เจ้าพ่อสุดเฟี้ยวแห่งนคร

บทที่ 4 เฉินเจีย



บทที่ 4 เฉินเจีย

เซี่ยหยางขี่มอเตอร์ไซต์มาจอดด้านหลังของร้านฝูหมั่นโหลว เนื่องจากครั้งก่อนที่เขาแบกซูเปอร์กระเทียมมาคราวที่แล้ว รปภ.คนนั้นยังจำได้ เพราะฉะนั้นครั้งนี้จึงไม่ได้ผ่านการสอบถาม ก็ปล่อยเขาเข้ามาเลย

เพราะว่าก่อนหน้านี้ได้โทรศัพท์หาเซฟแล้ว เพราะฉะนั้น เซี่ย หยางจึงจอดมอเตอร์ไซต์นิ่ง หวังหลินเดินออกมา

“เถ้าแก่หวัง คุณมาดูสิว่าพอใจไหม? “เซี่ยหยางยิ้มไปด้วย พูดไปด้วย “เยสเข้ มะเขือเทศใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ? ” ในตอนที่หวังหลิน มองเห็นมะเขือเทศ ความคิดการพัฒนาอาหารจานใหม่ๆก็เกิด

ขึ้นในใจของเขา ปากของเขายิ้มอย่างมีความสุข”น่าจะมีหนึ่ง

กิโลถึงกิโลครึ่งได้มั้ง? ”

“เซฟตาดีจริงๆ ส่วนมากน้ำหนักอยู่ที่หนึ่งกิโลถึงกิโลครึ่งหมด เลย”เซี่ยหยางพูด

เนื่องจากในตอนที่รดน้ำแร่ให้กับมะเขือเทศพวกมันก็ออกลูก ออกผลแล้ว อีกทั้งตอนนั้นรูปร่างหน้าตาของพวกมันยังพิการไม่ เท่ากันด้วย เซี่ยหยางพยายามรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่ผลที่ ออกมาก็ยังคงมีขนาดแตกต่างกันอยู่ดี เขาจึงทำอะไรไม่ได้

“ไม่เป็นไร ซึ่งตามน้ำหนักก็พอ” พูดจบ หวังหลินก็กัดมะเขือเทศไปหนึ่งคำ โดยไม่ผ่านการล้างใดๆ หลังจากที่ซึมอย่าง ละเมียดละไมแล้ว เขาก็อดที่จะใช้สายตามองประเมินเด็กหนุ่ม ตรงหน้าอย่างละเอียดไม่ได้”แจ๋วไปเลยนี่ ไอ้หนุ่ม พันธุ์ใหม่ พัฒนามาได้ถึงขั้นนี้เชียวหรอ! รสชาติของมะเขือเทศนี้ก็สุดยอด ไปเลย ไม่เคยกินของอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้คิดว่าจะ ขายโลละเท่าไหร่?

พูดจบ เขาก็ยัดมะเขือเทศที่อยู่ในมือเข้าปากไปทั้งหมด ยื่น มือออกไปจะหยิบลูกที่สองขึ้นมา

“ราคาโปรโมชั่น ครึ่งกิโลสี่สิบ”

“ฉันเหมาหมดเลย ถ้าในไร่ของนายยังมีอีกล่ะก็ อีกสองวันถ้า ที่นี่ใช้หมดฉันจะให้คนไปขนมา เพื่อไม่ให้ลำบากนายหวังหลิน ตบบ่าของเซี่ยหยางเบาๆ แล้วหัวเราะขึ้นมาอย่างใจแบบนี้ ได้ไหม? ”

เซี่ยหยางหัวเราะไม่มีปัญหา! ”

ต่อมา หวังหลินก็พาเซี่ยหยางไปเอาเงินที่ฝ่ายบัญชีด้วยตัวเอง วันนี้เขาลากมาหนึ่งร้อยห้าสิบกิโล แล้วเอาเงินสดมาไว้ในมืออีก หนึ่งหมื่นสองพัน

