อาจารย์ผู้ทรงอำนาจเข้าเมือง

บทที่ 17 ลมเปลี่ยนทิศ



บทที่ 17 ลมเปลี่ยนทิศ

ดวงตาสีแดงสดของหนานกงเจ้าจ้องเขม็งไปที่หลินซิงเยว่ ในใจ อย่างน้อยก็ยังตัดใจไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ที่ช่างอ่อนโยนและงดงาม เป็นคนคอยดูแลจัดการเรื่องในบ้าน เวลาเหล่านั้นที่ผ่านมากลับ มีความสุข

“ทำไมละ? ฉันว่าแกก็หวาดกลัวเหมือนกัน? รู้แล้วใช่ไหมว่า ทำไมฉันถึงไม่ชอบแก? ฮ่าฮ่า….”

ในตอนนี้หลินชิงเยว่ก็ยังไม่หยุดยั่วโมโหหนานกงเจ้า แค่หวัง

ว่าให้รีบๆจบชีวิตที่โหดเหี้ยมของตัวเองสักที

“ไปตายซะ” สายตาของหนานกงเจ้าที่เคยสงสารได้สลาย หายไปทันตา สุดท้ายปืนก็ถูกเหนี่ยวไกขึ้นมาทันที

ปัง!

เสียงปืนดังก้อง เห็นเพียงร่างหลินชิงเยว่นอนที่พื้น ไม่ กระดุกกระดิก

เสียงโยกเยกที่ตามมา มีท่อนไม้ร่วงลงมาจากบนฝ้าเพดาน

“รังแกผู้หญิง ทำแบบนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ” เชิวยืน สังเกตการณ์ตรงบันไดอยู่ตลอด อาศัยตัวเขาที่ห่างจากตรงนั้น ไม่ไกล เขาเชื่อว่าถ้าหากลูกกระสุนถูกใส่ลงไปอีก เขาก็ยัง สามารถที่จะพลิกสถานการณ์ได้
“แกคือใคร?” หนานกงเจ้ามองไปที่ เยซิวที่จู่ๆก็โผล่ออกมา จากไหนก็ไม่รู้แล้วมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง ใบหน้าเปลี่ยนเป็น โหดเหี้ยมไม่มีใครเทียบได้

“ฉันก็คือผู้ชายที่พี่ชิงเยวพูดถึงยังไงละ เยชิวมองไปทางหลิน ชิงเยว่ด้วยความเป็นห่วง เขาหวังว่าหลินชิงเยวจะเข้าใจว่าทำไม เขาพึ่งจะออกมาในตอนสุดท้าย เขาอยากให้หลินชิงเยวตายใจ แล้วเลิกเพ้อฝันในทุกๆเรื่องกับผู้ชายคนนี้สักที

“แกนั่นเอง ไอเจ้าเศษสวะ? ฉันคิดว่าจะเป็นพวกคนที่มีหน้ามี ตาในสังคมหรือพวกนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงซะอีก จะว่าไปยิ่งนาน วันมาตรฐานของผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งต่ำลงเรื่อยๆ” หนานกงเจ้ามอง ดู เย่ชิวที่อยู่ในสภาพนักเรียน แล้วหัวเราะเยาะ

“เธอมาแต่งงานกับคนแบบแก ยังจะมีมาตรฐานสูงได้ยังไง กัน” ในขณะนั้น เชิวหัวเราะด้วยความโกรธเคือง นึกถึงตอนที่ มันเอามือมาทําร้ายหลินชิงเยว่ ทุบตีเตะต่อย ไม่มีแม้แต่ความ เมตตาเลยสักนิด ความโกรธแค้นของ เยซิวมันมีอยู่เต็มอกจวน จะระเบิดออกมา

“หยุดดีแต่ปากได้แล้ว ในเมื่อแกโผล่หัวออกมา ถ้าอย่างนั้นก็ ตายไปพร้อมกันซะเลย” หนานกงเจ้าจ่อปืนที่ถืออยู่ในมือไปที่ เย่ ชิว ยังไม่ทันได้ลังเลก็เหนี่ยวไกปืนซะแล้ว

ปัง!

ไม่ใช่เสียงของลูกกระสุน หนานกงเจ้าดูอีกที เย่ชิวก็โผล่มาอยู่ ข้างหน้าของตัวเองแล้ว มือข้างหนึ่งจับมือซ้ายไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างกำลังบีบคอตัวเองอยู่

“แก…..แกจะทำอะไร?”

