คาดว่าคงจะดื่มไปแล้วไม่น้อย
“วันนี้หนูก็ดีใจเช่นกันไม่ได้ตบใครมานานแล้วช่างตื่นเต้น มากเลย” อู๋เสียวหมี่รินเหล้าให้ตัวเองจนเต็มแล้วก็ยกขึ้นมาดื่ม
เห็นผู้หญิงพวกนี้แต่ละคนดูท่าจะชอบนำภัย ใส่ตัวเวลาดื่ม
เหล้าแล้วก็ดูจะไม่ธรรมดา ทำให้ความสามารถในการดื่มเหล้า
ของเย่ชิวดูตกลงไปเลย
“เสี่ยวชิวต่อไปซินเยว่จะเป็นรุ่นพี่ของนาย หลังจากเข้า มหาวิทยาลัยไปแล้วมีอะไรไม่เข้าใจก็ขอให้เธอช่วยได้” มู่หรง หว่านเยวเริ่มทำตัวเป็นสะพานชักนำให้เยซิวอีกแล้ว
“รู้แล้วหล่ะพี่หว่านเยว น้องชายพี่คนนี้ช่างสุดยอดจริงๆ” หลิน
ซินเยว่พูด
“แล้วก็ซือหานต่อไปพวกเธอก็จะเป็นเพื่อนร่วมห้องกันแล้วไม่ ต้องทำเย็นชาใส่น้องชายพี่ขนาดนั้นก็ได้” มู่หรงหว่านเยวพูกับ วอหาน
ล้วซือหานยิ้ม เจ้าหญิงน้ำแข็งนี่เวลายิ้มช่างน่ามองเสียจริง เช่ ชิวเริ่มรู้สึกจิตใจเบิกบานอีกครั้ง
“แล้วก็…” ไม่ทันที่ทรงหว่านเยวจะพูดอะไรต่อก็ส่งเสียง มาออกมาแล้วก็ฟุบลงไปบนบ่าเยว
ทุกคนดูเวลาก็เห็นว่าดึกมากแล้ว บางคนก็ช่วยกันประคอง ออกไปจากห้อง เจียงเฉิงเดือนกันยายนกลางวันอากาศร้อนมาก แต่กลางคืนก็มีลมเย็นพัดมาตลอด พวกผู้หญิงสวยๆเหล่านี้ก็ สวมเสื้อผ้าที่ค่อนข้างดูเย็นสบาย เวลานี้ทุกคนจึงเดินกันอย่าง อ่อนอ่อนแรงและขดตัวกันเป็นกลุ่ม
“น้องชายน้อยเชิว พี่สาวก็ต้องการความอบอุ่นบ้างนะทำไม ถึงเอาแต่ดูแลหวานเยวคนเดียวหล่ะ” หลินชิงเยวพูดกับเย่ชิว ตอนที่พูดก็ตั้งใจขยับมาชิดใบหูเขา ลมหายใจอุ่นๆนั้นหยอกเย้า เย่ชิวให้ทำตัวไม่ถูก
“ชิงเยว่เธอเก็บอาการหน่อยได้มั้ยดูสิหว่านเยวเมาแล้วเนี่ย ถังก็นับว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีอารมณ์ขัน แต่ก็ไม่ถึงเยือกเย็น แบบลั่วซือหาน มีหลายครั้งที่เวลาพูดมักจะเต็มไปด้วยพลังบวก อยู่เสมอ
เย่ชิวมองถังมีอย่างรู้สึกขอบคุณ ค้นพบว่านอกจากโรง หว่านเยวแล้วผู้หญิงคนนี้ก็ให้ความรู้สึกคล้ายๆเธอเช่นกัน
ตอนที่กลุ่มเย่ชิวเดินลงบันไดมานั้นกลับถูกผู้ชายกลางคืนสอง สามคนเดินมาชนเข้า พวกผู้ชายเหล่านี้ล้วนแต่สวมเสื้อกล้ามและมีรอยสักบนผิวหนัง คนที่มีร่างกายสูงใหญ่ที่ตะโกนออกมา บนคอมีสร้อยสีทองสวมอยู่
“พี่เปียวดูสิว่าตอนไหนกันที่คลับหวางเจียมีเหล่าน้องสาวที่มา ได้ตรงเวลาเช่นนี้” เจ้าคนปลิ้นปล้อนตาแหลมมองมายังหลินชิง เยวที่อยู่ในกลุ่ม ชั่วพริบตาดวงตาก็เป็นประกาย
พี่ใหญ่ที่สวมสร้อยสีทองนั้นได้ยินก็หันมามองพริบตาเดียว จ้องมองไม่วางตา
“นานแล้วที่ไม่ได้พบเจอแบบพอเหมาะพอเจาะแบบนี้อีกทั้ง มากันมากซะด้วย เด็กดีของฉันคืนนี้มีคนพากลับห้องแล้ว ดวงตาชายคนนั้นส่องประกายถึงความอยากได้บนใบหน้าที่มี รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎ
