แบดบอยคะนองใจ

บทที่ 2 ฝันร้ายที่ไม่สามารถลืมได้



บทที่ 2 ฝันร้ายที่ไม่สามารถลืมได้

อยู่บ้านมาหนึ่งเดือน สุดท้ายก็ถึงวันเปิดเทอมสักที นี่ เป็นครั้งแรกที่ผมไปเรียนนอกพื้นที่ เพราะนั้นพ่อแม่จะให้ ความสำคัญมาก เก็บของใช้ในชีวิตประจำวันไว้ล่วงหน้า เรียบร้อยแล้ว พอเช้าตรู่ในวันนั้นก็รีบเอาถุงเล็กถุงใหญ่ ไปที่เมืองเป่ยหยวน แน่นอนว่าโรงเรียนมัธยมปลายเฉิง หนานก็อยู่ทางฝั่งทิศใต้ของเมืองเป่ยหยวน ต้องนั่งรถเมล์ สองต่อถึงจะไปถึง มีทั้งผ้าห่มแล้วก็เครื่องนอน คนเก็บตั๋ว เห็นผมก็ถึงกับกลอกตา

พอถึงโรงเรียนก็โง่อีกแล้ว จริงๆ แล้วทางหอพักก็มีผ้าห่ม แล้วก็เครื่องนอนให้อยู่แล้ว ด้วยความทําอะไรไม่ได้ พ่อ แม่ก็ทำได้แค่ขนกลับไปอย่างทุลักทุเล

พอเก็บทุกอย่างในหอพักเสร็จ ก็ไปรายงานตัวที่ ห้องเรียน พอมาถึงโรงเรียนใหม่ เห็นเพื่อนใหม่แล้ว แน่นอนว่าต้องดีใจสุดๆ หน้าตาที่แปลกหน้า ทุกๆ คนนั้น ต่างแปลกใหม่ไปหมด ทุกคนทักทายกัน ถามไถ่ว่าอีก ฝ่ายมาจากที่ไหน ผมคุยกับทุกคนอย่างดีใจ นานมาก แล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับความสัมพันธ์เพื่อน พอนึกถึงความ สัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเพื่อนสมัยมัธยมต้นแล้ว ก็ทำให้ตัวเอง นั้นอยากที่จะรักษาทั้งหมดในตอนนี้เป็นเท่าตัว

ในตอนนี้ ผู้หญิงคนนึงในห้องก็ดึงดูดความสนใจของผม เธอไว้ผมสั้น หน้าเหมือนตุ๊กตา เสียงเล็กอ่อนหวาน ผิวสี ขาว ทำให้ผมใจเต้นเร็ว ผมเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัว ยิ้มแล้ว ถามว่า “สวัสดีเพื่อนร่วมชั้น ฉันชื่อหวางห้าว เธอชื่ออะไรหรอ”

“ฉันชื่อเซี่ยเสว” ฝ่ายหญิงยิ้มอย่างอ่อนโยน ทำให้เธอ นั้นดูสวยมากขึ้น

เมื่อก่อนตอนที่อยู่มัธยมต้นนั้น ผมมีสิทธิ์จะยิ้มซะที่ไหน กันล่ะ ความรู้สึกของผมนั้นมีความสุขมากขึ้น โรงเรียน มัธยมปลายเฉิงหนานนั้นดี ทุกคนต่างมาจากโรงเรียน ยอดเยี่ยมในแต่ละที่กันทั้งนั้น คงไม่มีคนเลวอย่างโจ วหยางแน่นอน พอคุยกับเซี่ยเสว่ไปสักพัก โรงเรียนก็ ประกาศให้ทุกคนยกเก้าอี้ไปที่สนามเองเพื่อประชุม นักเรียนใหม่ ผมเสนอช่วยเขี่ยเสว่ยกเก้าอี้ แล้วเซี่ยเสว่ก็ ยิ้มอ่อนและตอบตกลง

ในรั้วโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานนั้น ยกเก้าอี้สองตัว อยู่ข้างๆ เซี่ยเสว่ ผมมีความสุขเหมือนนกที่เป็นอิสระตัว นึง มันเหมือนกับการได้รับชีวิตใหม่

