สุดยอดหมอดู

บทที่ 2 บุคคลประหลาดในสถานีขนส่ง



บทที่ 2 บุคคลประหลาดในสถานีขนส่ง

เสียงประชาสัมพันธ์ดังขึ้น ถึงสถานีจินกันแล้ว

หลังจากที่สัมผัสกับสัมผัสอ่อนนุ่มขาวนวลของมือน้อยๆ ใน ฝ่ามือแล้ว หลินไปถอนหายใจเบาๆเฮือกหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “สาว น้อยฉันขอเตือนเธอคำหนึ่งนะ อย่าขุ่นข้องหมองใจกับคนใน ครอบครัว รีบกลับบ้านไป บุตรต้องการเลี้ยงดูแต่พ่อแม่ไม่อยู่ แล้ว ประโยคนี้คงไม่ต้องให้ฉันสอนเธอหรอกนะ”

หลินไปไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขาลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินทางของ ตนลงมา ก่อนจะเดินตามผู้คนไปยังประตูทางออกและลงจากรถ

ไป

สาวสวยมหาประลัยบนรถมือทั้งสองข้างเท้าใส่คางไว้ มอง ตามแผ่นหลังของหลินไปด้วยใบหน้านึกสนุก หรือว่าไอ้หมอนี่จะ มีฝีมือจริงๆ แค่แป๊บเดียวทำไมเขาถึงดูออกว่าเธอกำลังโกรธกับ ที่บ้านและหนีออกจากบ้านมา

อากาศของเมืองจินกันในวันนี้ดูผิดปกติเล็กน้อย นี่เพิ่งจะเข้าสู่ ต้นเดือนมิถุนา ก็เหมือนได้เข้าสู่ฤดูฝนอย่างไรอย่างนั้น ท้องฟ้า มืดครึ้มตลอดเวลา และยังมีฝนตกปรอยๆไม่หยุด ทันทีที่หลินไป ก้าวลงมาจากรถไฟ ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่กระทบบน ใบหน้า เม็ดฝนที่ตกปรอยๆก่อนหน้านี้ บัดนี้เริ่มกระหึ่มขึ้นมา แล้ว

หลินไปสบถออกมาค่หนึ่ง ก่อนจะหันซ้ายหันขวาหาที่หลบฝนอย่างเอือมระอาอยู่ครู่หนึ่ง จนในที่สุดก็พบที่หลบฝนที่หนึ่ง

เขาหลบเข้าไปในร้านค้าเล็กๆข้างประตูทางออก พูดคุยอยู่กับ เจ้าของร้านที่สนใจในตัวของเขาอย่างไม่อยากสนใจนัก หลินไป มองสำรวจผู้คนในสถานีรถไฟอย่างมืออาชีพ

ถึงแม้ว่าการดูดวงต้องมีอาจารย์มากฝีมือคอยชี้แนะ แต่ก็ เหมือนความรู้อื่นๆ ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และสถานที่เก็บ เกี่ยวประสบการณ์ที่ดีที่สุดก็คือสถานีรถไฟ ไม่ว่าคนแบบไหน ประเภทไหนก็มีหมด ขอเพียงตั้งใจ ก็จะสามารถเรียนรู้จากในนี้ ได้ไม่น้อย

ตอนที่รับสายก่อนจะมา ตาเฒ่าบอกว่าจะมีคนมารับตน แต่ หลินไปไม่รู้เลยว่าคนที่จะมารับตนคือคนไหน รูปร่างหน้าตาเป็น อย่างไร แต่เขารออยู่ในสถานีขนส่งเป็นครึ่งค่อนวันแล้ว ยังไม่ เห็นแม้แต่เงาหัวด้วยซ้ำ หรือว่าจะถูกตาเฒ่าหลอกอีก

“พ่อหนุ่ม นายดูคนบ้าคนนั้น ฝนตกหนักขนาดนี้ เขายังเดิน อย่างใจเย็น เปียกเป็นลูกไก่ตกน้ำแล้ว เทียบกับพ่อหนุ่มแล้ว ห่างชั้นกันมาก” เจ๊เจ้าขร้านผู้อ้วนท้วนเหลือบมองใบหน้าขาว นวลของหลินไปแว็บหนึ่ง กลืนน้ำลายอีกหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น

หลินไปเพียงแต่ยิ้มบางๆ ทว่าไม่ได้เอ่ยพูดอะไร เขาทอด สายตามองออกไป และได้พบกับเงาร่างนั้นที่แปลกแยกไปจาก ผู้คนที่ต่างวิ่งหลบฝนกันให้วุ่น ในสถานีขนส่งอันกว้างขวาง

