สุดยอดหมอดู

บทที่ 6 กลัวจนฉี่ราด



บทที่ 6 กลัวจนฉี่ราด

“อ้วก!”

ทันทีที่สิ้นเสียงหลินไป เฉินหลงก็กระอักพุ่งเลือดสดออก มา ล้มลงไปกองกับพื้นทันที ใบหน้าซีดเผือคราบกับกระดาษขาว แผ่นหนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หลินไปในสายตาของเฉินหลิงในขณะนี้ ไม่ต่างอะไรจากหล เทียนหยวนที่ขับไล่เขาออกจากสำนักเทียนเซียง ในตอนนั้น ไม่ เพียงลักษณะท่าทางเท่านั้น แม้แต่ประโยคที่พูดเมื่อสักครู่นี้ก็ เหมือนกันราวกับแกะ ราวกับเห็นหลี่เทียนหยวนฟื้นขึ้นมาจาก ความตาย เฉินฉีหลิงทั้งตะลึงทั้งโกรธแค้น

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกทำเกินไปแล้วนะ วันนี้ฉันจะเอาให้ถึงที่ สุด jerry จัดการมัน แย่งสมบัติลับออกมาจากมือไอ้เด็กนั่นมา ให้ฉัน หลังจากที่เฉินหลิงพอสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ก็ส่ง สัญญาณมือ ให้ jerry ที่อยู่ด้านข้างเข้าไปแย่งสมบัติลับมา

หลินไปขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเยือกเย็น “พนันแล้ว ทำไม่ได้ก็อย่าพนัน พอแพ้ก็ทําเรื่องเลวทรามแบบนี้ เสียแรงที่ แกยังเคยเป็นคนในสำนักเรียนเชียงของเรา เห็นทีที่อาจารย์ขับ ไล่แกออกไป เป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดเลยสักนิด เพราะหากยัง เก็บแกไว้ ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสำนักเทียนเซียงต้องย่อยยับ ในมือแกแน่”

เมื่อเฉินฉีหลิงได้ยินคำพูดของหลินไปก็หัวเราะลั่นขึ้นทันทีเอ่ย”ท่ากันเกินไป แค่เศษเดนอย่างแกสองคนยังสามารถอยู่ใน สายตาของฉัน หลังจากที่ไอ้แก่หลีเทียนหยวนขับไล่ฉันออกจาก สำนักเทียนเซียงไป ฉันถึงได้รู้ว่าการอยู่บนภูเขานี่ต่อเป็นสิ่งที่ผิด พลาดมากขนาดไหน โลกคาวโลกีย์ข้างล่าง ขอเพียงมีเงินทอง มากมาย อยากทําอะไรก็ทำได้หมด

“ขอแค่ฉันแย่งสมบัติลับของสำนักเทียนเซียงของเรามาได้ และไขความลับพันปีนั้น ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ก็จะเป็นของฉัน เพื่อ สิ่งนี้ การฆ่าแกสองคน มันจะต่างอะไรจากการฆ่าหมาตัวหนึ่ง ท่าทีของเฉินหลิงเริ่มบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของเขาก็โหด เหี้ยมยิ่งขึ้น

ความลับพันปี ทุกอย่างบนโลก? หลินไปชะงักไปเล็กน้อย เห็นทีไอ้แก่นคงไม่เพียงต้องการจะมาแย่งสมบัติลับ เป็น ปรมาจารย์แห่งสำนักเทียนเซียง และสร้างเงินมากยิ่งขึ้นใน อนาคตเท่านั้น อาจารย์มีความลับอะไรที่ยังไม่ได้บอกตนอีกนั้น หรือ หรือว่าเฉินฉีหลิงมันบ้าไปแล้ว

และในชั่วขณะที่หลินไปกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น jerry ก็ได้หยิบ ปืนออกมาจากกระเป๋าแล้ว จ่อกระบอกปืนไว้กลางหน้าผากของ หลินไป กระบอกปืนที่เคลือบไว้อย่างเงางามประกายแสงระยิบ ระยับอยู่ใต้ท้องฟ้าที่สลัวๆ

