สุดยอดหมอดู

บทที่ 8 ลงเขา



บทที่ 8 ลงเขา

เพียงคนเดียว ๆ หมู่บ้านที่อยู่ข้างล่างเขาเหมาซานก็ดูผิด ปกติไป เหมือนว่าเช้านี้เด็กๆกลุ่มนั้นจะเงียบผิดปกติ กลับไม่มี ใครโหวกเหวกโวยวายว่าจะลงไปเล่นน้ำจับปลา และไม่มีร้อง ห่มร้องไห้ว่าจะขึ้นเขาไปหาหัวหน้าของพวกเขา

ทั้งหมู่บ้านปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่แปลกประหลาด แต่ ทว่าเพียงชั่วครู่ ในหมู่บ้านก็เกิดเสียงด่าทอตั้งขึ้นมากมาย

“ไอ้มังกรขาวตัวน้อยไอ้ชั่ว ทำไมฆ่าไก่ตัวผู้ที่ขันแล้วของฉันอีก แล้ว แกจะกินก็กินตัวเมีย ถ้าไม่ฆ่าไก่ตัวผู้ไข่ไก่ที่แม่ไก่ออกไว้ก็ ยังสามารถฟักลูกไก่ได้ แกทำแบบนี้ ถ้าพวกแม่ไก่หิวขึ้นมาจะทำ อย่างไร”

“ไอ้มังกรขาวตัวน้อยไอ้บ้า นายปีนกำแพงมาแอบดูฉันอาบน้ำ แล้วทำไมไม่รู้จักเข้ามาดูดวงทั้งร่างให้ฉัน นายจากไปคราวนี้ก็ ไม่รู้ว่าจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ถ้าเค้าคิดถึงนายขึ้นมาจะทำ อย่างไร”

“หัวหน้า เดินทางปลอดภัยนะครับ พี่กลับมาแล้วเราไปย่างไก่ กินกันบนเขาอีกนะครับ

ไม่ต้องพูดอะไรมาก นี่ก็คือกลุ่มคนสามประเภทนั้นที่ทักทาย หลินไปตอนที่เขาเดินเข้าหมู่บ้านมา สะพายกระเป๋าเป้ไว้บนหลัง ใบหนึ่ง เมื่อเดินไปถึงทางโค้ง หลินไปก็หันหน้ามายิ้มแฉ่งพร้อม ตะโกนขึ้นว่า “คีรีไม่แปร สายธารไม่นิ่ง เตรียมไก่ย่างและเหล้าขั้นยอดไว้ให้ฉันด้วย ฉันมังกรขาวตัวน้อย จะกลับมาอีกแน่นอน”

ปากนั้นยังคงพูดอยู่ ทว่าฝีเท้าของหลินไปกลับเร็วยิ่งขึ้น คน ในแถบเขาเหมาซานนี้ เรื่องอื่นไม่มีอะไรดีหรอก แต่เรื่อง ฝีเท้าถือว่าใช้ได้เลยล่ะ หากพวกเขาตามมาแก้แค้นเรื่องเมื่อวาน จริงๆ หลินไปต้องแยกไม่ออกแน่ๆว่าเท้าใครเป็นเท้าใคร

“นักพรตน้อยลงเขาไปเที่ยวระเหเร่ร่อนในโลกกว้าง นักพรต เฒ่าบนภูเขาฝากฝังไว้ หญิงสาวในโลกกว้างนั้นดีงาม เมื่อพบ แล้วต้องรีบพากลับมา เดินผ่านหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า นักพรต น้อยแอบคำนึงภายในใจ หญิงเอ๋ยหญิงสาว หญิงงามเอยใยยัง ไม่มา

หลินไปฮัมเพลงไปด้วย พลางส่งสายตาสำรวจนักท่องเที่ยวที่ ไปกราบไหว้เสี่ยงทายกันที่เขาเหมาซาน เขาหมาซานเป็นสถาน ที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของประเทศจีน มีนักท่องเที่ยวไปๆมาๆไม่ขาด สาย ซึ่งในนั้นก็มีสาวสวยไม่น้อยเลยทีเดียว เพียงแต่เพลงนี้มัน ไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆ ทันทีที่ออกจากปากเขา ก็มีสายตามอง บนใส่เขามากมาย

“เซราะกราวจริงๆ ไม่อธิบายหรือ ”

ทันทีที่บทเพลงนี้ของหลินไปดังขึ้น นักท่องเที่ยวที่อยู่ข้างล่าง ภูเขาพวกนั้นที่ถูกศัพท์สแลงในอินเทอร์เน็ตครอบงำ ต่างถูก บทเพลงของหลินไปฟาดเปรี้ยงเข้าจนกรอบนอกนุ่มในไปเลย

