แบดบอยคะนองใจ

บทที่ 14 บุคคลที่นับได้ว่าเป็นคนระดับสูง



บทที่ 14 บุคคลที่นับได้ว่าเป็นคนระดับสูง

ผมถูกการวิเคราะห์วิจารณ์ของเย่จ่างดึงดูด จึงบอกให้ เขาเล่าเรื่องให้ฟังอีกเล็กน้อย

“ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถเป็นนักเลงจนมีคนสนับสนุน อยู่เบื้องหลังได้นะ” เย่จ่างพูด”ตัวอย่างเช่นฉัน หลี่เจ๋ ใคร มันไม่เคยถูกรังแกมาก่อนล่ะ? หลังจากนั้นค่อยๆรวบรวม พี่น้องของตัวเองมาได้ ค่อยๆยัดหมัดกระแทกใส่หน้าคน อื่นได้ คนอื่นๆค่อยๆเริ่มยอมรับในตัวตนของนาย

“ถูกซ้อม ถูกคนด่า ถูกคนรังแก” เย่จ่างบ่นพึมพำไม่ หยุด”มีคนทรุดลงอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้ แหลกสลาย ไปทั้งชีวิต มีบางคนกลับเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งขึ้น มุมานะ อย่างหนักเพื่อความเจริญรุ่งเรือง เปิดชีวิตใหม่ขึ้นมาอีก ครั้ง”

ผมฟังเย่จ่างพูด ราวกับความมืดมิดภายในใจเจอแสง สว่างนำทางก็ไม่ปาน ชีวิตของการถูกรังแกตอนม.ต้น ตลอดระยะเวลาสามปี ทำให้อ่อนแอน่าสมเพช จัดการ อะไรไม่เด็ดขาด งกๆเงินๆ แต่ในตอนนี้ ราวกับคำพูดของ เย่จ่างมีเมล็ดงอกเงยขึ้นมาในหัวใจของผม ทำให้ผมเห็น ความหวังเยอะแยะมากมาย

“เพราะฉะนั้นนะ ถูกกระทืบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก” เย่จ่างพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก“ถูกตบแล้วยังไงล่ะ โหดร้ายกว่านี้ฉันก็เจอมาแล้ว ตอนนี้ฉันโชคดีที่มีเสี่ยวป่าย เข้ามา ไม่งั้นเราสองคนคงไม่ได้เดินสบายใจอย่างตอนนี้ หรอกนะ ยังสามารถเดินไปด้วยคุยไปด้วยได้”

“เพราะฉะนั้น เราน่าจะรู้สึกโชคดีใช่ไหมล่ะ? “แม้แต่ผม เองยังกลั้นขำไม่อยู่

ทฤษฎีของเย่จ่างน่าสนใจมากเลยแหละ ถ้าหากตอน นี้มีเพียงแค่ผมคนเดียว ในใจของคงเกลียดจนเกินที่จะ บรรยายแล้วล่ะ

“แน่นอนอยู่แล้ว! ” เย่จ่างหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง

“เอ่อจริงสิ หงลี่เป็นใครเหรอ? “ผมรู้สึกเกลียดชังคนคน นั้นมาก

“นักเลงชั้นม.ห้าน่ะ ได้ฉายาลงมือโหดเหี้ยมที่สุด พี่เลี่ยง ยังทัดทานเขาไม่ไหวเลย โจวหยางกับหลี่เจ๋หาคนถูกแล้ว ล่ะ” เย่จ่างส่ายหัวไปมา แต่ไอ้หมอนั่นเป็นคนที่เห็นเงิน สำคัญกว่าชีวิต หลังจากนี้คงจะสูบเลือดสูบเนื้อโจวหยาง อย่างเมามันเลยล่ะ!

