สุดยอดหมอดู

บทที่ 10 ขับไล่วิญญาณชั่ว (สอง)



บทที่ 10 ขับไล่วิญญาณชั่ว (สอง)

ควันหนานอกบ้านค่อยๆลอยเข้ามา ทิศทางการเงินของหลินไป คือเดินขึ้นไปชั้นบน เดินขึ้นตึกไปด้วย พลางในใจก็ครุ่นคิดเรื่อง ดวงตาของตนเอง เดิมที่ว่ากันว่าการที่สามารถมองเห็นสิ่งไม่ สะอาดพวกนี้ มักจะเกิดกับคนที่เกิดปีหยินเดือนหยินวันหยินหรือ กับเด็กที่อายุไม่ถึงสามขวบ คนพวกนี้พลังงานหยางอ่อน จะ สัมผัสต่อพลังงานหยินได้มากกว่าคนทั่วไป

แต่ว่าตาของตนเป็นอะไรไป พอคิดไปคิดมา หลินไปนึกถึง ความเป็นไปได้ได้เพียงข้อเดียว ก็คือสมบัติลับตำราโบราณเล่ม นั้น คงเป็นสมบัติลับนั้นที่เปิดดวงตาสวรรค์ของเขา ทำให้ สามารถมองเห็นวิญญาณชั่วพวกนั้น

เพียงไม่นานก็มาถึงชั้นสามแล้ว ทันทีที่มายืนอยู่หน้าบันได หลินไปก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นทั่วร่าง เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นนี้ หลิน ไปก็ยิ้มขมขื่นขึ้นบนมุมปาก ไม่น่าล่ะลูกชายและลูกสะใภ้ของเจิ้ง หยวนจะนอนที่ชั้นสามนี้ ที่นี่เย็นกว่าชั้นล่างมากจริงๆ

เมื่อเดินมาถึงหน้าต่างตรงมุมบันได หลินไปหยุดฝีเท้าลง และ มองลงไปจากหน้าต่าง ซึ่งประจวบกับตำแหน่งของต้นไม้คอเอียง ในสวนต้นนั้นพอดี ต้นไม้คอเอียงต้นนี้ขึ้นได้ดกดีมาก กิ่งก้านที่ งอกออกไปคดเคี้ยวแผ่กระจายไปทั่ว ซึ่งได้บังประตูบ้านข้างๆ ของเจิ้งหยวนไว้พอดี

เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ หลินไปขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับมองลงไปด้านล่างต่อ มีร่องน้ำเน่าอยู่สายหนึ่ง มองขึ้นไปจากร่องน้ำ เท่านั้นถือว่ายังใสสะอาดอยู่บ้าง แต่เมื่อมาถึงบ้านของเจิ้งหยวน พวกเขาได้ระบายของเสียในห้องน้ำของตระกูลเจิ้งลงไป ในร่อง น้ำที่เดิมทีใสสะอาดจึงเต็มไปด้วยของสกปรกเน่าเสียมากมาย ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวนี้ยังมีกลิ่นเหม็นฉุนฟุ้งกระจายออก ไปด้านนอก

หลังจากที่เจิ้งหยวนซึ่งอยู่ข้างล่างจุดต้นอ้ายแล้ว ก็รีบวิ่งขึ้นมา อย่างร้อนรน คำนับทําความเคารพก่อน จากนั้นค่อยถาม ขึ้น ท่านนักพรต ท่านเห็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของผมเกิด เรื่องราวมากมายพวกนี้หรือยังครับ”

“ท่านผู้เฒ่า คิดว่าครอบครัวของท่านคงทะเลาะกับเพื่อนข้าง บ้าน เพราะกิ่งก้านที่งอกออกไปของต้นไม้คอเอียงต้นนั้นไม่น้อย

เจิ้งหยวนดวงหน้าแดงก่ำ ได้แต่พยักหน้าหงิกๆ ไม่พูดไม่จา หลินไปส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปยังสายน้ำเน่าข้างล่าง สายนั้น เอ่ยขึ้นเสียงเบา ร่องน้ำสายนี้ก็คงมีปัญหาไม่น้อยเช่น กันสินะ”

