บทที่ 17 ดื่มชา
“เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไรนะ?” ชายเลี่ยงสีหน้าพลันแปร เปลี่ยน กลอกตามองบน ใส่เซี่ยหยาง
เซี่ยหยางตระหนักดีว่าการล้อเล่นควรมีขอบเขต แม้ว่ากำนัน สาวสวยอย่างชายน จะมีแรงดึงดูดมากจริงๆ แต่อย่างไรก็ไม่ ได้มีความเป็นไปได้มากขนาดนั้นกับตัวเอง
“พลั้งปากไป อย่าถือสาเลยนะ เสียมารยาทแล้ว” เซี่ยหยาง ลูบท้ายทอยพลางหัวเราะแห้งๆ ควักเงินปีกหนึ่งออกมาจากอก ส่งให้ชายเลี่ยง “นี่ ค่าแรงเดือนนี้ของคุณ
“ยังไม่ถึงเดือนหนึ่งเลยนะ รีบร้อนไปทำไม?” แม้ชายเลี่ยงจะ พูดเช่นนี้ แต่ก็รับเงินไปแล้ว เอ่ยอย่างตกใจซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “นี่ ไม่มากไปหน่อยเหรอ? ทำไมมีทั้งสองหมื่น?”
“ค่าแรงของคนงานเหล่านั้น ที่เหลือนับเป็นโบนัสให้ ครอบครัวของคุณ หากมีวาสนาได้คุณเป็นพ่อตาผมจริงๆ จะ ไม่ใช่แค่นี้หรอก” เซี่ยหยางพูดกึ่งล้อเล่น
ชายเลี่ยงกะพริบตา รับเงินไป ก่อนจะกระซิบว่า “ไอ้หนุ่ม แม้ นายจะดูไม่เลว แต่ยังไม่คู่ควรกับลูกสาวฉัน ยกเว้นถึงตอนนั้นนายจะมีเงินซื้อตำบลเฮยไว้ทั้ง ตาบล ส่วนเงินแค่ คิดจะมาซื้อฉัน ไม่มีทาง
“คุณพูดจริงนะ ถึงเวลาอย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน” เซี่ย หยางกล่าวขึ้นด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“ทําไม ฉันเป็นพวกรักษาคำพูด กลัวแต่นายจะไม่มีความสา มารถนี้น่ะสิ” ชายเลี่ยงเองก็พูดไปเรื่อยเปื่อยเช่นกัน เพราะรู้สึก ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
“ตกลงตามนี้” เซี่ยหยางสาบานอย่างหนักแน่นจริงจัง
“ไอ้หนุ่มขี้โม้ ฮ่าๆ” ชายเลี่ยงถึงกับส่ายหน้ายิ้มๆ จากนั้นก็ หมุนตัวเดินจากไป
เห็นชายเลี่ยงเดินไปพลางหยิบเงินออกมานับไปพลาง หน้า ผากเซี่ยหยางก็ปรากฏเส้นสีดำสายหนึ่ง ตาแก่ผู้นี้ดูถูกปณิธาน ของเขาเกินไปแล้ว อย่าว่าแต่ตำบลหนึ่งเลย เมืองเมืองหนึ่งก็ ไม่ใช่ปัญหา คนเราต้องมีปณิธานกว้างไกล
ถึงเวลาต้องทำให้ชายเลี่ยงยินยอมด้วยความสมัครใจ หา กชายยื่นลูกสาวแสนสวยคนนั้นของเขา ยังไม่ยินยอมแต่โดยดี คอยดูฉันเซี่ยหยางจะโอบกอดสาวสวยกลับ……..