“เฮ้ เขามีเงิน ก็ให้ไปเอากับเขาซะสิ”พ่อแม่ของโจวหยาง เป็นข้าราชการในตำบลตงกวนของพวกเรา มีเงินทองไม่ ขาดจริงๆนั่นแหละ พูดมาตลอดทาง เราทั้งสองเดินมา จนถึงร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่อย่างมีความสุข
พอเข้าไปในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ก็เดินตรงดิ่งเข้าไป หากลุ่มของพวกนักเรียนวิทยาลัยอาชีวศึกษาทันที ยัง ไม่ทันรอให้เราทั้งสองพูด เถ้าแก่ร้านอินเทอร์เน็ตก็ ตะโกนขึ้นมาว่า”เมิ่งเลี่ยง พี่น้องนายคนนั้นมาอีกแล้ว ใบหน้ากับบนตัวมีแต่แผล น่าจะโดนกระทืบมาอีกแล้วล่ะ”

เมิ่งเลี่ยงพุ่งตรงเข้ามาเหมือนธนู แล้วเบิกตาโตพลาง ถามขึ้นมาว่า”ทำไมโดนกระทืบอีกแล้ว? “พูดไปด้วยเดิน ขึ้นมาหาพวกเราด้วย”ตกลงโดนกระทืบ ยัง ดูพวกนาย มีความสุขไม่ใช่น้อยเลยนะ ไม่เหมือนคนโดนกระทืบมา เลยนิหว่า”

“โดนแล้ว โดนแล้ว”ผมลูบหัวป้อยๆ ไม่เหมือนกับตอนที่ เดินออกมาจากโรงเรียนในตอนแรกที่เต็มไปด้วยความ แค้นและความขมขื่น แต่กลับพูดอย่างสบายใจ

“เรื่องที่แล้วยังไม่จบ โจวหยางไปหาคนมาช่วยอีกแล้ว คราวนี้กระทืบพวกผมทั้งสองคนเลย”

“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น? ! ” หยวนเส้าที่พยายาม ลืมตาขึ้น แต่หูกลับได้ยินเสียงชัดมาก

“แม่งเอ้ย ใครซ้อมพวกแกเนี่ย? ! ” เมิ่งเลี่ยงเลิกแขน เสื้อขึ้น เห็นได้ชัดว่ารู้สึกโกรธมาก
“หงลี่” เย่จ่างยักไหล่อย่างทําอะไรไม่ถูก

“ไอ่เหี้ยนั่นหรอ? ! “ดวงตาของเมิ่งเลี่ยงเบิกกว้างขึ้น อีกเล็กน้อย”ฉันจะถลกหนังมันให้ถลอกไปเลย! ”

“เขาบอกว่าโจวหยางเป็นน้องชายของเขา เรื่องนี้เขาจะ เข้ามาคุมให้ได้”น้ำเสียงของเย่จ่างยิ่งทำอะไรไม่ถูก

“เป็นแม่มันสิ!” เมิ่งเลี่ยงพูดตะคอก”ถ้าไอ้หมอนั่นไม่ ได้ลงมือออกหน้าเพราะเงิน กูจะยอมเขียนแซ่ของตัวเอง กลับหลังเลย! ”

เสียงตะคอกด้วยความโกรธของเมิ่งเลี่ยงดังจนทั่วทั้ง ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เงียบกันเป็นแถบๆ รูปร่างของเขา เตี้ยเล็ก แต่นิสัยกลับร้ายไม่เบา ใบหน้าของเขาแดงก่ำ รู้สึกไม่ยุติธรรมกับเหตุการณ์ที่ผมกับเย่จ่างเจอมา

“เกิดอะไรขึ้น? “ในที่สุดหยวนเส้าก็ผละออกจาก คอมพิวเตอร์ เดินบุ่มบ่ามเข้ามา นักเรียนวิทยาลัย อาชีวศึกษาคนอื่นๆต่างกรูกันเข้ามา หยวนเส้าหันหลัง โบกมือ“พวกแกเล่นกันไปก่อนเถอะ”นักเรียนพวกนั้นเห็น แบบนั้น จึงเดินกลับไป

ต่อหน้าเมิ่งเลี่ยงกับหยวนเส้า ผมเล่าเหตุการณ์เมื่อ กลางวันให้พวกเขาฟังรอบหนึ่ง สุดท้ายจึงพูดไป ว่า“ขอบคุณพวกพี่นะครับที่เรียกให้ซูเสี่ยวป่ายปกป้องผม ทำให้ผมกับเย่จ่างรอดตัวไป แต่ผมไม่ยอมให้เรื่องมัน จบแบบนั้นแน่ ยิ่งไม่ยอมควักเงินหนึ่งพันจ่ายแน่”

