แบดบอยคะนองใจ

บทที่ 12 ครั้งนี้ปกป้องไม่ได้อีกแล้ว



บทที่ 12 ครั้งนี้ปกป้องไม่ได้อีกแล้ว

“เห้อ” เซี่ยเสว่พูด“ฉันได้ยินมาว่าโจวหยางหาคนจะมา จัดการนายใช่ไหม? ”

“…แม้แต่เซี่ยเสวก็ได้ข่าว ดูท่าแล้วเรื่องนี้จะไม่ใช่ข่าว ลอยเป็นแน่

“ไม่เป็นไรหรอก”ผมพูดได้เพียงเท่านี้”เย่จ่างเคยมาหา หลี่เจ่แล้ว ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เป็นแค่สิ่งที่พวกเขาปล่อย ข่าวมั่วๆ”

“จริงเหรอ? ” เซี่ยเสว่ยังคงไม่วางใจ”นายเองก็ต้องระวัง หน่อยนะ”

“ฉันทำอยู่แล้ว”ผมยิ้มแล้ว ผู้หญิงที่ชอบมาเป็นห่วงเป็น ใยตนเอง แน่นอนว่าต้องชอบอย่างห้ามไม่ได้ ในบางครั้ง ผมเกือบจะสารภาพรักกับเธอออกไปแล้ว เด็กสาวแบบ นี้ ถ้าหากเป็นแฟนสาวของผม คงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ เลย!

แต่น่าเสียดายหิมะตกไม่มีโอกาสให้ผมได้สารภาพรัก เธอเปิดหนังสือออกแล้วพูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะๆ รีบฟังครู สอนเถอะ”

ผมของเซี่ยเสบู่ลู่ตกลงมาจากติ่งหู จากนั้นเธอก็ค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้ม อากัปกิริยาง่ายๆเพียงท่าเดียว ก็ทำให้ผมตกลึกไปยังภวังค์ได้

แต่แล้วเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นบนได้

หลังจากผ่านคาบเรียนที่สองของช่วงบ่ายไป ในห้องมี คนเพียงไม่กี่คน รอบตัวของเซี่ยเสวมีผู้ชายหลายคนล้อม ตัวเธอไว้ ทุกคนต่างเล่นกับเธอเพื่อหยอกเย้าให้เธอมี ความสุข

ผมไม่ใช่คนที่ชอบสนทนากับคนหมู่มาก เพราะฉะนั้นจึง ไม่ได้เข้าไป แต่ดึงหนังสือออกมาเปิดอ่าน

หลิวจื่อหงเองก็ไม่ได้ออกไปไหน เคล็ดลับในการเรียน ของเขาก็คือขยันขยันแล้วก็ขยัน เจ้าหมอนี่ไม่ได้คุยกับ ผมมานานแล้วล่ะ

โจวหยางนั่งอยู่คนเดียวที่แถวสุดท้าย ทำท่าไขว้ขา ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่กันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะไม่ไปอยู่กับ พวกหลี่เจ๋ พวกของหลี่เจ๋อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องเรียน มี บางจังหวะก็หัวเราะลั่นออกมา ทุกอย่างดูปกติมาก ไม่มี สัญญาณแห่งความอันตรายใดๆทั้งสิ้น

แต่ในเวลานี้เอง ประตูของห้องเรียนถูกผลักออก มี นักเรียนรูปร่างสูงใหญ่ห้าคนเดินเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน

“ใครชื่อหวางห้าวห้ะ?! ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

นักเรียนคนนั้นผมไม่รู้จัก แต่น่าจะเป็นนักเรียนรุ่นใหญ่ เดินเข้ามาก็เรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความ โกรธเกรี้ยว คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้ง

ผมกระทุ้งไปที่หลิวจื่อหง หลิวจื่อหงพยักหน้าอย่างรู้ดี

ผมหันกลับไปมองโจวหยาง เขากำลังยิ้มอย่างชั่วร้าย มองมาที่ผม แน่นอนว่าในสายตาของเขามีความสะใจบาง อย่างที่ไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้