“เฮ้ พี่หยาง ดูเหมือนจะน้ำลายไหลอยู่นะ มีเรื่องอะไรก็มา แบ่งปันผมบ้าง? คิดถึงภรรยาใช่หรือเปล่า?” เอ้อนิ้วที่ไม่รู้ว่า โผล่มาตอนไหน ส่งเสียงหัวเราะ ๆ ออกมา
เซี่ยหยางไอแห้งๆ ออกมาเสียงหนึ่ง โบกมือพลางโยนบุหรี่ มวนหนึ่งไปให้เอ้อนิ้ว ก่อนจะกล่าวว่า “ไป พี่ดูเป็นคนที่ขาดเมีย หรือไง?”
“ไม่ขาดอยู่แล้ว ผมจะมาแจ้งข่าวกับพี่ มีสาวสวยมากๆ คน หนึ่งมาล่ะ แถมยังให้พี่ไปต้อนรับด้วย” เอ้อนิ้วเกาศรษะ พลาง ไปที่ปากทางหมู่บ้าน
เซี่ยหยางคิดดูก็เข้าใจ จึงหันไปมอง เป็นดังที่คิดไว้ เห็นชาย ยื่นพร้อมกับคนติดตามกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้
ที่ตัวสวมชุดยูนิฟอร์มสีขาว ดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ยามพูด คุยหัวเราะใบหน้าก็งดงามพริ้มเพรา คนที่เหมือนผู้ปฏิบัติงาน เหล่านั้นที่อยู่ข้างกายเธอดูธรรมดาไปโดยปริยาย ช่างเรียกว่าน กกระเรียนในฝูงไก่จริงๆ
“กํานันชาย ลมอะไรหอบคุณมาหรือ?” เซี่ยหยางเดินเข้ามา ต้อนรับ พร้อมกับรอยยิ้มอันเจิดจ้า
ชายยื่นมองสำรวจเซี่ยหยางคราวหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ทําไมคะ ไม่ต้อนรับเหรอ?”
“ต้อนรับสิ ยกขาคู่ต้อนรับเลย พวกคุณเข้าไปนั่งสิ” เซี่ยหยาง พูดพลางผายมือเชื้อเชิญ
“พูดมาก พวกเราไม่มีเวลามานั่งหรอก” ชายนั่นบ่น กระเป๋ากระงอด พลางหันหน้าไปทางคนด้านหลังแล้วกล่าวว่า “คนเหล่านี้พามาดูงาน ผู้ใหญ่บ้านกับผู้ปฏิบัติงานสองสามคน จากหมู่บ้านใกล้เคียง
“อ้อ? สวัสดีครับ ผมเป็นตัวแทนจากหมู่บ้านดงเจียวมา ต้อนรับพวกคุณ” เซี่ยหยางโบกมือ ท่าทางเป็นมิตรอย่างมาก
“นายคือผู้ใหญ่บ้าน? เป็นตัวแทนหมู่บ้านดงเจียวได้เหรอ?” เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งโผล่ออกมา เหลือบมองเซี่ยหยางแวบ หนึ่ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกระด้าง
เซี่ยหยางสบตาด้วยแวบหนึ่ง โดยไม่รู้ตัว คนคนนี้ใส่สูท รองเท้าหนัง การแต่งกายดูเข้าท่า เพียงแต่พุงยื่น ผมหวีเสีย เรียบแปลใบหน้าอมชมพู ในดวงตาเผยแววเหยียดหยาม เมื่อ เทียบกับสองสามคนที่อยู่ด้านข้าง ดูราวกับอายุเยอะกว่ามาก
“ปัดโธ่ ขอโทษด้วยจริงๆ ไม่รู้ว่ากำนัลชายจะมาเลยไม่ได้มา ต้อนรับ ผิดไปแล้ว” ไม่รอให้เซี่ยหยางเอ่ยปาก ก็เห็นผู้ใหญ่บ้าน หวังหยุนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน ทางหนึ่งหอบหายใจแฮ่กๆ ทางหนึ่งจับมือกับทุกคน
