หม่ามี้ หนูจับแดด มาแล้วฮะ

ตอนที่10 ไปโรงเรียนอนุบาล



ตอนที่10 ไปโรงเรียนอนุบาล

ตอนที่10 ไปโรงเรียนอนุบาล

ฉินลี่เยี่ยไม่เหลือช่องไว้ให้เฉียวอวี่ถงได้ตอบโต้ เขาขึ้น ไปสตาร์ทรถทันที

“รถคันนี้เป็น …” ท่าทางของเฉียวอวี่ถงในตอนนี้ไม่ สามารถซ่อนความสงสัยเอาไว้ได้อีก

“เงินเดือนของพนักงานทำความสะอาดสูงมากเลยเห

รอ?”

“มันเป็นรถของกู้เจ่ออวี่ เขาเป็นเจ้านายผม และผมก็ยืม รถของเขามา”

เฉียวอวี่ถงยังคงสงสัยว่า คนทำความสะอาดจะมีความ สัมพันธ์ที่ดีกับเจ้านายขนาดนี้เลยหรือ? รถเปรียบเสมือน ภรรยาน้อยของผู้ชาย แค่พูดว่ายืมก็จะยืมได้ง่ายๆเลย หรือ……

แต่ความสงสัยทั้งหมดก็ถูกทำลาย เมื่อเฉียวอวี่ถงนึกถึง ข้อสรุปบางอย่างขึ้นมาได้

ในฐานะเจ้านายกับลูกน้องอาจจะทำแบบนี้ไม่ได้ แต่ถ้า ในถ้าฐานะอื่นก็พอจะเข้าใจได้
“แต่คุณขับรถของเขามารับฉันแบบนี้ แล้วคุณชายกู้จะ

ไม่พอใจรึเปล่า?”

จินสี่เยี่ยไม่ตอบ!

“ฉันหมายความว่า คุณชายกู้จะรังเกียจไหมที่ฉันใช้เวลา

ของคุณ?”

ฉินลี่เยี่ยยังคงนิ่งเงียบ

“ที่จริงแล้ว ฉันแค่อยากจะบอกว่า คุณชายกู้ช่างดีกับ คุณมากจริงๆ”

ฉินลี่เยี่ยจ้องมองเฉียวอวี่ถงแต่ไม่ยอมเปิดปาก ราวกับ กลัวว่าดอกพิกุลจะร่วง

เฉียวอวีถงที่ทนบรรยากาศน่าอึดอัดในรถไม่ไหวก็ ชวนคุยต่อไปอีกว่า “นี่ คุณรู้จักคุณชายกู้มานานแค่ไหน แล้ว?”

“เป็นเพราะคุณคบกับคุณชายกู้ ก็เลยรับเสี่ยวจิ่นมา เลี้ยงเหรอ?”

“บอกหน่อยสิว่าคุณชายกู้ทำงานตำแหน่งอะไรในบริษัท หยวนหยางกรุ๊ปเหรอ ท่าทางเขาจะรวยน่าดูเลยนะ”

คำถามของเฉียวอวี่ถงวนเวียนอยู่แต่เรื่องของกู้เจ่ออวี่ คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถทำให้บรรยากาศ ตึงเครียดลดลง

สุดท้ายพวกเขาไม่มีอะไรให้คุยกัน ที่มาเลียบๆเคียงๆ ถามเรื่องกู้เจ่ออวี่เพื่อหยั่งเชิงฉินลี่เยี่ย เผื่อว่าวันหน้าได้ พบกันอีกครั้งจะได้ไม่เผลอไปทำร้ายน้ำใจของผู้อื่น

“คุณสนใจเขามากเหรอ?” ในที่สุดฉินลี่เยี่ยก็ยอมพูด

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ คุณเข้าใจฉันผิดแล้ว ฉันไม่ได้คิดจะแย่ง เขามาจากคุณเลย” เฉียวอวี่ถงหลุดพูดในสิ่งที่คิดออกมา โดยไม่ได้ตั้งใจแล้วใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

“หม?”

เฉียวอวี่ถงพยายามอธิบาย “ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ เรื่องส่วนตัวของคุณ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกความสุขของ ตัวเอง ตอนนี้ประเทศของเรามีอัตราส่วนของชายและ หญิงที่ไม่สมดุลกัน มันเป็นเรื่องปกติถ้าหากว่าคุณที่จะมี สถานการณ์แบบนี้”

เฉียวอวี่ถงสังเกตเห็นว่าใบหน้าของฉินลี่เยี่ยเป็นเหมือน ท้องฟ้าก่อนเกิดพายุ จึงรีบเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างรวดเร็ว

“ในความเป็นจริงคุณไม่ต้องกังวลอะไรเลยนะ ตราบ ใดที่คุณรักกันและกันอย่างแท้จริงทุกอย่างก็จะดีเอง ใน หลาย ๆ ประเทศเองก็ได้ประกาศว่าการรักร่วมเพศนั้น ถูกกฎหมาย คุณสามารถไปที่เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม แคนาดา สเปน …”

“หุบปาก!” ฉินลี่เยี่ยเหยียบเบรคอย่างแรง

เฉียวอวี่ถงไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไรผิดและพูดต่ออย่าง กล้าหาญ “ถ้าคุณไม่ชอบประเทศเหล่านั้นก็ไปที่รัฐแมส ซาชูเซตส์ในสหรัฐอเมริกาก็ดีนะ”

“คุณ!”