“ฉันดูแล้วก็ไม่ค่อยเหมือนกับเจ้าหญิงของที่นี่ พวกเราไม่ได้ มาแค่ไม่กี่วันไม่มีทางที่จู่ๆจะมีผู้หญิงสวยๆปรากฏขึ้นมา มากมายขนาดนี้น่าจะเป็นลูกค้ามากกว่า” น้องชายที่ดูท่าว่าจะมี สติที่สุดวิเคราะห์ออกมา
“งั้นก็ดี พวกเราเล่นกับพวกเจ้าหญิงนั่นจนเบื่อแล้ว ผู้หญิงพวก นี้ดูสะอาดกว่าเยอะขึ้นไปถามว่าคิดค่าบริการเท่าไหร่ คนที่ เป็นหัวหน้าหันไปส่งสายตากับน้องชายที่อยู่ข้างๆ
เยซิวแม้ว่าจะถูกผู้หญิงพวกนี้พัวพันล้อมหน้าหลังแต่ตาก็มอง ทั้งสี่ทางหูก็ฟังทั้งแปดทิศ จึงเห็นประกายตาที่ดูหยาบคายของ ผู้ชายกลุ่มนี้ตั้งนานแล้ว พอเห็นพวกเขาพูดคุยเสียงดังเดินเข้า มาก็รู้แล้วว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
“คนสวยจ๊ะไม่ว่าเธอดื่มเหล้ามาเป็นยังไงบ้างเหรอ?น้องชายคนนั้นถามอย่างตรง
“แกยุ่งอะไรด้วยหลีกให้พ้นหลินชิงเยวมองเด็กนั่นที่ เดินมาขวางหน้าก็รู้สึกเต็มไปด้วยความโกรธ เท้าที่สวมส้นอยู่ ก็เตะออกไป
น้องชายนั้นเมื่อทำแบบนี้รู้สึกโดนยั่วโมโหพูดขึ้นมา อย่างโกรธว่า “มาไปดื่มเหล้าพวกเรามั้ย”
ก็ไปถามแม่” อู๋เสียวหมี่เดินขึ้นข้างหน้าอย่างโมโห เด็กเวรนั้นพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องพวกเธออย่าได้ใจไป คิดว่าแล้วจะเกียรติพวกเธอไปดื่มเหล้าเป็นเลยนะ
“พวกเราจําเป็นต้องให้เกียรติแกด้วยเหรอใบหน้าหลินยิ่งสีแดงปลั่ง
ชิวรู้สึกพวกดีเหล้าเมาไม่คนจริงๆเหรอ
อ่อนไม่ชอบชอบไม้แข็ง อย่าหาว่าเราชั่วร้ายแล้วกัน” พริบตาเด็กเวรนั้นเผยโฉมหน้าแท้จริงออกมา
“ฮ่าฮ่า อย่าหาว่าชั่วร้ายเหรอไอ้หมานี่แกเรียนไม่จบ ประถมใช่มั้ยเนี่ยหลินชิงเยว่เยาะหยันอย่างไม่เกรงใจ
ชั่วพริบตา เสียวหมี่ส่งเสียงขึ้นมาร่วมหัวเราะยกใหญ่
เด็กเวรนั้นเมื่อถูกหัวเราะต่อหน้ากลุ่มหญิงสาวก็ควบคุม อารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป ด่าด้วยคำหยาบไปประโยคนึงพร้อมกับ ยกหมัด นมาจะต่อยไปทางหลินชิงเยว่
ไม่ต้องบอกก็รู้ อันธพาลก็คืออันธพาลอยู่วันยังค่ำ
เย่ชิวเห็นหมัดของเจ้าเด็กหนุ่มนั้น ในดวงตาก็มีประกายเย็น ยะเยือกแวบออกมา อันธพาลพวกนี้ไม่อาจนับได้ว่าท้ายที่สุดจะ กล้าทำตัวป่าเถื่อนต่อหน้าตนเอง พูดได้ยังไงว่าตัวเองเคยเป็น ทหารหน่วยรบพิเศษมาก่อน ห้าทะเลมหาสมุทรไม่มีที่ไหนไม่ เคยไป
เด็กเวรนั้นสูงกว่าหลินชิงเยวประมาณยี่สิบเซนติเมตร จู่ๆหมัด นั้นก็มีบางสิ่งมาขวางไว้ หลังจากที่ไม่ทันได้ระวังต่อสถานการณ์ คางของตัวเองก็รู้สึกเหมือนถูกย้ายก็ไม่ปานฟันก็หักร่วงลงมา
เพียงพริบตาเยวก็สวนหมัดไปทางขวาโจมตีเข้าทางคางเด็ก
เวรนั้น
เด็กนั้นกรีดร้องออกมาเสียงแหลมอย่างโมโหและโหยหวน ช่างน่าสยดสยองเป็นที่สุด
คนสองสามคนที่ยืนรอเด็กนั้นอยู่รีบกลับไปรายงานหัวหน้ามัน ก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาที่หลัง เสียงกรีดร้องน่าสยดสยองนี้ไม่ได้ยิน กันมาหลายปีแล้ว
ปัง!