สภาพของหลินไปในวันนี้น่าสมเพชสุดๆ ชุดที่สวมใส่ไม่ได้ซัก มาเป็นอาทิตย์ ขณะนี้แข็งโป๊ะจนกลายเป็นก้อนอิฐแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผมยาวดำแซมขาวนั้น ไม่มีความพลิ้วไหวใดๆอีก ท่าทางการผ่านโลกมาอย่างโชกโชนที่หลินไปภาคภูมิใจก็ไม่มี อีกแล้ว บวกกับกระเป๋าผ้าสีน้ำเงินใบนั้นที่เขาแบกไว้กลางหลัง ยิ่งเหมือนคนใช้แรงงานแบกอิฐในเมืองไม่มีผิด

คนสารรูปเซราะกาวแบบนี้ จะทำให้พวกสาวๆที่ขึ้นมาดูดวง เสี่ยงทายว่าจะพบคู่แท้สูงหล่อรวยของตนเมื่อไหร่ ใจเต้นได้ อย่างไรกัน

“อุวะ บังอาจดูถูกฉันงั้นหรือ ฉันจะแลกธนบัตรเป็นเหรียญเขวี้ ยงพวกแก ให้ตายไปเลย”หลินไปบ่นพึมพำประโยคหนึ่ง พลาง ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าอย่างเคยชิน แต่กลับว่างเปล่าไม่มีอะไร เลย เขาค้นกระเป๋าทั้งหมดบนร่างกายจนทั่วแล้ว ทว่ากลับพบ เศษเหรียญห้าเหมาเพียงเหรียญเดียว

หลินไปชะงักงันไป ตอนที่เขาขึ้นเขาไป ก็มีเงินติดตัวมาพอ สมควร ถึงแม้จะไม่ได้มากมายจนสามารถอุดปากคนพวกนั้นได้ และก็เพียงพอที่จะทำให้เขายืนยันในความสูงหล่อรวยของ ตนเองได้ แต่ตอนนี้เงินพวกนี้หายไปไหนหมด

มองดูเหรียญห้าเหมาที่อยู่ในมือ ในที่สุดหลินไปก็เข้าใจแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้น บนโลกใบนี้นอกจากศิษย์พี่ของเขาที่กอดขาเขา ร้องห่มร้องไห้อยู่ในสถานีขนส่งแล้ว จะมีใครที่โชคดีและทำได้ แนบเนียนขนาดนี้ สามารถเอาเงินของตนไปจากกระเป๋าได้อีก

“เหี้ย ล่าเหยี่ยวทุกวัน แต่กลับถูกเหยี่ยวจิกตาจนตาบอดจนได้ จางซานเฟิงไอ้ชั่วเอ้ย ทำไมเอาเงินฉันไปเกลี้ยงแบบนี้ แม่งเหลือค่ารถให้ฉันหน่อยก็ยังดี จะฆ่ากันหรือไงเนี่ย” แม้ว่าในปาก จะพูดแบบนี้ แต่ทว่าบนใบหน้าของหลินไปไม่มีท่าทีของความ โมโหเลยแม้แต่น้อย

เงินหาใหม่ได้นินา แต่ศิษย์พี่อยู่บนภูเขา อีกอย่างธูปเทียนใน ศาลเจ้เก่าแก่ทรุดโทรมแห่งนั้น ภายใต้การบริหารจัดการตลอด หลายปีมานี้ของนักบวชเฒ่าหลี่เทียนหยวน ก็แทบจะไม่เหลือ แล้ว เก็บเงินไว้ให้ศิษย์ได้พอประทังชีวิต ก็เป็นเรื่องที่สมควร อยู่แล้ว

“เทพสยบมาร ใครกำลังสาปแช่งฉันอยู่เนี่ย….”ๆจางซานเฟ งก็ทําสงครามเย็นขึ้นมา ทว่าวินาทีต่อมาเขาก็เหมือนได้เข้าใจ อะไรบางอย่าง ตบท้องตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มแฉ่งและพูดขึ้น เพียงลำพัง

“ศิษย์น้อง นายลงไปเสวยสุขในโลกคาวโลกีย์ ศิษย์พี่หยิบ เศษเงินเล็กๆน้อยๆมาจากนายก็คงไม่เป็นไรเนาะ ออกไปแล้วสา ว หาสาวก้นสะบึมคนหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้เงินบ้าง ศิษย์น้องก็คง ไม่โทษพี่หรอกเนาะ