“น้องชาย ใครชื่อหวางห้าว? “นักเรียนคนนั้นเดินเข้ามา ถามต่อหน้าของโจวหยาง

“เขา” โจวหยางชี้มาที่ผม

ผมลุกขึ้นยืน หยิบของที่อยู่บนเก้าอี้ใต้ก้นของผม แต่มัน ไม่ทันเสียแล้ว

“แม่งเอ้ย มึงชื่อหวางห้าวใช่ไหม? ! “ทันใดนั้นนักเรียน คนนั้นก็กระโดดขึ้นมา ใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่ใบหน้าของ ผมฉาดใหญ่

นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน เพียงแต่ในตอนที่เขาด่ากราดนั้นจะมีน้ำลายพุ่งออกมา กระจายเป็นหย่อมๆอยู่ ทั่วใบหน้าของผม

“ได้ข่าวว่าแกเป็นน้องชายของเมิ่งเลี่ยงหรอวะ? ! “ยัง ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบกลับ ฝ่ามืออีกฉาดก็ตบเข้ามาที่ ใบหน้าของผมเข้าอย่างจังอีกครั้ง

“เมิ่งเลี่ยงมันคือใครห้ะ! “เขาตะคอกเสียงดัง เสียงของ เขาราวกับเสียงฝ่าผ่าสะท้านก้องไปทั่วทั้งรูหู

ผมไม่ยอมรับไม่ได้ว่า โลกใบนี้มีคนลงมือได้โหดเหี้ยม จริงๆ เขาเพียงแค่ใช้แรงนิดเดียว แต่พลังของเขาเยอะ มาก มันทำให้คุณไม่กล้าแม้แต่จะต่อต้านกลับ

ตบลงมาสองครั้งนี้ ทำให้สมองของผมเริ่มมึนงง จนผม ลงตึงไปกับพื้น มือยังคงจับเก้าอี้ไว้แน่

“ฮ่าๆ แกยังจะยกเก้าอี้อีกงั้นเหรอ เตรียมจะเอาเก้าอี้ ฟาดฉันสินะ? ! “นักเรียนคนนั้นหัวเราะเสียงดัง“แกฟาด สิวะ ฟาดลงมาสิ! “เขาเหยียบลงไปที่มือของผมอย่าง แรง ผมรู้สึกเจ็บมากที่มือ จึงทำได้เพียงแค่ปล่อยมือออก จากเก้าอี้ ผ่านไปแวบเดียว หลิวจื่อหงที่อยู่ข้างๆก็ไม่เห็น เงาแล้ว

เขาน่าจะไปเรียกเย่จ่างแล้ว ในใจของผมจึงรู้สึกโล่งอก เล็กน้อย เท้าของนักเรียนคนนั้นถีบไปที่ท้องของผมอย่างแรง ในขณะเดียวกันก็ด่ากราดออกมาด้วย”เมิ่ง เลี้ยงแล้วยังไง? แค่เด็กเทคนิคคนหนึ่งจะมายุ่งเรื่องของ โรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานได้เหรอวะ? ! แม่เย็ด เรียกคนของวิทยาลัยอาชีวศึกษามาแล้วจะคิดว่าเก่าหรอ ห้ะ? ! ”

ตรงบริเวณท้องของผมรู้สึกเจ็บปวดมาก มีของบางอย่าง แทบจะขย้อนออกมาแล้ว ถึงจะเป็นโจวหยาง ก็ไม่เคย กระทืบเขาอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้มาก่อนเลย!

“พี่ลี่ เกิดอะไรขึ้นหรอครับ? ! “พวกของหลี่เจ๋เดินเข้า มา ทำท่าทำทางเหมือนตกใจ

คนที่ถูกเรียกว่า”พี่ลี่”ชี้ไปที่จมูกผมแล้วด่ากราด แม่งเอ้ ย มันรังแกน้องชายฉัน ใครมันรู้กันวะ ว่าโจวหยางเป็น น้องชายของฉันหงลี่? ”

“อั้ยหยา ! ” หลี่เจ๋รู้สึกตกใจมาก”ที่แท้โจวหยางก็คือ น้องชายของพี่นี่เอง ทำไมผมไม่เคยรู้เลยล่ะ! ”

