แบดบอยคะนองใจ

บทที่ 17 ก้อนอิฐที่บินมา



บทที่ 17 ก้อนอิฐที่บินมา

หยวนเส้าหัวเราะออกมา”ประมาณหนึ่งปีที่แล้ว ก็มีคน เคยด่าพี่หยู่เหมือนคุณ แน่นอน ตอนนี้มีคนด่าเขามากขึ้น หงลี่ ความสัมพันธ์ของเราก็ไม่ได้แย่นัก? ถือว่าเห็นแก่ หน้าฉันได้ไหม อย่าหาเรื่องหวางห้าวอีกเลย”

เขาพูดพร้อมกับโบกมือเรียกฉัน“หวางห้าว มาตรงนี่สิ เรียกพี่ลี่ อีกหน่อยอยู่โรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน มี เรื่องอะไรก็คงต้องให้พี่ช่วย

ฉันไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ แต่หยวนเส้าให้ฉันเรียก เขา ฉันก็ต้องเอ่ยปากเรียก“ลี่..…….

ฉันยังไม่ทันเรียกชื่อเขาจบ หงลี่รีบหยุดทันที“เฮ้ ฉันไม่ สนใจจะรับน้องคนใหม่”

เมื่อได้ยินที่เขาพูด เป็นสิ่งที่ฉันต้องการพอดี จึงรีบ ปิดปากลงทันที

“โอเค โอเค”หยวนเส้าพูดอีก“ถ้าไม่อยากรับเขาเป็นน้อง ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าหาเรื่องเขาก็พอ? ”

หงลี่ยิ้มและพูดว่า “หยวนเส้า ผมไว้หน้าคุณมามากแล้ว ผมรู้ว่าหวางห้าวเป็นลูกน้องของคุณ เลยลงไม้ลงมือเบาๆ แค่ตบหน้าไปสองที ถ้าไม่เห็นแก่คุณด้วยนิสัยปกติของ ฉันแล้ว ตอนนี้เขาคงโดนผมกระทืบจนไม่สามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้? ฉันไม่ทำร้ายเขาก็ได้ แต่เขา ต้องจ่ายมาหนึ่งพันหยวน”

“แม่งเอ๊ย แกลองทำร้ายเขาอีกรอบดูสิ! “เมิ่งเลี่ยงที่ เงียบอยู่นานได้ด่าออกมา

หงสี่รีบลุกขึ้นมาทันที แม่งเอ๊ย ฉันคุยกับหยวนเส้าอยู่ แกเสือกอะไรด้วย? แกมีสิทธิ์พูดด้วยเหรอ? ”

เมิ่งเลี่ยงรูปร่างไม่สูงมาก แต่โดยรวมเป็นคนร่างใหญ่ ใบหน้าของเขาจะแดงเวลาโกรธ ตอนนี้หน้าเขาแดงมาก และพูดว่า”อย่าคิดว่ามีม่ายจื่อหนุนหลังอยู่? ก็อวดเก่ง ได้! ถ้าแน่จริงกล้าต่อสู้กับฉันตัวต่อตัวไหม? ”

“ฮ่าๆๆ…”หงลี่หัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ที่มันยุคไหน แล้ว ใครเขายังสู้กันตัวต่อตัว? พวกเจ้าคนเยอะขนาด นี้ ทำร้ายฉันมันก็เป็นเรื่องง่ายๆนิดเดียว? ยังจะสู้กันตัว ต่อตัวทําไม มาเลย เข้ามาพร้อมกันเลย เอาฉันให้ตายไป เลย! “พูดไปด้วยกวักมือเรียกทุกคนไปด้วย สีหน้าเย่อ หยิ่งอวดดี

ทุกคนมีสีหน้าที่โกรธจัด ทั้งหมดหันไปมองหน้าหยวน เส้า รอให้เขาออกคำสั่ง

“หงลี่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”หยวนเส้า โบกมือ”เมิ่งเลี่ยง คุณพูดน้อยหน่อย วันนี้พวกเรามาที่นี่เพื่อเจรจา ไม่ใช่มาหาเรื่องหงลี่ ฉันจะเตือนคุณด้วย ถ้า พวกเราทั้งสองฝั่งต่อสู้กันขึ้นมา ผลที่ตามมาจะเป็นความ หายนะ คุณควรเข้าใจไว้ด้วย

“ฉันเข้าใจ เข้าใจแน่นอน! “หงลี่ยังคงดูเย่อหยิ่ง แต่ เรื่องของลูกน้องข้าโจวหยาง ฉันต้องช่วยมันเอาคืน สำหรับเงินหนึ่งพันหยวน หวางห้าวต้องจ่าย ไม่จ่ายไม่ ได้! และต้องขอโทษลูกน้องของฉันด้วย!

