บทที่4แม่งเอ๊ยกลับกันก็มีฉัน
จ้าวเสี่ยวหลุยรีบหนีออกไป คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะอายแล้ว
เฉินหยางหัวเราะห์ เขาหันหัวกลับไปก็เห็นพวกกลุ่มคุณเชื่ ยกำลังแอบดู คุณเขี่ยหัวเราะแหะๆ แล้วพูดขึ้น “เฉินหยาง นาย มันไอ้ลูกหมาน้อย ท่าทางเมื่อครูไวจริงๆ นะ พวกเรายังไม่ได้มอง อย่างชัดเจน นายก็ลงไปนอนบนพื้นแล้ว
ยามเชี่ยวหลี่คนนั้นพูดขึ้นอย่างน่าคิด “พี่หยาง อิจฉาความสุข จากโลกีย์ของนายจริงๆ นะ!”
เฉินหยางกระแอมเสียงแห้งครู่หนึ่ง พูดขึ้น “อย่าพูดนินทาคน อื่นลับหลัง!” ไอ้นี่มันผ่านมาก่อนนะ ไม่กล้าพูดออกไปมั่วชั่วแล้ว คนอื่นๆ ได้เข้าใจหมด ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เรื่องวุ่นวายนี้ก็สงบลงแบบนี้
เฉินหยางเปลี่ยนชุดยาม พกกระบองไฟฟ้า เดินโยกเยกไปทั่ว ราวกับกองทัพทหารญี่ปุ่น ที่เข้ามาในเมืองแบบนั้น จะเรียกให้ดี ก็คือ ตระเวนสังเกตการณ์ไปทั้งสี่ทิศ เพื่อจะได้เจอความอันตราย ได้ทันเวลา
ภายในบริษัทYD ส่วนมากจะเป็นเพศหญิง
และยิ่งไปกว่านั้น ก็บริษัทเครื่องสําอางไหมล่ะ สำหรับ พนักงานก็ต้องเข้มงวดกับเครื่องแต่งคือความสวยงาม ดังนั้นกำลังวังชาของเฉินหยางส่วนใหญ่ก็คือการได้เจอสาวสวย รูป ร่างหน้าตาของผู้หญิงที่แตกต่างกัน เยอะจนดูแทบไม่หมด!
ผ่านไปทั้งทาง ราวกับดูระครบูเช็คเทียนที่ไม่ตัดต่อแบบนั้น ดั่งคลื่นที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง
ใช้ชีวิตที่เลวร้ายราวกับฝนสายเลือดอยู่ต่างประเทศมานาน
สติที่แน่นตึงมาโดยตลอด
หลังจากกลับมา เฉินหยางก็รู้สึกเหมือนชีวิตที่เรียบง่ายสงบ เงียบคือสิ่งที่เขาชอบ อิสระได้ ไม่ถูกบังคับ
ในตอนกลางวัน เฉินหยางที่กำลังพักกลางวันอยู่ในห้องพัก ผ่อน
ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เฉินหยางกดรับ ก็คือคุณเซียโทรมา น้ำเสียงของคุณเซีย
จริงจัง พูดขึ้น “เฉินหยาง รีบไปห้องทำงานประธาน
ในใจของเฉินหยางดังตุบๆ หรือว่าหลินชิงเสว่เกิดเรื่องแล้ว? หลินชิงเสว่คือน้องสาวของหลินหนาน
เฉินหยางหยิบกระบองไฟฟ้าไม่ทัน รีบออกจากห้องพักผ่อน โดยเร็ว วิ่งไปทางห้องทำงานของประธาน
ห้องทำงานของประธานอยู่ชั้นสี่ ตอนนั้น ด้านหน้าของห้อง ทำงาน คุณเซียและกลุ่มคนกำลังรออยู่ด้านนอก
จ้าวเสี่ยวหล่ยก็อยู่ ใบหน้าของเธอเคร่งขรึม
“เป็นอะไรเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?” เฉินหยางพุ่งเข้าไปถามจ้าว เสี่ยวหล่ย
จ้าวเสี่ยวหลุยเมื่อได้เห็นเฉินหยาง ก็ราวกับว่าได้เห็นเสาหลัก เพราะคุณเซียนั้นไม่มีข้อคิดเห็นเลยแม้แต่นิด
จ้าวเสี่ยวหลุยกดเสียงพูดขึ้น ฉีเขียวเจียวของ บริษัทซึ่งอัน เอาลูกน้องทหารเสือคนตาเดียวมาคุยธุรกิจกับประธานหลิน ฉัน กลัวว่าด้านในจะเกิดอะไรไม่คาดคิด ดังนั้นเลยเรียกทุกคนมากัน เล็กน้อย ถ้าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนจะได้พุ่งเข้าไปทันที
เฉินหยางรู้สึกตัวขึ้นฉับพลัน เขาพูดขึ้น “ประธานหลินคุย ธุรกิจกับพวกเขาคนเดียว?”