ผมหงอกเล็กน้อย เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็แสนจะธรรมดา หากไม่ใช่ เพราะฝนที่ตกกระหน่ำลงมานี้ ไม่แน่เขาอาจจะดูดีแบบผู้สูงอายุอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้กลับเหมือนห่านเอ๋อในหนังสือของลูชนไม่มี ผิด หลังงอห่อไล่ เดินง่อนแง่นอยู่กลางสายฝน

มองดูเงาร่างของผู้เฒ่าคนนั้น หลินไปเกิดความรู้สึกสงสารขึ้น มาเล็กน้อย โดยไม่รู้ตัว คิดจะเดินเข้าไป พยุงผู้เฒ่าเข้ามาหลบ ฝนทางนี้ แต่กลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล หลิน ไปเพ่งมองอีกครั้ง ก่อนจะชะงักงักไปเลย ผู้เฒ่าบ้าคนนี้ไม่ได้ กำลังเดินอย่างง่อนแง่น ก้าวเดินของเขากลับแฝงไปด้วยกลิ่น อายของค่ายวิหารทิศ และเหมือนว่ามือของผู้เฒ่าบ้าคนนี้ก็ไม่ เคยอยู่นิ่งด้วย

“ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือสามก้าว จับก้นอวบอิ่มไปที่หนึ่ง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้สองก้าว ก้มเก็บเศษเหรียญเหรียญ หนึ่ง ไปทางทิศตะวันตกสองก้าวครึ่ง จับก้นอวบอิ่มไปอีกทีหนึ่ง ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ก้าวครึ่ง เหี้ย เก็บไอโฟน… ”

หลินไปสับสนวุ่นวายขึ้นมาทันที นี่มันคนบ้าที่ไหนกัน นี่มันสุด ยอดปรมาจารย์ฮวงจุ้ยชัดๆ ลุ้นระทึกทุกย่างก้าวอย่างแท้จริง ลง รอยฮวงจุ้ยพอดีเป๊ะทุกๆก้าว สำแดงเส้นทางการเดินของตนเอง ถึงขีดสุด ภายใต้ฝนที่ตกกระหน่ำนี้

เจ๊อ้วนที่อยู่ด้านข้างได้ยินเสียงพึมพำของหลินไป เอ่ยถามขึ้น ด้วยความประหลาดใจ “พ่อหนุ่ม นายกำลังพูดอะไรอยู่ พิมพ์ อะไรกัน”

หลินไปไม่ได้เอ่ยตอบอะไร จดจ้องอยู่บนผู้เฒ่าบ้าที่อยู่กลาง ลานสถานี แววตามองตามก้าวเดินของเขา วิเคราะห์ทุกๆก้าวเกี่ยวกับความหมายแฝงในแต่ละก้าวที่เขาเดิน รวมทั้งสิ่งที่ได้ เขารับหลังจากก้าวออกไปแต่ละก้าว

เดินไปเดินมาจวบจนร้อยก้าว หลินไปนับถือจนแทบจะก้ม หมอบลงไปกับพื้นอยู่แล้ว ต้องยอมรับจริงๆ ว่าฝีมือการจัดฮวง จุ้ยของผู้เฒ่าคนนี้อยู่ในระดับปรมาจารย์แน่ๆ ทว่ารสนิยมการ แต่งกายกลับไม่ค่อยเท่าไหร่ การเก็บเงินเก็บของถือเป็นเรื่องเล็ก น้อย แต่สิ่งที่ไม่สามารถหยุดการก้าวเดินของเขาได้ ก็คือกันสะ บีมของหญิงสาวน้อยใหญ่ให้เขาบีบจับตามอำเภอใจ และที่ สำคัญยังไม่มีใครสนใจอีกด้วย

หลินไปดูแล้วรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา ศาสตร์ที่เขาเล่าเรียนมา จากตาเฒ่าคือการดูดวงจากรูปร่างหน้าตา ส่วนศาสตร์ด้านการ ตรวจดูฮวงจุ้ยนั้นศึกษาค่อนข้างน้อย ทว่าเมื่อได้เห็นสิ่งที่ผู้เฒ่าผู้ นี้ได้พบเจอในแต่ละก้าวที่เขาเดิน ทำให้หลินไปเกิดความรู้สึก สนใจขึ้นมาสักแล้ว

กลับไปบนเขาคราวนี้ ต้องให้ตาเฒ่าสอนศาสตร์ฮวงจุ้ยให้สัก หน่อย หลินไปแอบพิมพ์ในใจ

ในที่สุดเม็ดฝนก็ค่อยๆลดน้อยลง เมื่อหลินไปเห็นว่ายังไม่มี ใครมารับตน สบถออกมาคำหนึ่ง จากนั้นส่งสายตาวิงค์ฟรีๆ ให้ เจ๊เจ้ายร้านไปทีหนึ่ง ก่อนจะถือกระเป๋าเดินทางของตนและ เตรียมตัวจะกลับเขาเหมาซานด้วยตัวเอง

