ตอนที่ 8 มาเยือนถึงหน้าประตู
ตอนที่ 8 มาเยือนถึงหน้าประตู
เสี่ยวจิ่นพึงพอใจกับมาดโหดของตน
หัวใจของเฉียวอวถงกระตุก พยายามกอบกู้สถานการณ์ อย่างสุดความสามารถ
“เสี่ยวจิ่น เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น…” เพิ่งพูดไปได้แค่ ครึ่งประโยค เฉียวอวี่ถงก็พูดไม่ออกเสียแล้ว
เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเรื่องแบบนี้ให้เด็กๆฟังอย่างไรดี
“หม่ามี้ ผมเข้าใจแล้วว่าผมไม่ควรกัดคนอื่น” เสี่ยวจิ่ นวางตะเกียบลงก่อนจะนั่งหลังตรงวางมือเล็กๆ เอาไว้บน ขาของเธอ เขาไม่อยากให้แม่มองเขาไม่ดี
“แต่ว่าหม่ามี้ ผมไม่อยากให้หม่ามี้ไปกับผู้ชายคนนั้น!” เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจ เสี่ยวจิ่นก็ไม่ลังเลที่ จะทำแบบนั้น
“ผมไม่อยากมีป่าปีคนใหม่” เขาก้มหน้าพลางเบะปาก อย่างรู้สึกสํานึกผิด
แต่ใบหน้าของฉินสี่เยี่ยกลับยิ่งมืดลง ซึ่งเฉียวอวี่กง ไม่ทันได้สังเกตเห็น
“เสี่ยวจีน แม่ไม่ไปหรอก”
“ป่าป๊ ป่า แต่งงานกับหม่ามี้ซะสิ”
เฉียวอวถงชะงักเมื่อความต้องการของเด็กคนนี้มากเกิน
ไป
พวกเขาแค่สวมบทเป็นพ่อแม่ต่อหน้าเสี่ยวจิ่นเท่านั้น จะ ให้ไปสวมชุดแดงแต่งงานกันคงเป็นไปไม่ได้
“เสี่ยวจิ่น!” ฉินลี่เยี่ยเอ่ยปากขึ้นมาทำลายภาวะกลืนไม่ เข้าคายไม่ออกของเฉียวอวี่ถง แต่นั่นก็ทำให้เธอกังวลขึ้น มาอีกครั้ง
เด็กยังเล็กอยู่ เขาควรจะใช้วิธีเกลี้ยกล่อมไม่ใช่บังคับ
เฉียวอวถงยังไม่ทันคิดหาวิธีรับมือ สงครามก็พังทลาย ลง
“พวกเราจะไม่แต่งงานกัน! อย่าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ อีก!” เป็นเพราะเมื่อคืนนี้เฉียวอวี่ถงปฏิเสธเขาใช่ไหม?
“ว้ากกก!” เสียงกรีดร้องของเสี่ยวจิ่นดังก้องอยู่ในค่ำคืน ที่มืดมิด
เฉียวอวี่ถงรู้สึกตื่นตระหนก “หยุดนะ อย่าร้องไห้สิ
เสี่ยวจิ่นยังคงแหกปากร้องไห้ต่อไป “ผมต้องการหม่ามี้ ผมต้องการหม่ามี้!”
เสียงนี้แทบจะทำให้ศีรษะของเฉียวอวี่ถงระเบิดเป็นสอง เสี่ยง ทั้งยังทำให้ความโกรธของฉินลี่เยี่ยพุ่งทะยานถึงขีด สุด
“ตั้งแต่นี้ต่อไป ก็อยู่กับเธอไปแล้วกัน!” แล้วฉินลี่เยี่ยก็เดินกระแทกส้นเท้าออกนอกประตูไป
ทิ้งไว้เพียงเสียงกระแทกประตูปิดดังโครม
เฉียวอวี่ถงถึงกับไปไม่เป็นหลังจากที่เขาบอกให้เธอดูแล เสี่ยวจิ่นเพียงลำพัง แต่เธอยังต้องไปทำงาน เสี่ยวจิ่นเอง ก็ยังเล็กมาก
ถ้าทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวแล้วเกิดอะไรขึ้นเธอจะทำยังไง?
