หม่ามี้ หนูจับแดด มาแล้วฮะ

ตอนที่11 ศัตรูมักเจอกันบนถนนแคบๆ



ตอนที่11 ศัตรูมักเจอกันบนถนนแคบๆ

ตอนที่ 11 ศัตรูมักเจอกันบนถนนแคบๆ

พูดถึงสิ่งใดมักเจอสิ่งนั้น

ทันทีที่เฉียวอวี่ถงเงยหน้าขึ้นก็เห็นเฉินเฉิง

“เฮ้อ ตายยากจริงๆ” เฉียวอวี่ถงนึกสาปแช่งเขาอยู่ในใจ “ผีร้ายไล่ไม่ไป!”

กว่าตู้โป๋เหวินจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เฉินเฉิงก็มายืนอยู่ ข้างๆพวกเขาแล้ว

“เฮ้ นี่มันคู่หมั้นของฉันไม่ใช่เหรอ?” เสียงของเฉินเฉิงดัง พอที่คนที่อยู่ในร้านจะได้ยิน “นี่มาเดทกับชายอื่นลับหลัง ฉันเหรอ”

เฉียวอวี่ถงผุดลุกขึ้น “เฉินเฉิง คุณมียางอายบ้างได้ ไหม? ใครเป็นคู่หมั้นของคุณกัน! ระวังคำพูดพล่อยๆของ คุณด้วย!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เฉินเฉิงเขยิบเข้าใกล้เฉียวอวี่ถุง
“อย่าคิดว่าถ้าคุณแค่ลากผู้ชายมาคนหนึ่งกับอุ้มเด็กมา อีกคนหนึ่งจะสลัดผมทิ้งไปได้นะ ผมจะแต่งงานกับคุณ!”

เฉินเฉิงเองก็จัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาอาการ แต่ เพราะอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเขาทำให้เขาไม่น่าดึงดูดใจ เท่าที่ควร

ในหัวใจของเฉียวอวี่ถงราวกับมีอัลปากานับหมื่นวิ่งอยู่ ในนั้น เธออยากจะหาเต้าหู้แข็งสักชิ้นแล้วก็วิ่งชนมันซะ การได้พบใครสักคนควรจะมีแต่ความรู้สึกเบิกบานใจ แต่ เมื่อพบเฉินเฉิงทีไร รู้สึกเหมือนถูกสุนัขกัดทุกที

“คุณชายเฉิน คุณกำลังรบกวนเวลากินข้าวของพวกเรา” ตู้โป่เหวินเองก็เกลียดเฉินเฉิงมากพอๆกับเฉียวอวี่ถง

“ตู้โป๋เหวิน! แล้วคุณคิดว่าคุณจะทำอะไรผมได้ล่ะ?” ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะเป็นอันธพาลได้

“ตระกูลเฉียวกับตระกูลเฉินของเราหมั้นหมายกันแล้ว ส่วนคุณ ตู้โป๋เหวินเกี่ยวอะไรด้วย!”

“โอ๊ย!” เฉินเฉิงร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกตู้โป๋เหวิน ต่อยจนล้มลง

“แกกล้าต่อยฉันหรอ!”
รีบไสหัวไปซะ หรือว่าอยากจะโดนอีกสักที!”

เฉินเฉิงถูกรังแกก็รู้สึกกลัว ได้แต่จากไปอย่างสิ้นหวัง “ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

“พร้อมเสมอ”

ตู้โป่เหวินเช็ดมือพลางนั่งลงอย่างสุภาพ หลังจากที่เขา สองคนตัดสินกันอย่างดุเดือด

“ตอนนี้คุณเท่มากเลยล่ะ ต้องขอบคุณคุณมากนะ ไม่ อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี” ดวงตาของเฉียวอวี่ถงมื ดลง เจอเขาทีไรก็เอาปัญหามาให้เขาอยู่เรื่อย

“คุณให้ป่าปี่ช่วยก็ได้!” เสี่ยวจิ่นไม่ลืมที่จะตอกย้ำการมี ตัวตนอยู่ของฉินลี่เยี่ยต่อเฉียวอวี่ถง “ป่าปี๊ของผมต่อสู้ เก่งมากนะ เขาเป็นทหาร”

“ทหาร?” เฉียวอวี่ถงคิดว่าเด็กคงแค่ล้อเล่นจึงไม่ได้ใส่ใจ อีก

ตระกูลตู้และตระกูลเฉินมีอิทธิพลพอๆกัน แต่ต่างกัน ตรงที่ตระกูลตู้ไม่ได้มีแค่ตู้โป่เหวินที่เป็นลูกชาย ส่วนตระกูลเฉินนั้นมีลูกชายสายตรงเพียงคนเดียวคือเฉินเฉิง