พอคิดไปคิดมา นอกจากหาเงินค่าเดินทางโดยการดูดวงข้าง ทางหรือไม่ก็ไปทำพิธีให้คนอื่นแล้ว ก็ไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่านี้แล้ว นี่ ก็เป็นวิธีการหนึ่งในการทำในการเอาตัวรอดโลกกว้าง ตอนนั้น ตอนที่หลินไปลงเขามาใหม่ๆ ได้ทํามาหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีพวกนี้ มาไม่น้อย เพียงแต่เมื่อทำธุรกิจจนใหญ่โตแล้ว ก็ไม่ได้ใช้วิธีการ พวกนี้ในการทํามาหาเลี้ยงชีพอีก
เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่หลินไปกับจางซานเฟิงขึ้นเขา พบ ครอบครัวหนึ่งที่กำลังร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าในงานฌาปนกิจ พอดี วันนี้ครบเจ็ดวัน และเป็นวันที่เจ็ดแรกพอดี ตามหลักแล้ว ต้องทำพิธีเพื่อส่งดวงวิญญาณ

ที่อื่นเวลาทำพิธีส่งดวงวิญญาณ โดยทั่วไปจะเชิญพระสงฆ์เป็น ส่วนใหญ่ แต่ในเขาเหมาซานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เวลาทํา พิธีเช่นนี้จะเชิญนักบวชเท่านั้น เพื่อนๆบางคนอาจไม่เข้าใจเรื่อง การส่งดวงวิญญาณเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ไม่ใช่หรือ นักบวช มาร่วมแจมด้วยงั้นหรือ นี่ก็ถือเป็นการยังไม่เข้าเรื่องน่ะสิ

อันที่จริง ในลัทธิเต๋าก็มีคัมภีร์สำหรับส่งดวงวิญญาณจริงๆ อย่างเช่นพวกคัมภีร์ทานตะวันที่เรียกสั้นๆว่าคัมภีร์วิเศษ ล้วน เป็นการส่งดวงวิญญาณให้หลุดพ้น ในชาติภพหน้าไม่มียาก ลำบากต่างๆอีก เป็นคัมภีร์ที่สามารถทำให้ได้รับความสุข สําราญ

ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้ไม่ได้ใช้ศาสตร์วิชาทางด้านนี้ แต่สำหรับ เครื่องแต่งกายชุดหนึ่งในกระเป๋าของหลินไปก็มีเตรียมเอาไว้ เหมือนกัน หาลำธารสายหนึ่งบนภูเขา อาบน้ำทำความสะอาด ให้พองาม รวบผมหางม้าหงอกอย่างลวกๆ และเปลี่ยนเป็นชุด คลุมนักบวชเต๋าสีน้ำเงิน ท่าทางดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว บวกกับรูป ลักษณ์ที่โดดเด่นของหลินไป บัดนี้ดูบริสุทธิ์สะอาดสะอ้านไม่น้อย เลย

หลังจากที่แต่งตัวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางลงเขา สายตาของสาวๆที่มาขอพรเรื่องคู่ครองมองหลินไปก็ดูแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ไม่น้อย

“เทพสยบมาร แม้นหญิงสาวจะงาม แต่ปากท้องสำคัญที่สุด นักพรตผู้ยากจนขอไปทำพิธีนั้นก่อนปากของหลินไปก็พูดไป ด้วย พลางฝีเท้าของเขาก็เร็วขึ้นไม่น้อย ทว่าสายตากลับไม่เคย หยุดนิ่ง สาวๆที่เดินผ่านไปมาตลอดทางถูกเขาแอบประเมินใน ใจไปไม่น้อย

ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่อยู่ข้างล่างเขาเหมาซานค่อน ข้างยากไร้ แต่หลังจากทำการปฏิวัติแล้ว การควบคุมเกี่ยวกับ เรื่องไสยศาสตร์ก็ผ่อนปรนลงมาก เขาเหมาซานมีทัศนียภาพที่ สวยงาม ยิ่งหลายปีมานี้ได้ทำการบุกเบิก ความงดงามของ ธรรมชาติได้ดึงดูดผู้คนมาท่องเที่ยวไม่น้อยเลย

นําโบราณกล่าวได้ดีมาก เมื่อเปิดถนนหนทาง เงินทองก็จะ ไหลมาเทมา ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าง ล่างเขาเหมาซานก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมามาก ในแต่ละวันต่างก็มี ผู้คนเต็มล้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงช่วงเทศกาลต่างๆ ผู้คน ต่างเดินซนไหล่กันเลย

เมื่อมาถึงข้างล่างเขาเหมาซาน หลินไปจึงพบว่า คนอาชีพ เดียวกันกับตน ในที่นี่มีไม่น้อยเลยทีเดียว

