หม่ามี้ หนูจับแดด มาแล้วฮะ

ตอนที่ 4 พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน



ตอนที่ 4 พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน

ตอนที่ 4 พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน

เฉียวอวี่องคาดไม่ถึงว่าไม่ใช่ฉินลี่เยี่ยที่ตกงาน แต่เป็น เธอ!

หัวหน้ายืนกรานว่าเธอผิดที่ไปทะเลาะกับลูกค้า แถม ลูกค้าคนนั้นยังเป็นคุณชายตระกูลเฉิน เขาไม่อยากมี ปัญหาเพราะเธอ

จึงต้องไล่เธอออก

ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เธอฟุบอยู่บน โซฟามองดูเด็กน้อยนั่งเล่นอยู่คนเดียวบนพื้นอย่างเศร้า ใจ

เมื่อวานนี้เธอเต็มไปด้วยความคิดที่ว่า พ่อของเด็กอาจ จะถูกไล่ออก ดังนั้นเธอจึงพาเด็กมาด้วย

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า คนที่ต้องการการรับผิดชอบคือเธอ

อย่างไรก็ตาม ลำพังเงินเดือนจากการทำความสะอาด ของเขา คงจะไม่เพียงพอสำหรับคนสามคน
เธอต้องหางานทำอีกครั้ง

เธอเปิดคอมพิวเตอร์ของเธอแล้วค้นหางานใหม่ทาง ออนไลน์

เสี่ยวจีนเข้ามาใกล้เธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หม่า มี้ ทำอะไรอยู่?”

“หางานอยู่”

“ทําไมต้องหางาน”

“เพราะฉันยังต้องกินข้าวน่ะสิ”

เขาจับแขนของเธอพร้อมกับอ้อนเสียงหวาน “หาป่าปี้สิ ป่า ทําอาหารอร่อย”

“ทำอาหาร?”

เฉียวอวี่ถงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าคนตัว โตนั่นทำอาหารเป็นด้วยหรือ? ดูไม่ออกเลยสักนิด

เมื่อเห็นท่าทางแปลกใจของเธอ เขาก็เดินเข้าไปในอ้อม แขนของเธอ แล้วพูดด้วยปากเล็กๆว่า
“หม่ามี้ ลองโทรถามป่าปี้ดูสิ ถ้าผมหิว ป่าปี๊ก็จะทำอาหาร

ให้กิน”

เธอมองเขาด้วยความละอายเล็กน้อย “พวกเราไม่ได้ เป็นแฟนกันจริงๆสักหน่อย ท่าแบบนั้นไม่ดีหรอก”

“ดีสิ พวกคุณเป็นสามีและภรรยากัน”

เธอหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “สามีภรรยากับผีน่ะสิ”

เสี่ยวจิ่นไม่พอใจที่ได้ยินแบบนั้น พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เป็นสามีภรรยากัน!”

เธอยิ้มแล้วก็ลูบหน้า “ทำไมหนูถึงชอบฉันล่ะ? ทำไมถึง อยากให้ฉันเป็นแม่ของหนู?”

“เพราะคุณปกป้องผมในวันนั้น เหมือนนางเอกในละคร

ทีวีเลย”

เธอย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอย่างจริงจัง เธอ เหมือนนางเอกจริงๆ

แต่…

“พ่อของหนูหล่อขนาดนั้น ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไล่จับเขาแล้วมารังแกหนูใช่ไหม?”

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “ไม่มีสาวที่ไหนไล่จับ พ่อหรอก คนที่อยู่รอบตัวพ่อมีแต่ผู้ชาย”

ผู้ชาย?

ไม่มีทาง เขาหล่อมาก จะไม่มีผู้หญิงมาไล่จับได้ยังไง

หรือว่า……….

เป็นเกย์

เธอตกตะลึงเมื่อมีความคิดที่น่ากลัวนี้ผุดขึ้นมาในใจของ เธอ ก่อนจะมองดูเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ ด้วยความแปลกใจ ถ้าเขาเป็นเกย์จริงๆ แล้วเด็กน้อยคนนี้ จะเกิดมาได้อย่างไร?

“แล้วแม่ของหนูไปไหน?”

“ผมเป็นลูกบุญธรรมของป่าปี้ ผมไม่เคยเห็นพ่อแม่ที่แท้ จริงของผม”

เฉียวอวี่ถงพูดไม่ออก แม้ว่าเสี่ยวจิ่นจะยังคงเต็มไปด้วย รอยยิ้มที่อบอุ่นน่ารัก แต่เธอยังรู้สึกผิดที่ไปสะกิดบาดแผลในใจของเขา

“หนูอยากกินอาหารที่แม่ทำไหม?”