ทันใดนั้นเอง ผู้เฒ่าบ้าที่อยู่ในลานคนนั้นเดินตรงมาทางหลิน ไป และสุดท้ายถึงกลับวิ่งพุ่งเข้ามายังหลินไปราวกับเห็นทองคำมหาศาล

ยังไม่ทันที่หลินไปจะตั้งตัว ผู้เฒ่าบ้าคนนี้ก็พุ่งกอดขาหลินไปไว้ ร้องไห้โหขึ้นมาทันที

หลินไปไม่ได้ปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว พื้นที่ออยู่อย่างนี้ ราวสิบกว่านาที และเมื่อ เจ๊เจ้าขร้านที่ยืนดูอยู่ด้านข้างถูกเสียง โหร้องคร่ำครวญนี้รบกวนจนเกิดความรู้สึกรำคาญขึ้นมา ใน ที่สุดผู้เฒ่าบ้าคนนั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เช็ดคราบน้ำตาบน ใบหน้าทิ้ง ก่อนจะผุดรอยยิ้มขึ้นบนมุมปาก พอเอ่ยปากพูดก็ได้ ชื่นชม พ่อหนุ่มน้อย นายไม่ธรรมดาจริงๆ

“หมายความว่าไง”หลินไปมองผู้เฒ่าบ้าที่ยังคงกอดขาตัวเอง ไว้ด้วยใบหน้านึกสนุก เอ่ยขึ้นยิ้มๆ สีหน้าท่าทางของหลินไปใน ขณะนี้สามารถได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมแน่ๆ บน ใบไปเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความใสซื่อตามแบบฉบับของชาย หนุ่มบ้านนอก เขาที่ดิ้นรนต่อสู้อยู่ในวงการนี้มาตั้งหลายปี ไม่ เชื่อว่าจะสยบพวกนักต้มตุ๋นกระจอกๆ ในวงการไม่ได้ ต่อให้เป็น นักต้มตุ๋นที่มีมากฝีมือก็ตาม

“ตลอดทางที่ฉันตรวจดวงดูฮวงจุ้ยมา มีผู้คนไม่น้อยที่คิดว่า ฉันเป็นคนบ้า มีเพียงนายเท่านั้น ที่ดูฉันเดินไปด้วย พร้อมกับ พยักหน้า คาดว่าคงค้นพบความลับค่ายวิหาร 8 ทิศนี้ของฉัน แล้วสินะ”

“เพื่อตอบสนองน้ำใจซึ่งกันและกัน ฉันขอแจ้งข่าวดีระดับโลก ให้นายเรื่องหนึ่ง ฉันจางซานเฟิงเดินทางไปทั่วสารทิศ ตรวจดวงดูฮวงจุ้ย หลายปีมานี้ฉันได้ค้นพบสถานที่ที่เป็นสุดยอดฮวงจุ้ยที่

หนึ่ง ในศาสตร์ฮวงจุ้ยของเราเรียกมันว่าสุดยอดสุสานที่เตรียม

ไว้ก่อนตาย ด้านซ้ายเป็นมังกรเขียว ด้านขวาคือพญาเสือโคร่ง

ขาว ด้านหลังมีหุบเขา ด้านหน้ามีน้ำไหล หากฝั่งบรรพบุรุษลงไป

ในสถานที่แห่งนี้ รับรองว่าลูกหลานของนายจะเจริญรุ่งเรือง และ

ไม่แน่วันหนึ่งอาจจะได้ขึ้นนั่งตำแหน่งใหญ่ก็ได้

ผู้ซึ่งเรียกตัวเองว่าจางซานเฟิงคนนี้มองหน้าหลินไปพร้อมกับ พูดอย่างเอาจริงเอาจัง บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นนั้น แฝงไปด้วยความจริงใจ

“อยู่ที่ไหน พาผมไปดูได้ไหม”หลินไปท่าทาง ใสซื่อ พยักหน้า พูดตอบ “ทั้งชีวิตนี้ฉันก็ไม่มีลูกหลานที่ไหน สถานที่สุดยอดฮวงจุ้ยแบบ

นี้ฉันก็ไม่มีโอกาสได้ใช้แล้ว คงต้องตัดใจมอบสุดยอดความ

ล้ำค่านี้ให้พ่อหนุ่มน้อยแล้วล่ะ แต่ในวงการฮวงจุ้ยของเรามีคำ

กล่าวไว้ว่า จะตรวจดวงดูฮวงจุ้ยให้คนอื่นฟรีๆไม่ได้เด็ดขาด”