บนหน้าผากของหลินไปมีเหงื่อไหลพรากๆ ตาเฒ่าช่างทำร้าย กันจริงๆ ถ้าบอกตนแต่แรกว่าเฉินหลงบ้าไปแล้ว และเตรียม การรับมือไว้สักหน่อย ก็คงจะไม่ถูกคนอื่นมาจ่อปืนใส่กลางหน้า ผากไว้แบบนี้ ตอนนี้แม้แต่ชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะรักษาไว้ได้ไหม
“เฮ้ย มีจานบินได้ไง” ๆ หลินไปก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ด้วยท่าทางตกตะลึง พร้อมกับตะโกนดังลั่นขึ้น สีหน้าท่าทาง ตะลึงสุดขีด ราวกับเห็นภาพที่เหลือเชื่อสุดๆ

สีหน้าท่าทางของหลินไปสมจริงเกินไป แม้แต่สุดยอดทหาร รับจ้างที่ได้รับการฝึกฝนมาจากโรงเรียนสุดยอดนักล่านานาชาติ ผู้เคยผ่านประสบการณ์และบททดสอบมากมายในสนามรบ อย่าง jerry ก็ถึงกับมึนไปกับสภาพนี้ของเขาเช่นกัน แต่จะโทษ jerry ก็ไม่ได้ เพราะต่อให้เปลี่ยนเป็นใคร ก็คงนึกไม่ถึงว่าคน หนึ่งที่ถูกกระบอกปืนจ่อไว้กลางหน้าผากและไม่รู้ว่าวินาทีจะเป็น หรือตาย จะเงยหน้าขึ้นและตะโกนว่ามีจานบินได้

เมื่อเห็นว่าทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถูกเสียงตะโกนของตน ดึงดูดความสนใจไปหมด หลินไปกัดฟันแน่น จ้องมองเฉินฉีหลิง ที่กำลังโมโห เนื่องจากแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วไม่พบอะไร เขากดเสียงทุ้มต่ำลง เอ่ยเสียงทุ้ม“ฉี่ราด ฉี่ราด ถูกฉันหลอกจน ตก ใจฉี่ราดเลย”

เมื่อเฉินฉีหลิงเห็นว่าตนถูกหลินไปหลอกอีกแล้ว เปลวเพลิง แห่งความโกรธในใจก็ลุกขึ้น ขบฟันแน่นตะคอกขึ้น”ไอ้เด็กเมื่อ วานซืน แกกล้ามาก ที่กล้าหลอกฉันครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ ถ้าวัน นี้ฉันไม่ฆ่าแก สาบานว่าฉันจะไม่ใช้แช่เฉินอีก”

“แน่จริงแกก็เข้ามาสิ อยากรู้ไหมว่าทำไมแกถึงขึ้นมาบนเขา เหมาซานได้ แกเคยคิดไหมว่าทำไมอาจารย์ถึงต้องเปลี่ยนดวง แก้ชะตา อเวลาให้ตนเองอีกครึ่งวัน เฉินฉีหลิง แกลองแตะต้อง ฉันดูสิ ดูซิว่าลูกกระสุนของแกเร็วหรือว่าค่ายกลกระบี่ ช่วยของอาจารย์เร็วกว่า”หลินไปเอ่ยพลางจ้องหน้าเฉิน หลังยิ้มอย่าง เยือกเย็น ไม่เกรงกลัวต่อกระบอกปืนที่จ่ออยู่กลางหน้าผากเลย สักนิด

เมื่อเห็นสีหน้าเยาะเย้ยบนใบหน้าของหลินไป เฉินหลิงเริ่ม รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว

สำหรับเล่ห์เหลี่ยมของศิษย์พี่คนนั้น เขารู้ดีที่สุด ตอนนั้น ใน สมัยที่มีสงครามต่อต้านการรุกราน เคยมีหน่วยทหารกล้าตาย กลุ่มหนึ่งของญี่ปุ่นมาล้อมปราบที่เขาเหมาซาน ปากก็บอกว่ามา เพื่อกำจัดพวกที่ต่อต้านวงไพบูลย์ร่วมแห่งเอเชียบูรพา แต่ความ จริงแล้ว มาเพื่อนำสิ่งของสืบทอดต่างๆของลัทธิเต๋าในเขาเหมา ซาน แอบลักลอบส่งกลับไปยังประเทศเกาะของตน เพื่อให้ ประเทศของตนทำการวิจัยต่อไป

ตอนนั้นบนเขาเหมาซานเต็มไปด้วยความอันตราย สำนัก มากมายต่างทยอยปิดตัวลง ศิษย์ในสำนักลดลงเรื่อยๆจนไม่ เหลือสักคน กระจัดกระจายไปทั่วประเทศ โดยหวังว่าจะสามารถ รักษาธูปและตะเกียงไว้บ้าง ทว่ากลับมีเพียงหลี่เทียนหยวนแห่ง สำนักเทียนเซียงที่ไม่มีความเกรงกลัวใดๆ เขาถือเข็มทิศไว้และ เดินขึ้นๆลงๆไปทั่วเขาเหมาซาน หลังจากเดินอยู่นานถึงหนึ่งวัน หนึ่งคืนแล้ว ก็ได้กลับมายังศาลเจ้าสำนักเทียนเซียงและดื่มเหล้า ทั้งคืน

ตอนนั้นเฉินฉีหลิงยังเด็ก จำรายละเอียดต่างๆไม่ค่อยได้แล้ว แต่สิ่งเดียวที่จำได้ขึ้นใจก็คือ ในคืนนั้นมีเสียงปืนดังสนั่นหวั่น ไหวตลอดทั้งคืน แต่ท้ายที่สุดพวกทหารญี่ปุ่นก็ไม่สามารถขึ้นมาบนเขาเหมาซานได้

ตอนนั้นมีคนพูดกันว่า คราวนั้นมีทหารพันธมิตรญี่ปุ่นมากลุ่ม หนึ่ง เดินวนอยู่รอบเขาเหมาซานทั้งคืน ทว่ากลับหาทางขึ้นเขา ไม่เจอ และสุดท้ายไม่รู้ว่าเพราะอะไรๆก็เกิดฆ่ากันเองขึ้นมา เสียงปืนดังอยู่ทั้งคืน เลือดนองเป็นสายน้ำ พวกทหารพันธมิตร ญี่ปุ่นไม่มีใครรอดออกไปจากเขาเหมาซานแม้แต่คนเดียว

แม้ว่าสวรรค์จะมีคุณธรรมไม่ทำลายชีวิต แต่คนโฉดชั่วบังอาจ มาข่มเหงประเทศจีนของเรา แม้นยังอยู่ไกลก็ต้องจำกัดทิ้ง นี่คือ ประโยคหนึ่งที่หลี่เทียนหยวนที่ยังเป็นเด็กหนุ่มในขณะนั้นโอบ เฉินฉีหลิงที่ยังเป็นเด็กไว้และพูดกับเขา ความเยือกเย็น ในแวว ตาของหลี่เทียนหยวน ในตอนนั้น เฉินหลิงยังคงจดจำได้ขึ้นใจ จวบจนวันนี้ ถึงแม้ว่าศิษย์พี่ของเขาผู้นี้จะเป็นคนจิตใจเมตตา แต่ เขารู้สึกว่าใครๆ ว่าความเหี้ยมโหดที่คนจิตใจเมตตาคนนี้ปลด ปล่อยออกมานั้น ไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่จะสามารถหยุดเขาได้

เมฆครึ้มบนท้องฟ้าที่ค่อยๆกระจายออกไปก่อนหน้านี้ ๆ ก็เริ่ม รวมตัวเข้าหากันอีกครั้ง เกิดประกายแสงฟ้าแลบขึ้นเป็นสายๆ ในกลุ่มเมฆครึ้มนั้น เสียงฟ้าร้องกระหน่ำขึ้นอย่างน่าเกรงขาม ราวกับเสียงดนตรีที่ประสานกึกก้องขึ้นขณะที่กองทัพทหารใน สมัยโบราณจะยกทัพออกไปทำสงคราม ทำให้เกิดความ หวาดหวั่นขึ้นมาในใจ

