อาจารย์ผู้ทรงอำนาจเข้าเมือง

บทที่15 สองพี่น้องไร้ที่ติ



บทที่15 สองพี่น้องไร้ที่ติ

บ้านของตระกูลหลินสองสาวพี่น้องเป็นบ้านพักเดี่ยว มีสามชั้น แม้ว่าจะไม่หรูหราเหมือนกับมู่หรงหว่านเยว พื้นที่ก็ไม่ได้ใหญ่สัก เท่าไหร่ แต่ว่าจะมีบ้านแบบนี้ได้ในเมืองเจียงเฉิง ดูแล้วไม่ใช่ เล่นๆเลยละ

“ซินเยว่ เธอกลับมาแล้วเหรอ?” ประตูบ้านพักที่กำลังเปิดออก หลินชิงเยวที่ใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ก็โผล่ออกมา ตอนนี้ตระกูลหลิน พึ่งพาหลินชิงเยว่เป็นคนจัดการดูแลทั้งหมด และคนสนิทที่สุด ของเธอก็คือน้องสาวคนนี้ เพราะฉะนั้นเธอทั้งรักและหวงเป็น พิเศษ

“พี่สาว ทายสิว่าฉันพาใครมา?”

“ เย่ชิว” หลินชิงเยวตอบโดยไม่ต้องคิดเลย

“น่าเบื่อจริง ไม่เห็นจะห่วงกันเลยสักนิด” หลินซินเยว่เบะปาก แล้วจูงมือ เยซิวเดินเข้าไป

“น้องชาย เธอมีลาภปากจริงๆ ฉันไม่ค่อยจะทำอาหารเยอะๆ ด้วยตัวเองสักเท่าไหร่” เย่ชิวที่เดินตามหลังหลินซินเยวมองเห็น อาหารและกับข้าวที่อยู่บนโต๊ะ แถมยังมีไวน์อีกหลายขวด รู้สึก ว่าคืนนี้ต้องสนุกแน่ๆ

“ผมมีลาภปากตลอดทุกครั้งเลย” เย่ชิวพูดออกมาอย่างไม่ เกรงใจ
“ซินเยว่ เธอพาเขาเดินชมไปรอบๆก่อน ฉันทำซุปเชื้อราสีขาว นี่อีกสักเดี่ยวเดียวก็มากินข้าวกันได้เลย” หลินชิงเยวยื่นมือขึ้น มาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ท่าทางดูมีเสน่ห์จริงๆ

ไม่คิดว่าหลินชิงเยวจะมีส่วนที่ดูเป็นผู้หญิงเหมือนกัน

บ้านพักตระกูลหลินชั้นสองเป็นเหมือนเป็นห้องโถงนิทรรศ กาล ด้านในเก็บสะสมหนังสือเก่าโบราณไว้มากมายและยังมี แผ่นเสียง ในสมัยก่อนอีกด้วย เป็นการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ ดูๆ แล้วการใช้ชีวิตของสองสาวพี่น้องนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

“แผ่นเสียงพวกนี้ พี่สาวฉันเริ่มสะสมมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ” หลิน ซินเยวมอง เย่ชิวที่ยืนอยู่ตรงแผ่นเสียงพวกนั้นอย่างระมัดระวัง

“พี่สาวเธอดูเป็นคนที่มีเรื่องเล่าเยอะแยะเลยนะ

“ใช่แล้ว เพื่อตระกูลหลิน เธอจึงต้องยอมเสียสละแลกความ สุขของตัวเอง ” หลินซินเยวพูดออกมาอย่างน่าเศร้า

“มีแบบนี้ด้วยหรอ” เย่ชีวสงสัยและถามว่า “ไหนเล่ามาสิ ฉัน อยากรู้ว่ามันน่าเศร้าแค่ไหน”

“นายยังเด็ก ยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก” หลินซินเยวพูดไป

