ตอนที่ 13 ไม่คู่ควรที่จะมีบารมีเท่าคุณหนูอย่าง ข้า
ตอนที่ 13 ไม่คู่ควรที่จะมีบารมีเท่าคุณหนูอย่างข้า
ไม่ง่ายเลยว่าจางยวี่โหร่วจะหลุดพ้นจากความกวนใจ จากเป่ยจื่อห้าว พอกลับมาถึงบ้านตระกูลจาง พ่อและแม่ ของนาง พี่ชายพี่สะใภ้ ลุงป้าน้าอาต่างก็รอนางอยู่แล้ว
พอเห็นนางกลับมาก็รีบดึงนางมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ สีหน้าของแต่ละคนล้วนกังวลไปหมด
“โหร่วเอ๋อ เจ้ากลับมาสักที เมื่อวานพึ่งส่งเจ้าขึ้นเกี๊ยว มองเจ้าออกเรือน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ พวกข้าเป็นห่วงเหลือเกิน”
เห็นสีหน้ากังวลของพวกเขาแล้ว ดูก็รู้ว่าเป็นห่วงนาง ไม่ ได้หลับทั้งคืน จางยวี่โหรวรู้สึกซึ้งใจมาก จนตาเริ่มแดง
ครอบครัวของนาง เป็นที่กันภัยกันฝนให้นางเสมอ ไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาก็จะยืนข้างนางโดยไม่สนใจใดๆ รุ่งโรจน์ด้วยกันและล่มจมก็ไม่ทอดทิ้งกัน นึกถึงชาติก่อน ที่พวกเขาถูกมัดไว้รอประหาร และกลับมาคิดตอนนี้พวก เขาต่างอยู่ด้วยกันอย่างมีความุข น้ำตาของจางยวี่โหร่วก็ ทะลักออกมาไม่หยุด
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ ท่านพี่สะใภ้ เมื่อก่อนเรี่โหว ไม่รู้เรื่อง โหราทำผิดต่อทุกท่านเลย
ทั้งครอบครัวต่างมองหน้ากัน คิดว่าเป็นเพราะว่าขึ้น เกี้ยวผิดทำให้เกิดเรื่องมากมายนางถึงพูดเช่นนี้ และ ร้องไห้ขนาดนี้
พี่สะใภ้ของจางยวี่โหร่วรีบมาพูดปลอบใจ “โหร่วเอ่อ เจ้า พูดอะไรกัน เรื่องนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่เจ้าตั้งใจสัก หน่อย พวกข้าจะโทษเจ้าได้ไง? เจ้าวางใจได้ ถึงอ่องชิง ผินจะมีอำนาจทางทหารมากแค่ไหน บ้านเราก็ไม่กลัวเขา ถ้าเขากล้าต่อรองกับเจ้า พวกข้าไม่ปล่อยเขาไว้แน่
จางยวี่โหร่วเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของคนในบ้าน พวกเขาไม่ ยอมให้นางได้รับการทำร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ‘การขึ้นเกี้ยวผิด’ เป็นสิ่งที่นางสร้าง ขึ้นมาและแสดงเอง อ๋องชิงผินโดนดึงเข้ามาในเรื่องนี้โดย ไม่รู้เรื่องใดๆ และยังรับผิดแทนนางด้วย
ตอนนี้ทุกคนน่าจะคิดกันว่า อ๋องชิงผืนถือตัวที่ตนเองศึก ไม่เคยแพ้ ไม่เห็นราชวงศ์อยู่ในสายตา อีกทั้งยังแย่งผู้ หญิงขององค์ชายสามด้วย
จางยวี่โหร่วรู้สึกว่าตนเองติดค้างผู้ชายคนนั้น พอนึกถึงเรื่องที่เขาพูดก่อนไป ให้นางคิดดีๆว่าจะตอบแทน ยังไง
นางเกิดใหม่ในชาตินี้ นอกจากแก้แค้นแล้ว ไม่มีความ หวังอะไรอีก เขาอยากได้อะไรแค่เอ่ยปากพูด นางก็จะ พยายามที่สุดเพื่อทำให้เขา
นึกถึงเรื่องนี้ จางยวี่โหร่วเลยไม่มีอารมณ์ที่จะมาถามไถ่ กับคนในครอบครัว เลยหาข้ออ้างกลับห้องไปก่อน เวลา สามเดือน บอกสั้นก็ไม่สั้น บอกยาวก็ไม่ยาว นางต้องคิด วางแผนดีๆว่าต่อจากนี้ไปจะทำยังไง