ไม่หรอก ไม่ได้เหมือน แต่ได้รับชีวิตใหม่แล้วจริงๆ ต้น หลิวที่อยู่สองข้างทางระบำไปตามสายลม ตอนที่ประชุม เด็กนักเรียนใหม่นั้น ผมก็นั่งข้างๆ เซี่ยเสว่ ดมกลิ่นหอมที่ ส่งมาจากตัวเธอ ยิ่งทำให้ผมหลงใหลไปอีก ไม่ง่ายเลย กว่าครูใหญ่จะพูดจบ ทุกคนพากันแยกย้าย แล้วผมก็กลับ มาที่ห้องเรียนกับเซี่ยเสว่ ไม่นานครูประจำชั้นก็มา เป็น ชายหนุ่มรูปหล่ออายุสามสิบต้นๆ ทำเอาผู้หญิงในห้อง ส่วนใหญ่ถึงกับหลงใหล
“ครูชื่อเก่อเฉิน” ครูประจำชั้นเขียนชื่อของเขาลงไปบน กระดานนํา “วันหลังถ้าทุกคนมีปัญหาอะไรก็สามารถมา หาครูได้เลยนะ”

ครูประจําชั้นคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนาน นี่เป็นชีวิตใน รั้วโรงเรียนที่ผมฝันอยากจะมีมาโดยตลอด คุณครูที่หล่อ เหลา เพื่อนๆ ที่เป็นมิตร ผมก็เหมือนกับปลาที่ได้กลับลง ไปในแม่น้ำ แหวกว่ายอย่างเป็นอิสระอยู่ในนั้น ด้วยความ ที่ที่นั่งนั้นยังไม่ได้จัด ทุกคนนั้นต่างก็นั่งไปเรื่อยกันหมด ผมนั้นมาก่อนก็ได้ก่อน แน่นอนว่าผมก็ไปนั่งข้างเซี่ยเสว่ แล้วก็ยังปรึกษากับเซี่ยเสวอีกด้วย ว่าถ้ามีโอกาสจะต้อง นั่งด้วยกันให้ได้

ผ่านไปสักพัก ก็เริ่มจัดที่นั่งกันแล้ว ครูประจำชั้นกำลังจะ พูด แล้วจู่ๆ ก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง “อื้มๆ” ไปสอง เสียง พอวางสายเสร็จก็พูดกับทุกคนว่า “เดี๋ยวจะมีเด็ก ใหม่มารายงานตัว ทุกคนรอเขามาแล้วค่อยจัดที่นั่งกันดี กว่า”

รายงานตัววันแรกก็มาสายแล้ว ไม่รู้เด็กนักเรียนคนนี้นั้น มาจากไหน แล้วในห้องก็พูดคุยกันขึ้น เซี่ยเสว่ก็กระซิบ บอกผมว่า “ต้องใช้เส้นสายแน่ๆ” ผมพยักหน้าเพื่อบอกว่า เห็นด้วย แล้วก็ยังแสดงความดูถูกเด็กนักเรียนแบบนี้ด้วย

แล้วก็ผ่านไปอีกสักพัก ประตูห้องเรียนถูกเคาะดังขึ้น ครู ประจำชั้นเดินไปเปิดประตู พาเด็กนักเรียนใหม่ที่มาสายคนนั้นเดินขึ้นบนแท่นพูด

การหายใจของผมได้หยุดไปในตอนนี้ แล้วมือทั้งสอง ข้างก็อดไม่ได้ที่จะกําหมัด

เด็กผู้ชายที่ตัวสูงๆ อ้วนๆ นั่น ก็เหมือนกับฝันร้ายที่ไม่ สามารถลืมได้นั้น ยืนอยู่บนแท่นที่ระยะห่างไม่ไกลจาก ผม

ท่าทางครูประจําชั้นทำกับเขานั้นสนิทสนมมาก ใช้แรง ตบไปที่ไหล่ของเขา หัวเราะแล้วพูดว่า “แนะนำตัวเองให้ ทุกคนรู้จักหน่อยเร็ว”

“สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อโจวหยาง” เสียงของโจวหยาง ดังขึ้น ในห้องพากันเงียบแล้วฟังเขาพูด “การเรียนของผม นั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พึ่งความสามารถด้านบาสเกตบอล ในการเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน ต่อไปถ้ามี ปัญหาในเรื่องเรียนก็หวังว่าทุกคนจะช่วยแนะนำนะครับ”

โจวหยางเผยรอยยิ้มที่สดใสขึ้น สายตานั้นกวาดผ่าน นักเรียนในห้อง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขานั้นมีออร่าที่แรงมาก อยู่ในสภาพแวดล้อมของครอบครัวที่ร่ำรวยตั้งแต่เด็ก ทำให้เขามีความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ทุกคนพากันปรบ มือ เผยให้เห็นว่ายินดีต้อนรับเด็กใหม่คนนี้มาก
โจวหยางยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะมองใครก็ สดใสและแปลกใหม่ไปหมด มีแต่ตอนที่กวาดสายตามาที่ ผม มีแต่ความป่าเถื่อนและโหดเหี้ยม

“ต่อไปโจวหยางก็จะเป็นหัวหน้าห้องของเรานะ” ครู ประจำชั้นขึ้นพูดหน้าชั้นเรียนอย่างมีความสุข แล้ว นักเรียนที่อยู่รอบๆๆ ก็พากันร้องยินดีกันอย่าง กระตือรือร้น

ผมรู้ว่ามันจบลงแล้ว มันจบลงหมดแล้ว ผมปิดตา แล้ว โลกนี้ก็มืดไปหมด

ก่อนหน้านี้ ความรู้สึกที่ผมมีต่อโรงเรียนมัธยมปลายเฉิง หนานนั้นเต็มไปด้วยการจินตนาการและรอคอย ที่นี่เป็น ที่ที่เริ่มความฝันของผม จุดเริ่มต้นของความฝัน ผมนั้นเข้า กันได้ดีกับทุกคน แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือการได้นั่งกับผู้หญิง ที่ชอบ แต่พอโจวหยางเข้ามา ก็ทำลายทุกอย่างพังไป หมด

แสงสว่างกลายเป็นความมืดมิด ที่มีชีวิตอยู่ก็เท่ากับตาย

ไปแล้ว

ด้วยวิธีของโจวหยางแล้ว ถึงจะอยู่ในโรงเรียนมัธยม ปลายเฉิงหนานสามารถเล่นงานผมถึงตายได้เหมือนกัน

ไอ้เด็กคนนี้ เข้ามาอยู่ในโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานนี้ได้ยังไง ความสามารถด้านบาสเกตบอลอะไรกัน เห็นชัดๆ ว่ายัดเงิน แล้วก็ใช้เส้นสาย

แต่ความโกรธของผมก็ไม่มีประโยชน์ ลืมตามองดูโจ วหยางตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในห้องเรียนจนถึงตอนที่ได้ เป็นหัวหน้าห้อง แต่ก็ใช้เวลาไปตั้งนาทีกว่า ได้รับความ ชอบของครูและเพื่อนคนอื่นๆ ก็ใช้เวลาหนึ่งนาทีกว่านั้น เหมือนกัน ไอ้คนนี้แข็งแกร่งแล้ว แต่เขากลับจะเป็นศัตรู ของผมให้ได้

ผมรู้สึกจะหายใจไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่แล้ว ตอนนี้ เพื่อนร่วมห้องที่ยังไม่รู้อะไร ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็คงเริ่มเบียด เสียดผมและดูถูกผมภายใต้การชักนำของโจวหยาง…….