ตู้โป่เหวินเป็นบุตรคนที่สองของตระกูลตู้ เขาเป็นบุตร นอกสมรส เมื่อแม่ของเขาเสียชีวิต เขาจึงถูกนำตัวกลับ บ้านโดยคุณพ่อตู้ ซึ่งตัวเขาเองนั้นไม่สามารถเข้ากันได้ กับพวกพี่น้องของเขา

บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขากับเฉียวอวี่ถงถึงได้ ห่วงใยซึ่งกันและกัน เพราะการดำรงอยู่ของพวกเขาล้วน เป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ของตระกูลเหมือนกัน

แม้จะลองทำธุรกิจของตัวเองตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนอยู่ใน วิทยาลัยและตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลวนัก แต่ก็ยังเทียบไม่ได้ กับธุรกิจของตระกูลที่มั่นคงแล้ว

และแล้วหตุการณ์ที่เฉินเฉิงถูกต่อยก็ผ่านไปเข้าหูของ คุณพ่อตู้

ตู้โป๋เหวินถูกเรียกตัวกลับบ้านเช่นเคย

ถึงจะพูดว่านี่เป็นเพียงเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเล็กน้อยแต่ ก็ไม่อาจมองข้ามได้เพราะอาจจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ ตามมา เรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์จาก ความร่วมมือกันทางธุรกิจระหว่างตระกูลตู้กับตระกูลเฉิน ได้
“แกต่อยลูกชายตระกูลเฉินเหรอ!”

“บัดซบ! แกคิดบ้าอะไรอยู่! เจ้าลูกชั่ว ดีแต่ก่อเรื่อง วุ่นวาย!” คุณพ่อตู้วัยเกือบจะหกสิบ มัวแต่ห่วงเรื่องผล ประโยชน์ทางธุรกิจ ไม่เคยสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น เลยสักครั้ง ทําให้ช่องว่างระหว่างวัยของพวกเขานับวันมี แต่จะเพิ่มขึ้น

“เพราะฉันไม่ให้แกไปทำงานที่บริษัทตระกูลตู้ใช่ไหม แก ถึงได้มาแก้แค้นพวกเรา!”

ตู้โป๋เหวินรู้สึกชื่นชมจินตนาการของชายชรายิ่งนัก มีแต่ ตระกูลตู้นั่นแหละที่รังแกเขา!

“ต่อยก็คือต่อย คุณไม่ต้องคุณคิดมากไปหรอก ผมจะรับ ผิดชอบเรื่องนี้เอง”

ในช่วงหลายปีมานี้ ความสัมพันธ์ของตู้โป๋เหวินกับพ่อ ของเขานับวันยิ่งเลวร้ายลง

“แกกล้าใช้คำพูดแบบนี้กับฉันเหรอ! ฉันเสียใจจริงๆ ที่ เก็บแกมาจากข้างนอกนั่น!” คำพูดของคุณพ่อตู้ดูหมือน เป็นคำพูดทั่วไป แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ตู้โป่เหวินจะชินกับวิธี การที่พ่อลูกใช้สื่อสารกันซะที
ดอกไม้ที่ทําร้ายความรู้สึก คำพูดเพียงคำเดียวสร้าง ความบาดหมางยิ่งขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไม่อยู่ขวางหูขวางตาคุณอีก” พูดจบ ก็เดินออกไปและไม่หันหลังกลับมาอีกเลย

คุณพ่อตู้เขวี้ยงแก้วน้ำบนโต๊ะแตกกระจาย ไม่สามารถ ระงับความโกรธได้อีกต่อไป

เรื่องราวในวันนี้เขาทำได้เพียงแค่โทษตัวเองเท่านั้น

สามวันต่อมา ตู้โป๋เหวินก็จัดการเรื่องโรงเรียนอนุบาล ของเสี่ยวจิ่นเสร็จ

เฉียวอวี่ถงแจ้งให้ฉินลี่เยี่ยทราบตามมารยาท

ฉินลี่เยี่ยเองก็ดูเหมือนจะไม่รังเกียจ “คุณตัดสินใจได้เลย”

“แล้วค่าเล่าเรียนล่ะ?”

“เท่าไหร่?”
“หนึ่งพันห้าร้อย” เฉียวอวี่ถงแบมือมาตรงหน้าฉินลี่เยี่ย

ฉินลี่เยี่ยเปิดกระเป๋าเงินของเขาที่มีธนบัตรรูปปู่เหมาอยู่ แค่ใบเดียว นอกนั้นก็มีแค่บัตรไม่กี่ใบ

เฉียวอวี่ถงที่ดูอยู่ก็มองเห็นแค่ขอบของบัตรจึงไม่รู้ว่า เป็นบัตรอะไร

“คุณสำรองจ่ายไปก่อน เดี๋ยวผมมีเงินแล้วจะคืนให้”

หมดกัน

“คุณมีเงินสดมั้ย?”