จ้าวเสี่ยวหลุยพูดขึ้น “ข้างในยังมีฝ่ายธุรกิจอย่างหัวหน้าถังชิง
ชิงอยู่กับประธานหลิน”
เฉินหยางครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาพุ่งเข้าไปพูดกับจ้าวเสี่ยวหลุย “คุณให้คนอื่นไปทำงานของตัวเอง ผมไปอยู่กับประธานหลิน เอง” เขาพูดจบก็เคาะประตูทันที
จ้าวเสี่ยวหลุยอดไม่ได้ที่หมดคำหมด ไอ้หนุ่มนี้ทำไมถึง บุ่มบ่ามขนาดนี้
เสียงของหลินชิงเสวดังลอยมาจากด้านใน พูดขึ้น “ใคร? ”
เฉินหยางรีบพูดขึ้น “ประธานหลิน ผมคือฝ่ายรักษาความ ปลอดภัยเฉินหยาง หัวหน้าจ้าวสั่งให้ผมมา บอกว่าท่านกำลังคุย ธุรกิจ ข้างกายต้องมีคนไว้ใช้สอย
จ้าวเสี่ยวหลุ่ยเห็นดังนั้นก็รีบคล้อยตามพูดต่อ “ใช่สิ ประธาน
หลิน”
หลินชิงเสว่และถังซิงซิงที่อยู่ในห้องทำงานอดดีใจไม่ได้ เจียวเจียวและคนตาเดียวคนนี้ยโสโอหังเกินไปแล้ว ความสุขุม ของผู้หญิงทั้งสองคนถูกกดจนอ่อนแอไปมากๆ ในตอนนี้มีผู้ชาย เข้ามาก็ยังดี
ในขณะนั้น หลินชิงเสวก็พูดขึ้น ได้เข้ามาส
เฉินหยางก็เปิดประตูเข้าไปในฉับพลัน หลังจากนั้นก็ปิดประตู
ลง
ห้องทํางานที่กว้างขวาง หลินชิงเสาและฉีเขียวเขียวนั่งตรง ข้ามกัน ถังชิงชิงนั่งข้างตัวหลินชิงเสว คนตาเดียวนั่นกลับยืนอยู่ ด้านหลังของฉีเจียวเจียวอย่างเงียบๆ
ฉีเจียวเจียวรูปร่างหน้าตามีเสน่ห์เป็นอย่างมาก แต่งตัวสวย หยาดเยิ้ม เธอพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ประธานหลิน ฉัน ยังคงเป็น ประโยคนั้น บริษัท YDแห่งนี้ รวมไปถึงน้ำหอมสูตรลับที่คุณ คิดค้นมาใหม่ ขายมาให้ฉันทั้งหมด ฉันให้ราคาแปดพันล้าน แปดพันล้าน ก็เพียงพอสำหรับคุณถลุงเงินเป็นเบี้ยไปทั้งชีวิต แล้ว”
หลินชิงเสว่ยังคงไม่ได้พูดอะไร ถังชิงชิงก็โกรธจนเต็มไปด้วย อารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ อย่างดุเดือด เธอพูดขึ้นอย่างโมโห “ประธาน ฉี พวกเราบริษัทYDทุกปีทำเงินทุนวิสาหกิจได้ถึงหนึ่งพันห้าร้อย ล้าน มูลค่าโดยรวมก็ใกล้หนึ่งจุดห้าหมื่นล้าน ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ประธานหลินของพวกเราคิดค้นน้ำหอมเบอร์หนึ่งก็ยิ่งเป็นของ สําค่า เมื่อดันออกไป ความสําเร็จของพวกเราก็จะพลิกทวีคูณ เป็นกี่เท่าก็เป็นไปได้ คุณจะมาซื้อในราคาแปดพันล้าน ก็ดูแคลน กันเกินไปแล้ว”
คนตาเดียวคนนั้นเป็นผู้ชายหัวโล้น ร่างกายของเขามีรังสี อำมหิตที่ดูแข็งแกร่งอยู่ คนตาเดียวคนนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาชื่อ อะไร แต่ทว่าชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วเมืองบึงไห่ คนตาเดียวเปิด บริษัทบริษัทเฮยสุย ลูกน้องยามของเขาแต่ล่ะคนองอาจกล้าหาญ ยิ่งไปกว่านั้นคนตาเดียวก็เป็นราชาแห่งผู้รักษาความปลอดภัย
คนตาเดียวมองไปทางถังชิงชิง เขาหัวเราะเบาๆ พูดขึ้น “คุณ หนูถัง ประธานของพวกเรากำลังคุยอยู่กับประธานหลิน คุณก็ ยังคงอย่าพูดแทรกจะดีที่สุด คุณยังอายุน้อย หากเกิดเหตุไม่คาด คิดอะไรเข้า ผมจะรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก”
