เจ้าพ่อสุดเฟี้ยวแห่งนคร

บทที่ 3 น้ำแร่เซียน



บทที่ 3 น้ำแร่เซียน

รปภ. ในวัยสามสิบต้นๆ ตกตะลึงกับสิ่งที่ถืออยู่บนบ่าของชาย หนุ่มสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขา แม่เจ้าโว้ยนี่เป็นกระเทียมหรือ อะไรเนี่ย? ทำไมกระเทียมถึงได้ใหญ่ขนาดนี้?

“ก็ใช่น่ะสิ นี่เป็นต้นอ่อนกระเทียมที่พึ่งคิดค้นได้ใหม่”เซี่ย หยางตาวาว แล้วพูดไปว่า”เชฟของพวกพี่ได้สั่งกับเราไว้แล้ว พอ ถึงตอนเก็บเกี่ยวก็ให้รีบเอามาให้พวกคุณเลย

รปภ. ใช้สายตาประเมินอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามออกไปว่า “เชฟ หวังให้พวกนายมาส่งหรอกเหรอ?

“ใช่น่ะสิ เซฟหวังเป็นคนเรียก! “เซี่ยหยางแสร้งทำเป็นรีบดู

เวลาในโทรศัพท์มือถือ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลา

ทําอาหารเที่ยงแล้ว ถ้าเซฟตำหนิลงมา อย่าโทษพวกเรานะ

“ซิ เลิกฉันให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ รปภ.พูดอย่างดูถูกเย้ย หยัน“ฉันเป็นคนที่เคยดื่มเหล้ามากับเชฟเลยนะเว่ย เอาล่ะๆ พวก นายเข้าไปเถอะ ของวางเสร็จก็ออกมาซะนะ อย่าเดินเพ่นพ่านใน ครัวล่ะ?

“ได้ครับ วางเสร็จพวกเราจะรีบออกมาเลย ขอบคุณนะ ขอบคุณครับ!

หลังจากที่เซี่ยหยางกับหลี่เอ้อนิ้วหลอกรปภ.สำเร็จ ก็จัดการ แบกต้นกระเทียมวิ่งเข้าไปทางห้องครัว
“เดี๋ยวนายทําเหมือนเมื่อกี้เลยนะ ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น เซี่ย หยางพูดสั่งหลี่เอ้อนิ้ว

หลี่เอ้อนิ้วหัวเราะแหะๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “พี่หยางก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าถึงฉันจะรูปร่างหน้าตาโง่ๆ แต่ฉันไม่ได้โง่นะ พี่วางใจเถอะ! หลังจากพูดกันไม่กี่คำ ทั้งสองก็เดินเข้าไปในครัว ในเวลานี้เหล่า เซฟกำลังยุ่งกับการเตรียมอาหารกลางวันและมีเสียงดังมากมาย หลังจากรอจนพวกเขามองเห็นสิ่งกระเทียมที่อยู่บนบ่าของเซีย หยางกับหลี่เอ้อนิ้วนั้น พวกเขาหยุดมือลงทันที แล้วเริ่มมอง ประเมินอย่างแปลกใจ

“ขอโทษนะครับห้องทำงานของเซฟหวังอยู่ไหนหรอครับ? เซี่ยหยางพูด

“เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวา”มีคนพูดขึ้น

ทั้งสองเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องทำงานของเซฟ ชายอ้วนคนหนึ่ง กำลังสูบบุหรี่อยู่ในนั้น ใบหน้าของเขามีความกังวลอยู่ในนั้น

“เชฟครับสวัสดีครับ พวกเราเอากระเทียมที่วิจัยคิดค้นขึ้นมา ส่งให้ คุณลองดูสิครับ”เซี่ยหยางวางกระเทียมลง พยักหน้าพลาง พูดด้วยรอยยิ้ม

“ต้นกระเทียม? ต้นกระเทียมอะไร? “หวังหลินพูดด้วยความ แปลกใจ ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่เขาเรียนจบจากสถาบันชั้นนำ และเป็นคนที่อยู่ในวงการนี้มายี่สิบกว่าปีแล้วเขามีความสามารถ มาก เริ่มประเมินวัดกระเทียมกลายพันธุ์ที่มีความสูงกว่าหนึ่ง เมตร
“นี่เป็นกระเทียมที่สั่งจองกับพวกเราครับ! “เซี่ยหยางแกล้ง โง่หรือผมจะเข้าใจอะไรผิด?