“เดี๋ยวแกก็ได้รู้” สายตาที่หนักแน่นของ เชิว ได้ยินแค่เสียงที่ แตกร้าว มือซ้ายของหนานกงเจ้า ที่ถูกบีบจนแทบจะแตกเป็น เสี่ยงๆ และเสียงปืนที่ตกลงบนพื้น

“อ้า.. จะ… .เจ็บ” หนานกงเจ้าเจ็บจนพูดไม่ค่อยออก จนรู้สึกตัวว่าน้ำตาไหลออกมา เริ่มพูดจาออกมาไม่รู้เรื่อง

“คนอย่างแกยังรู้จักเจ็บ ฉันนึกว่าแกจะไม่รู้สึกซะอีก” เย่ชิว ยัง ไม่ยอมหยุดแม้ว่าหนานกงเจ้าจะรู้สึกเจ็บแล้วก็ตาม มือข้างหนึ่ง ของเขาจับที่เข็มขัดของหนานกงเจ้า ฟาดไปที่ไหล่หนึ่งข้าง ได้ยิน แต่เสียงที่ดังก้อง หนานกงเจ้านอนลงบนพื้นอย่างกับหมูที่ตาย แล้ว

“ฉ…..ฉันยังไม่ตายเหรอ”ร่างของหลินชิงเยวที่นอนอยู่ตรง บันไดในตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของหลินซินเยว่ ค่อยๆฟื้นขึ้นมา ก่อนหน้านี้เธอหวาดกลัวถูกทำให้ตกใจจนสลบไป

“พี่สาว พี่ยังไม่ตาย ฉันขอโทษ ฉะ…… .ฉันมันไม่ได้เรื่องเลย” หลินซินเยวมองหลินชิงเยวที่อยู่ในอ้อมกอด น้ำตาหยดใหญ่ไหล ลงมาไม่หยุด น้ำอุ่นๆหยดลงมาที่ใบหน้าของหลินชิงเยว่

“น้องสาวโง่ พี่สาวยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ?” ใบหน้าที่ซีดเซียว ของหลินชิงเยวริมฝีปากเผยรอยยิ้มที่ขมขื่น ยื่นมือออกมาเช็ด น้ำตาบนหน้าของหลินซินเยว่
“พี่สาว พี่นี่โง่จริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเยซิว….

หลินซินเยวที่กำลังพูดอยู่ก็สำลักออกมา พูดไม่ออกอยู่สักพัก

“ฉันเข้าใจ” หลินชิงเยวกระพริบตาไปมา ตอนนี้เธอรู้สึก เหมือนกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง เธอไม่ติดหนี้กับตระกูลหนานกงอีก แล้ว ตั้งแต่นี้ไปเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงของตระกูลหนานกงอีกต่อไป

“กะ………….แรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” หนานกงเจ้านอนอยู่ที่ พื้น ด้วยรอยแผลบนใบหน้า แล้วยังเห็นว่า เชิวยังคิดที่จะเข้า มาแล้วไม่มีความตั้งใจที่จะยังมือ ความกลัวของหนานกงเจ้าก็ ค่อยๆเพิ่มอีกมาทีละนิด

เหมือนหมาตัวหนึ่งนั่นแหล่ะ? หมามันจะไม่กัดเจ้าของ ไม่คิด เลยว่าแกจะมีผู้หญิง” ในใจของ เชิวไม่เหลือความสงสารเลย แม้แต่น้อย ในหัวสมองของเขามีแต่ภาพของหนานกงเจ้าที่เตะ เข้าไปที่ท้องน้อยของหลินชิงเยวอยู่แบบนั้น

“ฉันเตือนแกไว้ก่อน ถ้าแกยังไม่คิดที่จะหยุดละก็ แกจะต้องผิด

หวังแน่ๆ”

เชิวหัวเราะอย่างไร้สาระ”ฉันว่าถ้าฉันไม่ลงมือฉันจะผิดหวัง มากกว่า”

เยซิวเดินมาถึงข้างหน้าหนานกงเจ้า เหลือบมองหนานกงเจ้าที่ ตอนนี้เหมือนอย่างกับลูกหมาตกน้ำไม่มีผิด ความเย่อหยิ่ง จองหองก่อนหน้านี้ไม่เหลือแม้แต่เงา

“ฉันคือตระกูลหนานกง ถ้าแกหยุดซะตอนนี้ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่เอาเรื่อง………..อ้า!”