มีเสียงดังขึ้นมา ร่างของเด็กเวรนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศจาก นั้นจึงตกลงมากระแทกพื้นดินห่างไปไม่น้อยกว่าสองเมตร
ฉากที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หญิงสาวที่ดื่มจนเมานั้นไม่มีทางที่จะไม่ สะทกสะท้านอีก พวกเขาคิดมาตลอดว่าเยซิวเป็นเพียงแค่เด็ก ชนบทธรรมดา อาจจะมีแรงบ้างแต่ไม่น่าจะทำอะไรน่าหวาดกลัว ขนาดนี้ แต่ความเร็วหมัดและพลังเมื่อครู่นั้นก็ช่างสมบูรณ์แบบ ซะจริง
“โอ้มายก็อด พี่ชายพี่ช่างเป็นวีรบุรุษซะจริง วีรบุรุษที่หาที่ เปรียบไม่ได้ พี่จะแต่งงานกับหนูได้มั้ย?” เสียวหมี่หรี่ตามองจ้อ งมองเย่ชิวอย่างนับถือไม่มีที่สิ้นสุด
“ชัวร์ พวกเราไม่เคยพบเจอผู้ชายแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่ว่ามีเด็ก หนุ่มสองคนเหรอ? นายดุสินายหน่ะฮึกเหิมเกินไปแล้ว คน อื่นเค้ายังมีทีมสนับสนุนอยู่อีกนะ” หลินชิงเยวมองไปยังกลุ่ม ผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ไกลๆ
“พี่เปียวเสี่ยวลิ่วเกิดเรื่องแล้ว”
“เป็นอย่างนั้นเหรอ?” ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าพี่เปียวก็โมโหขึ้นมา ทันที หันไปหยิบแมวกวักที่อยู่บนโต๊ะแล้วเดินตรงเข้ามา
คลื่นมหาชนค่อยๆทยอยเข้ามา เย่ชิวกับทรงหว่านเยวถูก มหาชนล้อมไว้แล้ว
“ไอ้หนุ่ม แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึไงคาดไม่ถึงว่าจะกล้าต่อย คนของฉัน” พี่เปียวคนเลวโฉดชั่วนั้นทำท่าจะทุบแมวกวักใส่เข่ ชิว
“อย่า!!” มู่หรงหว่านเยวเห็นกลุ่มคนท่าทางโหดร้ายนั่นก็กลัว ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเยซิว จึงเข้าไปขวางอย่างไม่กลัวเกรง เดิม ที่มู่หรงหว่านเยวก็ผอมสูงอยู่แล้วแล้วยังสวมรองเท้าส้นสูงอีก ตอนนี้ที่ยืนขวางหน้าเย่ชิวอยู่ทำให้รู้สึกว่าสองคนนี้สูงไม่ต่างกัน มากนัก
“เธอหน่ะหลีกไปอย่าคิดนะว่าฉันจะไม่กล้าทำร้ายผู้หญิง” พี่ เปียวพอเห็นตรงหว่านเยวมายืนอยู่หน้าเชิวในใจก็รู้สึก ลำพองใจขึ้นมาหน่อยๆ ในที่สุดก็มีเธอที่สนใจ งั้นก็รู้สึกฮึกเหิม ขึ้นมาแล้ว
“อย่าคิดจะแตะต้องน้องชายฉัน พวกแกนี่…ยังรู้กฎหมายกัน อยู่รึป่าว?” มู่หรงหว่านเยวเดิมทีนั้นเมาอยู่แล้วจากนั้นก็ยังรู้สึก ฮึกเพิ่มขึ้นมาอีกเวลาพูดก็เริ่มสั่นเทา