ท้องฟ้ามืดครึ้มลงเรื่อยๆ ราวกับเพียงแค่บีบเบาๆ ก็พร้อมที่จะ มีน้ำไหลทะลักออกมา หลังจากที่เมฆปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า แล้ว ก็เหมือนมาลอยอยู่เหนือผู้คน ราวกับพร้อมที่จะพลิกคว่ำลงมาตลอดเวลา

“เฉินฉีหลิง แกยังจำคำพูดที่อาจารย์เคยบอกแกได้ไหม” หลิน ไปตะคอก ใส่เฉินหลิงอย่างดุดัน เสียงดังกึกก้อง เขาใช้วิชา ตำราเข้นของสำนัก นี่คือวิชาที่คล้ายกับสิงโตคำรามของพุทธ ศาสนา ประสิทธิภาพสูงสุดของมันก็คือสั่นสะเทือนสยบจิตใจคน ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา

“เฉินหลิง แกยังจำได้ไหม” เสียงของหลินไปดังกึกก้องขึ้น เรื่อยๆ แม้แต่เสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องที่ดังก้องไปทั่วท้องฟ้าก็ไม่อาจ กลบเสียงของเขาได้

เฉินหลิงดวงตาพร่ามัวไปหมด ไม่สามารถมองภาพสิ่งต่างๆ ตรงหน้าได้อย่างชัดเจนอีกต่อไป รู้สึกเพียงว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาในขณะนี้ คือหลีเทียนหยวนที่สังหารทหารญี่ปุ่นราวพันคน ท่ามกลางกระสุน ในตอนนั้น เกิดเข่าอ่อนล้มลงไปกองบนพื้น ทันที หมุดหัวลงไปกับพื้น ด้วยคราบน้ำตาที่ท่วมใบหน้า ร้อง พึมพำขึ้น”ศิษย์พี่ ครั้งนี้โปรดให้อภัยฉันเถอะ ต่อไปฉันไม่กล้า อีกแล้ว ไม่กล้าแล้วจริงๆ”

ในขณะนี้ แม้แต่ jerry ผู้ที่มือเปื้อนเลือดคนมานับไม่ถ้วน รู้สึกว่าศาลเจ้าที่เก่าแก่ทรุดโทรมแห่งนี้น่าเกรงกลัวไม่ต่างอะไร จากนรกที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์เลย แหงนหน้าขึ้นมองสายฝนที่ จุๆก็ตกกระหน่ำลงมา รวมถึงสายฟ้าแลบที่สาดส่องไปทั่ว และ เสียงฟ้าร้องนั้นที่เปรี้ยงปร้างกึกก้องสะเทือน ทำให้เขาสั่นเทา ไปทั้งร่าง พลางในใจก็รู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ตนติดตามเฉินหล งมาในครั้งนี้
ทันใดนั้น เกิดสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องลง ต้นไม้ใหญ่เก่าแก่ นับร้อยปีต้นหนึ่งที่อยู่หลังศาลเจ้าถูกสายฟ้าฟาดเข้าอย่างจัง เกิดเปลวเพลิงลุกโชติช่วงขึ้นท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ อย่างแปลกประหลาดสุดๆ อีกทั้งเกิดแสงประกายขึ้นล้อมรอบ ต้นไม้เก่าแก่ต้นนั้น สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คน

เฉินหลงมองสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันด้วยความตะลึง งัน บิดขาทั้งสองข้างไว้แน่น แต่ทว่ายังคงสัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆ สายหนึ่งที่จู่ๆก็ไหลลงมา เฉินหลิงที่หมกมุ่นอยู่กับสุราเมรัยมา นานหลายปี จนต่อมลูกหมากเสื่อมสภาพไปแล้ว สิ่งที่ไหลลงมา จึงมีเพียงน้ำปัสสาวะสีขาว ทันทีปัสสาวะไหลลงมา ก็ทำให้ชุดสูท ที่เดิมทีเป็นสีดำล้วนเกิดสีขาวขึ้นเป็นหย่อมๆ และยิ่งกว่านั้นมี กลิ่นคาวที่เหม็นฟุ้งไปทั่ว

