แบดบอยคะนองใจ

บทที่ 8 เข้ามาสิ ตัวต่อต่อ



บทที่ 8 เข้ามาสิ ตัวต่อต่อ

“แม่งมึงสิ! ” เย่จ่างตบเข้าไปที่กกหู”มึงคิดว่ากูเป็นคน ยังไงห้ะ หวางห้าวเป็นพี่น้องของฉัน พี่น้องเว้ย ! ” โจว หยางกุมหน้าตัวเองไว้ มองไปยังเย่จ่างอย่างคาดไม่ถึง รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เจ่แข็งกระด้างไปในทันที คาด ว่าในใจของเขาคงกำลังแปลกใจว่าเขามีพี่น้องเพิ่มขึ้นมา ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมไม่เห็นเขาเคยพูดถึง และไม่เคย เห็นผมไปหาพวกเขามาก่อน

“แค่แกมีเงินเน่านั่นใช่ไหม ห้ะ?! “มือของเจ่างยังคง ตบไปที่ใบหน้าของโจวหยางไม่หยุด ถึงแม้จะไม่ใช้แรง มาก แต่เสียงยังคงเสียงดังฟังชัด ดูท่าแกคงจะเลี้ยงหลี่เจ๋ ไว้สินะ ใช้เงินไปเท่าไหร่ล่ะถึงไปหาเขามาคุ้มกะลาหัวแก ได้น่ะ? ! ”

มองดูโจวหยางถูกบีบบังคับให้จนมุม ในใจของผมรู้สึก สะใจมาก แต่กลับรู้สึกถึงความเยือกเย็น ถ้าหากผมไม่ใช่ น้องชายของหยู่เฉิงเฟย เมิ่งเลี่ยงก็คงไม่ช่วยผมแบบนี้ หรอก เย่จ่างยิ่งไม่มีทางออกหน้าช่วยผมแน่ ถ้าหากผมไม่ แม้แต่จะรู้จักหยู่เฉิงเฟยแม้แต่น้อย คนที่ยืนโดนกระทืบ อยู่ตอนนี้คงเป็นผมเอง

ถ้าหากหยู่เฉิงเฟยเรียนจบไป ไปจากวิทยาลัยเทคนิค ก็ คงไม่มีใครคุ้มกะลาหัวเขาได้แล้วล่ะ …….……

ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกินไม่มีใครสามารถคุ้มหัวคุณไปได้ตลอดชีวิตหรอก ถึงจะมี พ่อรับราชการ ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องหลีกทางไป ถนนเส้น นี้ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องเดินด้วยตัวเอง เป็นเรื่องของเวลา เท่านั้น อยากจะเดินด้วยล่าแข้งของตัวเองให้ได้ในโลก ใบนี้ มีเพียงทางเดียวคือต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น!

ในตอนที่ผมกำลังนึกคิดถึงปัญหาในอนาคต ไม่ได้ สังเกตบทสนทนาของเย่จ่างกับโจวหยาง ทันใดนั้นก็ได้ ยินเสียงตะโกนของ”เย่จ่าง พอแล้ว!

“ทำไม? ” เย่จ่างหัวเราะอย่างเย็นชามองไปที่หลี่เจ๋ ฝ่ามือของเขายังคงแนบไปกับใบหน้าของโจวหยาง แก้ม ทั้งสองข้างของโจวหยางเต็มไปด้วยรอยแดงของฝ่ามือ

ภายในห้องพักไม่มีนักเรียนคนไหนกล้าขยับเลยแม้แต่ น้อย เงียบจนเหมือนกับเวลาหยุดเคลื่อนไหว