ผมหายใจเข้าออกอย่างแรง มองดูพวกของหลี่เจ๋แสดง ละครด้วยสายตาเย็นชา

“น้องชายของฉันมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายเฉิง หนาน ตอนแรกไม่อยากก่อเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นจึงไม่ ได้บอกกับคนอื่นว่าฉันเป็นพี่ชายของเขา” หงลี่พูดจนนํ้าลายกระเด็นไปมา แม่งเอ้ย แต่นี่มันก็ไม่ได้หมายความ ว่าเขาจะถูกใครรังแกได้ง่ายๆแบบนี้นะเว่ย! เกิดเรื่องก็ ไม่ได้บอกกับฉันก่อน ฉันได้ข่าวมาอีกทีหนึ่งด้วยซ้ำ”

หงลี่ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบที่หน้าของผมไว้”? แม่*เหม็น เอ้ย แกกับโจวหยางก็ต่างมาจากตำบลตงกวน ทําไมต้อง รังแกคนอื่นแบบนี้ด้วย”

ผมไม่มีแรงแม้แต่จะสู้กลับ ความกล้าก็ไม่มี ศักดิ์ที่มี ทั้งหมดถูกทำลายภายในชั่วพริบตา ผมใช้สติสัมปชัญญะ ที่หลงเหลืออยู่อันน้อยนิดยกมือขึ้นมา อยากจะปัดเท้า ของเขาออกไป

“ไปหาแม่งไป!” หงสี่ใช้แรงกระทืบไปที่มือของผม เอา เงินมาพ้นหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ไม่มีวันจบแน่! ”

“พี่ลี่ พี่ลี่ช่างมันเถอะครับ” หลี่เจ๋ที่อยู่ข้างๆเสแสร้งแกล้ง พูดขึ้น”เป็นนักเรียนเหมือนกัน ใครจะไปมีเงินตั้งพันหนึ่ง ล่ะครับ? ให้เขาขอโทษโจวหยางเถอะครับ”

“ไม่ได้เว้ย ถ้าไม่ได้หนึ่งพันเรื่องนี้ไม่จบ! ” หงลี่พูด อย่างโกรธเกรี้ยว“น้องชายฉันถูกรังแกขนาดนั้น คนเป็นพี่ ชายอย่างฉันเจ็บปวดแค่ไหน! ”
ในที่สุดโจวหยางก็เดินเข้ามา ก้มตัวลง แล้วตบไปที่หน้า ของผมเบาๆ”ยังเก่งอยู่อีกไหม? ”

หน้าอกของผมกระเพื่อมขึ้นลง ความเกลียดชังทั้งหมด แล่นไปทั่วร่างกายของผม ผมเกลียดที่วันนั้นออมมือ เมตตามากเกินไป ผมถลึงตาจ้องไปที่เขา

“เรียกคนของวิทยาลัยอาชีวศึกษามาได้ก็คิดว่าเก๋าแล้ว สินะ? ” โจวหยางยังคงตบหน้าของผม แล้วพูดเสียง ต่ำ”ภายในโลกนี้ เป็นโลกของเงิน……..

ร่างกายของผมนอนราบไปกับพื้น บนใบหน้าของผม แนบชิดติดกับพื้นปูนซีเมนต์

ผมกําลังรอ

ผมเกลียดที่ตัวเองไม่แข็งแกร่งพอ เพราะฉะนั้นจึงทำได้ เพียงแค่รอ รอให้เย่จ่างมาช่วยผม

แต่คนที่ไม่สนแม้แต่เมิ่งเลี่ยง ถึงจะเรียกเย่จ่างมาได้จะ ไปมีประโยชน์อะไรล่ะ?