“ผิดอะไรผิดล่ะ เราคือครัวชั้นนำของอำเภอนี้ วัตถุดิบดีๆ ขนาดนี้ส่งมาที่นี่มีอะไรผิดงั้นเหรอ? “หวังหลินพูดด้วยท่าทีอวด ร่ำอวดรวย โบกมือหนึ่งครั้ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกนายรอก่อน นะ ฉันจะให้คนไปผัดแล้วลองชิมดูก่อน

พูดจบ หวังหลินเรียกเชฟคนหนึ่งเข้ามา สั่งการลงไป สองนาที ให้หลัง อาหารสองสามอย่างที่ทำด้วยต้นกระเทียมถูกยกเข้ามา เสิร์ฟในห้องทํางานของเขา

หวังหลินมองดูเซี่ยหยางแวบหนึ่ง เขาคืบผักกวางตุ้งเข้าปาก ไปหนึ่งชิ้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นจึงลองชิมอาหารอีกที่อื่นๆ อีกสองจาน และสุดท้ายก็หันไปมองกระเทียมที่วางอยู่บนพื้น

“สิบต้นนี้หรอ? “เซี่ยหยางคอยอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้น หวังหลินก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ยังมีอีกไหม?

“ยังมีอีกครับ”เซี่ยหยางพูด

“นายขายต้นละเท่าไหร่? “หวังหลินยื่นบุหรี่จงหัว (เป็นบุหรี่ จีนระดับพรีเมียมที่ผลิตโดยกลุ่มยาสูบเซี่ยงไฮ้) ไปให้เขากับหลี่ เอ้อนิ้วคนละม้วน พลางถามขึ้น

ในตอนแรกเซี่ยหยางเตรียมจะพูดว่าต้นละหนึ่งร้อยหยวน แต่ พอเห็นบุหรี่ที่เขาสูบ ก็กลับลำแล้วพูดขึ้นมาว่า “ต้นละสองร้อย หยวน นี่เป็นราคาโปรโมชั่น
“นายมีเท่าไหร่? ระหว่าง โปรโมชั่นฉันเหมาหมดเลย! “หวัง หลินพูดอย่างภาคภูมิใจ แต่ฉันมีข้อแม้อย่างหนึ่ง นายต้องเก็บ ไว้ให้ฉัน เพราะว่าของสิ่งนี้จะทำเป็นเครื่องปรุง จะทำเป็นอาหาร จานหลักไม่ได้ เพราะฉะนั้นฉันจะต้องสั่งอย่างต่อเนื่อง ทำได้ ไหม?

“ไม่มีปัญหา แต่คุณต้องวางเงินมัดจำก่อน! “เซี่ยหยางพูด

จากนั้นทั้งสองก็คุยกันเรื่องข้อมูลการติดต่อและวิธีการจัดส่ง

“นี่เป็นนามบัตรของฉัน ถ้าพวกนายมีวัตถุดิบใหม่ๆ ก็ให้โทร มาหาฉันได้เลย เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา! “หวังหลินยืนนามบัตรส่ง ให้เซี่ยหยาง หลังจากนั้นก็พูดกับผู้ช่วยที่อยู่ไม่ห่างกันนักว่า “พา พวกเขาไปเอาเงินที่บัญชี ชุดนี้สองพันบวกเงินมัดจำรวมเป็นหนึ่ง หมิ่นสอง”

ในกระเป๋ากางเกงของเซี่ยหยางมีเงินสดจำนวนหนึ่งหมื่นกว่า ยัดอยู่ในนั้น ทำให้หลี่เอ้อนิ้วที่อยู่ข้างๆนับถือเป็นอย่างมาก

เขาพาหลีเอ้อนิ้วไปหาร้านอาหารในเมืองกินมื้อใหญ่ จากนั้น ทั้งสองก็เดินทางกลับหมู่บ้าน

พอกลับมาถึงหมู่บ้าน เซี่ยหยางก็ปกปิดเรื่องที่ตัวเองหาเงินมา ได้เท่าไหร่ เซียซานที่เห็นลูกชายของตัวเองดูเหมือนจะออกมา จากความเศร้าหมองจากการล้มเหลวแล้ว เขาก็รู้สึกมีความสุข ไปด้วย เอาตาไล่ถามอยู่อย่างนั้น ตกดึกคืนนั้นสองพ่อลูกดื่ม เหล้ากันเล็กน้อย อย่างมีความสุข