เรื่อยเปื่อย และยังไม่พร้อมที่จะเล่าเรื่องหลินชิงเยวให้เขาฟัง “ซินเยว่ รีบพาเจ้าหนุ่มนั่นลงมากินข้าวเร็ว” หลินชิงเยว่ ตะโกนมาจากชั้นล่าง

“ได้เลย” หลินซินเยวโล่งอกขึ้นมาทันที ในใจคิดอยากให้ เสียงดังขึ้นมาให้ทันเวลา
เชิว นายมาบ้านพี่สาวครั้งแรก วันนี้ฉันจะไม่ขี้เหนียวละนะ เหล้าสองขวดนี้ฉันเก็บรักษามานานหลายปีแล้วละไวน์ขวดนี้ ของปีแปดสอง เหล้าขาวนี้คือเหล้าMoutaiสิบปีที่ดีที่สุด ยังไง ก็ตามวันนี้พวกเราสามคนไม่เมาไม่เลิก” หลินชิงเขาถอดผ้ากัน เปื้อนออก ร่างที่สวมใส่เสื้อยืดสบายตัว เลือกใส่แบบสบายๆ และรูปร่างที่สวยงามและโดดเด่นโดนใจ

“พี่ซิงเยว่ พี่รู้ว่าผมดื่มเหล้าไม่เป็น” เย่ชิวพูดออกมาด้วยความ รู้สึกลำบากใจ

“อย่ามาโกหก เมื่อวานฉันยังเห็นดื่มอยู่เลย ไม่เห็นจะเป็นเรื่อง ใหญ่ ตอนต่อสู้ก็เหมือนมีพลังเพิ่มมากขึ้น ไม่สนที่ เย่ชิวพูด ก็ เปิดขวดไวน์ทันที เทใส่แก้วไวน์ทั้งสามแก้วอย่างเต็มแก้ว

กลิ่นของไวน์ช่างรุนแรงเตะจมูกเสียจริง ในตอนนั้นเองบริเวณ รอบๆห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมนี้

“พี่สาว ฉันดื่มให้หนึ่งแก้ว เหนื่อยหน่อยนะ” หลินซินเยว่เริ่ม

หยิบแก้วขึ้นมา แล้วส่งสายตาไปหา เย่ชีว

เย่ชิวในใจกังวลเล็กน้อย เอาเถอะ ที่นี่ออกจะใหญ่ ถ้าเมาแล้ว ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีที่ให้นอน

“ผมก็ดื่มให้พี่ชิงเยวหนึ่งแก้ว”

“พวกเธอสองคนไม่ใช่ว่าแอบไปคบได้เสียกันมาตอนไหนนะ? ดูพูดจาเชื่อฟังกันจังเลย” หลินชิงเยวชนแก้วเสร็จแล้วทักขึ้นมา

พอพูดเสร็จ แก้มทั้งสองข้างหลินซินเยวก็แดงขึ้นมา “พี่สาวอย่ามาล้อกันเล่นนะ เขายัง…”

“ผมไม่เด็กแล้วนะ” หลินซินเยวไม่ทันได้พูดจบ เย่ซิวก็รีบพูด สวนขึ้นมาทันที แล้วยังส่งสายตาร้ายๆมาให้หลินซินเยวอีก

“ฮ่าๆ เย่ชิว ถ้านายโตกว่านี้อีกหน่อย ฉันจะไม่ขัดขวางแล้วยก น้องสาวฉันให้นายมาขอแต่งงาน” หลินชิงเยว่ยกซดไปอีกแก้ว

ตอนนี้ เยซิวพึ่งได้ลิ้มรสชาติของไวน์ พอเข้ามาในปาก มันช่าง นุ่มละมุนและรสชาติกลมกล่อม แล้วรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมที่ติดกับ ฟันและริมฝีปาก ค่อยๆไหลลงผ่านคอ ไม่มีความรู้สึกฝาดคอ แถมยังมีความหวานอ่อนๆอีกด้วย