หัวใจของผมเยือกเย็นจนถึงถึงก้นบึ้ง

แต่เย่จ่าง ยังไงก็ยังคงเป็นความหวังเพียงเล็กน้อยของผม

หงสี่ยังคงด่ากราดไม่หยุด แต่หลี่เจ๋ก็ยังคงพูดเกลี้ย กล่อมเสียงอ่อยอยู่ข้างๆ ทุกคำทุกประโยคเต็มไปด้วยค่ พูดที่ทำเพื่อผม

“อ้ยหยา หวางห้าวกับโจวหยางต่างมาจากต่าบลตงกวน ทะเลาะกันแบบนี้คงไม่ค่อยดีมั้งครับพี่

“พี่ลี่ พี่เป็นผู้ใหญ่ใจกว้างกับน้องมันหน่อยเถอะครับ ปล่อยหวางห้าวไปเถอะครับ”

“ผมกับหวางห้าวเป็นนักเรียนห้องเดียวกัน ผมเห็นเขา เป็นแบบนี้ผมเองก็รู้สึกทนไม่ได้จริงๆ….

แต่หงลี่ยังพูดย้ำซ้ำไปซ้ำมาแค่หนึ่งประโยค”ไม่ได้ เอา

เงินมาให้ฉันหนึ่งพัน ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ไม่มีทางจบแน่!

ในที่สุดเสียงก้าวเท้าก็ดังมาจนถึงหน้าประตูห้องเรียน เสียงหายใจกระหืดกระหอบของเย่จ่างดังขึ้น“พี่ลี่ พี่กำลัง ทําอะไรหรอครับ!

“เย่จ่าง แกมาแล้วสินะ! “ไม่รอให้หงลี่พูด หลี่เจก็รีบพูด ขึ้นมาว่า”ที่แท้พี่ลี่ก็คือพี่ชายของโจวหยางนี่เอง แม้แต่ฉัน ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย พี่ลี่มาช่วยโจวหยางล้างแค้นน่ะ ฉันเกลี้ยกล่อมมาครึ่งค่อนวัน ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

แม้แต่น้อย!

เย่จ่างไม่ได้พูดอะไร

ผมเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก มองเห็นใบหน้าของ เย่จ่างกระตุกเล็กน้อย เขาไม่ได้มองหลี่เจ๋ ไม่ได้มองหง ลี่ และก็ไม่ได้มองโจวหยาง แต่ค่อยๆมองมาที่ผม ดูจาก สีหน้าของเขาแล้ว ผมมองเห็นความรู้สึกผิด มองเห็น ความทำอะไรไม่ถูก

“ไม่เป็นไรหรอก”ผมทำปาก”ไม่เป็นไรหรอก”ผมพูดออก เสียงไม่ได้อีกแล้ว โดนตบไปหลายครับ บวกกับถูกเตะ กระเด็นอีก ทำให้ผมไม่มีแรงแม้แต่น้อย

ผมคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจดีแล้ว เย่จ่างไม่ใช่คนโง่ เย่จ่าง เป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่งเลยแหละ ผมมองออกว่าหลี่ เจ๋แสดงเท่านั้น หงสี่คนนี้ต้องเป็นคนที่หลี่เจ๋เรียกมาอย่าง แน่นอน เพียงแต่ระหว่างนั้นโจวหยางใช้เงินไปไม่น้อยแค่ นั้นเอง เพราะฉะนั้นถึงได้ใช้คนพวกนี้มาแสดง

หงลี่”ในฐานะที่เป็นพี่ชายของโจวหยาง ถ้าใช้เหตุผล ข้อนี้ก็เพียงพอที่จะสามารถลงมือได้แล้ว

เนื่องจากก่อนหน้านี้ หลี่เจ๋กับเย่จ่างได้ตกลงกัน เรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้จะปล่อยให้มันผ่านไป ทุกคนต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่โจวหยางไม่ยอม หลังจากผ่านการ ปรึกษากันมาหลายวัน ถึงได้วางแผน แผนการนี้ขึ้นมาได้

“เย่จ่าง หลายวันก่อนแกพาหวางห้าวมารังแกน้องชาย ของฉันใช่ไหม? “หงสี่เหลือบตามองไปที่เย่จ่าง เหมือน เสือตัวหนึ่งกำลังจะขย้ำมนุษย์