กินข้าวเย็นเสร็จ และพ่อได้หลับไปแล้ว เซี่ยหยางก็ตรวจสอบดูลานหน้าบ้าน พบว่ากระเทียมสิบกว่าเม็ดที่เหลือดูเหมือนจะสูง ขึ้นมาหลายเซนติเมตรแล้ว ดูท่าคงจะสูงจนถึงขีดสุดแล้ว แต่ไม่รู้ ความเร็วในการเหี่ยวเฉา

เช้าวันที่สอง ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เซี่ยหยางก็ลุกขึ้นมาเดินไปยัง สวนมะเขือเทศ เดิมที่เขาพบว่าน้ำแร่ในโลกแผ่นหยกสามารถ กระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชได้ เขาสามารถกำจัดมะเขือเทศ พวกนั้นที่ร่อแร่ใกล้ตายออกเพื่อปลูกพืชอย่างอื่น แต่ในตอนนั้น พ่อของเขาได้ปลูกมันมากับมือด้วยความยกลำบาก ถึงยังไงเขา ก็ต้องรอถึงฤดูเก็บเกี่ยวถึงจะสามารถจัดการได้

อีกทั้ง ตอนนี้เขายังต้องทดลองการใช้น้ำแร่ เพราะฉะนั้นจึง ควรต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

พอคิดได้ดังนั้น เซี่ยหยางก็หยิบถังน้ำสองใบเข้าไปตักน้ำใน โลกแผ่นหยก รดน้ำให้มะเขือเทศสองหมู่จนเสร็จ ฟ้าถึงได้ค่อยๆ สว่างขึ้น เขานั่งก้นเบ้าลงกับพื้นสูบบุหรี่ข้างๆเจ้าฉาย ถึงได้ พบว่าตนเองกลับไม่มีอาการเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย

ต้องรู้ว่า ที่ดินสองหมู่ใช้ถังน้ำในการรดน้ำ ถึงจะเป็น เกษตรกรที่แข็งแรงขนาดไหน ก็ต้องรู้สึกเหนื่อยล้ากันบ้าง แต่ ตนเองกลับไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่นัก

ต้องเป็นผลมาจากน้ำแร่นั่นแน่!

เซี่ยหยางบีบกำปั้นแน่น ยังสามารถรู้สึกว่ามีพละกำลังมาก ตัวเองเปลี่ยนเป็นคนแข็งแรงขึ้นมาแล้ว เจ้าฉายล่ะ?

ไม่ดูคงยังไม่รู้ พอเห็นก็ตกใจในทันที
เซี่ยหยางตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เขาไม่ได้มองดู เจ้าฉายดีๆ ตอนนี้พบว่าเจ้าวูล์ฟดอกตัวนี้ดูน่าทึ่งขึ้นมามาก ที่ หย่อนคล้อยลงตามอายุขัย ในตอนแรกกลับตั้งตรงขึ้น ดวงตา เป็นประกายเผยให้เห็นถึงสัญชาตญาณบางอย่าง ราวกับว่ามัน อายุน้อยลงมาเลย!

พอมันเห็นเจ้านายจ้องดูตนเองอยู่ เจ้าฉายก็ใช้ลิ้นเลียมือของ เขาอย่างสนิทสนม เสียงดังแพรบๆ ราวกับว่ากระหายน้ำ

“สุดยอดไปเลย! “เซี่ยหยางลูบไปที่เจ้าฉาย แล้วพามันเข้าไป ดื่มน้ำแร่ในโลกแผ่นหยกจนเต็มท้อง หลังจากนั้นก็เก็บอุปกรณ์ การเกษตรกลับไปกินข้าวที่บ้าน

สามสี่วันต่อมา วันเวลาของเซี่ยหยางผ่านไปวันแล้ววันเล่า ใน

ทุกๆวันเขาจะแอบเอาน้ำแร่จากโลกแผ่นหยกให้พ่อดื่ม แล้วไป

รดน้ำที่แปลงมะเขือเทศ มองดูพวกมันเติบโตอย่างรวดเร็ว ใน

ทุกๆวันเขาใช้สายตามองดูการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของ

พวกมัน เวลาว่างก็พาเจ้าฉายไปวิ่งเล่นในโลกแผ่นหยก พริบตา

เดียวก็ผ่านไปถึงวันที่ห้าแล้ว

ในวันนี้เซี่ยหยางตื่นขึ้นมาปุ๊บ ก็เห็นพ่อใช้ไม้เท้าที่ถูกทิ้งไว้ ตรงมุมหนึ่งของลานหน้าบานมาเป็นเวลานานมาแล้ว กำลังเดิน อย่างยากลําบาก ผ่านไปหลายนาทีกว่าจะก้าวเท้าเล็กๆออกไป ได้ แต่ทว่า นี่ถือว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ สำหรับผู้เป็นพ่อที่ต้องนั่งรถ เข็นมาเป็นเวลาถึงสองปีแล้ว!

