บทที่ 2 ต่อยหน้า
“ที่รักคุณเป็นอะไรมากมั้ย? ชั้นมีทิชชู่ เดี๋ยวจะรีบเช็ดให้นะ” “หยิบผิดแล้วอะไรของเธอเนี่ย?!” ชายร่างอ้วน รามออกมา อย่างโมโห หญิงสาวก็วุ่นวายกับการซื้อกระเป๋าถือจนเผลอหยิบ ผ้าอนามัยออกมา
ชายร่างอ้วนคิดไม่ถึง ก็เห็นๆอยู่ว่าแก้วโค้กใบนั้นสาดไปที่ หน้าของเยซิว คาดไม่ถึงว่าทักษะกังฟูเพียงชั่วพริบตาจะทำให้น้ำ โค้กสาดมาโดนใบหน้าตัวเอง ทั้งแว่นตาทั้งปกเสื้อก็เต็มไปด้วย โค้ก ช่างขายหน้าเสียจริง
กระทั่งเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้น
“แกชื่ออะไรฮะ? คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาสาดน้ำใส่ฉันหลี่เจีย นี้” หลี่เจี๋ยชี้นิ้วไปที่เยชิวอย่างอับอายและโมโห แต่แค่เย่ชีวจ้อง ตากลับ เขาก็รีบหดมือกลับทันใด สัมผัสได้รางๆว่าชายคนนี้ต้อง ไม่ธรรมดาแน่นอน
“ที่แท้คุณก็ชื่อหลี่เจี้ยนี่เอง พ่อคุณไม่ใช่หลีกังหรอกเหรอ?”
เพียงแป๊ปเดียวหลี่เจียก็รู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทงใจดำ พ่อเขา ชื่อหลีกังจริงๆ ดังนั้นจึงมีหลายคราที่เขาไม่อยากก่อเรื่อง ครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะผู้หญิงข้างกายเขากำลังมีเรื่องอยู่ เขาก็ไม่มีทาง หาเรื่องใส่ตัวแน่นอน
“แกพอมีเวลาให้ฉันมั้ย มาดูสิว่าฉันจะจัดการแกยังไง
“พี่เจี้ยเรารีบไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ เด็กนี่ไว้วันหลังเราค่อย มาเอาคืนก็ได้” ผู้หญิงคนนั้นเห็นหลี่เจีย โมโหตุด่าเช่นนี้แล้ว จึง รีบลากหลี่เจียออกไป
พอเห็นผู้หญิงแบบนั้นแล้ว เย่ชีวก็รู้สึกว่าเมื่อครู่น่าจะสาดโค้ก แก้วนั้นใส่หน้าหล่อนบ้าง เผื่อเครื่องสำอางที่อยู่บนหน้าจะหลุด ออกมาสักชั้นหนึ่ง
เย่ชิวไม่มีเวลาให้ตั้งรออยู่นี่ กระเป๋าผ้ากระสอบใบใหญ่มุ่ง ไปประตูทางออก ตอนนี้เองที่โทรศัพท์ดังขึ้นมา
“พี่หว่านเยว์ ในที่สุดพี่ก็โทรมาหาผมสักที ผมคิดว่าพี่จะไม่มา รับผมแล้วนะ”
ในขณะที่เย่ชิวกำลังระบาย ใส่โทรศัพท์อยู่นั้น ขณะนั้นมี รถBMW X5 คันหนึ่งมาจอดอยู่ข้างที่จอดรถสนามบินหนานใต้ หลี่เจี้ยและแฟนสาวของเขายืนกระวนกระวายอยู่ข้างรถ ข้างๆมี ผู้ชายอายุประมาณห้าสิบปีขึ้นไปและผู้ชายร่างใหญ่สวมชุดสูทสี คําสองคนยืนอยู่
“แกถูกต่อยแบบนี้ได้ไง?” หลีกังพูดอย่างไม่เชื่อ เมื่อครู่หลี่เจีย โทรมาบอกว่าถูกคนต่อยที่สถานีรถไฟ เขาก็โกรธขึ้นมาเป็นปืน เป็นไฟ จะไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทเซิ่งถังกรุ๊ปแห่งเจียงเฉิงบ้าง เขา หลี่กังคนนี้คือผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเพิ่งถังกรุ๊ป ไม่ต้องถามว่า มีเงินเยอะแค่ไหน ขนาดผู้คนก็รู้จักเขาไม่น้อย คาดไม่ถึงเลยว่า ลูกชายของตัวเองจะถูกคนใช้แรงงานจากต่างถิ่นรังแกได้ หาก เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปชื่อเสียงเขาต้องเสื่อมเสียลงแน่