“เป็นไงบ้าง?” หลินชิงเยวมองดู เย่ชิวที่ดื่มไวน์ลงไป นานแล้ว ที่ไม่ได้ผ่อนคลาย

“เป็นไวน์ที่เยี่ยมจริงๆ ดื่มไม่ยากเลยแม้แต่นิดเดียว”

“ฉันจะโกหกนายทำไมละ? มา เรามาดื่มกันต่อ” หลินชิงเยว่ อยู่ในวงเหล้าแล้วมักจะเป็นผู้หญิงที่รู้จักเอาตัวรอด พูดจาได้เป็น เรื่องเป็นราว เป็นไปได้ยากที่ เย่ชิวจะปฏิเสธ โดนเทจนเต็มแก้ว อีกตามเคย

“เป็นเวลาที่ดีงามในวันนี้ จะทำให้อาหารที่น่ากินบนโต๊ะนี้ เสียใจไม่ได้นะ” เย่ชิวมองดูอาหารหรูหรา ที่มีPippi กุ้ง ไก่ต๊อก ซุปเชื้อราสีขาว….. ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น จากนั้นก็เหลือบสายตาไปมองสองพี่น้องที่เมาเหล้า เย่ชิวรู้สึกว่า เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“รอเดี๋ยว” หลินซิงเยวเหมือนกับว่านึกอะไรออกสักอย่าง ลูก แล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสอง

เพียงไม่นาน เสียงดนตรีของเพลงคลาสสิกก็ค่อยๆดังขึ้นมา เสียงไม่ดังมาก แต่มันดังก้องอยู่เต็มแก้วหู เป็นครั้งแรกที่ เย่ชิว รู้สึกได้ว่าเป็นเพลงที่ไพเราะมากและเข้ากับการใช้ชีวิต

“เป็นไง? เยี่ยมไปเลยใช่ไหม พี่สาวฉันจบมาจากคณะ ดุริยางคศาสตร์” หลินซินเยวใช้มีดและส้อมหั่นสเต็กแล้วพูด

อยากภูมิใจ

นี่เป็นครั้งแรกของ เย่ชิวที่ได้เพลินเพลินสนุกกับชีวิต ได้ยินที่ หลินซินเยว่พูด สักพักสมองก็รู้สึกเบลอ ไม่ได้ตอบกลับสักนิด

“อีกสักเดี่ยว พวกเราขึ้นไปดื่มแชมเปญข้างบนกันต่อ แบบนี้ ถึงจะทำให้นอนหลับสบาย” หลินชิงเยวค่อยๆเดินลงมาจาก บันได อย่างสง่างาม เดินช้าๆอย่างเป็นจังหวะ

ก่อนหน้านี้ เชิวไม่เคยมีความคิดเห็นเกี่ยวกับความงามมา ก่อนเลย แต่ในขณะนี้ เขารู้สึกว่าชีวิตนี้เต็มไปด้วยความสวยงาม แต่แค่ขาดสายตาที่มองเห็นความสวยงามเท่านั้นเอง

“พี่ชิงเยว่ ได้ยินมาว่าพี่แต่งงานแล้ว แล้วไหนละสามีของพี่ หลังจากที่ดื่มกันไปแล้วหลายต่อหลายแก้ว พูดคุยกันแบบไม่ ปกปิดอีกต่อไป

พอได้ยินที่ เยซิวถามขึ้นมาแบบนั้นแล้ว หลินซิงเยวมีท่าทาง ตกใจเล็กน้อย ผ่านไปสักพักใหญ่ก็ยังไม่ตอบกลับ
ในความคิด แต่เหตุการณ์ในอดีตที่ไม่สามารถทนได้ ในตอน แรกเพื่อตระกูลหลินที่ตกอยู่ในอันตรายเลยต้องแต่งงานกับ ตระกูลหนานกงอันทรงเกียรติในเมืองเจียงเฉิง แม้ว่าคุณชายใน ตระกูลหนานกง จะหล่อและรวยมาก แรกเริ่มก็ไปไหนมาไหนตัว ติดกันตลอด แต่ในตอนหลังมานี่ตระกูลหนานกงไปต่างประเทศ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ พอไปอยู่ที่นั่นก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาอีก เลย นอกจากบ้านพักหลังนี้ก็ไม่ทิ้งอะไรไว้ให้เลย