“เด็กดี ไม่ร้องนะไม่ร้อง แม่อยู่นี่แล้ว” เฉียวอวี่ถงไม่เคย ปลอบเด็ก เธอจึงหัดทำอย่างเงอะๆงะๆ
ฉินลี่เยี่ยไม่ได้กลับมาจริงๆ
วันหนึ่งก็แล้ว สองวันก็แล้ว
วันที่สามก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่
เฉียวอวี่ถงกำลังคิดจะลาออกจากงานเพื่อไปหางานใหม่ เป็นคนเชียร์ไวน์ในบาร์แห่งหนึ่ง
แบบนี้เธอก็จะสามารถดูแลเสี่ยวจิ่นได้ในตอนกลางวัน และในตอนกลางคืนที่เสี่ยวจิ่นนอน เธอก็ออกไปทำงาน
ถึงแม่ว่าจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่เฉียวอวี่ถงก็สัมผัสได้ถึง ความยากลำบากของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้วจริงๆ
ลำพังค่าอาหารและค่าใช้จ่ายต่างๆของเด็กแล้ว แม้ว่าจะ แบ่งทุกอย่างกันคนละครึ่งแล้วก็ยังไม่พอใช้
ถึงเสี่ยวจีนจะชอบกินบะหมี่กึ่งสะเร็จรูปแต่ถ้าจะให้กิน ทุกวันก็คงจะไม่ดีเหมือนกัน
เฉียวอวถงพยายามหัดทําอาหารอย่างอื่นแล้ว แต่ โอกาสสำเร็จก็พอๆกับซื้อล็อตเตอรี่ ดังนั้นวัตถุดิบที่ซื้อมา ก็ต้องเสียไปเปล่าๆ
“หม่ามี้ วันนี้ไม่ไปทํางานเหรอ?”
“ใช่แล้ว หลังจากวันนี้ แม่อยู่ที่บ้านกับเสี่ยวจิ่นตอนกลาง วัน แล้วค่อยไปทํางานในตอนกลางคืน”
เสี่ยวจีนมองไปที่เฉียวอวี่ถง “แต่ว่าถ้าทำแบบนี้หม่ามี้ก็ จะเหนื่อยเกินไป”
ใช่ มันเหนื่อยมาก แต่เธอก็ทําอะไรไม่ได้ นอกจากจะ ต้องฮึดสู้เท่านั้น หลายต่อหลายครั้งที่เฉียวอวี่ถงนึกถึง ฉินลี่เยี่ยอยู่ในใจ ผู้ชายคนนี้ช่างไม่มีความรับผิดชอบเอา เสียเลย หลังจากที่ทิ้งลูกเอาไว้ให้เธอแล้วก็ไม่เห็นเขาอีก เลย
ว่าไปแล้วพวกเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกัน เพราะจนถึงตอน นี้เฉียวอวี่ถงก็ยังไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของฉินลี่เยี่ยเลยด้วย
“เสี่ยวจิ่น ไม่เป็นไรหรอกนะ แม่ไม่เหนื่อยเลย” เธอพูดโกหกต่อหน้าเด็กอย่างหน้าไม่อาย
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปแล้ว ก็ยังคงไม่มีข่าวคราวจากฉิน
เฉียวอวี่ถงรู้สึกกระวนกระวาย “เสี่ยวจิ่นรู้ไหมว่าคุณพ่อ ทำงานอยู่ที่ไหน?”
ที่ประตูทางเข้าของอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท หยวนหยางกรุ๊ป มีคนตัวเล็กคนหนึ่งและคนตัวใหญ่คน หนึ่งยืนอยู่
“หม่ามี้ เรามาตามหาเขาทำไม เขาไม่ต้องการเราอีกต่อ ไปแล้ว?” เสี่ยวจิ่นยังโกรธอยู่และเขาไม่อยากเป็นคนแพ้
“หม่ามี้ก็ไม่ต้องการผมเหมือนกันเหรอ?”
“เอ่อ พูดแบบนั้นได้ยังไง? เขาเป็นพ่อของหนู ถึงแม้ว่า เขาจะไม่ต้องการหนู หนูก็ไม่ควรจะโกรธเขา”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสองพ่อลูกจอมปากแข็ง เฉียวอวี่ถ งก็ทำตัวไม่ถูก
เสี่ยวจิ่นไม่พูดอะไรอีก
“แต่พ่อของหนูเป็นเพียงพนักงานทําความสะอาด แล้ว ฝ่ายต้อนรับจะรู้จักเขาเหรอ?”
เสี่ยวจิ่นเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก พ่อของเขาเป็นประธาน ใหญ่ที่ร่ำรวย ทำไมเฉียวอวี่ถงถึงดูไม่ออกกันนะ? เป็นไป ได้ไหมว่าพ่อของเขาแสดงเป็นคนทำความสะอาดได้สม บทบาทเกินไป
“ก็ต้องลองเข้าไปถามดู” เสี่ยวจิ่นพูดเร่งเฉียวอวี่ถง
บริษัทหยวนหยางกรุ๊ปตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางย่าน ศูนย์กลางธุรกิจ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเป็นเพียงบริษัทเดียวที่มีสิทธิพิเศษดังกล่าว
ความพยายามเพื่อให้ได้เข้าร่วมงานกับบริษัทหยวน หยางกรุ๊ปถือเป็นความใฝ่ฝันของหนุ่มสาวหลายคน เฉียว อวี่ถงเองก็เช่นกัน
แม้กระทั่งพนักงานทำความสะอาดก็ยังได้รับค่าจ้างแพง ว่าบริษัทอื่นๆเยอะ
ณ ชั้น 39 ซึ่งเป็นห้องทำงานของประธานบริษัท มีผู้ชาย คนหนึ่งกำลังจ้องหน้าจอมอนิเตอร์ของกล้องวงจรปิดอยู่ อย่างใจจดใจจ่อ
จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงคนเคาะประตูด้านนอก
“ดูอะไรอยู่เหรอ?”