“อยาก!”

เมื่อฉินลี่เยี่ยเดินเข้าประตูมา ก็ได้กลิ่นหอมเข้มข้นของ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อบอวลอยู่ภายในห้องเล็กๆ เขาขมวด คิ้วแน่น

เขาไม่ชอบอาหารจานด่วนแบบนี้ เขารู้สึกว่ามันไม่ค่อย มีประโยชน์ เขาจึงไม่เคยทำให้เสี่ยวจิ่นกิน

แต่ตอนนี้…

เจ้าเกี๊ยวตัวน้อยนั่น แทบจะมุดหน้าเข้าไปในชาม ราวกับ ว่าไม่ได้กินข้าวมาสามวันแล้ว

เฉียวอวี่ถงคาบตะเกียบมองเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมสีหน้า ของเขาถึงได้ดูอึมครึมแบบนั้น

หรือเป็นเพราะเขาไม่ได้กิน?

เธอคิด ก่อนจะพูดอย่างลังเลว่า “เอ่อ … ให้ฉันจะทำให้ คุณชามหนึ่งไหม?”
เขามองเธออย่างเย็นชา “เสี่ยวจิ่นยังเด็กมาก คุณเอา ของแบบนี้ให้เขากินได้ยังไง?”

เธอเองก็รู้ว่าของดังกล่าวไม่ดีต่อสุขภาพของเด็ก เธอ กล่าวว่า “ฉันใส่ไข่เพิ่มให้เขาแล้ว”

หลังจากพูดจบ เธอก็ยังรู้สึกว่า มันยังดูไม่ค่อยสมเหตุ สมผลเท่าไหร่ จึงพูดต่อว่า “สองฟอง”

เสี่ยวจิ่นเงยหน้าขึ้นมอง ที่มุมปากของเขายังมีแครอทใน ถุงปรุงรสติดอยู่ เขายิ้มให้เขาแล้วหันไปมองเธอแล้วถาม ว่า “หม่ามี้ มีอีกไหม?”

ฉินลี่เยี่ยขมวดคิ้ว “ไม่ต้องกินแล้ว”

เขาจ้องมองเขา ก่อนกระโดดออกจากเก้าอี้แล้วไปหลบ อยู่ข้างหลังเฉียวอวี่ถง พลางตะโกนอย่างแน่วแน่ว่า “ไม่! ผมจะกิน!”

ใบหน้าของเขาจมลงทันที ตอนนี้เด็กคนนี้มีแม่แล้วนี่ ถึง แม้ว่าจะไม่ใช่แม่จริงๆ แต่มันก็ทำให้เขากล้าต่อต้านมาก ขึ้น

ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าจะไม่ดีแน่
เขาคิดพลางกางกรงเล็บเข้ามา พยายามคว้าตัวเขา ราวกับว่ากำลังจะจับไก่

เฉียวอวี่ถงตกใจ ปกป้องเขาอย่างรวดเร็วตาม จิตใต้สํานึก ฝีมือของเขาดัง “เผียะ” มองหน้าเขาอย่างเอา เรื่อง “คุณทำอะไรของคุณ!”

“พาเขากลับบ้าน”

เสี่ยวจิ่นโผล่ครึ่งหน้าไปมองเขา “ไม่ไป ผมจะอยู่กับหม่า

ជី”

“เธอไม่ใช่แม่ของลูก”

คำพูดของเขา จุดประกายความรู้สึกบางอย่างในใจเธอ ทำไมเขาจะต้องพูดตรงขนาดนี้ต่อหน้าเด็ก? เขายังเด็ก อยู่เลย!

“ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกว่า การที่เสี่ยวจิ่นเข้าใจผิด เรื่องที่ว่า ฉันเป็นแม่ของเขานั้น ค่อนข้างจะไม่เหมาะสม แต่!

ถึงแม้ว่าเธอจะมีจิตใจที่เที่ยงธรรม แต่ก็ยังต้องกัดฟัน พูดคำสองคำนี้ออกมา จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่ลุกวาว

“นับตั้งแต่ที่เขาเรียกฉันว่าแม่ เขาก็เป็นลูกชายของฉันแล้ว”

“ไม่ใช่”

เสียงของเขาเบามาก แต่เขาก็ชัดเจนพอที่จะส่งคําทั้ง สองไปยังหูของเธอ

ไฟในใจของเธอปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง เม้มปากเข้าหา กันแน่น

“คุณก็ไม่ใช่พ่อของเขา พวกเราก็เหมือนกันนั่นแหละ แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน?”