เซี่ยเสน่สังเกตเห็นความผิดปกติของผม แล้วกระซิบถาม ว่า “นายเป็นอะไรไป

“เปล่าหรอก” ผมส่ายหน้า ผมจะพูดอะไรได้ล่ะ ผมจะไป กล้าพูดอะไรล่ะ

“โอเค ทุกคนเงียบหน่อย” ครูประจำชั้นปรบมือ “ตอนนี้ เริ่มจัดที่นั่งกันได้แล้ว”

โจวหยางหาที่นั่งที่นึงนั่งลงไป ผมก้มหน้าไม่กล้ามองเขา คนที่มีผลการเรียนดีก็ได้เลือกที่นั่งก่อน ถึงผลการเรียน ของผมจะอยู่ลำดับที่ห้าของโรงเรียน แต่พอมาอยู่ที่ห้องเรียนดีของโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานกลับอยู่ รั้งท้าย มองดูเพื่อนๆ เลือกที่นั่งในฝันของตัวเองทีละคน เซี่ยเสวก็นั่งอยู่ตรงกลางของห้อง แล้วก็มีพวกจิ้งจอกไป ล้อมเธอไว้รอบๆ ทันที พอมาถึงผม ก็เหลือที่นั่งแค่สอง แถวสุดท้ายที่เลือกได้ ผมดูๆ แล้ว ก็นั่งอยู่ข้างๆ คนที่มีสี่ ตา ไม่ว่ายังไง ก็ขอแค่อย่าได้นั่งข้างๆ โจวหยางก็พอแล้ว

ทุกคนต่างนั่งกันหมดแล้ว ส่วนโจวหยางก็นั่งอยู่แถว สุดท้าย ซึ่งเยื้องกับผม ผมใช้หางตาเหลือบไป ส่วนเขา ก็ไม่ได้มองผมแต่แรกอยู่แล้ว แต่คุยกับคนอื่นที่อยู่รอบๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่ตลอด ดูทีท่าแล้วคงจะ เป็นพวกเดียวกันกับพวกเขาแล้ว ผมมองดูสี่ตาที่อยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าความหวังที่จะได้นั่งข้างๆ เซี่ยเสบู่นั้นหมดไปแล้ว แต่การทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมโต๊ะก็เป็นสิ่งที่สมควร มากเหมือนกัน

“สวัสดี เราชื่อหวางห้าว” ผมพยายามยิ้มแล้วพูดกับเขา

“อ๋อ เราชื่อหลิวจื่อหงน่ะ” หลิวจื่อหงเกาหัว เห็นได้ชัดว่า งงๆ นิดหน่อย

ผมโล่งใจไปที เพื่อนร่วมโต๊ะแบบนี้ คงจะไม่ร่วมมือกับโจ วหยางมาแกล้งผมหรอก

“ต่อไปเราก็เป็นเพื่อนกันแล้วนะ” ผมยิ้มแล้วพูด “เรียนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน เป็นไง”

“ได้สิ” หลิวจื่อหงท่าทางดูดีใจมาก เห็นได้ชัดกว่าเป็นคน ที่ขาดแคลนเพื่อน

ครูประจำชั้นพูดเกี่ยวกับข้อควรระวังกฎระเบียบและ วินัยของโรงเรียนอยู่หน้าแท่น แล้วก็ให้ทุกคนอยู่ตาม อัธยาศัย ตอนเย็นค่อยเริ่มเรียนอย่างเป็นทางการ หลัง จากที่เขาไปแล้ว ในห้องก็ระเบิดทันที ทุกคนพากันคุยกับ เพื่อนที่อยู่รอบๆ “ทุกคนเงียบๆ หน่อย” จู่ๆ เสียงของโจว หยางก็ดังขึ้น เขานั่งอยู่ด้านหลังของผม ผมได้ยินเสียง ของเขาอย่างชัดเจน ผมนั้นกลัวเขามากอยู่แล้ว เพราะ ฉะนั้นเลยหยุดพูดทันที

ส่วนเขานั้นเป็นหัวหน้าห้องคนใหม่ แน่นอนว่าเพื่อนๆ ก็ ต้องไว้หน้าเขา ก็พากันเงียบลง เสียงเก้าอี้ด้านหลังดังขึ้น รู้ได้ว่าโจวหยางนั้นยืนขึ้น แล้วเสียงก็ก้องขึ้น “ที่ทุกคนได้ มาอยู่ร่วมห้องเดียวกันนั้นเป็นโชคชะตา ฉันขอเสนอว่า ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันเป็นยังไง