“ผู้ใหญ่บ้านหวังเป็นคนที่งานรัดตัวมากจริงๆ แต่มีตัวแทนคุณ แล้ว พวกเราไม่ถือสา” คนในชุดสูทผู้นั้นมองเซี่ยหยางแวบหนึ่ง ด้วยแววตาล้ำลึก
หวังหยุนนิ่งไป หลังมองเห็นเซี่ยหยางก็ยังรู้สึกผวาอยู่นิด หน่อย เห็นได้ชัดว่ากระอักกระอ่วนใจ กำลังคิดจะพูดอะไรสัก อย่าง คนที่อยู่ด้านข้างชายในชุดสูทคนนั้นที่มีอายุครึ่งร้อยก็ กระแอมขึ้นมาทีหนึ่ง ก่อนจะแตะที่ชายในชุดสูทเบาๆ แล้วรีบพูด ว่า “สามารถเข้าใจได้ ตอนนี้ที่หมู่บ้านดงเจียวพัฒนาจนเจริญ รุ่งเรืองได้ขนาดนี้ ผู้ใหญ่บ้านหวังคงจะมีส่วนไม่น้อยเลย
“ที่ไหนกัน หมู่บ้านเกาตี้ของพวกคุณต่างหากถึงจะเป็นแบบ อย่างให้พวกเราเรียนรู้ อันที่จริงก็น่าขันแล้ว ผู้ใหญ่บ้านไม่ เพียงดูแลได้ถูกทาง อีกทั้งกระทั่งลูกชายก็ยังเป็นเศรษฐีมากด้วย อิทธิพล พูดไปแล้วก็ให้ละอายใจเหลือเกิน” หวังหยุนเริ่มพูด ถ้อยคำเกรงใจที่ไม่มีมูลความจริงขึ้นมา แถมยังเมียงมองไปทาง ชายในชุดสูทอีกด้วย
เวลานี้ชายยื่นที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย กลับยังคงแย้มยิ้มกล่าวขึ้น มาอย่างเปิดเผยว่า “ในเมื่อผู้ใหญ่บ้านหวังก็มาด้วย พวกเราก็ ตรงไปดูที่ดินในหมู่บ้านกันเถอะ”
“เรื่องนี้ไม่รีบร้อน ยังคงไปที่คณะกรรมการหมู่บ้านพักหายใจ สักหน่อยเถอะ?” หวังหยุนจูมองชายมั่นอย่างประจบ
“ไม่จำเป็น ฉันเองก็ไม่เหนื่อยด้วย ทุกคนว่างั้นไหมคะ” ชาย ยันหันหน้ามองไปที่คนอื่นๆ
“กํานัลชาย ตามความเห็นผมยังคงพักสักเดี๋ยวดีกว่า อย่า โหมนักเลย” ลู่เฟยคลายโบว์หูกระต่ายของตนเองลง พลางเช็ด เหงื่อบนหน้าผาก ในฐานะคนอ้วนคนหนึ่ง อากาศแบบนี้จึงรับไม่ ไหวอยู่บ้างจริงๆ
“ใช่ ผมเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน กำนัลชายอาจจะเหนื่อยแล้ว ก็ได้ คุณหักโหมงานเกินไปแล้ว ใช้ช่วงเวลานี้ผ่อนคลายบ้าง เถอะ” ลู่ต้าฝูถูมือไปมา
เซี่ยหยางมองพ่อลูกคู่นี้ร้องรับกันเป็นลูกคู่ จึงลอบยิ้มกับตัว เอง แต่มองดูข่ายยื่น อากาศร้อนขนาดนี้ แสงแดดแผดเผา ใบหน้าอันน่ารักของเธอจนเห่อแดง ดูค่อนข้างน่าสงสาร เขาจึง พูดว่า “กำนัลชายทำไมคุณไม่ไปดื่มชาที่บ้านผมสักหน่อยล่ะ เป็นแบบใหม่ด้วยนะ”