“ฉันไว้หน้าแกมามากแล้วนะ” หลี่เจ๋พูดอย่างไม่ พอใจ“เราทั้งสองไม่เคยมีปัญหาอะไรต่อกันใช่ไหม ต้อง ทำให้เรื่องมันจบลงแบบนี้รึไง? หวางห้าวเป็นพี่น้องของ แก ได้ ต่อจากนี้ไปฉันจะไม่แตะต้องเขาอีก แต่โจวหยาง เป็นพี่น้องของฉัน แกเอาแต่ตีเขาแบบนี้ มันเกินไปหน่อย ไหม? ” หลี่เจ๋เดินเข้าไป ดึงมือของเย่จ่างออก
“เรามาพูดกันดีกว่าว่าเรื่องนี้จะจัดการยังไง เอาแต่ดึงดัน กันไปมาแบบนี้ไม่ใช่วิธีหาทางออกหรอก แกว่าใช่ไหม” หลี่เจ๋มองไปที่เย่จ่าง

เย่จ่างพยักหน้า”เมื่อกี้ฉันก็พูดแบบนี้ แต่โจวหยางกลับ มาถามว่าเท่าไหร่ หึๆ เย่จ่างคนอย่างฉันน่ะใช้เงินซื้อได้ ด้วยเหรอ? “พูดไปด้วยมองไปที่หลี่เจ๋ด้วย เผยให้รอยยิ้ม แปลกประหลาด

หลี่เจ๋ถอนหายใจ แล้วพูดขึ้นมาว่า”เอาล่ะ ไม่พูดเรื่อง พวกนี้แล้ว ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน จะหันซ้ายหันขวา ยังไงก็ต้องเจอกันอยู่ดี ฉันว่าให้หวางห้าวขอโทษโจว หยางไปซะ แล้วเลี้ยงข้าวทุกคนหนึ่งมื้อ เรื่องนี้ก็ถือว่าเจ้า กันไป

ในสมองของผมดัง”อึ้ง”ให้ผมขอโทษเนี่ยนะ ยังจะให้ผม เลี้ยงข้าวอีก? !

“ไม่ได้” เย่จ่างพูดออกอย่างไม่อ้อมค้อม“เรื่องนี้หวาง ห้าวไม่ผิด ฉันจะช่วยเขาจนถึงสุดท้าย เรื่องขอโทษเลี้ยง ข้าวอะไรนั่น เป็นไปไม่ได้

หลี่เจ๋มองดูท่าทีของเย่จ่างมุ่งมั่นมาก จึงหันไปมองโจว หยาง”แกจะเอายังไง? “

สายตาของโจวหยางเคร่งขรึม แล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่เอาค่าขอโทษหรือเลี้ยงข้าวอะไรจากหวางห้าวทั้งนั้น ฉัน ต้องการแค่ตัวต่อตัวกับเขา”

หลี่เจ๋ปรบมือหัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า”แบบนี้ก็ดีสิ เย่ จ่าง ฉันว่าเราอย่าแทรกดีกว่า ปล่อยให้เขาทั้งสองจัดการ ปัญหากันเองได้ไหม ? ”

ในสมองของผมดัง“วิ้งๆๆ”ตัวต่อตัว? ! ดูรูปร่างของโจว หยางนั่นสิ ถึงจะมีผมสองคนก็ทําอะไรเขาไม่ได้หรอก! ไอ้หมอนี่ขอให้ผมตัวต่อตัว เห็นได้ชัดว่าอยากจะกระทืบ ผมให้ได้! เย่จ่างรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก“แม่งมึงสิ แกตัว ใหญ่อย่างกับหมี มีสิทธิ์อะไรไปตัวต่อตัวกับหวางห้าว? มีปัญญาก็ตัวต่อตัวกับกูสิวะ วันนี้ถ้ากูไม่เอามึงน่วมตาย อย่าเรียกกูว่าแซ่เย่เลย! ”

“ฉันไม่ตัวต่อตัวกับแก” โจวหยางพูดกับเย่จ่าง“ฉันจะตัว ต่อตัวกับหวางห้าว ถ้าแกไม่กล้าก็ช่างเถอะ”

“แม่งมึงเอ้ย…..เย่จ่างยังคงสบถด่าไม่หยุด

“ฉันตกลง”ทันใดนั้นผมก็พูดขึ้นมา ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตัวเองไปเอาความกล้ามาจากไหน กลับพูดสามคำนี้ออก ไป