เมื่อเผชิญหน้ากับความเย่อหยิ่งก้าวร้าวของหงลี่ หยวน เส้าไม่พูดอะไรอีก แต่หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าแล้ว เริ่มสูบ

เพียงแต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้เรียกหงสี่สูบบุหรี่ด้วยกัน

“หงสี่ ต้องทําถึงขนาดนี้เลยเหรอ? “หยวนเส้าพ่นควัน ออกมา สีหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย

หงลี่หัวเราะและพูดว่า “หยวนเส้า ไม่ใช่ฉันทำเกินไป แต่ เรื่องนี้มันไม่จบง่ายๆแล้ว แต่พูดตามความจริง หวางห้าวก็ เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่งของเมิ่งเลี่ยงเท่านั้น มันคู่ควรที่ให้ คุณช่วยมันพูดขนาดนี้เลยเหรอ? ”

เมื่อเห็นหยวนเส้าท่าทางลำบากใจ และเห็นท่าทางหยิ่ง ผยองของหงลี่ ทำให้ฉันรู้สึกผิดขึ้นมา
โจวหยางที่อยู่ข้างๆยิ้มออกมาอย่างคนมีชัย และเขาก็ดู ออกว่าตอนนี้ใครอยู่เหนือกว่ากัน

คนนับสิบจากวิทยาลัยอาชีวศึกษา ไม่กล้าทำอะไรหงลื่ เพียงคนเดียวของโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน

“อันที่จริง หวางห้าวไม่ใช่ลูกน้องของเมิ่งเลี่ยง”หยวนเส้า พ่นควันบุหรี่อีกครั้ง

“ฮ่าฮ่า ฉันดูออกตั้งแต่แรกแล้ว! “หงลี่พูดอย่างมีชัย ว่า”พูดมาสิ หวางห้าวให้เงินเท่าไหร่คุณถึงยอมช่วย เขา? ”

หยวนเส้าส่ายหัว“หงลี่ อย่ามองทุกคนเป็นเหมือนเธอ หมด คุณก็รู้ดีว่าพวกเราไม่ได้เห็นแก่เงินอยู่แล้ว”

หงลี่พูดอย่างดูถูกว่า “ฉันไม่สนว่าเขาจะเป็นพี่น้องกับ ใคร เรื่องที่โจวหยางโดนตีหัว ฉันจะช่วยเขาเอาคืน”

“เขาเป็นเพื่อนกับพี่หญ่”หยวนเส้าพูด“ฉันอยากจะเตือน ให้เธอคิดให้ดีๆก่อนจะทำอะไรลงไป”

หงลี่ใบหน้าตะลึงและก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง”หยวนเส้า ไม่ จำเป็นต้องใช้ชื่อหยู่เฉิงเฟยมาขู่ผม? ถ้าหวางห้าวเป็น เพื่อนกับหยู่เฉิงเฟยจริงๆ เขาจะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เหรอ? คุณคิดว่าฉันเป็นเด็กอายุสองสามขวบที่ไม่รู้อะไรใช่ไหม?

“ฉันไม่ได้โกหกคุณ”หยวนเส้าพูด”พวกเราจะไม่ยอมให้ หวางห้าวเกิดเรื่องไม่ดีแม้แต่นิดเดียว”

“อย่ามาหาเรื่อง”หงสี่ยังคงดูหยิ่งผยอง”โจวหยางก็เป็น เพื่อนกับม่ายจื่อเลย…….

ยังไม่ทันพูดจบ ก็มีก้อนอิฐลอยมาจากกลางอากาศ เสียง”บูม”ดังขึ้นและกระแทกเข้ากับหัวของหง

หลังจากสิ้นเสียง ก้อนอิฐที่ตกลงพื้นก็ขาดเป็นสองท่อน ร่างกายของหงลี่ก็สั่นไหวสองครั้ง เขาไม่ล้มลง แสดงให้ เห็นว่าร่างกายเขาแข็งแรงมาก เลือดไหลลงจากหน้าผาก ของเขา มองดูน่าสังเวช หงลี่ลุกขึ้นทันที สีหน้าดุร้ายและ พูดว่า “แม่งเอ๊ย ใครทำวะ?! ”

ทุกคนก็รู้สึกแปลกใจ มองไปยังทิศทางที่ก้อนอิฐบินมา ฉันก็มองตามพวกเขา เห็นหน้าคนที่รู้จัก

เพื่อนบ้านฉันเอง ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ยังดูเป็นคนขี้เกียจ ตลอดเวลา ตอนนี้เขากำลังหาวนอนอยู่ ยังลืมตาได้ไม่ เต็มที่

หยู่เฉิงเฟย!
หยวนเส้าลุกขึ้นมา ตื่นเต้นและเรียก”พี่หมู่!