ใบหน้าของเจิ้งหยวนแดงระเรื่อมากยิ่งขึ้น แทบอยากจะให้พื้น ดินแยกออกและกระโดดลงไปจริงๆ

“ท่านผู้เฒ่า ฉันขอพูดตรงๆนะ เรื่องนี้ท่านทำไม่ค่อยถูกนะ ดู เหมือนเป็นประโยชน์ต่อตนเองเบียดเบียนผู้อื่น แต่ความจริงแล้ว ท่านได้ฝังตัวเองเข้าไปในหลุมแล้ว” หลินไปเอ่ยอย่างทอดถอนใจ

เจิ้งหยวนแดงไปหมดทั้งใบหน้าและลำคอ นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเอ่ยถามขึ้น ท่านนักพรต ท่านหมายความว่าที่ ครอบครัวของผมเกิดเรื่องราวมากมายขนาดนี้ขึ้น ก็เพราะต้นไม้ คอเอียงต้นนั้นกับร่องน้ำเน่าสายนี้อย่างนั้นหรือ “

“ใช่แล้ว ต้นไม้คอเอียงต้นนั้นดูไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้ว เป็นตำแหน่งประตูชีวิตของสวนนี้ และตำแหน่งเป็นทางรอดด้วย เพราะฉะนั้นดวงชะตาครอบครัวของท่านจึงถือว่ายังพอใช้ได้ เพียงแต่มองอกไปงอกมามันออกนอกกรอบเกินไป และถึงขั้นไป บังประตูของบ้านอื่น กลายเป็นประตูตายของครอบครัวอื่น นี่ เป็นการทําผิดในสิ่งที่ถือ ประตูชีวิตได้รับกลิ่นอายของประตูตาย มา เพราะฉะนั้นกรรมจึงมาตามสนอง”หลินไปเหลือบมองสีหน้า บนใบหน้าเจิ้งหยวนแว็บหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น

หลินไปเอ่ยต่อเสียงเรียบส่วนร่องน้ำเน่าสายนี้ ฮวงจุ้ยบ้าน ของท่านถือว่าดีมาก หากมีสายน้ำดีสายหนึ่งมาประกอบ ชีวิต ครอบครัวของท่านจะรุ่งเรืองสุดๆ เพียงแต่ท่านระบายของเสีย พวกนี้ลงไปในแม่น้ำ ทำให้สายน้ำเป็นมลภาวะ และทำให้ฮวง จุ้ยบ้านของท่านเป็นมลทินด้วย ฮวงจุ้ยที่ดีในตอนแรกได้ถูกพวก ท่านทําลายเองจนสิ้น”

คำพูดพวกนี้ของหลินไปถึงแม้ว่าจะเป็นการเตือนเจิ้งหยวนว่า ทำอะไรก็เหลือช่องว่างให้คนอื่นบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้พูดมั่วนะ เดิม ทีฮวงจุ้ยของบ้านหลังนี้เป็นการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ ครอบครัวจริงๆ แต่เมื่อเจิ้งหยวนทำแบบนี้ ประตูชีวิตได้ติดกลิ่นอายพลังงานหยินมีปัจจัยในการดำรงได้ หากปล่อยอย่างนาน วันเข้า มีผลกระทบอย่างยิ่งต่อประสาทผู้คนจริง

เมื่อหยวนฟังพูดของหลินไป ก็ถอนหายใจ ออกเฮือกหนึ่งก่อนจะพยักหน้า มันเป็นเช่นนี้ต้องสงสัย ตั้งเปลี่ยนจากบ้านชั้นเดียวเป็นสามชั้น ตอนแรกอย่างในบ้านยังราบรื่นดี ชายยังคงหน้าที่ เขาเก็บสมุนไพรเขาเดิม ลูกสะใภ้เป็นแม่บ้านแม่อยู่ทั้งครอบครัวก็อยู่กันอย่างความสุขดี