ทันทีที่เขาไปถึงที่ทำงานในวันรุ่งขึ้น กู้เจ๋ออวี่ก็ถูกเรียก ตัวไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน

“เท่าไหร่?”

“1500”

“เอาไป ฉันให้ ไม่ต้องคืน”

ฉินลี่เยี่ยเมินเขา อ่านแต่เอกสาร
“นายรู้ไหมว่านายโชคดีมากแค่ไหน เก็บลูกชายได้คน หนึ่งแล้วยังจะเก็บภรรยาได้คนหนึ่งด้วย ทําไมนายถึงได้ เจอแต่เรื่องดีๆแบบนี้นะ?” กู้เจ๋ออวี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “แล้ว จะเอายังไงล่ะ เมื่อไหร่จะได้ดื่มเหล้ามงคลของนายซะ ที?”

“ดูสิ เวลาที่นายทํางานจริงจังนายจะไม่พูด แสดงว่านาย จริงจังกับผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม?”

“คืนนี้ไปบาร์ Intoxicated กับฉัน”

“นายจะไปหาคนรัก จะให้ฉันไปกับนายทําไม!” ครั้ง สุดท้ายที่เขาไปสืบมาทำให้รู้ว่าเฉียวอวี่ถงทำงานอยู่ที่ บาร์ Intoxicated

ฉินลี่เยี่ยทนไม่ไหวหยิบของตกแต่งบนโต๊ะปาใส่กู้เจ๋ออ “ไม่อยากไปก็พูดมาเหอะ! ที่ทำงานใช่ที่ที่นายจะมาซุบซิ นนินทามั้ย?”

“ไอหยา นายจะบอกว่านายโกรธแล้ว นายไม่ต้องการ หุ่นเชิดแบบฉันแล้วใช่ไหม ฉันจะได้ทำใจยอมรับมัน”

“คืนนี้ฉันนัดประธานหวางเจรจาธุรกิจ”

“โอเค ฉันจะไปจัดการให้เอง” ไม่กี่วินาทีต่อมา กู้เจ๋ออวี่ก็ เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาดูเหมือนพนักงานที่มีความรับผิดชอบสูง

พูดให้ถูกต้องก็คือ เฉียวอวี่ถงยังไม่รู้สถานะการงานของ ฉินลี่เยี่ย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มุมปากของเขาก็โค้งขึ้น

สำหรับเสี่ยวจิ่นที่จริงเขามีพี่เลี้ยงอยู่แล้วที่บ้าน แต่ แน่นอนว่าเขาจะไม่ให้เฉียวอวี่ถงรู้ถึงการมีอยู่ของพี่เลี้ยง

เฉียวอวี่ถงเองในตอนนี้ ก็ยังไม่ได้เผชิญหน้ากับ สถานการณ์เลวร้ายอะไรในที่ทำงาน

มีเพียงแค่เรื่องชุดทำงานเท่านั้น ที่ทำให้เธอรู้สึกพูดไม่ ออกอยู่บ้าง

มันดูเหมือนเศษผ้าที่ไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลย

ชุดเดรสเกาะอกสั้นจุ๊ดจู่ ถ้าดึงลงอีกนิดก็คงเห็นหน้าอก ดึงขึ้นอีกหน่อยก็คงเห็นกัน……

ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้โป๊

“ถงถง ออกมาเร็ว ตอนนี้ลูกค้าเยอะแล้วนะ” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเรียกเธออยู่หน้าประตูห้องแต่งตัว

“มาแล้ว มาแล้ว!” เธอต้องไม่มัวแต่เขินอายเพื่อจะได้ทํ ยอดขายให้เยอะๆ เธอตระหนักในข้อนี้ดี

จึงเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปพร้อมกับขวดไวน์

“คุณคะ รับไวน์แดงบอร์โดซ์ไหมคะ?”

“ไวน์แดง?” ชายคนนั้นเลิกคิ้วดูท่าทางเหมือนไม่พอใจ

เฉียวอวี่ถงรีบแนะนำอย่างรวดเร็ว “ถ้าท่านไม่ชอบไวน์ แดง ที่นี่เรามีไวน์ขาว เบียร์ และไวน์ผลไม้ทุกชนิดไว้ บริการ รับไหมคะ?”

“เธอมาดื่มแก้วหนึ่ง แล้วฉันจะซื้อไวน์จากเธอขวดหนึ่ง เป็นไง?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