รวทกับเงินที่เหลือจากการขายกระเทียมหกพัน ตอนนี้เขามี เงินเกือบสองหมื่นหยวนแล้ว หลังออกมาจากครัวของร้านฝูหมั่น โหลว เซี่ยหยางก็เดินเตร็ดเตร่ในตัวอำเภออยู่พักหนึ่ง อยากจะ หาพืชที่ราคาค่อนข้างแพงไปปลูกเพื่อดูผลลัพธ์ เดินไปเรื่อยๆก็ เดินพ้นจากย่านที่ผู้คนพลุ่งพล่าน ก็มาถึงตรอกซอกซอยที่เงียบมาก

เซี่ยหยางมองดูดีๆ ที่แท้ก็เป็นตลาดขายของเก่านี่เอง เขาไม่ ได้สนใจของเก่ามากนัก และกำลังเดินจะจากไป แต่แล้วทันใด นั้นเขาก็ถูกป้ายของประตูทางเข้าร้านแรกดึงดูด

ไร่ยาจีน!

เซี่ยหยางเดินเข้าไปภายในร้านที่ทั้งสวยและโบราณ พยัก หน้าทักทายเคารพชายแก่ผมหงอกเต็มหัวคนหนึ่ง หลังจากนั้นก็ เริ่มเชยชมยาอันล้ำค่าที่วางอยู่ในตู้กระจก ของถูกราคาอยู่ที่ หลักสิบถึงหลักร้อย อันที่แพงกว่าแตะหลักหมื่นหยวน

ในร้านนี้ อันที่แพงที่สุดต้องเป็นสมบัติล้ำค่าของเมืองอยู่แล้ว ด้านหลังเคาน์เตอร์มีเห็ดหลินจืออยู่ดอกหนึ่ง แต่ทางร้านไม่ได้ แปะป้ายราคาไว้ จึงไม่ได้คิดจะซื้ออะไร สายตาของเซี่ยหยาง มองเหลือบไปเห็นเพียงแค่โสมร้อยปี ด้านบนแปะป้ายราคาห้า หมิ่นหยวน

มองดูคำแนะนำภายในร้าน ร้านนี้กลับขายเมล็ดพันธุ์พืช “ลุงครับ ขอถามหน่อยได้ไหมครับว่ามีเมล็ดของโสมขายจริง หรอครับ? “เซี่ยหยางถาม

“แน่นอนสิ อีกทั้งยังเป็นโสมแดงป่าด้วยนะ เมล็ดแพงมากเลย แหละ”ชายแก่เงยหน้าขึ้นมามองดูเซี่ยหยางที่แต่งตัวธรรมดา เห็นได้ชัดเขาคิดว่าชายหนุ่มคนนี้คงไม่ซื้อมันจริงๆ

เซี่ยหยางพยักหน้า แล้วถามไปว่า “เมล็ดละเท่าไหร่ครับ?”
“เมล็ดละหนึ่งพันหยวน”

“ได้ครับ ผมขอซื้อสิบเมล็ด! “เซี่ยหยางล้วงเงินออกมา พูด ขึ้นว่า แต่ลุงต้องให้ใบรับรองกับผม ถ้าหากกล้าขายเมล็ดพันธุ์ ปลอมให้กับผม ผมจะมาคิดบัญชีแน่”

“ร้านเก่าแก่สองร้อยกว่าปีแล้ว นายวางใจเถอะ! “ชายชรา หยิบเมล็ดโสมให้เซี่ยหยางสิบเม็ด แล้วจากนั้นเขาก็อธิบายราย ละเอียดเกี่ยวกับวิธีการงอกและวิธีการปลูก จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ ทิ้งข้อมูลการติดต่อไว้ การทำการค้าก็จบลงอย่างมีความสุข

พอกลับมาถึงหมู่บ้าน เซี่ยหยางก็แบกเคียวเล่มหนึ่งกับจอบ มุดเข้าไปในโลกแผ่นหยก แทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะแบ่งพื้นที่ เล็กๆ ในทุ่งนาอันอุดมสมบูรณ์หลังป่าเล็กๆ เพื่อเพาะปลูกโสม