ด้วยแบบนี้แล้วหลินชิงเยวก็มีชีวิตอยู่อย่างเป็นหม้ายมานาน หลายปี ในตอนแรกหนานกงเจ้ายังโทรมาหาอยู่ตลอด แต่ว่าใน ตอนหลังมานี้เหมือนกับว่าหายสาบสูญไปเลย

พอได้นึกถึง จู่ๆน้ำตาในตาของหลินชิงเยว่ก็หยดลงมา กาล เวลาที่สวยงามของผู้หญิงคนหนึ่งได้ข้ามผ่านไปแบบนี้นี่เอง

“พอแล้ว พอแล้ว มาดื่มกันต่อ” หลินซินเยวมองดูพี่สาวตัวเอง

ที่มีท่าทางเศร้าสลดแบบนั้น ก็รีบเติมเหล้าให้เต็ม ชวนให้ทุกคน

หมดแก้วพร้อมกัน

เย่ชิวก็เป็นคนที่รู้จักทันเหตุการณ์ ได้เห็นสภาพแบบนั้น โดย ทั่วไปแล้วไม่ควรที่จะถามคำถามต่อ ก็ได้แต่แกล้งทำเป็นเมาไป กับทุกคน

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ เยซิวดื่มเหล้าได้เก่งกว่าเดิมเยอะเลย บางทีแต่ก่อนได้เจอพวกผู้ชาย ที่ดื่มเหล้ากันอย่างไม่รู้หนักรู้เบา สู้ไม่ได้จริงๆกินไม่เท่าไหร่ก็ล้มซะแล้ว

แต่ในเวลานั้นเอง ที่สนามบินเมืองเจียงเฉิง สายการบินต่างประเทศบินจากอิตาลีถึงเมืองเจียงเฉิงลงจอดแล้ว

“ฉันกลับมาครั้งนี้ จะต้องทำให้ชิงเยวแปลกใจอย่างมาก แน่นอน” ผู้ชายสวมเสื้อโค้ดสีดำพูดออกมาอย่างฉะฉาน

“คุณชาย พวกเราไปแบบโดยไม่บอกแบบนี้มันจะดีเหรอ ครับ?” ชายร่างใหญ่ที่ตามอยู่ข้างหลังพูดออกมาอย่าง ระมัดระวัง ที่สำคัญหลายปีมาแล้วที่หนานกงเจ้าไม่ติดต่อสนใจ หลินชิงเยว่เลย ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้ผู้หญิงเขาอยู่คนเดียวหรืออยู่ สองคน ถ้าหากอยู่กันสองคนแล้วโดนหนานกงเจ้าจับได้ละ มัน จะไม่วุ่นวายกันใหญ่หรอกเหรอ

“ช่างเขาสิเสี่ยวหู ฉันรู้ว่าแกกำลังห่วงอะไรอยู่? ถ้าหากว่าเมีย ฉันกล้านอกใจละก็ ฉันจะจัดการเธอให้เด็ดขาดแน่นอน” ใบหน้า หนานกงเจ้าดูน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด

เสี่ยวหมองดูหนานกงเจ้ายึดมั่นในความคิดของตัวเองเลือกที่ จะไป เป็นเรื่องยากที่จะโน้มน้าวต่อ ตอนนั้นเองด้านนอกของ สนามบินก็มีรถPorsche Cayenneจอดอยู่และเปิดประตูออกมา ทําความเคารพแล้วพาหนานกงเจ้าขึ้นรถ

ภายใต้คำสั่งของเสี่ยวหู ให้มุ่งตรงไปที่บ้านพักของหลินชิง เยวทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