หยวนเส้ากับเมิ่งเลียงมองสบตากัน แล้วหยวนเส้าก็พูด ขึ้นมาว่า “พวกฉันจะไม่ยอมให้นายควักเงินจ่ายหนึ่งพันแน่ แต่ พวกเราไม่ได้เรียกซูเสี่ยวป่ายหรอกนะ”

“ไม่ใช่พวกพี่? “ผมรู้สึกประหลาดใจมาก จึงหันกลับไป มองดูนักเรียนวิทยาลัยอาชีวศึกษาพวกนั้น ไม่มีแม้แต่ เงาของหมู่เฉิงเฟย หรือหยู่เฉิงเฟยจะติดต่อกับซูเสี่ยวป่า ยด้วยตัวเอง ไม่ได้บอกแม้แต่พวกหยวนเส้า? พิสูจน์ไม่ ได้จริงๆ ถ้าหากพวกเขาไม่ได้บอกให้ซูเสี่ยวป่ายช่วย ถ้า อย่างงั้นใครเป็นคนบอกให้เขามาช่วยผมกันแน่? ผมไม่รู้ จักใครในโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน ยิ่งไปกว่านั้นซู เสี่ยวป่ายไม่มีทางยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างไม่มีเหตุผลแบบ นี้หรอก

ผมมองไปที่เย่จ่าง สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความงุนงง ส่ายหัวไปมาให้ผม

หยวนเส้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใช้เสียงที่ทำให้คนได้ร้าน อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ได้ยิน“แม่งสิไอ้เย่จ่าง ให้แกจัดการ เรื่องแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ ยังมีหน้ากลับมาหาพวกฉันอีก เหรอวะ สมควรโดนกระทืบแล้วค*ย ไสหัวไปให้ไกลเลย นะไป! ”
ผมมองไปที่หยวนเส้าด้วยความตกใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะ พูดจาแบบนี้ออกมา สีหน้าของเย่จ่างแดงก่ำ คนที่อยู่ใน ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เกือบทุกคนมองออก

“หยวนเส้า…..ผมกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง

เมิ่งเลี่ยงกลับรีบพูดขึ้นมาว่า”บอกให้แกไสหัวไปก็ไปซะ สิ ยืนทำเผือกอะไรตรงนี้? บนตัวพวกกูไม่ได้มีกระดูกนะ เว้ย”นี่เป็นคำดูถูกคนที่สุดแล้ว

เย่จ่างกัดฟันกรอด หันหลังเดินจากไปทันที

“เย่จ่าง! “ผมตะโกนเรียกเขา แล้ววิ่งตามออกไปทันที

เย่จ่างเป็นคนดีมาก อีกทั้งยังคอยปกป้องผมครั้งแล้วครั้ง เล่าอีก ผมไม่อาจเห็นเขาได้รับความไม่ยุติธรรมแบบนี้ ได้! สำหรับพวกหยวนเส้าแล้ว..……..รู้สึกว่า นักเลงยังไง ก็เป็นนักเลงอยู่วันยังค่ำ นักเลงของวิทยาลัยอาชีวศึกษา ก็ไม่ต่างกัน ล้วนเป็นพวกไม่มีเหตุผล ไม่เห็นใจคนอื่น! แน่นอนว่าในใจของก่อเกิดความผิดหวังขึ้น

ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งนี้รวบรวมนักเรียนของ โรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน วิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉิง หนานและโรงเรียนมัธยมที่เจ็ดเมืองเป่ยหยวน เย่จ่างยัง ไงซะก็มีชื่อเสียงในหมู่บรรดานักเลงเล็กน้อย ถูกพวกหยวนเส้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีแบบนี้ จะให้เขาอดทนได้ อย่างไร?

ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยพูดว่าเขาชินกับมันแล้ว แต่….ในหัวใจขอบผมกลับยังคงรู้สึกว่านี่มันไม่ยุติธรรม กับเย่จ่างเลย

ผมกำลังจะตามเย่จ่างไป ทันใดนั้นไม่รู้ว่าใครดึงแขนผม ไว้ หันหน้ากลับไป กลับเป็นเมิ่งเลี่ยง

“พี่เลี่ยง”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทำอะไร ไม่ถูก”เย่จ่างเป็นคนที่ดีมากเลยนะ คอยดูแลผม ครั้งนี้ เขาพบเข้ากับหงลี่ เขาทำอะไรไม่ได้จริงๆ

“แกออกมา” เมิ่งเสี่ยงดึงแขนผม เดินออกจากร้าน อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ไป หยวนเส้าเดินตามหลังผม

ณ มุมหนึ่งข้างๆร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ใกล้กันกับด้าน ล่างของกำแพง ด้านล่างกำแพงเต็มไปด้วยร่องรอยของ ปัสสาวะ คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นโสโครกอันน่าขยะแขยง

“ฉันเข้าใจความรู้สึกของแกดี” เมิ่งเลี่ยงพูด แต่ความจริง แล้วหยวนเส้าทําเพื่อเย่จ่างนะ”

ผมมองไปที่หยวนเส้าด้วยความประหลาดใจ คิด หาความสัมพันธ์แบบเป็นเหตุเป็นผลในนี้ไม่ออก ด่าเย่จ่างต่อหน้าคนอื่นๆในร้าน จะเป็นการดีต่อเขาได้

อย่างไร?

หยวนเส้ากลับจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบม้วนหนึ่ง ไม่ได้คิดอยาก จะอธิบายอะไร ไม่มีทางเลือกอื่น ผมจึงทําได้เพียงแค่ น ไปมองเมิ่งเสี่ยง

เมิ่งเลี่ยงมองไปที่หยวนเส้าอย่างไม่สบอารมณ์”สูบคน เดียวได้ไงกันห้ะ? ”

หยวนเส้ากลับมีท่าทีเรียบเฉย ม้วนสุดท้ายแล้ว ทําไม ฉันต้องถวายให้นายทุกวันด้วยห้ะ”

“ไร้มโนสึก! ” เมิ่งเลี่ยงพูดตะโกน แย่งบุหรี่ที่เขาคาบอยู่ ในปากมาทันที หยวนเส้าทำเสียง”เอ้า”หนึ่งครั้ง แล้วแย่ง บุหรี่กลับไป ทั้งสองเล่นหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน หัว ของผมใกล้จะระเบิดเต็มที จึงพูดอย่างเซ็งๆไปว่า “พวก นายสองคนหยุดเล่นกันได้ไหม”

ในที่สุดเมิ่งเลี่ยงก็แย่งบุหรี่มาได้ สูบไปสองสามคำก็สูบ หมด จึงพูดขึ้นมาว่า “ฉันถามแกก่อนนะ เรื่องนี้ แกจะต้อง ไม่จบง่ายๆแน่ ใช่ไหม? ”

“ใช่”ผมพูดอย่างมุ่งมั่น“ถ้าฉันยอมแพ้ หลังจากนี้ยังไม่รู้ เลยว่าจะถูกโจวหยางรังแกยังไง”ผมจะไม่ยอมกลับไปใช้ ชีวิตเหมือนตอนอยู่ม.ต้นอีกเป็นอันขาด
“ดี ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ทําไมฉันต้องด่าไล่เย่จ่าง ไป” หยวนเส้าพูดต่อ”หงลี่ลงมือแล้ว เรื่องนี้ไม่ง่ายขนาด นั้นหรอก เย่จ่างเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมปลาย เฉิงหนาน ถ้าหากเรื่องนี้เขายังมายุ่งวุ่นวายกับวิทยาลัย อาชีวศึกษาของเราไม่จบไม่สิ้น กลัวว่าเขาจะต้องลำบาก แน่”

ผมตะลึงไปในทันที คิดไม่ถึงว่าหยวนเส้ากับเมิ่งเลี่ยงกับ วิเคราะห์กันถึงขั้นนี้แล้ว

“โรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน วิทยาลัยอาชีวศึกษา เฉิงหนาน โรงเรียนมัธยมที่เจ็ดเมืองเป่ยหยวน จริงๆแล้ว มันเป็นสถานการณ์สองต่อหนึ่ง” หยวนเส้าพูดต่อ นักเลง ทั้งสามโรงเรียนนี้ต่างไม่ชอบหน้ากัน มักจะรู้สึกว่าตัวเอง เก่าที่สุด ภายนอกดูทุกคนจะรักสามัคคีกันดี ความจริง แล้วคอยต่อสู้กันไม่ขาด เหมือนไตรภาคี ที่คอยรักษา สมดุลกันอยู่ ในเวลาปกติความสัมพันธ์ของเหล่านักเลง ยังพอใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่นพวกเรากับพวกหงลี่ แต่เมื่อ ทั้งสองโรงเรียนต้องเผชิญหน้ากัน ใครควรทำอะไรก็ยัง คงต้องไปทํา จะไม่มีทางยอมอ่อนข้อเด็ดขาด”

“ความหมายของนายคือ….” ผมพูดขึ้นด้วยความตกใจ เล็กน้อย เรื่องนี้อาจจะทำให้โรงเรียนมัธยมปลายเฉิง หนานกับวิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉิงหนาน……..”

“ขอแค่นายไม่อยากยอมแพ้ เราก็จะหนุนหลังนายให้ถึงที่สุด” หยวนเส้าพูด ถ้าขืนเย่จ่างยังช่วยพวกเราอยู่ เขาจะใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานได้ยาก ลําบาก เมื่อกี้นักเรียนทั้งสามสถาบันต่างอยู่กันที่นั่น พวก เราด่าเย่จ่างต่อหน้าคนอื่นๆ ก็เพื่อทำให้โรงเรียนมัธยม ปลายเฉิงหนานดู”

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ผมสูดหายใจเข้า นึกถึงตนเอง ที่เป็นตัวการทำให้ทั้งสองโรงเรียนวุ่นวาย ผมรู้สึกเยือก เย็นจากก้นบึ้งของหัวใจ ผมจะไปต่อไหม? จะไปต่อจริงๆ น่ะเหรอ?

“ขอแค่เริ่มตีกัน” หยวนเส้าพูดอย่างเคร่งขรึม”กลัวว่า นายจะใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานไม่ได้

มือของผมค่อยสั่นเทาขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่า ผมเรียกคนของวิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉิง หนานมาจัดการคนของโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน ถึง ผลลัพธ์สุดท้ายจะได้รับชัยชนะ แต่ผมจะใช้ชีวิตอยู่ใน โรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานต่อไปได้อย่างไร?

“นี่เป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด” หยวนเส้าพูด“แน่นอนว่า ถ้าพวกเราสามารถไม่ใช้กำลังได้ก็ไม่ต้องใช้ ถ้าหาก สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสันติจะเป็นการดีที่สุด ไม่ว่า เรื่องนี้จะเป็นไปอย่างไร เย่จ่างก็ไม่เหมาะจะเข้าร่วมต่อไป

“ผมเข้าใจแล้ว”ผมพยักหน้า ในใจกลับมีเมฆหมอกบด บ้งจางๆ

“แกคิดดูเองแล้วกัน” หยวนเส้าพูด”กว่าจะสอบเข้า โรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ถึงแม้โรงเรียนนั้นจะมีนักเลงไม่ใช่น้อย แต่สุดท้ายก็ยังดี กว่าวิทยาลัยอาชีวศึกษากับโรงเรียนมัธยมที่เจ็ดเมืองเป่ย หยวน แน่นอนว่า ฉันแค่บอกผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดให้นายฟัง เรื่องนี้ยังคงมีโอกาสจัดการอย่างสงบสุข

“คนที่ชื่อหงลี่น่ะ เขาร้ายกาจมากเลยเหรอ? “ผมบีบ กำปั้น

หยวนเส้าหัวเราะ”แน่นอนว่าเขายังเป็นบุคคลอันดับหนึ่ง ในโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน ไม่งั้นพวกหลี่เจ๋โจว หยางคงไม่เชิญเขามาหรอก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