เมิ่งเลี่ยงและคนอื่นๆก็เรียก”พี่หมู่ พี่มาแล้วเหรอ! ”“พี่ห ยู่ พี่มาได้สักที!”

หงลี่ใช้มือเช็ดเลือดบนใบหน้า มองไปที่หมู่เฉิงเฟยอย่าง ไม่น่าเชื่อ ฉันสังเกตเห็นขาและท้องของเขาสั่นไปหมด

โจวหยางรีบวิ่งขึ้นมาอยู่ด้านหน้าของหงลี่ ถามอย่าง กระวนกระวายใจว่า”พี่ลี่ พี่เป็นอะไรไหม? ”

ฉันตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก หลังจากได้ยินเสียงเรียก ของทุกคน ฉันพึ่งรู้สึกตัวและพูดว่า”พี่หมู่! ”

หยู่เฉิงเฟยหาวนอนและเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่ายังไม่ ตื่น ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันก็เห็นเขาเป็นแบบนี้มาตลอด ที่จำ ได้ชัดเจนที่สุดคือตอนที่เขาพิงอยู่หน้าประตูบ้านเพื่อกิน ข้าว ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วข้าวในชามไม่ลดเลย ฉันเดิน เข้าไปดู เห็นว่าเขายืนหลับไปแล้ว

หยู่เฉิงเฟยที่อยู่ในความทรงจำของฉัน เป็นคน เอ้อระเหยลอยชาย ไม่ทำอะไรเลย ฉันไม่เคยคิดว่าเขา เป็นพี่ใหญ่เลย

เมื่อหยู่เฉิงเฟยเดินผ่านมาอย่างเอ้อระเหยแบบนี้ แต่ทุกคนก็ดูเคารพเขามากๆ แม้แต่หงลี่ที่เป็นคนหยิ่งผยอง ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ฉันพบว่าความน่าเกรงขามของ คนๆหนึ่งมาจากการเคารพของทุกคน ตอนนี้หยู่เฉิงเฟย โคตรเจ๋งเลย เขาดูเหมือนลูกพี่ใหญ่ของมาเฟียเลย

หยู่เฉิงเฟยเดินเข้ามา ยิ้มให้ฉัน”เจ้าหนู เป็นไงบ้าง”

ใบหน้าของฉันแดงเล็กน้อย รู้สึกตื่นเต้น และซาบซึ้ง มากๆ

ดูเหมือนว่าทุกคนที่มีคำว่า “ห้าว”จะมีเชื่อเล่นว่า “เจ้า หนู”เสมอ ตั้งแต่เล็กจนโตก็มีเพียงหยู่เฉิงเฟยที่เรียกฉัน ว่าเจ้าหนู

“พี่หญ่”ฉันเรียกเขาอีกครั้ง เพื่อนบ้านคนนี้ที่เติบโตมา ด้วยกัน ตอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกห่างไกลกับเขามากๆ

หยู่เฉิงเฟยยิ้มให้ฉันอีกครั้ง อ้าปากหาวนอนอีกครั้ง จาก นั้นพูดกับหยวนเส้าพร้อมกับบ่นว่า“ทำไมคุณถึงพูดเรื่อง ไร้สาระกับเขาได้นานขนาดนี้? ”

คำว่า“เขา”หมายถึงหงลี่นั้นเอง หยวนเส้าพูดว่า “ฉัน กังวลจะทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพวกเราทั้งสอง ฝ่าย…… ”
“มีความสัมพันธ์ที่ดียังไง”หยู่เฉิงเฟยพูดพึมพำ”ใครเก่ง กว่า ใครก็มีสิทธิ์มากกว่า ฉันเคยสอนพวกเจ้าหลายครั้ง แล้ว? ถ้าเรื่องง่ายๆพวกนี้ยังจัดการไม่ได้ ทำให้ฉันต้อง มาจัดการเองและทำฉันนอนไม่อิ่มด้วย….ขณะพูด เขาก็ หยิบอิฐครึ่งก้อนที่ตกอยู่ที่พื้น

หยวนเส้ายิ้มและพูดว่า “ก็รอให้พี่มาจัดการเรื่องนี้ไง? ”

หยู่เฉิงเฟยไม่ได้สนใจ แต่ใช้ก้อนอิฐชี้ไปที่หัวของหงลี่ ขยับไปมาสองสามรอบ ดูเหมือนกำลังคิดว่าจะลงมือยัง ไง และยังมีเสียง“อู๋”อยู่ในลำคอ