หลังจากที่นอนพักหนึ่งแล้วตื่นขึ้นมา จางยวี่โหรวรู้สึก สดชื่นมีแรง ในห้องจุดเทียนหอมชื่นใจที่พี่สะใภ้สาม ทำให้โดยเฉพาะ นางไม่ได้ดมกลิ่นที่อบอุ่นเช่นนี้เป็นเวลา นานมากแล้ว
เมื่อก่อนเพราะคำพูดเดียวของเป่ยจื่อห้าว เปลี่ยนเทียน หอมทั้งหมดในตำหนักคูนหนิงของนางให้เป็นเทียนหอม กลิ่นที่เขาชอบ หลังจากนั้นจ้าวซินซินก็บอกนางว่าเป่ยจื่อ ห้าวไม่เคยคิดที่จะให้นางท้อง เลยแอบสั่งให้คนเติมเซ่อ เซียงลงในเทียนหอมของตำหนักคูนหนิง
ดีที่ตระกูลของพี่สะใภ้สามเป็นตระกูลหมอ ได้ทำยาที่บำรุงร่างกายให้กับนางโดยเฉพาะ เลยทำให้สารถท้อง ได้ แต่ลูกยังไม่ทันได้คลอด ก็ถูกเป่ยจื่อห้าวและจ้าวซินซิ นทำร้ายจนแท้ง
พอนึกถึงเรื่องในอดีตแต่ละเรื่อง จางยวี่โหร่วก็ขนลุกไป ทั้งตัว เป่ยจื่อห้าวและจ้าวซินซินยังมีชีวิตอยู่หนึ่งวัน นางก็ ไม่สามารถวางใจได้
เวลานี้ กลับมีคนมาเปิดประตูห้องกะทันหัน ที่แท้ก็คือ เสี่ยวเฟิงเดินเข้ามานี่เอง
เห็นนางตื่นแล้ว เลยรีบลุกขึ้นมาทำความเคารพ “คุณหนู วันนี้ตื่นเช้าจังเลยค่ะ คุณหนูจ้าวมาเยี่ยมท่าน ข้าน้อยคิด ว่าท่านยังไม่ตื่นเลยให้นางนั่งรออยู่ข้างนอกค่ะ”
ได้ยินประโยคหน้าแล้ว จางยวี่โหร่วก็แอบยิ้มให้กับ ความขี้เกียจของตนเองในอดีต นางตื่นเวลาเกือบ เที่ยงทุกวันเลย แต่พอได้ยินประโยคหลัง นางกลับยิ้ม อ่อน….คนสารเลวอย่างจ้าวซินซินมาแล้วหรือ!
ตอนแรกนางเตรียมที่จะออกไปเดินเล่น ไปเยี่ยมท่านปู่ และท่านพ่อกับท่านแม่ แต่เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว นาง เลยเปลี่ยนความคิด
นางตั้งใจหาวไปหนึ่งที แล้วห่มผ้าห่ม “ข้าว่าข้าขอนอน ต่ออีกสักพักแล้วกัน”
เสี่ยวเฟิงมองด้วยความแปลกใจ “คุณหนูคะ เมื่อก่อนทุก ครั้งที่คุณหนูจ้าวมาหาท่านดีใจตลอดเลยนะคะ ทำไมวัน นี้กลับมีท่าทีไม่อยากไปเจอล่ะ?”
จางยูวี่โหร่วมองนางแล้วพูดเบาๆ “เมื่อวานนางได้มา เยี่ยมข้าหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ!” เสี่ยวเฟิงส่ายหน้า
“แล้วบ้านจ้าวได้ส่งข่าวอะไรมาไหม?”
“ไม่มีค่ะ!”
จางย โหร่วยิ้มอย่างเยือกเย็น “เหอะ…เมื่อยามลำบาก จะรู้ว่าใครจริงใจ ประโยคนี้พูดไม่ผิดเลยจริงๆ เกิดเรื่อง ใหญ่เช่นนี้ นางกลับหายตัวไปเลย วันนี้เห็นไม่มีอะไรเกิด ขึ้นนางถึงวิ่งมาดูไง บอกว่าช่วยเหลือในยามลำบาก มี ความสุขก็มีด้วยกัน ลำบากก็ผ่านไปด้วยกัน เจ้าคิดว่าข้า ยังมีอารมณ์อยากพบนางไหม? น่าตลกที่สุด”
เสี่ยวเฟิงมองนางด้วยความตกใจ เหมือนพึ่งรู้จักนางครั้ง
แรก
“คุณหนูคะ ทำไมข้าน้อยรู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไป?”