“นั่นมันคำพูดอะไรกัน ผมคิดว่าไปคณะกรรมการหมู่บ้านยังจะ ดูจับต้องได้มากกว่า” หวังหยุนจูรู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมาราวกับ กลัวว่าจะถูกเซี่ยหยางแย่งทิศทางลมไป
“งั้นก็ไปที่ฟาร์มสเตย์กันเถอะ ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า คุณทำแบบใหม่อะไรออกมา” ชายยื่นยิ้มแย้ม ดูเป็นธรรมชาติ และมีชีวิตชีวา เดินมุ่งตรงไปข้างหน้า
อาจเป็นเพราะทางเดินในหมู่บ้านไม่ค่อยดีนัก ชายนั่นจึงเดิน สะดุดก้อนหิน โซเซอยู่หลายครั้งจนเกือบจะล้ม แต่ก็มีมือคู่หนึ่ง มาประคองเธอไว้อย่างรวดเร็ว พอหันกลับไปมอง ก็เห็นเซีย หยางกำลังมองตนเองอยู่
“ขอบคุณ!” ชายยื่นใบหน้าแดงเรื่อ
เซี่ยหยางสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมเย็นหวานชื่นสายหนึ่งโชยมา จางๆ ซึมซาบลงสู่หัวใจ จึงตัดใจปล่อยชายยันไม่ลงอยู่บ้าง เพิ่ง คิดจะพูดอะไรบางอย่าง ก็รับรู้ได้ถึงสายตามาดร้ายพุ่งตรงมา
เห็นเพียงลู่เฟยกำลังมองมาทางนี้อย่างไม่สบอารมณ์นัก เกิด อารมณ์หึงหวงขึ้นอย่างรุนแรง เขาวิ่งมาทางนี้อย่างเงอะงะอยู่ บ้าง ก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า “โธ่ กำนัลชายคุณไม่ เป็นไรนะครับ?”
“ไม่ค่ะ พวกเราไปกันเถอะ” ชายนพยักหน้าพอเป็นพิธี จาก นั้นก็มองเซี่ยหยางแวบหนึ่ง
ลู่เฟยจ้องแผ่นหลังเซี่ยหยางอย่างขัดเคือง พลางเดินไปพร้อมกับทุกคน เขามองสำรวจฟาร์มสเตย์ที่อยู่ตรงหน้า แห่งนี้อย่างเหยียดหยาม ก่อนจะเย้ยหยันว่า “เป็นสถานที่ดีอะไร กัน ก็แค่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง
แม้ว่าเสียงของลู่เฟยจะเบา แต่เซี่ยหยางยังคงได้ยิน เขาแค่ ทําเป็นไม่สนใจ เดินตรงไปสั่งให้พนักงานจัดหาที่นั่ง จากนั้นเขา ก็หาข้ออ้างปลีกตัวไปสักพัก เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องห้องหนึ่ง แล้ว นำน้ำแร่กาหนึ่งออกมาจากในโลกแผ่นหยก
จากนั้น เซี่ยหยางก็หยิบใบชาออกมาบางส่วน ใบชานี้เป็นใบ ชาใหม่ล่าสุดที่เขาเพาะปลูกเอง และเพื่อลองประสิทธิผล เขาได้ ให้เอ้อนิ้ว ใช้น้ำแร่ในการชงชา
พอน้ำชายกมาเสิร์ฟแล้ว ชายยื่นชมเบาๆ ค่หนึ่ง รู้สึกเพียง ในปากเกิดความอยากอาหารมากขึ้น อบอวลไปด้วยกลิ่มหอม อันสดชื่น ถึงขั้นติดใจจนหยุดไม่ได้ เธอถูกใจจนหางคิ้วชี้ขึ้น พลางยิ้มออกมา ดวงตาอันงดงามโค้งจนกลายเป็นพระจันทร์ เสี้ยว พยักหน้ากล่าวว่า “เป็นชาดีจริงๆ เขี่ยหยาง คิดไม่ถึงว่า คุณจะยังเป็นทักษะในด้านนี้ด้วย สมควรได้รับการยกย่อง