“หยู่เฉิงเฟย คุณทำร้ายฉันทำไม? ! “หงลี่พูดออกมา ด้วยน้าเสียงสั่นเครือ

“ทำไมฉันจะทำร้ายเธอไม่ได้? “หยู่เฉิงเฟยพูดพึมพำ

และใช้ก้อนอิฐทุบไปที่ท้ายทอยของหงลี่

ร่างกายของหงสี่ส่ายไปมาสองครั้ง แต่เขาไม่ได้ล้มลง อย่างไรก็ตามเขากล้าหลบ และไม่ได้หนี แต่พูดซ้ำว่า “หมู่ เฉิงเฟย คุณทำร้ายฉันทำไม? ”

หยู่เฉิงเฟยต้องพูดอีกครั้งว่า “ทำไมฉันจะทำร้ายเธอไม่ ได้? “แล้วใช้ก้อนอิฐทุบไปที่ท้ายทอยของหงลี่อีกครั้ง แต่ ครั้งนี้เขาใช้แรงมากกว่าครั้งที่แล้วนิดหน่อย เลือดสดได้ไหลออกมาจากท้ายทอยของหงลี่ และไหลลงสู่คอ ของเขา

“คุณทำร้ายฉันไม่ได้”หงลี่ไม่กล้าที่จะหลบ และไม่กล้า ที่จะตอบโต้ น้ำเสียงของเขาดูอ้อนวอน“ฉันเป็นคนขอ งม่ายจื่อ คุณทำร้ายฉันไม่ได้”

หยู่เฉิงเฟยใช้ก้อนอิฐทุบไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาใช้แรง มากกว่าทุกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นหยู่เฉิงเฟยไม่ได้ทุบที่ เดียวกันทุกครั้ง แต่เลือกทุบมุมที่แตกต่างกันบนหัวของ หงสี่

“เรียกนายจื่อมาคุยกับฉันด้วยตัวเอง หวางห้าวเป็นพี่ น้องกับฉัน พี่น้องที่เต็มโตมาด้วยกัน รู้หรือยัง? ”

ฉันซาบซึ้งใจมากๆ ฉันกับหยู่เฉิงเฟยเล่นด้วยกันมา ตั้งแต่เด็ก ทั้งเล่นฉี่เล่นโคลนมาด้วยกัน พวกเราสองคน ที่ชำนาญเรื่องพวกนี้แน่นอน ต่อมาพวกเราเริ่มโตขึ้น เขา ตัวใหญ่กว่าฉัน และพวกเราต่างก็มีเพื่อนของตัวเอง (ฉัน พูดโอ้อวดเอง หยู่เฉิงเฟยมีเพื่อน แต่ฉันไม่มี เพราะไม่มี ใครอยากเล่นด้วย), หลังๆมาพวกเราติดต่อกันน้อยลง ทำได้เพียงเจอหน้ากันแล้วพูดทักทายกัน แต่ตอนนี้เขา พูดต่อหน้าทุกคนว่าฉันกับเขาเป็นพี่น้องที่เติบโตมาด้วย กัน ทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ

หงลี่ขอร้อง”ฉันไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าอีกแล้วพี่หยู่ คุณปล่อยฉัน ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นพี่น้องกับ คุณ……….”

โจวหยางมองเห็นเหตุการณ์นี้แล้วรู้สึกหวาดกลัว เขาไม่ เคยคาดหวังว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นแบบนี้ คนที่หยิ่ง ผยองอย่างหงลี่เมื่ออยู่ต่อหน้าหยู่เฉิงเฟยไม่กล้าพูดหรือ ทําอะไรเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลุกขึ้นมาต่อสู้กับเขา

“แม่งเอ๊ย ยังไม่ยอมล้มลงไปอีก นี่เธอไม่ไว้หน้าฉันใช่ ไหม? “หยู่เฉิงเฟยหมุนแขนของเขา แล้วใช้ก้อนอิฐทุบไป อีกครั้ง

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้ว หงลี่ร่างกายแข็งแรงจริงๆ ฉันเห็น ร่างกายของเขาส่ายไปมาสองสามครั้ง แต่ก็ไม่ยอมลม นอนลงไป แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหมู่เฉิงเฟย เขา ก็รีบล้มตัวนอนลงไปทันที การนอนลงของเขาเร็วมากๆ เขานอนลงกับพื้น ปากของเขาก็อ้อนวอนขอร้อง”พี่หมู่ ฉันไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว”

หยู่เฉิงเฟยนั่งยองๆ”เธอยังพูดได้ แปลว่าฉันยังทุบไม่ โหดพอ”จากนั้นใช้ก้อนอิฐทุบไปที่หน้าของเขาอีกครั้ง

ครั้งนี้ ไม่ว่าหงลี่จะสามารถพูดได้หรือไม่ เขาก็ไม่กล้า พูดอีกแล้ว รีบปิดปากตัวเองไว้แน่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