“จ๋อ คุณอาคะ ผู้ชายคนนั้นช่างน่ากลัวนัก เสี่ยวเจี้ยแค่ ต้องการไปคุยกับเขาด้วยเหตุผล แต่เขาก็ตรงเข้ามาสาดโค้กใส่ หน้า
หลี่เจี๋ยทันทีเลย” ผู้หญิงคนนั้นรีบขึ้นมาช่วยพูดสนับสนุน
“พ่อ มันออกมาแล้ว” หลี่เจี่ยเห็นชายหนุ่มถือกระเป๋าเดินออก มาจากประตูร้านร้านไก่สไตล์คันทรี่พลางกวาดมองซ้ายขวา พลันดวงตาก็เป็นประกาย เขามองไปที่บอดี้การ์ดสองคนที่มี ร่างกายก่าย่าแข็งแรง จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นกระหยิ่มยิ้ม ย่อง
หลี่กังส่งสายตาไปให้บอดี้การ์ดทั้งสอง ทั้งสองจึงรีบก้าวเท้า ยาวๆไปยังเย่ชิว หลี่เจียและหลีกุ้งก็รีบเดินตามไปติดๆ
เย่ชิวเหลือบมองปราดเดียวก็รู้สึกถึงกลิ่นอายของความโหด
เหี้ยมที่กำลังตรงมาทางเขา จากนั้นจึงมองเห็นหลี่เจี๋ยที่อยู่หลัง
บอดี้การ์ด ชั่วครู่จึงเข้าใจเรื่องทั้งหมด “ไอ้อ้วนนี่ช่างเรียกคนมา
ได้ทันเวลาซะจริง “ใช่แกรึเปล่าที่รังแกลูกฉัน?” บอดี้การ์ดสองคนเข้ามาล้อมร อบเย่ชิว หลี่กังยืนอยู่ตรงกลาง ใช้น้ำเสียงดุดันถามเย่ชีว
“ลูกคุณ? ผมจะไปรังแกลูกคุณได้ยังไง? เราไม่ได้รู้จักกันซะ หน่อย” เยซิวมองหลีกังทำท่าทางไม่รู้เรื่องสุดฤทธิ์
“แกอย่ามาแกล้งโง่ เมื่อกี้ในร้านไม่ใช่ว่าแกทำเป็นเก่งนัก หรอกเหรอ?” หลี่เจี้ยกระตุกริมฝีปากยิ้มเยาะ มองเชิวอย่างกับ ว่าตนเองแน่ที่สุดในโลก
“ผมไม่ได้เก่งแต่เฉพาะในร้านนะ ข้างนอกผมก็เก่ง ไม่เหมือน คุณหรอกไม่ว่าจะที่ไหนก็เก่งไม่ขึ้น เยซิวมองไปที่หลี่เจียแวบนึง แล้วมองไปที่ผู้หญิงข้างเขาแวบนึงพลางยิ้มเยาะ
“คุณพ่อ เห็นรึยังว่าไอ้หนุ่มนี่มันกำเริบเสืบสานขนาดไหน หลี่ เจี๋ยที่มีดีแต่ปากไม่คิดว่าเย่ชิวจะเป็นคู่ต่อสู้กับตนได้ จึงทำได้ เพียงไปขอความช่วยเหลือจากหลี่กัง
“เจ้าหนุ่ม ฉันเห็นว่าแกยังเป็นวัยรุ่นอยู่หรอกนะ วัยหนุ่มสาว หน่ะเลือดร้อนกันเป็นปกติแต่ถ้ามากไปมันจะไม่ดี วันนี้ฉันคงต้อง สั่งสอนแกสักหน่อย” หลีกังพูดไม่ช้าไม่เร็วตามประสาผู้ใหญ่ที่ ดูใจเย็น
“ที่แท้เขาก็เป็นลูกคุณหรอกเหรอ? ขอโทษทีนะเมื่อครู่ไม่ได้ดู ท่าทีให้ดี พอดีเห็นคุณดูมีมารยาทน่าเอาเป็นแบบอย่าง แล้ว ทำไมถึงได้มีลูกชายที่ดูอย่างกับสุนัขแบบนี้หล่ะ” เย่ชิวดูไม่มี ท่าทางประหม่ากับสภาพการณ์โดยรอบแม้แต่น้อย
“เอามันขึ้นรถ ต้องให้มันเลือดตกยางออกซะบ้าง” หลี่ยังไม่ อยากพูดมากจึงหันไปสั่งกับบอดี้การ์ดสองคน
“ใครกล้า?”
หลี่กังสั่งไม่ทันขาดคำก็มีเสียงที่ฟังดูเยือกเย็นเด็ดขาดราวกับ ไม่มีใครขัดขืนได้ดังมาจากข้างหลัง ทั้งยังเป็นเสียงผู้หญิงอีก ด้วย
หลี่กังได้ยินเสียงนั้นก็สั่นไปทั้งร่างรีบหันหน้ากลับไปโดยเร็ว แล้วพูดด้วยเสียงเคารพนบนอบว่า “ผู้อำนวยการคุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
มู่หรงหว่านเยวไม่ได้สนใจหลีกังแม้แต่น้อย กลับเดินมุ่งตรง มาข้างหน้าเยซิว “เสี่ยวชิว โทษทีนะ พอดีรถติดนิดหน่อยเลยมา ช้าไปนิด
เสี่ยวชิว?