แต่เพียงนาน หลังจากปากเสียงตระกูลเจิ้งผู้คน โดยรอบเริ่มเยอะขึ้น เรื่องแย่ภายในครอบครัวเกิดขึ้น ติดต่อกันเรื่องแล้วเรื่องเล่า และก่อนหน้าแม้เจิ้งหยวนเองเคยนอนโรงพยาบาลมาครั้งหนึ่งเช่นกัน เกือบเพียงไม่นานนั้น ตอนลูกชายของขึ้นเขาเกิด เคราะห์ร้ายขึ้น ถึงเสียชีวิตไปเลย และจากนั้น เสี่ยวซาน ทายาทเพียงเดียวของตระกูลก็เป็นสูงและสติไป

เคราะห์ซ้ำกรรมระลอกแล้วระลอกเหล่านี้ทำให้เจิ้ง หยวนเจ็บปวดเหลือเกิน พูดพวกของหลินไปในขณะนี้เป็น เหมือนฟางเส้นสุดท้าย ความหวังแห่งการชีวิตรอด

ท่านพรต ผมขอร้องล่ะ ช่วยบอกแนวทางแก้ไขแก่ผมด้วย เถอะ จะจัดการเดี๋ยวเลย”
เจิ้งหยวนพูดพร้อมกับจะคุกเข่าลงอีก หลินไปรีบคว้าเอาไว้ ถูก คนอายุมากขนาดนี้คุกเข่าไปคุกเข่ามา ถือเป็นการตัดอายุขัย หลินไปยังอยากมีอายุยืนยาวเป็นร้อยๆปี รับกับคุกเข่าต่อไป แบบนี้ไม่ไหวจริงๆ

“เปลี่ยนท่อระบายน้ำเสียของครอบครัวท่าน ไปทางพื้นที่ รกร้างทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จำไว้คูน้ำชลประทานต้องทำ ท่อระบายน้ำปูนซีเมนต์ให้เรียบร้อย อย่าให้มลภาวะเหม็นเน่า พวกนี้ไหลเข้าไปในแม่น้ำสายนี้เด็ดขาด น้ำนั้นคือทรัพย์ ต้อง ไหลเวียนจึงจะมี หากเหม็นเน่าเป็นมลภาวะก็จะไม่มีอีก และ ต้นไม้คอเอียงต้นนั้น ใช้โอกาสในเวลาเที่ยงตรงตอนที่มี พลังงานหยางสูงสุด ตัดกิ่งไม้กิ่งนั้นที่ขวางประตูไว้ก็พอแล้ว ทำ เช่นนี้รับรองว่าครอบครัวของท่านจะไม่มีข้อห้ามใดๆทั้งสิ้นอีก

“เช่นนี้ หลานชายของพวกท่านเมื่อได้รับการดูแลรักษาดีๆ อาการก็จะดีขึ้น เอาล่ะ ฉันขอลาก่อนนะ”เมื่อหลินไปทำพิธีม ค่านับแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ด้วยท่วงท่าสงบไร้ราศี ราวกับ นักพรตที่สันโดษทัศนาจรไปทั่วไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของชาวโลก

“ท่านนักพรต ยังมีเรื่องวิญญาณชั่วนั่นอีกไม่ใช่หรือครับ ทางที่ ดีขจัดให้สิ้นไปพร้อมกันเลย”เจิ้งหยวนดึงชายเสื้อของหลินไปไว้ แน่น ไม่ยอมปล่อยให้หลินไปออกจากประตูบ้านไป

“พ่อคะ เสี่ยวซานตื่นขึ้นกินโจ๊กและหลับไปแล้วค่ะ ท่าน นักพรตช่างเป็นเทวดาจริงๆ พ่อรีบขอบคุณเขาสิคะ ขณะที่ทั้ง สองกำลังฉุดรั้งกันอยู่นั้น อยู่ๆก็มีเสียงจิ๋วเอ๋อดังขึ้นมาจากด้าน นอก
ทันทีที่ได้ยินค่าเหล่านี้ เจิ้งหยวนก็ดีใจจนน้ำตาไหลอาบแก้ม ทิ้งตัวคุกเข่าลง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ท่าน ผมขอร้องล่ะ ช่วยครอบครัวผมด้วยเถอะ ผมทนไม่ได้จริงๆ ที่จะให้หลานชาย ตัวน้อยของผมทรมานอีก ท่านมีเรื่องอะไรท่านก็พูดมาเถอะ ต่อ ให้ต้องขึ้นภูเขามืดลงทะเลไฟผมก็จะไปทำเพื่อท่าน