“ต๊ะ!”

ฉินลี่เยี่ยโกรธยิ่งขึ้นส่วนเฉียวอวี่ถงนั้นยังคงไม่รู้เรื่องรู้

ราว

“ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในหัวของคุณ!”

“ฉันฉลาดมากนะและฉันก็มีทักษะในการสังเกตที่ดีมาก มีคนเคยบอกฉัน” เฉียวอวี่ถงยังคงดันทุรังต่อไป
“คุณกับพวกเขาก็มีรสนิยมเดียวกัน”

“เฉียวอวีถง!”

“ช่างเถอะ!”

เฉียวอวี่ถงทำท่าชูนิ้วสาบาน “มั่นใจได้เลยว่าฉันจะไม่ บอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ จริงๆแล้วที่คุณไปทำงานเป็น คนทำความสะอาดที่บริษัทหยวนหยางกรุ๊ปก็เพื่อปกปิด ความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนใช่ไหม?

ฉินลี่เยี่ยเหยียบคันเร่งจนสุด เมื่อรถวิ่งออกไป ความ สนใจของเฉียวอวี่ถงก็มีแค่ความกลัวเท่านั้น ไม่ได้ พยายามบังคับให้ฉินลี่เยี่ยตอบคำถามอีก!

และนั่นคือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้

เฉียวอวี่ถงรู้สึกผ่อนคลายในระหว่างวัน เพราะเสี่ยว จิ่นเชื่อฟังมากตอนที่อยู่กับเธอ หลังจากที่ยืนยันความ สัมพันธ์ระหว่างฉินลี่เยี่ยและกู้เจ่ออวี่อยู่ในใจแล้ว ความ คิดของ เฉียวอวี่ถงเกี่ยวกับเรื่องของเสี่ยวจิ่นก็ยิ่งกระจ่าง มากยิ่งขึ้น ชีวิตของเด็กคนนี้ไม่ง่ายเลย เขาต้องแบกรับ ความรับผิดชอบในเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับคุณค่าของชีวิต!
“เสี่ยวจิ่น ฉันจะช่วยหนูหาโรงเรียนอนุบาล เพื่อพาหนู ไปโรงเรียนนะ”

“ทําไมล่ะ?”

“เพราะหนูโตขึ้น หนูต้องเรียนหนังสือ เพื่อให้สามารถ เข้าสังคมได้ และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในอนาคต”

ผู้ใหญ่จะต้องอธิบายให้เด็กฟังแบบนี้ใช่ไหมนะ?

“แต่ป่าปี๊ของผมก็ช่วยเหลือผมได้ หม่ามี้เองก็ช่วยเหลือ ผมได้

ทันทีที่เฉียวอวี่ถงได้ยินแบบนี้ เสียงเตือนในใจก็ดังขึ้น

เห็นได้ชัดว่าในความสัมพันธ์ระหว่างฉินลี่เยี่ยกับกู้เจ๋อ อวี่นั้น ย่อมเป็นฉินลี่เยี่ยที่เป็นฝ่ายรับการอุปถัมภ์ การที่ เสี่ยวจิ๋นคิดได้แบบนี้ย่อมได้รับอิทธิพลมาจากพ่อของเขา

อันที่จริงแล้วเสี่ยวจิ่นแค่ไม่อยากไปโรงเรียน

“ไม่ได้! เราไม่สามารถรับความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ ตลอดไป เราต้องยืนอยู่ได้ด้วยสองขาของเราเอง!” หลังจากที่เฉียวอวถงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ก็คิดว่าต้องขอไป ขอให้ตู้โป่เหวินช่วย “ฉันจะหาโรงเรียนให้หนูและหนูจะ ต้องไปโรงเรียน ที่โรงเรียนอนุบาลเต็มไปด้วยความสนุก และมีเพื่อนๆที่น่ารักมากมาย”

เสี่ยวจิ่นส่ายศีรษะ “ไม่ พวกเด็กๆไม่เห็นจะน่ารักตรง ไหน พวกเขาน่ารำคาญ!”

“หืม?”