หนานกงเจ้ายังไม่ทันได้พูดจบ ก็ได้ยินเพียงแค่เสียงคำรามดัง กึกก้องไปทั่วท้องฟ้า

เหมือนดั่งพื้นโลกกำลังแยกออกจากกัน

คนทั่วไปจะไม่มีวันได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดและเสียงร้องที่น่า กลัวแบบนี้

และแล้ว เย่ชีวก็เอาเท้าเหยียบลงบนเป้ากางเกงของหนานถึง เจ้า พื้นที่ตรงนั้นถูกเหยียบจนแบนราบ เย่ชีวกระทืบไปหลาย รอบด้วยความเกลียดชัง

“แกคงจะทำร้ายคนมามาก ตอนนี้ฉันก็เป็นเหมือนพวกจัก คนช่วยปกป้องคนดี ” เชิวมองที่หนานกงเจ้าแล้วพูดออกมา อย่างไม่สนใจ

“กะ……แกต้อง. ..” หนานกงเจ้าตัวสั่นและยกมือขึ้นมา นิ้วมาที่ เย่ชิว แต่ว่าความเจ็บปวดท่อนล่างของร่างกายทำให้เขา แทบจะหายใจไม่ออก หน้าซีดเซียวขาวเหมือนกระดาษ เหงื่อเม็ด

ใหญ่ไหลมาจากหน้าผาก

“ทำตัวให้เป็นผู้ชายที่ดี แล้วเจอกันใหม่ เรื่องนี้จะมาโทษฉัน ไม่ได้นะ” เย่ชิวพูดไปพร้อมกับขาข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนมือของ หนานกงเจ้า

เสียงกรีดร้องที่โหยหวนดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ขาข้างนี้ฉันเหยียบแทนหลินชิงเยว่ แม้แต่ผู้หญิงยังทุบตี แกมันน่าดูถูกน่ารังเกียจจริงๆ”

ในตอนนี้ เชิวเหมือนกับปีศาจที่ออกมาจากขุมนรก ไม่ว่าจะ ทําอะไรก็ไร้ความรู้สึก

ขอร้องอ้อนวอน เสียงร้องไห้ หยดน้ำตา ก็ไม่มีประโยชน์ เขายังคงทำในสิ่งที่เขาต้องการที่จะทำ นี่ก็คืออารมณ์โกรธขีดสุดของเขา

” เย่ชีว อย่าทำแบบนั้น” หลินชิงเยว่เห็นสภาพหนานกงเจ้าที่ ท่าทางน่าเวทนา แต่ว่าก็ทำให้ตัดขาดจากหนานกงเจ้าได้ เธอรู้ ว่า เย่ชิวทำแบบนี้ก็เพราะตัวเธอเอง แต่ว่าเธอรู้จักยศตำแหน่ง ของหนานกงเจ้าในเมืองเจียงเฉิงเป็นอย่างดี ตอนนี้ครอบครัว ตระหนานกง จะพยายามตามไล่ล่าฆ่า เยวอย่างเต็มที่แน่นอน

ในตอนนี้ ที่เธอนึกถึงไม่ใช่ว่าตัวเอง ไม่ใช่ตระกูลหลิน แต่เป็น คนที่ไม่กลัวไม่กังวลอะไรเลยอย่าง เย่ชีว

“พี่ชิงเยว่ ถ้าเป็นเวลาอื่นผมฟังพี่นะ คราวนี้ฉันขอเป็นคน ตัดสินใจละกัน” เย่ชิวมองเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของหลินชิง เยว่ ค่อยๆก้มตัวลง แล้วถือเสื้อคลุมของหนานกงเจ้า สภาพ หนานกงเจ้า ในตอนนี้ไม่ต่างไปจากหมาใกล้ตายตัวหนึ่ง คือคน ที่สมควรถูกลงโทษ

“วันนี้ฉันจะบอกแกให้นะ ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องเอาคืนในสัก วัน” พอ เย่ชิวพูดเสร็จ ก็ฟาดมือออกไปตบเข้าที่หน้าของหนาน กงเจ้า จนเป็นรอยแดงเลือดอย่างเห็นได้ชัด จนมีเลือดพุ่งออกมาปาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