“ไม่ต้องขึ้นภูเขามีดลงทะเลไฟอะไรหรอก….หลังจากที่หลิน

ไปนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นมองตรงไปยังเจิ้งหยวน พร้อม

กับเอ่ยขึ้น “พูดตามตรงนะ ศาลเจ้าบนเขาของฉันถูกพายุฝนเมื่อ

ไม่กี่วันก่อนซัดจนเสียหายไปบางส่วน ฉันทนไม่ได้จริงๆที่จะให้

เหล่านักพรตตากลมตากฝน จึงได้อาสาลงมารวบรวมเงินบริจาค

จํานวนหนึ่ง เพื่อใช้ในการซ่อมแซมศาลเจ้า เพียงแต่…..

“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาครับ ขอเพียงท่านไม่ไป ต้องใช้เงินในการ ซ่อมแซมศาลเจ้าของพวกท่านเท่าไหร่ ผมขอรับผิดชอบทั้งหมด เจิ้งหยวนตบอกตัวเองเสียงดังลั่น

หลินไปนึกดีใจ ทว่ากลับขมวดคิ้วแน่นแบบนี้ เกรงว่าจะไม่ ค่อยดีมั้ง….”

“มีอะไรไม่ดีกันครับ นี่ผมก็กำลังทำการกุศลอยู่ ท่านจะไปหา ใครถ้าไม่ใช่ผม ให้ผมทำจะสะดวกกว่านะครับ การซ่อมแซม ศาลเจ้าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ผมจะไปถอนเงินหนึ่งหมื่นหยวนมาให้ ท่าน ท่านช่วยผมขจัดวิญญาณชั่วตัวนั้นให้ผมที่นี่ก่อน ท่านว่าดี ไหมครับ”เจิ้งหยวนเห็นหลินไปยังคงนิ่งเงียบอยู่ จึงรีบเอ่ยพูดขึ้น

เมื่อเห็นเจิ้งหยวนใจถึงและรวดเร็วขนาดนี้ หลินไปก็เบาใจขึ้นมาไม่น้อยก็ได้ งั้นฉันขออุทิศส่วนกุศลครั้งใหญ่นี้แก่ท่าน วิญญาณชั่วในบ้านของท่านยังไม่ถูกขจัดออกไป ฉันจากไปก็ไม่ สบายใจเหมือนกัน…..”

หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หลินไปได้จุดธูปสามดอก จากนั่นนั่งขัดสมาธิ ไม่ได้ทำตามเหล่านักพรตที่ทัศนาจรจับภูตผี ปีศาจ แต่กลับท่องคาถาคัมภีร์อยู่อย่างเงียบๆ จนเจิ้งหยวนแอบ ชื่นชม ในใจไม่ขาดปาก : นักพรตแท้ก็คือนักพรตแท้ ทำอะไรก็ไม่ เหมือนคนอื่น

เห็นท่าทางเช่นนี้ของหลินไป เจิ้งหยวนก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจขึ้นมา กลัวเหลือเกินว่าหลินไปจะทิ้งทางนี้ไว้และจากไป จึงได้รีบออกไป ถอนเงินที่ธนาคาร

ทันทีที่เจิ้งหยวนจากไป หลินไปรู้สึกเย็นวูบขึ้นในดวงตา เงามืดที่เห็นก่อนหน้านี้ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง ทว่าครั้ง นี้กับไม่ได้หลบหลีกใดๆ และที่สำคัญรูปร่างของมันก็ยิ่งเด่นชัด ขึ้นมา หลินไปรู้สึกประหลาดใจมาก ตามหลักแล้วต่อให้เป็นการ รวมตัวกันของกลิ่นอายวิญญาณร้าย ก็ไม่น่าจะรวดเร็วขนาดนี้น นา