“ไป รีบไปจากสถานที่บ้าๆแห่งนี้ เฉินหลิงสั่นเทาไปทั้งร่าง เหลือบมองศาลเจ้าแว็บหนึ่ง รู้สึกว่าด้านในมืดสนิท ราวกับประตู นรกก็ไม่ปาน และไม่แน่ว่าวิญญาณบ้าของหลี่เทียนหยวนจะออก มาจัดการเขาเมื่อไหร่ เฉินหลิงที่ทั้งอับอายและหวาดกลัว ไม่ กล้าอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้แต่วินาที ส่งสัญญาณมือบอกให้ jerry รีบมา พยุงตนและลงจากภูเขาโดยเร็วที่สุด

หลินไปเอามือไขว้หลังไว้ ยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางสายฝน มองดูสภาพที่สะบักสะบอมหลังเปียกฝนของสองคนนั้น พร้อม เอ่ยขึ้นเสียงดังก้อง”สำนักเรียนเชียงของเราต่อให้ไม่มีอาจารย์ อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีฉันอยู่ หากพวกแกยังบังอาจลุกล้ำเข้ามาในดิน แตนต้องห้ามแห่งสำนักเทียนเซียง ฉันจะใช้ค่ายใหญ่พิทักษ์ภูเขา จัดการพวกแกทั้งสองให้สิ้นซากในค่าย

ทันทีที่ประโยคนี้ตะโกนออกมา ฝีเท้าของ jerry ที่แบกเฉิน หลิงไว้บนหลังก็เร็วยิ่งขึ้น ทั้งคู่พุ่งไปยังทางลงเขาสุดชีวิต ด้วย กลิ่นคาวที่เหม็นฟุ้งไปทั่ว

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนที่มาหาเรื่องได้ลงจากเขาไปแล้ว จาง ซานเฟิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เดินมาข้างกายหลินไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ มองหลินไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย พร้อม กับเอ่ยขึ้น “ศิษย์น้อง อาจารย์ทำค่ายกลกระบี่จักรวาลได้ตั้งแต่ เมื่อไหร่ แล้วค่ายใหญ่พิทักษ์ภูเขาที่นายว่าคืออะไรหรือ เป็นค่าย กลกระบี่ที่อาจารย์เพิ่งสอนนายหรือเปล่า”

“ศิษย์พี พี่คิดว่านี่คือวิชากำลังภายในหรือไง ส่วนเรื่องค่าย ใหญ่พิทักษ์ภูเขาอะไรนั่น เป็นแค่สิ่งที่กขึ้นมาหลอกไอ้มือสองคน นั้นเฉยๆ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้พวกมันกลัวจนฉี่ราดได้ จริงๆ”หลินไปอธิบายให้กับศิษย์ที่กำลังหาค่าตอบจากเขา ราวกับเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนที่หลินไปจะแหงน หน้าขึ้นมองท้องฟ้า พลางในใจเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์

อาจารย์จากไปแล้ว สมบัติลับ การสืบทอดสิ่งที่ไม่ดีห้า อย่าง(พ่อม่าย แม่หม้าย กำพร้า ผู้อายุสูงกับและพิการ สิ่งที่ขาด สามอย่าง เงิน ชีวิตกับอำนาจ) และไหนจะความลับพันปีที่เฉินฉี หลิงพูดออกมา โดยไม่ได้ตั้งใจนั้น รวมถึงความสามารถพิเศษ เรื่องการทำนายแม่นยำของตนอีก ทั้งหมดนี้ก็คงต้องค่อยๆ สืบค้นด้วยตัวเองทีละก้าวแล้วล่ะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