“พี่ลี่ครับ พูดได้ไม่เต็มปากหรอกครับว่ามันคือการรังแก” เย่จ่างพยายามทําให้น้ำเสียงของตัวเองเรียบเฉยที่สุด เท่าที่จะทำได้”หวางห้าวเป็นพี่น้องของเมิ่งเลี่ยง ระหว่าง หวางห้าวกับโจวหยางมีปัญหากันนิดหน่อย พี่เลี่ยงเลย ให้ผมมาช่วยเคลียร์ก็แค่นั้นเอง เพราะทุกคนเป็นนักเรียน โรงเรียนเดียวกัน ยังเป็นคนที่มาจากตำบลตงกวนอีก ผม พาหวางห้าวไป ทั้งสองคนตัวต่อตัวกันครู่หนึ่ง หลังจาก นั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ครับ ”

“เย้ดแม่ ! ” หงลี่ฟาดฝ่ามือลงบนหน้าของเย่จ่าง รูปร่าง เล็กๆของเย่จ่างก็ไม่อาจรับกับแรงนี้ได้ เซไปสองครั้งก็ ล้มลงกับพื้นทันที เผชิญหน้ากับผม เย่จ่างฝืนยิ้มให้กับผม แล้วพูดเสียงเบา“เพื่อนขอโทษด้วยว่ะ ครั้งนี้ฉันคุ้มกะลา หัวนายได้อีกแล้วว่ะ”

“รีบไสหัวไปซะ!” หงสี่ตะคอกเสียงดัง “แกบอกว่าไม่มี อะไรก็คือไม่มีอะไรงั้นเหรอวะ? เคลียร์ของแกคือการเอา กระดูกไก่เทใส่หัวน้องชายของฉันใช่ไหมห้ะ! ไม่เห็น เป็นคนแล้วใช่ไหมห้ะ กูเป็นนักเรียนมัธยมของโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานนะเว้ย!

พูดอยู่ดีๆ จู่ๆหงสี่ก็ถีบไปที่เย่จ่าง

“พี่ลี่ครับ! ” หลี่เจรีบดึงตัวของหงลี่ไว้ ไม่ยอมรับคงไม่ ได้ การแสดงของเขามันสุดยอดจริงๆ เสแสร้งแกล้งทำได้ เหมือนมาก”ปกติเย่จ่างก็เคารพนับถือพี่มากเลยนะครับ เราต่างเป็นอันธพาลในโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน เขาก็ไม่รู้ว่าโจวหยางเป็นน้องชายของพี่ ถ้าเขารู้ ตีให้ ตายเขาก็ไม่กล้าไปยุ่งเรื่องนี้หรอกครับ! อย่าลงแรงมาก ไปเลยครับ กระทืบแค่หวางห้าวก็พอแล้ว อย่าซ้อมเย่จ่าง เลยนะครับ!

“ได้ งั้นฉันไม่กระทืบเย่จ่างแล้วก็ได้” หงลี่เองก็รู้จักใช้ ประโยชน์ในจุดนี้ลงจากหลังลา น่าจะเป็นเพราะหลี่เจ๋รู้ สึกว่าเย่จ่างยุ่งได้ยากมากกว่าผม จึงได้ส่งเท้าเตะมาที่ผม อย่างแรง

แต่การเตะในครั้งนี้ไม่ได้โดนตัวของผมเลย เพราะว่าเย่ จ่างจับข้อเท้าของเขาเอาไว้

“ทําไม แกยังจะปกป้องมันอีกงั้นเหรอ? ! ” หงลี่มอง ไปที่เย่จ่างด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกโกรธที่เขาไม่เห็น ความหวังดีของผู้อื่น

“เย่จ่าง แกทำไปทำไม? ” หลี่เจ๋ถอนหายใจแล้วมองไปที่เย่จ่าง จะเป็นคนดีจะต้องทำถึงที่สุดสินะ

“พี่ลี่” เย่จ่างพูด”ผมอาจจะทำเพื่อพี่ก็ได้นะ? ”

“หมายความว่าไง? ” หงลี่เบิกตากว้าง

“ตำแหน่งของพี่ แน่นอนว่าไม่ต้องเห็นเมิ่งเลี่ยงอยู่ใน สายตาก็ได้ แต่คนที่อยู่เบื้องหลังของเขาล่ะ? “น้ำเสียง ของเย่จ่างเปลี่ยนไปจนน่าแปลก เหมือนเป็นการขู่ แต่ก็ เหมือนเป็นคำเตือน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