“พ่อ พ่อเดินได้แล้ว?

! “เซี่ยหยางกัดฟันแน่น แล้วพูดด้วยความดีใจ พ่อพักก่อนนะ ถึงจะต้องฝึกฝนก็ต้องพักผ่อนอยู่ดี ผม เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นานหรอก พ่อต้องกลับมาเป็นเหมือนเมื่อ ก่อนได้แน่! ”

“พูดถึงก็แปลกนะ ตั้งแต่ดื่มน้ำแร่ที่แกเอามาฉันดื่ม ฉันก็รู้สึก ว่าสุขภาพร่างกายดีขึ้นมาเลยแหละ อาการเจ็บออดๆแอดๆพวก นั้นก็ไม่มีแล้ว” ในขณะที่เซี่ยซานดีใจก็รู้สึกแปลกใจเหมือน กัน”ตกลงน้ำแร่ที่แกเอามาเป็นของอะไรกันแน่? ทำไมถึงรักษา โรคได้?

“น้ำแร่ก็คือน้ำแร่นั่นแหละพ่อ ถึงยังไงสามารถทำให้พ่อยืนขึ้น มาได้ก็ดีแล้ว! “เซี่ยหยางพูดพลางหัวเราะแหะๆ ไม่พูดกับพ่อ แล้ว ฉันไปทำข้าวเช้าก่อนล่ะ กินเสร็จแล้วจะไปดูแปลงมะเขือ เทศหน่อย เอ่อจริงสิ มะเขือเทศใกล้สุกแล้ว คืนนี้ผมจะไปนอน เฝ้าที่สวนนะ”

เซี่ยหยางเดินฮัมเพลงมาตลอดทาง หลังจากจัดเตียงเสร็จ ก็ ทําการกําจัดวัชพืช

สิ่งที่เขาทํามากที่สุดทุกวันก็คือการกำจัดวัชพืช เพราะตราบ ใดที่ถูกน้ำแร่ของโลกแผ่นโยนรดสาดโดน หญ้าก็จะพากัน เติบโตขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ต้นกล้ามะเขือเทศเหล่านั้นสูงขึ้น ราวกับโตได้สองครั้งยังไงอย่างงั้น

ในตอนเย็น เซี่ยหยางพอเห็นชายหัวโล้นวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินป้วนเปี้ยนไปมาที่แปลงมะเขือเทศของบ้านตน มองดูไปแล้ว น่าสงสัยมาก เขาถามไปที่เพื่อนบ้าน ถึงได้รู้ว่าเขาคือชายเลี่ยงคนในหมู่บ้านเกา ที่อยู่ติดกัน แปลงผักขนาดใหญ่พื้นที่อยู่ตรง ข้ามแม่น้ำก็คือของเขา

สิ่งที่บังเอิญก็คือชายเลี่ยงเองก็ปลูกมะเขือเทศแปลงใหญ่เช่น เดียวกัน ก่อนหน้าที่พ่อของเซี่ยหยางยังไม่ป่วย ความสัมพันธ์ ระหว่างทั้งสองไม่ค่อยดีนัก เวลานี้ไอ้หมอนี้มาเห็นว่าไร่ของบ้าน ตนมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ต้องคิดไม่ซื่ออะไรเป็นแน่

พอคิดได้ดังนั้น เซี่ยหยางก็เดินกลับเข้าไปในหมู่บ้าน รอจน ฟ้ามืด ก็รีบกลับไปซ่อนในกระท่อมในไร่ของบ้านตนเอง ค่อย สังเกตความเคลื่อนไหวจากหน้าต่างบานเล็กๆ

เป็นไปตามคาด พอถึงเวลาค่ำตอนสามทุ่ม ก็มีเงาร่างหนึ่งใช้ เรือพายเข้ามา ทำท่าลับๆล่อๆมาที่สวนของบานตนเอง