“ได้สิ ไม่มีปัญหา มีใครอยากดื่มเหล้ารึเปล่า” เสียงจาก แถวหน้าดังขึ้น เป็นวัยรุ่นที่ย้อมผมทองคนนึง บนตัวนั้น มีความเจ้าเล่ห์แผ่กระจายอยู่ ดูออกได้ว่าไม่ใช่คนนิสัย ดี เมื่อกี้ได้ยินเซี่ยเสว่บอกว่า เหมือนว่าเขาเป็นนักเรียน ของเมืองเป่ยหยวน ก็ใช้เส้นสายเข้ามาอยู่ในห้องเรียนดี เหมือนกัน
เมื่อกี้ได้ยินครูประจําชั้นเรียกชื่อเขาว่าหลี่เจ๋ รอบๆ หลี่ เจ๋นั้นล้อมรอบไปด้วยผู้ชายที่เป็นนักเลงอยู่สองสามคน พากันตบโต๊ะแล้วตะโกนว่า “ดื่มเหล้า ดื่มเหล้า ดื่มเหล้า” เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกน้องของหลี่เจ๋ ไปแล้ว

“อายุน้อยๆ ดื่มเหล้าอะไรกัน” หลิวจื่อหงที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมพูดเสียงเบาๆ บนหน้านั้นเผยความรู้สึกที่ประหลาดใจ อยู่

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” ผมช่วยเสริมเขา ผมก็นึกไม่ถึงว่า เพิ่ง จะสิบหกปีจะดื่มเหล้าอะไรกัน

“ไปกินข้าวด้วยกัน แล้วจะคิดค่าใช้จ่ายกันยังไง” เสียง ดังขึ้นจากอีกมุมนึง “เพิ่งจะเปิดเทอมวันแรก ยังไม่ได้เก็บ ข้าห้องกันเลย”

ทุกคนก็พากันเห็นด้วย “ใช่แล้ว ไม่มีเงินแล้วจะกินข้าว ได้ยังไง” “เงินค่าใช้จ่ายของฉันไม่พอที่จะมากินของ แพงๆ หรอก”

“ไม่เป็นไร ฉันเลี้ยงเอง”

ถึงแท้ผมจะไม่ได้หันกลับไป แต่กลับได้ยินเสียงโจว หยางตบที่อกของตัวเอง คนในห้องทั้งหมดสี่สิบคน เขา กลับมาบอกว่าจะเลี้ยงข้าวทุกคน ช่างเป็นลูกเศรษฐีที่ร่ำ รวยจริงๆ คนทั่วไปคงไม่มีความกล้าหาญแบบนี้
ในห้องก็ระเบิดดัง “บูมขึ้น” มีทั้งคนตกใจ มีทั้งคนที่ ประหลาดใจ มีทั้งคนที่โห่ร้อง “ดีเลย หัวหน้าห้องเลี้ยง ข้าว” “หัวหน้าห้อง บ้านนายทำงานอะไรหรอ รวยจัง” “หัวหน้าห้อง เลี้ยงข้าวอย่างเดียวหรอ รวมเหล้าด้วย เปล่า” คำถามสุดท้ายนั้นหลี่เจ๋เป็นคนถามขึ้น

“รวม รวมหมดเลย” โจวหยางยิ้มอย่างพอใจ

ผมรู้สึกได้ชัดเจนว่าสายตาที่เพื่อนในห้องมองโจวหยาง นั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว มีผู้หญิงบางคนที่มองมาทางแถว สุดท้ายด้วยสายตาที่คารวะ

ส่วนผมนั้นไม่ได้หันไปมองโจวหยางสักนิด ตั้งแต่ต้นจน ผม ผมกลัวว่าแค่ไอ้เจ้านั่นมันสบตากับผม ก็จะเริ่มเยาะ เย้ยผมต่อหน้าคนทั้งห้อง

เพราะฉะนั้นตั้งแต่ต้นจนจบผมเลยก้มหน้าอยู่ตลอด ส่วนหลิวจื่อหงก็เป็นคนที่เงียบขรึมคนนึง ไม่ตอบโต้ตั้งแต่ ต้นจนจบ สำหรับผมแล้ว การได้เจอกับเพื่อนร่วมโต๊ะแบบ นี้ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือเป็นคำสาปกันแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