หลี่ยังทําหน้าตกตะลึงงัน คาดไม่ถึงว่ามู่หรงหว่านเยวประธาน แห่งบริษัทเพิ่งถังกรุ๊ปเมืองเจียงเฉิง ผู้ซึ่งเยาว์วัยสวยงามและ เปี่ยมไปด้วยปัญญาเช่นนี้จะเรียกคนบ้านนอกอย่างไอ้หนุ่มนั่นว่า เสี่ยวชิวเนี่ยนะ?
เยซิวมองมู่หรงหว่านเยวหัวจรดเท้า ช่างรู้สึกน่าทึ่งราวกับ นางฟ้านางสวรรค์จริงๆ
ถ้าหากให้คะแนนหลินชิงเยว่เก้าสิบห้าคะแนน งั้นมู่หรงหว่าน เยวก็ต้องได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มเป็นแน่ เพราะบรรยากาศรอบ ตัวของเธอนั้นให้ความรู้สึกสูงส่งเยือกเย็นแบบไม่มีใครคัดค้าน ได้
ร่างสูง170เซนติเมตร สวมรองเท้าส้นสูงสีดำที่ค่อยๆเดินอย่าง ช้าๆ ข้างบนสวมเสื้อคอปกสีขาว ข้างล่างสวมกระโปรงยาวสีดำ ชายเสื้อเชิ้ตถูกเก็บไว้ใต้กระโปรงสีดำ ทั้งร่างแต่งกายได้อย่าง ประณีตงดงาม แม้ว่าจะแต่งกายแบบธรรมดาแต่ก็ไม่ทำให้ความ สวยลดน้อยลง แถมใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสําอางแค่บางเบา แต่ก็ไม่มีอะไรมาเทียบได้ ผมที่ม้วนมาเป็นลอนคลื่นครึ่งหนึ่ง ปล่อยระลงมาข้างแก้มอีกครึ่งปล่อยสยายลงมาตามหลัง แถมกลิ่นน้ำหอมดิออร์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่อยู่บนร่างกายนั้นก็ช่างเข้า ชุดกัน ช่างperfectเหลือเกิน
น่าหลงใหล เรียบร้อยอ่อนหวาน และสวยเพียบพร้อมเป็นที่ หนึ่ง
ไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่มีความเจ็บปวด มู่หรงหว่านเยวแค่ ปรากฏตัวมาไม่นานก็ทำให้ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลี่เจี๊ยดูมืดหม่นลง ไปทันตา ไม่ต้องถามถึงเรื่องความงามยังไงก็เปรียบเทียบกันไม่ ได้ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศรอบตัว หน้าตา รูปร่างก็ล้วนแต่กิน ขาด
หลีกังเคยเจอกับมู่หรงหว่านเยว รู้ว่าเธอเป็นคนยังไง เพราะ ปกติเวลาอยู่บริษัทนอกจากเรื่องงานแล้วเธอก็แทบไม่คุยเรื่องอื่น กับใครเลย ยิ่งอย่าไปคิดว่าจะเรียกกันอย่างสนิทสนมอย่างนี้เลย
“พี่หว่านเยวในที่สุด คุณก็มาแล้ว” เย่ชิวแค่ใจลอยนิดเดียว เอง “หญิงสาวเติบใหญ่อายุสิบแปดก็เปลี่ยนไปยิ่งโตยิ่งสวย พ หว่านเยวพี่โตเร็วซะจนเพื่อนตามไม่ทันแล้วนะ” มู่หรงหว่านเยวได้ฟังเย่ชิวพูดดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อน
หวานน่ารัก
“คุณหว่านเยว์ คุณต้องมาตัดสินให้ผมนะ เจ้าหนุ่มนี่มาเจียง เฉิงครั้งแรกก็ลวนลามแฟนผมแล้ว ผมจะเข้าไปขวางก็มาต่อยผม อีก คุณดูบนหน้าบนตัวผมก็เป็นฝีมือเจ้าหนุ่มนี่สาดโค้กใส่ คุณ หว่านเยว์ เขามารังแกคนของบริษัทเพิ่งถังกรุ๊ปเราจนไม่เหลือดี เลยนะ” หลี่เจี๋ยที่ถูกความสวยของมู่หรงหว่านเยวทำให้ช็อกไปผ่านไปพักนึงถึงได้สติก็รีบเข้ามาร้องทุกข์
ทว่าทางฝั่งของหลี่กังที่ดูท่าจะเข้าใจเรื่องราวขึ้นมา มองไปที่ ลูกชายไม่รักดีของตัวเองก็รู้สึกเต็มไปด้วยความโมโห เห็นๆอยู่ ว่ามู่หรงหว่านเยว์เรียกเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างสนิทสนมขนาดนั้น ก็ยังไม่รีบไสหัวไปแถมยังจะหน้าด้านโทษคนอื่นอีกต่างหาก
พอคิดมาถึงตรงนี้หลี่ถังก็รู้สึกเหมือนอนาคตตัวเองมืดมนลง
มู่หรงหว่านเยวก็ไม่ได้มีท่าทีไม่แยแส แถมยังหันไปมองเชิว ด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “เป็นอย่าง นั้นจริงเหรอ?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