“พวกเขาชอบล้อว่าผมไม่มีแม่!” เสี่ยวจิ่นเบะปาก จากนั้น ทํานบนํ้าตาก็พังทลายออกมา

เฉียวอวี่ถงหวนนึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอกับเสี่ยวจิ่น ที่จริง แล้วเสี่ยวจิ่นก็มีปมในใจเช่นนี้นี่เอง

แต่การไปโรงเรียนอนุบาล ก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อพัฒนาการของเสี่ยวจิ่นหรือเพื่อ อนาคตของเขาเอง

เธอไม่สามารถทํางานในบาร์ได้นานนัก แม้ว่าในตอน นี้เธอจะดูเหมือนไม่ใส่ใจ แต่เธอก็ยังหวังว่าจะหางานที่ เหมาะสมได้โดยเร็วที่สุดเพื่อให้ชีวิตของเธอเข้าที่เข้าทาง มากขึ้น
“เสี่ยวจิ่น ตอนนี้หนูมีทั้งพ่อและแม่ ดูสิว่าใครจะกล้ามา ล้ออีก ถ้าพวกเขารังแกหนู หนูมาบอกแม่ได้เลย แม่จะ ปกป้องหนูเอง!”ภาพลักษณ์ของเฉียวอวี่ถงเรียกได้ว่าเป็น นางเอกในอุดมคติของเสี่ยวจิ่น ดังนั้นเธอจะรักษาภาพ ลักษณ์นี้เอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

“ก็ได้” แม้จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็จําใจต้องตอบตกลง

ในร้านอาหาร

ตู้โป่เหวินมาถึงก่อนเวลา เพราะเฉียวอวี่ถงมักจะไม่ค่อย ได้นัดเขาออกมาเจอแบบนี้บ่อยนัก

เพียงแต่คนที่เขาเจอไม่ได้มีเพียงแค่เฉียวอวี่ถงคนเดียว เท่านั้น แต่ยังมีเจ้าเด็กร้ายกาจนั่นมาด้วย

“โป๋เหวิน”

เฉียวอวี่ถงตบไหล่ของเสี่ยวจิ่นเบาๆ “เสี่ยวจิ่น ทักทาย คุณลุงหน่อยสิ คุณลุงเป็นเพื่อนสนิทของแม่นะ”

“สวัสดีครับคุณลุง”

“สวัสดีเสี่ยวจิ่น”
ตู้โป่เหวินเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะให้มานั่งถือสาหาความกับ เด็กก็คงจะไม่เข้าท่าเท่าไหร่

“ถงถง เรียกฉันมามีอะไรรึเปล่า?”

“โป่เหวิน ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณฉลาดที่สุด!” ก่อนที่จะเข้าสู่ เรื่องที่อยากจะขอร้อง เฉียวอวี่ถงก็ไม่พลาดที่หยอดค่า หวาน

“ฉันมีเรื่องที่อยากจะรบกวนนายสักหน่อยน่ะ”

สีหน้าของโป๋เหวินไม่ได้ดูรำคาญ แต่กลับดูสบายใจมาก ขึ้นด้วยซ้ำ” พูดมาเถอะ เรารู้จักกันมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว นะ

กับฉันยังต้องมีอะไรให้ต้องเกรงใจอีก”

“โรงเรียนเหรอ?” หลังจากที่เฉียวอวี่ถงพูดจบ ตู้โป๋เหวิน ก็หันมามองเสี่ยวจิ่นด้วยความประหลาดใจ

“นายเป็นคนกว้างขวาง ช่วยแนะนำให้เสี่ยวจิ่นหน่อยได้ ไหม ฉันอยากส่งเขาไปโรงเรียนอนุบาลจะได้รู้จักกับเด็ก คนอื่นๆบ้าง”เฉียวอวี่ถงกล่าวเสริม “ยิ่งธรรมดาได้มากเท่า ไหร่ยิ่งดี” ยิ่งธรรมดายิ่งเรียบง่าย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ สำหรับกรณีนี้ไหม? แต่นี่เป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง
“ขอบคุณมากๆเลยนะ! โป๋เหวิน มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองนะ!” เฉียวอวี่ถงเป็นคนมีน้ำใจอย่างหาได้ยากคนหนึ่ง

ตู้โป๋เหวินยิ้มแต่ไม่ได้พูด เขาจะให้เฉียวอวี่ถงเป็นคน เลี้ยงเขาได้อย่างไร สถานการณ์ของเฉียวอวี่ถงตอนนี้ก็ เห็นๆกันอยู่ ถึงแม้ว่าตอนที่เธอยังอยู่ในตระกูลเฉียวจะ ไม่มีใครรัก แต่อูฐที่ตายแล้วก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ซึ่งเทียบ กันแล้วก็ยังถือว่าดีกว่าตอนนี้มาก

“เฉินเฉิง ยังมารบกวนคุณอยู่ไหม?”

“ไม่มาแล้วล่ะ เขาทำให้ฉันตกงาน ถ้ายังมีหน้ามาอีกก็บ้า แล้ว!”

เฉียวอวี่ถงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ราวกับกำลังพยายามเคี้ยว เนื้อวัวแก่ก่อนจะกลืนลงท้อง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