เขาทำการกำจัดวัชพืช พรวนดิน หลังจากนั้นก็หยิบเมล็ดโสม ปลูกลงไป เขายังไม่กล้ารดน้ำมาก ทุกเมล็ดเขารดน้ำเพียงแค่ หนึ่งถ้วยเท่านั้น ผ่านไปแบบนี้สองวัน ก็ไม่เห็นเมล็ดงอกขึ้นมา ในตอนที่เขาคิดว่าถูกตาแก่หลอกเข้าให้แล้ว เตรียมจะไปคิด บัญชีกับเขา ในที่สุดเช้าของวันที่สาม ก็มองเห็นใบสีเขียวอ่อน งอก โผล่พ้นออกมา ดูไปแล้วช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน

โสมเติบโตช้ามากมันเป็นเรื่องปกติ ถ้าเป็นโสมหนุ่ม จะใช้ เวลาอย่างน้อยสิบถึงสามสิบปีหรือมากกว่านั้น เพราะฉะนั้นมัน จึงล้ำค่ามาก เซี่ยหยางพบว่า ขอเพียงแค่ตนเองรดน้ำในปริมาณ ที่มากขึ้น โสมสิบเมล็ดโตขึ้นเร็วเล็กน้อย แต่ก็มีขีดจำกัดของ มัน เป็นไปไม่ได้ที่พอรดน้ำแร่ลงไปจะใหญ่เท่ากับหัวไชเท้าได้
ในทุกวันรดน้ำสักหนึ่งลิตรก็เพียงพอแล้ว เช้าหนึ่งครั้ง เป็น หนึ่งครั้ง ในทุกๆวันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใบของ โสมมีการงอกขึ้นมาเล็กน้อย นี่จึงทำให้เห็นว่าโสมที่อยู่ใต้ดิน กำลังถูกกระตุ้นให้เจริญเติบโต

เวลาตอนเที่ยงวัน เซี่ยหยางกำจัดวัชพืช อากาศค่อนข้างร้อน เขามองเห็นบริเวณโดยรอบไม่มีคน จึงใส่กางเกงในแค่ตัวเดียว กระโดดลงน้ำไปว่ายน้ำ น้ำในแม่น้ำของหมู่บ้านดงเจียวใส สะอาดและเย็นฉ่ำมาก รู้สึกสะใจมาก

ทันใดนั้น เขาก็มองเห็นปลาคาร์พป่าตัวหนึ่งโผล่พ้นออกมา อยู่ตรงหน้า เขาว่ายไปอย่างช้าๆ

นึกขึ้นมาได้ว่าไม่ได้กินปลามานานแล้ว เซี่ยหยาง ใช้สองมือ วาดออกไป ทันใดนั้นเขาก็พุ่งตัวเข้าไปหาปลาคาร์พที่อยู่ตรง หน้า แล้วคว้าหมับมาไว้ในมือ

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทำให้เขารู้สึกไหวตัวไม่ทัน เขาขึ้นมา บนฝั่งอย่างงุนงง โดยลืมไปว่าตนเองได้ผ่านการชำระล้างตัวมา จากโลกแผ่นหยก

เขาคิดไปคิดมา จึงเข้าไปในโลกแผ่นหยก เอาปลาคาร์พ เข้าไปเลี้ยงในที่จุดที่น้ำตื้น ดูสิว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไร ไหม

เช้าของวันที่สอง เซี่ยหยางแทบจะอดใจรอไม่ไหวเข้าไปตรวจ สอบในโลกแผ่นหยก เห็นเพียงปลาคาร์พที่น้ำหนักแค่ครึ่งกิโล ในตอนแรกกลับโตขึ้นประมาณเจ็ดแปดกิโลได้ เขาหาที่สั่งมาชั่งน้ำหนัก เป็นไปตามคาดภายในคืนเดียวสามารถโตขึ้นมาได้สอง เท่า!