ฉินลี่เยี่ยจ้องมองเธอด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ

เสี่ยวจิ่นอยากจะปรบมือให้เธอดังๆ

แต่ละวันเขาจะต้องอยู่ที่บ้านคนเดียว มันน่าเบื่อจะตาย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ตอนนี้เขาจะมีแม่ที่เต็มใจปกป้องเขา

ต่อให้ต้องตาย เขาจะไม่ปล่อยเธอไป

เขาจ้องมองไปที่ฉินลี่เยี่ยอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพูด ด้วยเสียงออดอ้อนว่า “ป่าปี้ อย่าโมโหอีกเลยนะ”
เขาเม้มปากแน่นและนั่งลงบนโซฟาโดยไม่พูดอะไรสัก

ค่า

“ป่าปี๊ ผมไม่อยากกลับบ้าน”

“ทําไม?”

“เพราะป่าปี่ก็ไม่อยู่บ้าน”

ฉินลี่เยี่ยมองเขา ก่อนจะหรุบตาลง เขาไม่ค่อยได้เอาใจ ใส่เด็กคนนี้สักเท่าไหร่ ตอนนี้เขาคงต้องเอาใจใส่ให้มาก

ขึ้น

“ป่าปี๊ ผมชอบหม่ามี”

“งั้นก็ดี” เขาถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “เราจะพาเธอกลับ บ้านด้วย”

พากลับบ้าน?

เฉียวอวี่ถงตกใจ เสี่ยวจิ่นพึงพอใจ “พาฉันกลับบ้าน? ฉัน มีบ้าน เข้าใจรึเปล่า?”

แต่เขาก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า “ไปอยู่ที่บ้านของผมจะ สะดวกมากขึ้นในการดูแลเสี่ยวจิ่น”
“แต่ฉันต้องทํางาน!”

“คุณยังไม่ถูกไล่ออกอีกเหรอ?”

ตอนที่เขายังไม่ได้พูดถึงมันก็ยังไม่เป็นไร แต่พอเขาพูด ถึงมันเท่านั้นแหละ “ผ่าง” ความโกรธในใจของเธอก็ปะทุ ขึ้นมาทันที

“ฉันกำลังหางานใหม่อยู่!”

“คุณต้องดูแลเสี่ยวจิ่น”

“เพราะคุณดูแลเขาไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”

“ผมต้องทำอย่างอื่น”

แม่งเอ๊ย!

เธอโกรธจนตาขวาง

“ฉันทำไม่ได้! ฉันก็มีอย่างอื่นต้องทำเหมือนกัน!”

เขากวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า พูดอย่างกวนๆว่า”คุณมีอะไรให้ต้องทำจริงๆนั่นแหละ”

ใบหน้าของเฉียวอวถงแดงก่ำ เธอเป็นสุนัขโสด จะ มอมแมมหน่อยก็เป็นเรื่องปกตินี่นา แน่นอนว่าห้องนี้มันก็ รกนิดหน่อย

“คุณได้เงินค่าทำความสะอาดเท่าไหร่?”

ค่าทําความสะอาด?

เมื่อไหร่กันที่เขาบอกว่าเขาเป็นพนักงานทำความ สะอาด?

เมื่อเห็นเขาไม่ตอบ เธอก็คิดว่าเขาคงอายที่จะพูด มีนัย ยะแห่งความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นในสายตาของเธอก่อน จะพูดว่า

“ฉันจะหางานที่ได้ค่าจ้างมากกว่า ส่วนคุณดูแลเด็กอยู่ที่

บ้าน”

“คุณจะเลี้ยงผมรึไง?”

เธอตัวแข็งทื่อไป คำพูดของเธอก็สามารถตีความได้แบบนั้นจริงๆ

เฉียวอวี่ถงรู้สึกอายเล็กน้อย แต่เธอไม่อยากไปที่บ้าน กับเขาจริงๆ

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเห็นด้วยหรือไม่?”

เธอจ้องมองเขาและตอบตามตรงว่า “คุณก็ไม่สามารถ กินน้อยลงได้นี่นา”

เขาส่ายหัวแล้วถอนหายใจให้กับเรื่องที่เกิดขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