แผงดูดวงอยู่ติดกันเป็นแถว แต่ต่างเขียนไว้ว่า ทำนายแม่นยำ ซื่อตรงไว้ใจได้ หลินไปเห็นดังนั้นแล้วแทบจะหน้าซีด ถึงแม้ว่าตน จะเป็นมังกรขาวตัวน้อย ในคลื่น แต่ชื่อเสียงในวงสังคมยังไม่เป็น ที่รู้จักนัก แต่ช่วยไม่ได้มีเนื้อน้อยแต่มีหมาป่ามาก หากงานนี้ถูกคนพวกนี้แย่งตัดหน้าไป งั้นเรื่องค่ารถสำหรับเดินทางกลับบ้าน ของตนต้องแย่แน่ๆ

เขาตรงดิ่งไปยังหน้าบ้านที่มีงานศพนั้น บ้านหลังนี้เป็นตึก ขนาดเล็กจํานวนสามชั้นตึกหนึ่ง ด้านบนปลูกเต็มไปด้วยต้นตีน ตุ๊กแก ในฤดูร้อนเช่นนี้ดูแล้วเขียวชอุ่ม สายงามมาก ตรงหน้า ประตูมีสิงโตหินอ่อนนั่งอยู่สองตัว ดูออกว่าฐานะครอบครัวไม่ เลวนัก แต่ทั้งๆที่เป็นวันครบรอบเจ็ดวัน ทว่ากลับปิดประตูสนิท ไม่มีแขกเหรื่อมาแสดงความเสียใจแม้แต่คนเดียว พิลึกแท้

และในขณะที่หลินไปกำลังคิดจะไปเคาะประตูนั้น ๆ ประตู ใหญ่ก็ถูกเปิดออก จากนั้นก็มีนักบวชคนหนึ่งที่สวมชุดนักบวช เต๋าสีน้ำเงินถูกโยนออกมาจากด้านใน เป็นการโยนออกมาจริงๆ เพราะเขาถูกจับโยนออกมาจากในบ้านราวกับลูกบอลลูกหนึ่ง หลินไปจ้องมองอย่างตะลึงงัน ตาค้างไปเลย ในการประกอบพิธี เหมือนว่าจะไม่มีขั้นตอนนี้นะ

“ถ้าไม่มีฝีมือจริงๆก็อย่ามาแตะต้องเพชรนี้ หากทำให้อาการ ป่วยของหลานฉันแย่ลง ฉันทุบแกตายคาไม้เท้าแน่

มีเสียงครามชราดังออกมาจากภายในบ้าน ตามด้วยชาย ชราที่ขาวโพลนไปทั้งผมคิ้วหนวดเคราคนหนึ่งเดินออกมา แม้ว่า จะมีอายุมากแล้ว ทว่ากลับแข็งแรงมาก ถือไม้เท้าไว้วิ่งไล่ตาม ออกมาตลอดทาง แม่งเอ้ย นักพรตบนเขาเหมาซานตายกันหมด แล้วหรืออย่างไร หาคนขับวิญญาณชั่ว แม่ง จ่ายไปตั้งเยอะ แต่ แกกลับเรียกมันออกมา ทำให้หลานชายของฉันตกอกตกใจหมด ”
พอเอะอะโวยวายอยู่อย่างนี้สักพัก ก็มีคนมามุมดูหน้าตึกไม่ น้อย ทว่าสายตาที่คนพวกนี้มองคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ กลับไม่ใช่ ความสงสารหรือเห็นใจ หากแต่เป็นความดีอกดีใจที่เห็นความ เดือดร้อนของพวกเขา

“พ่อคะ จัดการเตรียมงานศพให้เสียวซานด้วยเลยเถอะค่ะ ซื้อ ต่อไปแบบนี้ หาต้นตอของอาการป่วยไม่เจอสักที ถึงตอนนั้นถ้า เราไม่ได้เตรียมการอะไรไว้เลย ก็ไม่ใช่เรื่องนะคะ…”มีผู้หญิง อายุราวสามสิบกว่าๆคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้าน กำแขนผู้เฒ่า ไว้ ขยี้ตาเล็กน้อย เอ่ยทั้งคราบน้ำตา

ผู้เฒ่ากัดกล้องสูบบุหรี่ยาวไว้แน่น หลังจากดูดอย่างแรงไป สองที ก็ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง โยนไม้เท้าออกมาด้านนอก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เตรียมงานศพให้เสี่ยวซานตามที่เธอว่าละกัน คน โตไม่อยู่แล้ว ตอนนี้เสียวซานก็มาเป็นแบบนี้อีก ซิ่วเอ๋อ เธอต้อง รักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีนะ เขาเหมาซานเอ๋ยเขาเหมาซาน จนป่านนี้แล้ว ทำไมถึงไม่มีนักพรตที่สามารถขับวิญญาณชั่วได้ แม้แต่คนเดียว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