ในตอนช่วงเที่ยงของวันเซี่ยหยางจัดการปลาคาร์พเสีย สอง พ่อลูกซดน้ำซุปจนแห้งเหือด ไม่เคยกินรสชาติที่อร่อยหอมฟุ้ง คละคลุ้งไปทั่วห้องครัวแบบนี้มาก่อนเลย มันทำให้คนรู้สึกไม่อิ่ม

เซี่ยหยางตัดสินใจว่าจัดการธุระที่ไร่เสร็จจะไปหาปลาคาร์พ ป่ามาเลี้ยง ในวันนี้ เขาจึงจะรดน้ำให้กับโสมเสร็จ รถกระบะคัน หนึ่งมาที่หน้าบ้านของตน พอสอบถามถึงได้รู้ว่า ที่แท้ก็เป็นรถ ของเชฟร้านฝูหมั่นโหลวจะเข้ามาเก็บมะเขือเทศ

“ทักษะดีมากเลยนะครับ เซี่ยหยางยื่นบุหรี่ไปให้ชายสองสาม คน แล้วหัวเราะขึ้นมาว่า “ถนนของเขาลูกนี้พวกคุณยังสามารถ ขับเข้ามาได้!!

คนหลายคนเดินพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วยมายังไร่มะเขือเทศ หลังจากแบ่งงานกันแล้ว หลังจากนั้นหลี่เอ้อนิ้วก็อาสาร่วมด้วย คนห้าคนใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็สามารถเก็บผลผลิตได้เต็มคันรถ พอชั่งน้ำหนัก ทั้งหมดรวมกันคือห้าร้อยกิโล คนที่เป็นหัวหน้ายื่น เงินสดให้กับเซี่ยหยางสี่หมื่น หลังจากนั้นก็ขับรถค่อยๆออกจาก หมู่บ้านไป

คนซื้อขับรถเข้าหมู่บ้านมาลากผลผลิตทางการเกษตรไปด้วย ตนเอง นี่ถือว่าเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นเอง คนในหมู่บ้านก็เริ่ม วิจารณ์กันอย่างอื้ออึง

มะเขือเทศในไร่มีพื้นที่ไม่ใหญ่นัก เก็บเกี่ยวไปครึ่งหนึ่งแล้วอย่างเก็บได้คันรถจะสามารถพลิกดิน หลังจากนั้น หันกลับมาลากตัวหนึ่งตัว แบกคันและเริ่มโค่นส่วนเลือก

เช้าวันที่สอง เซี่ยหยางเข้ามาในเมืองซื้อเมล็ดพันธุ์เห็ดเมล็ดกวางตุ้งหลายถุง เริ่มทำการเพาะปลูกพืชเพาะปลูกพืช ผัก

พอยุ่งงานเสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว กินเที่ยงเสร็จ เซี่ยหยางเดินมาบ้านของผู้ใหญ่หวังหยุน หลังจากพูด คุยกันสักพัก ขึ้นมาว่า ผู้ใหญ่ครับ ปรึกษากับผู้ใหญ่เรื่องหนึ่ง ในหมู่บ้านเราบ่อปลาทิ้งมา หลายปีแล้วไหมครับ? ผมอยากจะเลี้ยงปลาเยอะหน่อย ผู้ใหญ่ว่ายังไงครับ

นี่เป็นทรัพย์สินที่ร่วมหมู่บ้าน ฉันตัดสินใจเองหรอก เรื่องนายต้องไปถามความเห็นจากชาวบ้านก่อนหวัง หยุนจี้พูดยิ้มออกไปงานแล้ว เลี้ยงผสมพันธุ์ของพวกนี้ ไม่ทําอะไรหรอก!

พอเห็นคนในบ้านคิดเลี้ยงปลา ถึงปากจะพูดไปแบบนั้น แต่หวังหยุนจูกชายของตัวเองกลับมาเลี้ยงปลาแน่นอนว่าปลาต้องเก็บ ไว้คนในครอบครัวของตนเองก่อน เป็นไปได้ยังไงจะเช่าแกนะ

บ้านในหมู่บ้านตั้งเยอะแยะ ผมวิ่งไปถามละบ้าน ไม่ว่าต้องวิ่งไปถึงเมื่อไหร่เซี่ยหยางฉะนั้นเลยอยาก จะยืมใช้วิทยุหมู่บ้านประกาศออกผู้ใหญ่บ้าน ช่วยได้ ไหมผมจ่ายเงินค่าเช่า จากนี้ไปถ้าได้กำไรมา ต้องได้ผลประโยชน์อย่างแน่นอน บ่อปลาทิ้งก็เสียเปล่า ผมคิด ว่าในหมู่บ้านคงตกลงอยู่ครับ?