ถังชิงชิงหน้าซีดขึ้นมาทันที เธอฟังคำพูดของคนตาเดียวที่แฝง ไปด้วยการข่มขู่ไม่ออก
คนตาเดียวมองไปทางหลินชิงเสวอีก พูดขึ้น “ประธานหลิน ประเทศจีนของพวกเรามีสำนวนอยู่ประโยคหนึ่ง เรียกว่าเห็นว่า พอดีก็รับไว้ วนเวียนอยู่ในพื้นที่ของมังกรในเมืองบึงไห่ ที่เรียก ว่าความสามารถความฝันทำร้ายตัวเอง คุณก็แค่ผู้หญิงอ่อนแอ คนหนึ่ง ยังคงต้องรู้จักถอยก้าวหนึ่งถึงจะดี มิฉะนั้นในตอน สุดท้ายก็ต้องเสียทั้งความสามารถเสียทั้งเงินทองทั้งสองอย่าง แน่นอน ประธานหลิน ผมไม่ได้หมายความว่าจะข่มขู่คุณ ก็แค่ เตือนด้วยความหวังดี”
แม่งเอ้ยนี่มันคือการข่มขู่อย่างเห็นได้ชัดน่ะสิ! หลินชิงเส เงียบสงบมาตลอด แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ใน ตอนนี้ก็อดที่จะกลัวขึ้นมาไม่ได้
แต่ไม่นาน หลินชิงเสวก็ถอนหายใจออกมาลึก พูดขึ้น “ขออภัยเป็นอย่างมาก บริษัทYDเป็นสติปัญญาและกำลังทุก อย่างของฉัน ไม่ว่าพวกคุณจะให้เงินเท่าไหร่ ฉันก็ไม่สามารถ ขายได้ ฉันเชื่อว่า ประเทศระบบกฎของสังคม ไม่มีใครสามารถ มาได้มั่วซั่ว”
ฉีเจียวเจียวหัวเราะเสียงดัง พูดขึ้น “ประธานหลิน คุณยังเป็น แค่เด็กสาวจริงสินะ ฝันอยู่ในนิทานไม่ตื่น ยังไม่รู้สึกว่าชีวิตจริง เนี่ยเหี้ยมโหดแค่ไหน”
“พวกคุณกรุณากลับไปเถอะ” หลินชิงเสวทนมาพอแล้วจริง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ฉีเจียวเจียวพูดต่อ “หลินชิงเสว่ ทางที่ดีคุณคิดไตร่ตรองดีๆ “ฉันไม่ต้องคิดแล้ว” หลินชิงเสวตอบกลับไปเสียงแข็ง
ในตอนที่ฉีเจียวเจียวกำลังจะอยากจะพูด เฉินหยางก็พูดขึ้นมา ก่อน ว่า “ผมว่าเศษสวะหญิงชายคู่นี้ไม่ใช่ว่ามีปัญหาเหรอ ประธานหลินของพวกเราก็เชิญออกไปแล้ว ทำไมยังบิดพริ้มไม่ ยอมไปอีก”
เมื่อประโยคนี้พูดออกมา สถานการณ์ก็ตกไปอยู่ในความเงียบทันที
หลินชิงเสวและถังซิงซิงปากค้างเป็นตัวโอ เ ย ยามน้อยๆ คน นี้เองก็เก่งเกินไปแล้ว ไม่คิดว่าจะกล้าพูดกับฉีเจียวเจียวและคน ตาเดียวแบบนี้
และยิ่งไปกว่านั้นเจียวเจียวและคนตาเดียวก็ตกตะลึงไปชั่ว ขณะ ในตอนนั้นก็ดึงสติกลับมาไม่ได้มากนัก
หลังจากเรียกสติกลับมา ฉีเจียวเจียวและคนตาเดียวก็โมโห
อย่างรุนแรง ไม่ว่าฉีเจียวเจียวและคนตาเดียวก็ต่างเป็นคนดังในเมืองบึงให้
จะสามารถทนกับคำดูถูกของยามน้อยๆ คนนี้ได้อย่างไร
ฉีเจียวเจียวเผยความเย็นชาออกมาทางสายตา เธอลุกยืนขึ้น เผชิญหน้ากับเฉินหยาง กลับพูดกับคนตาเดียวว่า “พี่คนตาเดียว ดูแล้วคุณจะต้องสอนไอ้เลวน้อยถึงการเป็นคนซะแล้ว”
คนตาเดียวมองอย่างเย็นชาไปที่เฉินหยาง พูดขึ้น “ดีมาก
นายเป็นคนในรอบหลายปี คนแรกที่กล้าด่าฉันต่อหน้า
เฉินหยางลูบจมูกตัวเองไปมา อยู่ๆ ก็หัวเราะชอบใจออกมา พูดขึ้น “ดูแล้วนายจะเก่งมากนะ ฉันยังอายุน้อย ไม่ค่อยรู้เรื่อง หากมีข้อผิดพลาดอะไร แม่งเอ๊ยก็ตีฉันสิ!!
“หาเรื่องตาย!” สายตาของคนตาเดียวออกมาด้วยความเย็น ซา ขยับเท้านิดหน่อย แผ่นกระเบื้องที่เงาวับก็แตกออก โดยฉับ พลัน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