ไม่ทันที่เขาจะใคร่ครวญเสร็จ กลิ่นอายวิญญาณร้ายที่อยู่ตรง หน้าที่กระจายออกมา ล้อมรอบเขาไว้ด้านในราวกับกลุ่มควัน

“เหี้ย นี่มันอะไรกันเนี่ย นี่ฉันกำลังท่องคัมภีร์ส่งวิญญาณชั่ว ร้ายอยู่นะ ทำไมถึงนำไอ้นี่มาใส่ตัวได้ล่ะ”หลินไปตกตะลึง การที่ วิญญาณชั่วเข้ามาในร่างมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย ต่อไปสามารถขจิตวิญญาณชั่วออกไปได้ แต่ก็จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อการ พัฒนาวิชาในภายภาคหน้า

กลิ่นอายวิญญาณชั่วประเภทนี้ หากจะอธิบายในทาง วิทยาศาสตร์หน่อย ก็คือคลื่นคอมพิวเตอร์ที่ค่อนข้างมีความคิด อยู่ในสภาพแวดล้อมที่กำหนดไว้เป็นพิเศษ สามารถทำให้รอบๆ กลายเป็นสนามแม่เหล็ก เดิมทีโลกก็เป็นสนามแม่เหล็กหนึ่งอยู่ แล้ว หากเข้าไปในสนามแม่เหล็กเล็กที่แตกต่างจากสนามแม่ เหล็ก ใหญ่ของโลก ก็จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อร่างกาย มนุษย์

และตามหลักแล้ว อย่างมากกลุ่มควันวิญญาณชั่วพวกนี้ก็แค่ ล่องลอยเพียงชั่วคราวเท่านั้น จะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้อย่างไร

ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงกลางฤดูร้อนพอดี แสงแดดบน ท้องฟ้ากำลังเจิดจ้า ทว่าหลินไปที่อยู่บนตึกชั้นสามกลับเหมือน ตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง ขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว ความเยือกเย็น นั้นผ่านทะลุเข้าไปถึงไขกระดูก ราวกับมีดน้อยเย็นยะเยือกที่ กำลังทิ่มแทงกระดูกของเขาอยู่

“สวรรค์ไม่มีตา ผมถูกทำร้าย ต่อให้ไม่ให้ผมอายุยืนเป็นพันๆ ปี แต่อย่างน้อยๆก็น่าจะอยู่เป็นร้อยปีเหมือนตาเฒ่านนา”

หลินไปแทบอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ขณะนี้ร่างกาย ของเขาราวกับแช่แข็งไปแล้ว ขยับเขยื้อนใดๆไม่ได้เลย ได้แต่ มองกลุ่มควันมืดนอกกายกลุ่มนั้นเบาบางลงเรื่อยๆ ต่อหน้าต่อตา และเข้าสู่ร่างกายของตนมากขึ้นเรื่อยยๆ
“เรื่องที่ให้นายไปจัดการ จัดการเรียบร้อยแล้วสินะ”เฉินหล งมอง jerry ที่อยู่ตรงหน้าพร้อมเอ่ยถามเสียงเยือกเย็น

“ผมนำของที่คุณให้มาไปซ่อนไว้ตามตำแหน่งที่คุณบอก เรียบร้อยแล้วครับ และไอ้หมอนั่นก็เดินขึ้นไปแล้วด้วย” jerry ท่าทางเคารพยำเกรง ตอนนั้นบนภูเขาเขาปกป้องไม่ดีพอ ทำให้ เจ้านายตกใจจนฉี่ราด ตอนนี้ต้องแก้ตัวทำผลงานทดแทนความ ผิดพลาดหน่อย

“ทำได้ดีมาก หลินไป์ ฉันจะคอยดูสิว่าไอ้ลูกกระต่ายอย่างแก เมื่อเข้ามาในค่ายจตุโลหิตของฉันแล้วจะรอดออกไปได้อย่างไร”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