หยาง ไม่ใช่ว่าไม่เช่าให้นายนะ แค่บางบางเรื่องพูดนายไม่ความจริงมีอิทธิพลในเมืองแผนการแล้วตำแหน่งของบ่อปลาจะถมให้เต็ม จากนั้นจะสร้างร้านขาย ของฉะนั้น ฉันเพื่อผลประโยชน์ของนาย นายไหม”

เซี่ยหยางที่เห็นหวังหยุนจี้ให้ตายยังไงก็ยอมให้ใช้กระจายเสียง เขาดีว่าเขารู้สึกโกรธใจ กัดฟันกรอด แล้วกลับไปพ่ออยู่ที่ บ้าน แล้วเริ่มไปมะเขือเทศทันที ใช้ปูนซีเมนต์วาดเส้น ตรงบริเวณพื้นที่รกร้าง สองหาช่างฝีมือมาหลายสิบคน ซื้อ วัตถุดิบเพื่อเริ่มทำบ่อปลาของ

คนเยอะพละกำลังก็เยอะตาม คำกล่าวนี้พูดได้มีผิดเลย แม้แต่น้อย หลังจากผ่านห้าวัน ปลาสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ เซี่ยหยางเงินหมื่นหยวนเหลือจนเกลี้ยง เตรียมจะไปบอก ให้ร้านฝูหมั่นโหลวเก็บมะเขือเทศสุดท้าย รถกระบะคันที่ แล้วกลับกระบะมีแลนด์โรเวอร์คันสีขาวสมรรถ เยี่ยมคันหนึ่งจอดอยู่
ชายหนุ่มสามคนในรถกระบะกล่าวทักทายเซี่ยหยาง แล้วตาม หลี่เอ้อนิ้วไปเก็บมะเขือเทศในไร่ เขาไม่มีโอกาสถามไถ่ที่ไปที่มา ของเจ้าของรถแลนด์โรเวอร์แม้แต่น้อย

กําลังคาดเดาในใจอยู่ เซี่ยหยางหันกลับมา ประตูของรถ แลนด์โรเวอร์ก็ถูกเปิดออกมา

ขาเรียวยาว เป็นขาเรียวที่สวมกางเกงยีน

ประตูรถถูกเปิดออก สาวสวยคนหนึ่งที่สวมแว่นกันแดดสีดำ ก้าวเท้าออกมา ลงจากรถ

“แค้กๆ”

อีกฝ่ายไอเสียงด๊อกแก๊ก แล้วถอดแว่นกันแดดออก สะบัดผม ยาวที่ยาวระบ่า แล้วเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ พลางพูดขึ้นมา ว่า“สวัสดีค่ะ”

“แค้กๆ สวัสดีครับ เซี่ยหยางรีบเก็บสาวตา มองดูหญิงสาวที่ สวยจนทำให้หัวใจเต้นแรงตรงหน้า เขาจึงแอบกลืนน้ำลายดังเอี อก แล้วพูดไปว่า “คุณคือ? ”

“คุณคือเซี่ยหยางที่ส่งวัตถุดิบใหม่ให้กับร้านฝูหมั่นโหลวใช่ ไหม? “สาวสวยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเซี่ยหยาง ยื่นมือ ออกไปพูดว่า “ฉันคือเจ้าของร้านฝูหมั่นโหลว เฉินเจีย”

“ที่แท้ก็เถ้าแก่เฉินนี่เอง ยินดีครับยินดี! “เซี่ยหยางยื่นมือออก ไปจับมือเล็กขาวเนียนนิ่ม พลางพูดขึ้นมาว่า “อย่ายืนอยู่เลยครับ เข้าไปนั่งข้างในบ้านก่อนเถอะครับ”
พูดจบก็ทํามือเป็นการเชื้อเชิญ เฉินเจียเองจึงไม่เกรงใจ ตาม เซี่ยหยางไปที่ลานหน้าบ้าน

เซี่ยหยางเดินตามเธออยู่ด้านหลัง มองดูรูปร่างสูงโปร่งดึงดูด สายตาคน ดมกลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยฟังอยู่ในอากาศ เขารู้สึก อ่อนระทวย โรยแรงไปทั้งตัว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