จางซานเฟิงกัดฟันแน่น ก่อนจะเอ่ยต่อ”ฉันไม่ได้ต้องการเงิน เก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบแปดหยวนจากนายหรอก และไม่ ต้องการเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบแปดหยวนจากนายด้วย ต้องการ เพียงเก้าเก้าแปดจากนายเท่านั้น เพียงเท่านี้จะไปส่งสุดยอด สุสานถึงบ้านนายเลย

“สถานที่ล้ำค่าเช่นนี้ตัวนายเองก็ต้องมีบุญวาสนามากพอจึงจะ ใช้ได้ ฉันดูแล้วนายมีใบหูใหญ่แนบเนื้อ ต้องเป็นคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่แน่ๆ โดยเฉพาะทรงคิ้วของนายนั้นไม่ธรรมดาเลย ดู แล้วก็รู้สึกว่าเป็นคนมีอำนาจไม่ธรรมดา

“ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ดาวจื่อเวยเหมือนผู้อาวุโสทั้งหลายในจง ไห่ แต่ไม่ว่าอย่างไรดวงชะตาทั้งชีวิตของนายต้องเหนือมนุษย์ทั่ว ไปแน่ๆ พูดถึงตรงนี้ พ่อหนุ่มน้อยนายห้ามลังเลเด็ดขาดนะ นี่คือ เรื่องที่เกี่ยวกับบุญบารมีตลอดทั้งชีวิตของนายเชียวนะ เพียงเก้า เก้าแปดเท่านั้น ทั่วโลกหล้านี้ จะมีข่าวดีขนาดนี้ที่ไหนอีก”จาง ซานเฟิงมองหน้าหลินไปพลางพยักหน้าหมึกๆ พูดด้วยใบหน้ายิ้ม แย้มแจ่มใส

หลินไปฝืนกลั้นความรู้สึกนึกในใจไว้ ยังคงรักษาสภาพการ เป็นผู้ฟังที่ดี

จางซานเฟิงเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของหลินไป กดเสียงต่ำลง เอ่ย พูดต่ออย่างลึกลับ “พ่อหนุ่มน้อย ที่ฉันให้นายลงทุนไปมากขนาด นี้ ก็เพราะเห็นว่ากระดูกของนายวิเศษมาก ดูจากศาสตร์วิชา กระดูกของฉันแล้ว ดวงของนายคือดวงมังกรที่มีเพียงหนึ่งใน หมิ่นเชียวนะ”

“ถึงแม้ว่าฉันเผยความลับแห่งสวรรค์มากเกินไปจนเหลือ อายุขัยไม่มากแล้ว แต่ยังคงคาดหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้เป็น อำนาจของโก๋อ พ่อหนุ่มน้อยถ้านายรู้สึกว่าเก้าเก้าแปดมันมาก เกินไป งั้นเราเลือกเลขมงคล เป็นหกหกหกก็ได้นะ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขาก็แดงระรื่นขึ้นมาเล็กน้อยหากแต่น่าเสียดายที่ผิวของเขาคล้ำเกินไป จึงแอบมีความคล้าย มะเขือยาว

เมื่อหลินไปฟังมาจนถึงตรงนี้ ก็รีบค้นกระเป๋าตัวเอง ท่าทาง ราวกับจะควักเงินออกมาซื้อสถานที่สุดยอดฮวงจุ้ยนี้ คลำหาไป ด้วย พร้อมกับเอ่ยพูดไปด้วย “ตอนที่ผมมาเมืองจินกัน อาจารย์ ก็ได้บอกผมแล้ว ว่าการเดินทางของผมในครั้งนี้จะได้พบผู้มีบุญ หนักศักดิ์ใหญ่ เห็นทีคุณก็คงเป็นคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่คนนั้น เพียงแต่หกหกหกมันแพงเกินไป ผมไม่มีเงินติดตัวมากขนาดนั้น คงให้ได้เป็นพิธีเท่านั้น คุณอย่ารังเกียจว่าน้อยเกินไปเลยนะ ครับ”

จางซานเฟิงตาลุกวาวขึ้นมา ตัวสั่นไปทั้งร่างสีหน้าท่าทางตื่น เต้นสุดๆ

สุดท้ายหลินไปพยุงผู้เฒ่าให้ลุกขึ้น จากนั้นค้นกระเป๋าเสื้อผ้า ทั้งหมดของตัวเอง ค้นเหรียญห้าเจี้ยวออกมาเหรียญหนึ่ง ยื่นให้ จางซานเฟิงที่เต็มไปด้วยความมึนงงด้วยความเคารพ พร้อมกับ เอ่ยขึ้น “ศิษย์พี่ครับ เศษเงินบนตัวศิษย์น้องมีเพียงเท่านี้ ต้อง ขออภัยด้วย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