เธอไม่ห่วงว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บแต่ห่วงว่าชายหนุ่มที่อยู่ ข้างหลังจะได้รับบาดเจ็บมากกว่า
“อย่าคิดว่าตัวเองสวยแล้วจะมาพูดจามีเหตุผลกับฉันได้นะ” พี่ เปียวเห็นว่ามู่หรงหว่านเยวมีหน้าตาสวยสดงดงามรอยยิ้มบน ใบหน้าก็ยิ่งเพิ่มสวยงาม
“พี่หว่านเยวหลบไปเถอะตอนเด็กๆ พี่ก็ช่วยปกป้องผมมา ตลอด ตอนนี้ก็ควรจะให้ผมปกป้องพี่บ้าง” เชิวที่ยืนอยู่ด้านหลัง รู้สึกซาบซึ้งใจ คาดไม่ถึงว่ามู่หรงหว่านเยวจะห่วงใยตนเองแบบ นี้ อีกทั้งก็ไม่กลัวคนที่ยืนล้อมอยู่มากมายเช่นนี้
“ไม่ได้พวกมันมีมากเกิน นาย…
“เรื่องที่เกิดขึ้น ให้มาลงที่ฉัน” เชิวไม่รอให้ทรงหว่านเยวพูด จบก็เดินตรงขึ้นไปด้านหน้าป้องกันพวกผู้หญิงน้อยใหญ่ที่ยืนอยู่ ด้านหลัง
“oh my god เจ้าชายของฉัน พี่มันโคตรแมนเลย” อู๋เสียว หมี่เหมือนเจอเจ้าชายในฝัน นาทีที่เขาออกมาปกป้องนั้นมันช่าง เพอร์เฟ็คซะเหลือเกิน
แม้แต่ในหมู่ผู้คนอย่างหลินชิงเยว่เองก็แอบรู้สึกชื่นชมเยซิว แม้แต่กระทั่งถั่วซือหานผู้สูงส่งเย็นชาก็เริ่มรู้สึกสนใจในตัวเข่ชิว แม้ว่าในใจของเธอจะรู้สึกว่าเย่ชิวไม่ใช่คนฉลาดเฉียบแหลม อะไรนัก
ชายร่างใหญ่ได้เห็นพลังของเย่ชิวแล้วที่จริงก็รู้สึกกลัวนิด หน่อยเพียงแต่ว่าเมื่อหันไปเห็นคนมากมายที่อยู่ข้างๆแล้วดังนั้น ก็ไม่มีความประหม่าออกมาเท่าไหร่
อีกทั้งตอนนี้ผู้ชายที่สักรูปหัวกะโหลกบนแขนที่ยืนอยู่ข้างชาย ร่างใหญ่จู่ๆก็คเอากริซออกมา ไม่มีการพูดจาใดๆก็ตรงเข้าไป แทงเยวอย่างเต็มกำลัง
หลินชิงเยวสบถค่าออกมา เพราะชายที่สักลายหัวกะโหลกคน นี้จู่ๆก็โผล่มาไม่ทันตั้งตัวทำให้ไม่มีเวลาโต้ตอบ
“เสี่ยวชิว!!” มู่หรงหว่านเยวรีบเอาตัวไปขวางกรีซไว้
เย่ชิวจะปล่อยให้เธอบาดเจ็บได้อย่างไร มือข้างหนึ่ง โอบเอว มู่หรงหว่านเยวขาก็ยืนอย่างมั่นคง แค่พลิกเบาๆ ทรงหว่านเยว ก็ไปแอบอยู่ข้างหลังตน จากนั้นมืออีกข้างปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว ต่อยได้หมดนึงก็มีเสียงแคร่กดังขึ้นฟังดูคล้ายเสียง กระดูกหัก
จากนั้นกริซด้ามนั้นก็ปักเข้าไปยังแขนที่สักรูปหัวกะโหลกปัก ไปตรงกลางรอยสักพอดี เลือดสดๆ ไหลออกมาช้าๆทางปากรูป รอยสักหัวกะโหลกนั้น…..
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