“ชมเกินไปแล้ว ชอบก็ดื่มมากๆ หน่อย” เซี่ยหยางพอใจในผล ตอบรับนี้มาก แน่นอนว่า การได้เห็นผู้หญิงอย่างเซี่ยหยางดื่มชา ก็ถือว่าเป็นการเสพสุขอย่างหนึ่งเช่น
คนอื่นๆ ที่เดิมทีรู้สึกเหยียดหยาม แต่พอเห็นชายยื่นพูดเช่นนี้ ก็พากันดื่มตาม เพียงไม่นานก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่ แม้แต่หวังหยุนก ยังดื่มชารวดเดียวจนหมดถ้วย
ลูต้าผู่กับลูกชายของเขาลู่เฟยต่างสบตากัน จากนั้นก็ก้มหน้า ดื่มไปหนึ่งอีก จึงถูกดึงดูดไว้อย่างรวดเร็ว เขาอยู่มาครึ่งชีวิต ยัง ไม่เคยดื่มชาดีแบบนี้มาก่อน ปกติใบชาที่ลู่เฟยซื้อกลับมาหลาย พันหยวน ยังมีรสชาติชานี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาจึงรีบกล่าวขึ้นเสียง เบากับลู่เฟยว่า “แกรีบลองชิมดู”
“มันดีขนาดนั้นเชียว?” ลู่เฟยไม่คิดเช่นนั้น ยกชาขึ้นมาดมๆ ดู โดยสัญชาติญาณ ก่อนจะถูกกลิ่นหอมดึงดูดไว้ ภายหลังพอดื่ม ลงไป ก็มีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า จึงอดตกตะลึงไม่ได้
“เป็นยังไงบ้าง?” ลู่ต้าถาม
“ผมว่าธรรมดามาก มีตรงไหนที่บอกว่าสุดยอดกัน” ลู่เฟย ปากไม่ตรงกับใจ กลับอดยกขึ้นมาดื่มอีกหลายคำไม่ได้ ก่อนจะ ทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วกล่าวว่า “นี่ฉันก็แค่กระหายนิดหน่อย ถ้าไม่ อย่างนั้นชาแบบนี้ฉันก็คร้านจะสนใจ
เซี่ยหยางย่อมจะมองออก เห็นได้ชัดว่าลู่เฟยคนนี้เห็นตัวเขา เป็นศัตรู คิดว่าสาเหตุคงเป็นเพราะชายยื่น เพราะตั้งแต่แรกเริ่ม เขาก็พบว่าสายตาของลู่เฟยไม่ได้ละออกไปจากชายนั่นเลย
“ทุกคนดื่มกันอีกถ้วยสิ” เวลานี้เอ้อนิ้วได้มาที่นี่อีกครั้ง แล้ว
เริ่มรินชา
พอถึงตอนที่เทให้ชายมั่น จู่ๆ ถ้วยชาก็หกคว่ำ จนลวกชายน เช้า เธอจึงรีบหดมือ กัดริมฝีปากแน่น
โดยสัญชาตญาณ เซี่ยหยางจับมือเธอไว้อย่างไม่รู้ตัว รีบดึง เธอไปล้างตรงสายยางที่อยู่ด้านข้าง ชายนั่นเองก็ไม่ปฏิเสธ เมื่อ ล้างเสร็จแล้ว เซี่ยหยางเห็นว่าไม่เป็นไร จึงได้วางใจลง ทว่ามือ ของชายยันไม่แดง แต่กลับไปแดงที่ใบหน้าแทน รีบหดมือกลับ ไปเบาๆ อย่างรู้สึกกระดากอายอยู่บ้าง
เซี่ยหยางที่กำลังคิดว่าวันนี้เอ้อนิ้วเป็นอะไรไป ลู่เฟยก็ตวาด ขึ้นว่า “ทำอะไรของแก ไม่มีตาหรือไง ทำไมที่นี่ถึงมีพนักงานมือ ไม้เก้งก้างอย่างแกได้นะ?”