เซี่ยหยางทำสัญลักษณ์ว่าไม่ให้เจ้าฉายเอ็ดไป เขาเรียบๆ

เคียงมาที่ริมแม่น้ำ คลายปมเชือกของเรือลำเล็กๆออก เรือไม้ล่า

เล็กลอยไปตามกระแสลมและน้ำไปไกลมาก

หลังจากนั้น เซี่ยหยางก็ทำการเปิดไฟฉายส่องไปที่คนผู้นั้น แล้วพุ่งไปอย่างไม่ช้าไม่เร็วนัก ปากก็ร้องตะโกนอย่างมาก ร้ายจับหัวขโมยเร็วเข้า รีบมาจับหัวขโมยเร็วเข้า

ชายหัวล้านผู้นั้น เห็นได้ชัดว่าคือชายเลี่ยง คืนนี้เขาตั้งใจมาดู ว่าฝั่งตรงข้ามปลูกยังไงกันแน่ ทั้งๆ ที่เป็นมะเขือเทศที่ใกล้ตาย แล้วแต่กลับเปลี่ยนเป็นแดงสดน่ามองภายในหนึ่งสัปดาห์ คิดไม่ ถึงว่าจะถูกไอ้เด็กเปรตคนนี้พบเข้า

ชายเลี่ยงสบถค่าเฮงซวย ในใจ แล้วรีบวิ่งไปที่ริมแม่น้ำ รอจนวิ่งไปถึงริมแม่น้ำเขาถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เรือไม้ได้ลอยไปไกล เป็นสิบเมตรแล้ว เขามองดูแม่น้ำที่มีความกว้างหลายร้อยเมตร แล้วหันกลับไปมองดูเจ้าเด็กหนุ่มนั่นอีกครั้ง เขากัดฟันกรอด แล้วมุดหัวดำน้ำเข้าไปในแม่น้ำทันที

“นี่ ไอหัวโล้นชาย ถึงแกจะว่ายน้ำเก่งขนาดไหน มีดขนาดนี้ ไม่ปลอดภัยมั้ง”เซี่ยหยางวิ่งไปที่ริมฝั่ง เอาไฟฉายส่องไปที่ ระลอกคลื่นในน้ำและหัวเราะเสียงดังขึ้นฝั่งมาคุยโม้สูบบุหรี่ ด้วยกันก่อนไหม?

พอได้ยินว่าอีกฝ่ายจําตัวเองได้ ชายเลี่ยงก็ยิ่งรู้สึกอับอายมาก ยิ่งขึ้น เขากลั้นหายใจแล้วทำการดำน้ำไปไกลกว่าสิบเมตร ถึงได้ โผล่หัวขึ้นมา

สองสามวันผ่านไป ชายเลี่ยงก็ไม่เคยมาปรากฏตัวอีก

พอเข้าสู่วันที่สิบ เซี่ยหยางก็พบว่ามะเขือเทศบางส่วนได้สุก แล้ว เขาลองนึกๆดู จึงได้ไปที่ตัวเมืองแล้วใช้เงินจำนวนหกพัน กว่าซื้อมอเตอร์ไซต์มาหนึ่งคัน แล้วปรับแต่งให้เบาะหลังวาง ตะกร้าสองใบ

ในวันที่สอง เขาตื่นแต่เช้าเก็บมะเขือเทศมาเต็มสองตะกร้า หลังจากนั้นก็รีบขี่รถไปทางตัวอำเภอ

“โอ้โห นี่เป็นหัวหน้าเซียของเราไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ไปเรียน ล่ะ กลายเป็นพ่อค้าหาบเร่ไปแล้วงั้นเหรอ? คิดว่าจะขายสักครึ่ง กิโลละห้าเหมา (เหมาเป็นสกุลเงินของจีน) หรือจะขายสักหนึ่ง หยวนดีล่ะ? ”
เซี่ยหยางพึ่งเดินทางมาถึงปากทางเข้าตัวเมือง ในตอนที่รอ ไฟจราจรอยู่นั้น จู่ๆ รถบีเอ็มดับเบิลยูก็มาจอดลงข้างๆ กระจกรถ ถูกเลื่อนลงมา ชายหนุ่มคนหนึ่งมองมาที่เขาอย่างเย้ยหยัน

ในเวลานี้เอง แสงสีเขียวสว่างขึ้น เซี่ยหยาง ใช้สายตาเหมือน มองคนโง่เขลาคนหนึ่งไปยังเพื่อนเก่าที่เป็นลูกคนรวยเคยเรียน ด้วยกันมาในอดีต หลังจากนั้นก็สตาร์ทมอเตอร์ไซค์มุ่งไปยังตัว อำาเภอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