“ข้าทําไม ข้าเปลี่ยนตรงไหน?” จางโหร่วตั้งใจทำ
เป็นไม่เข้าใจสิ่งที่นางถาม
“คุณหนูในอดีตขอบคุณหนูจ้าวมากเลยนะคะ ราวกับว่า นางเป็นน้องสาวแท้ๆของท่านเลย หลายปีมานี้เรื่องใหญ่ เรื่องเล็กของบ้านจ้าว นางมาของให้ท่านช่วยนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเงินทองเครื่องประดับหรืออะไรก็ตามที่นาง อยากได้คุณหนูก็ให้นางหมดเลย เหมือนนางเห็นตระกูล จางเป็นบ่อเงินบ่อทองของนางเลย วันเกิดท่านเมื่อปีที่ แล้วคุณไท่ซือนำไข่มุกกลางคืนแห่งมหาสมุทรที่ฮองเต้ ประทานให้มอบให้กับคุณหนูเป็นของขวัญวันเกิด นางก็ มาขอไป คุณท่านกับคุณผู้หญิงรักท่านไม่มีใครกล้าพูด อะไร คนที่คุณหนูชอบพวกท่านก็ชอบด้วย แต่บ่าวอย่าง พวกข้าดูแล้วรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนคุณหนู คุณหนูชอบ นางก็จริง แต่นางก็ควรจะรู้ตนเองซะบ้าง ไม่ควรโลกเช่น นั้น”
จางยวี่โหร่วถอนหายใจในใจ ชาติก่อนนางมีชีวิตอยู่ อย่างโง่แค่ไหนเนี่ย?
นางไม่เพียงแต่แบ่งปันสิ่งของที่ตนเองรักให้กับจ้าวซิน ซิน อีกทั้งสามี….นางก็ยอมแบ่งให้นางอย่างเต็มใจ
จ้าวซินซินไม่ใช่แค่โลภมาก แต่นางใจโหดเหี้ยมอำมหิต เป็นบ้า นางดีกับจ้าวซินซินขนาดนั้น แต่ในใจของจ้าวซิน ซินเคยสำนึกในบุญคุณสักนิดไหม?
มือที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อของจาง วี่โหร่วกำไว้แน่นจน ข้อต่อกระดูกเห็นเป็นสีขาว ในแววตาเผยให้เห็นถึงความ เกลียดเล็กน้อย
นางกลับลุกขึ้นแล้วพูด “เสี่ยวเฟิง เปลี่ยนเสื้อผ้าทำผม ให้ข้าสิ เอาเสื้อตัวโปรดของข้าที่เป็นชุดแดงปักลายดอก ด้วยด้ายทอง ส่วนเครื่องประดับ ใช้ปิ่นปักผมเพชรที่ร้อย ด้วยไข่มุกทอง”
เสี่ยวเฟิงจ้องนางตาโต มองนางด้วยความไม่น่าเชื่อ คุณหนู เมื่อก่อนท่านไม่เคยชอบเครื่องประดับที่หรูแพง แบบนี้เลยนะคะ โดยเฉพาะตอนที่ไปพบคุณหนูจ้าว ท่าน บอกว่าสงสารที่บ้านของนางยากจน กลัวนางจะละอาย ในเมื่อเห็นนางเป็นพี่น้องจริง ก็ต้องลดศักดิ์เพื่ออยู่กับนาง แต่ทำไมตอนนี้…
“ข้าเป็นหลานสาวคนเดียวของไท่ซือแห่งราชวงศ์นี้ บิดา มารดาต่างมียศสูง ข้าจะใส่อะไรก็เกี่ยวข้องกับหน้าตา ของตระกูลจาง หงส์ก็ต้องเป็นหงส์ตลอดไป อยู่บนที่ สูงส่ง หรือจะให้นกกระจอกมาเทียบบารมีกับข้าหรือ?”
“คุณหนูพูดถูกแล้วค่ะ ข้าน้อยจะไปเตรียมตอนนี้เลย” เสี่ยวเฟิงรู้สึกถูกใจสิ่งนี้มาก จ้าวซินซินคนนั้นเป็นแค่ ลูกสาวของนายหมู่บ้าน จะเทียบบารมีกับคุณหนูได้ยัง ไง การเปลี่ยนแปลงของคุณหนูในครั้งนี้กลับทำให้นางทั้ง ตกใจและแปลกใจ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