เอ้อนิ้วถึงกับไม่โกรธ แถมยังหัวเราะกล่าวว่า “ขออภัยด้วย รินชาให้กำนัลครั้งแรก รู้สึกเกร็งนิดหน่อย คุณก็ดื่มอีกหน่อย
“คราวหลังระวังด้วยล่ะ” ลู่เฟยหนีออกมา ต้านส่วนดีของ ชานี้ไม่ไหว ย่อมไม่ได้สังเกตเห็นว่า เอ้อนิ้วได้เปลี่ยนกาน้ำชา เป็นอีกใบหนึ่งแล้ว เขาดื่มไปอีกหนึ่ง กำลังคิดจะกล่นลงไป จู่ๆ ก็ พ่นออกมา
ทำให้น้ำชากระเด็นโดนหน้าลูต้าเข้าเต็มๆ ตายกมือขึ้น มาเช็ดออก รู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
“ทำไมหรือ? ไม่อร่อยเหรอลู่เฟย?” ชายยื่นกล่าวขึ้นมาอย่าง แปลกใจ
“คงลวกปากน่ะ ไม่เป็นไร” ลู่เฟยเพียงตกใจจนพูดไม่ออก รีบ เช็ดหน้าให้พ่อของเขา รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
เซี่ยหยางเห็นเอ้อนิ้วกำลังยิ้มอย่างชั่วร้าย ก็ส่งสัญญาณให้
เขาเดินออกไปด้านนอกเพื่อจะถามว่า “นายเป็นอะไร?”
“ไม่ได้เป็นอะไร ผมสร้างโอกาสให้พี่ต่างหาก มือของกำนัล สาวนิ่มดีไหม? แล้วก็ผมใส่ผงพริกไทยกับน้ำมันพริกไทยลงไป ในชาของหมอนั่นด้วย เห็นเขาเอาแต่คิดไม่ซื่อกับกำนัลนะ” เอ้อ นิ้วส่งเสียงหัวเราะออกมา
เซี่ยหยางกลับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เจ้าโง่นี่ ไปเรียนรู้ ความเจ้าเล่ห์มาตั้งแต่เมื่อไหร่
พอเข้าไปก็ยังเห็นลู่เฟยกำลังเช็ดอยู่ แต่ช่ายยันกลับมองดู เวลา ก่อนจะลุกขึ้นกล่าวว่า “ทุกคนคงพักหายใจกันพอแล้ว พวก เราไปดูที่ดินกันเถอะ”
“มีอะไรน่าดูกัน มันเจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ?” ขณะกำลังเดินอยู่ ด้านหลังกลุ่มคน ลู่เฟยก็ดึงหวังหยุนที่อยู่ด้านข้างมาถาม
หวังหยุนย่อมรู้ฐานะของลู่เฟย ไม่ใช่เป็นเพียงลูกชายของ ต้าผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเกาอี้ธรรมดาๆ เช่นนั้น เขาได้ยินมา นานแล้วว่า ลู่เฟยตอนนี้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ย่อม ต้องพยายามประจบเอาใจเป็นธรรมดา
“เถ้าแก่ลู่ เซี่ยหยางก็แค่พวกอวดดีเท่านั้น คนหนุ่มสาวน่ะ แค่ ประสบความสําเร็จนิดหน่อยก็หลงระเริงกันแล้ว จะไปเทียบกับ หมู่บ้านเกาตี้ของพวกคุณได้อย่างไรกัน อย่าว่าแต่จะเทียบกับ คุณเลย” หวังหยุนจูกล่าวคำชมเชยอย่างไม่ตระหนี่เลยสักนิด
“ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกัน? ฉันเห็นเขาเดินใกล้กำนัลชายมาก ฉันอยากจัดการเขา” ลู่เฟยจ้องเซี่ยหยางอย่างเย็นชา พลาง กัดฟันพูดเสียงลอดไรฟัน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