“ครูอนุบาลไม่ได้สอนให้นายเคาะประตูก่อนจะเข้าห้อง ท่านประธานหรือไง?” ใบหน้าของฉินลี่เยี่ยสงบลง
“ฉันไม่รังเกียจที่จะจ่ายค่าเล่าเรียน เพื่อให้นายกลับมา เรียนไปเรียนมาใหม่!”
กู้เจ๋ออวี่หน้าสลด
“ท่านประธานฉินที่เคารพครับ ผมเคาะจนมือแดงหมด แล้วแต่คุณไม่ได้ยิน!”
“มีอะไร?”
“ลูกชายของนายมาที่นี่” กู้เจ๋ออวี่เงยหน้าขึ้นก็พบว่า เขามารายงานช้าไปเสียแล้ว ดูจากหน้าจอมอนิเตอร์ของ กล้องวงจรปิดแล้ว
ฉินลี่เยี่ยก็คงจะรู้ดีอยู่แล้ว “ตอนนี้นายก็เห็นแล้วนี่ ว่าฉัน
รู้แล้ว”
“ช่วยเตรียมรถเข็นทําความสะอาดให้ฉันหน่อย”
“ห้ะ?”
กู้เจ๋ออ งุนงง แต่เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาของฉันลื่ เยี่ยแล้วเขาก็ต้องทําตาม
พนักงานหญิงที่แผนกต้อนรับส่วนหน้าปฏิบัติกับเฉียวอ วีถงและเสี่ยวจิ่นดีมาก ถึงแม้ว่าจะทําไปตามคำสั่งของฉัน ลี่เยี่ย แต่เฉียวอวี่ถงก็ประทับใจ ที่บริษัทหยวนหยางกรุ๊ป มีวัฒนธรรมองค์ที่ดีเยี่ยม ไม่ใช่แค่เพียงค่าโฆษณาอวด อ้างที่เคยได้ยินมาเท่านั้น
“คุณเฉียวกรุณารอสักครู่นะคะ ดิฉันแจ้งคุณฉินให้แล้ว เขากำลังจะมาที่นี่เร็วๆนี้ค่ะ” แผนกต้อนรับส่วนหน้าเสริฟ กาแฟให้เฉียวอวี่ถงและเสิร์ฟน้ำผลไม้ให้เสี่ยวจิ่น
ฉินลี่เยี่ยปรากฏตัวขึ้น แต่สภาพของเขาตอนนี้ช่างแตก ต่างจากตอนที่อยู่บนชั้น 39 เมื่อครู่มากเหลือเกิน
กู้เจ่ออวี่เห็นเขาในสภาพแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะ หัวเราะออกมา
เขาเดินตามหลังมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“มาหาผมเหรอ?”
เฉียวอวถงอยากจะตบฉินลี่เยี่ยให้หน้าหงายกับคำพูดไร้ สมองนั่น ทำอย่างกับว่าใครไปติดหนี้เขาเอาไว้แล้วอย่าง นั้นล่ะ!
“มาหาผีมั้ง!” เฉียวอวี่ถงตอบโต้พร้อมกับถลึงตากว้าง “คุณเล่นไม่กลับบ้านเลยแบบนี้ เสี่ยวจิ่นจะคิดถึงคุณ ขนาดไหน!”
เสี่ยวจิ่นทำตาโตสีหน้าเหรอหรา!
“อืม”
“คุณจะทำแบบนี้ต่อไปอีกนานไหม?”
“ไม่แล้ว”
เสี่ยวจิ่นก้มหน้าก้มตาดื่มน้ำผลไม้ ไม่ได้มองฉินลี่เยี่ย เลยแม้แต่นิด
“ผมขอคุยกับเสี่ยวจิ่นหน่อย”
เฉียวอวี่ถงเดินออกไป ปล่อยให้พวกเขาคุยกันอย่างใช้
สติ
กู้เจ่ออวี่สบโอกาสเมื่อเห็นเฉียวอวี่ถงเดินออกมาแน่นอนว่าเขาไม่กล้าใช้ลูกไม้เช่นนี้ต่อหน้าฉันสี่เยี่ย
“ขอโทษนะครับ ขอโทษครับ”
เฉียวอวี่ถงหันหน้ากลับไปมอง
“คุณครับ คุณทํางานอยู่ที่บริษัทหยวนหยางกรุ๊ปรึเปล่า ครับ?” การสร้างภาพเป็นจุดเด่นของเขา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