ผมก็รอวันนี้มานานแล้วเหมือนกัน แน่นอนว่าผมรู้ดีว่าตัว เองคงจะสู้โจวหยางไม่ได้ แต่ยังไงเขาก็ยังคงอยากจะต่อสู้กับเขาอย่างมีศักดิ์ศรีสักครั้ง เพราะว่าตอนอยู่ ม.สาม ทุกครั้งที่เขาพาพวกมารังแกผม เพราะว่าพวก เขามีจํานวนคนที่มากกว่ามันเลยทำให้ผมอดกลั้นเอา ไว้ เพราะฉะนั้นมีบางครั้งที่ผมคิดว่า ถ้าหากมีเพียงแค่ใจ วหยางหนึ่งคนล่ะก็ ผมจะต้องต่อยมันให้น่วมเลย ต่อย มัน!

โอกาสแบบนี้ ตอนนี้อยู่ตรงหน้าผมแล้ว ผมอยากจะรู้ว่า ผมจะมีความกล้าหรือไม่ เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าคู่แข่งที่ใหญ่ กว่า เก่งกว่าทุกอย่าง ไม่มีโอกาสจะพ่ายแพ้

ถ้าหากอยากเปลี่ยนเป็นคนแข็งแกร่ง ก็จะต้องก้าวออก ไปให้ได้!

“นาย……”เย่จ่างมองไปที่เขาอย่างตกตะลึง

“ให้ฉันตัวต่อตัวกับเขาเถอะ”ผมมองไปยังโจวหยาง มอง ดูคนที่รังแกผมมาตลอดสามปีเต็ม

“หวางห้าว นายไม่ต้องตัวต่อตัวกับเขาหรอก ยุคสมัย ไหนแล้ว ไม่มีใครเล่นตัวต่อตัวกันแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ขอ เพียงแค่มีฉัน พวกเขาไม่กล้าแตะต้องนายหรอก” เย่จ่าง พูดอย่างเป็นห่วง วางมือไว้บนบ่าของผม ทำให้ผมรู้สึก อบอุ่นใจมาก

แต่ สุดท้ายยังไงเขาก็ทำเพื่อไว้หน้า ไม่ใช่เพราะอยากปกป้องเขาจริงๆ

ผมเห็นชัดมาก ชัดมากจริงๆ ผมค่อยๆเลือดร้อนขึ้นมา เรื่อยๆ รูปร่างของเย่จ่างเทียบกับโจวหยางไม่ได้จริงๆ แต่โจวหยางอยู่ต่อหน้าเขาแม้แต่ผายลมยังไม่กล้าเลย เพราะอะไร? เพราะว่าเย่จ่างโหดเหี้ยมพอ โหดเหี้ยม ถึง ได้มีชื่อเสียง ถึงได้ทำให้คนอื่นๆกลัวเขาได้ยังไงล่ะ

ฉันอยากเป็นคนแบบเย่จ่าง แต่ไม่อยากเป็นคนที่ถูกเย่ จ่างปกป้อง

“ฉันเอง”ผมได้ยินเสียงของตัวเองชัดมาก“ครั้งนี้ ฉันจะ ลงมือจัดการเอง”

เย่จ่างไม่พูดอะไร เขามองเห็นความเด็ดขาดของผม

“จะต่อสู้กันที่ไหน? “ผมมองไปที่โจวหยาง

“ที่นี่เนี่ยแหละ ในห้องนี้” โจวหยางพูด“ทุกคนจับตาดูเรา สองคนไว้นะ ใครก็เล่นแง่อะไรไม่ได้ทั้งนั้น”

“ได้”ผมพยักหน้า

“หวางห้าว นายแน่ใจเหรอ? ” เย่จ่างขมวดคิ้วเป็นผม เขายังคงไม่อยากให้ผมตัวต่อตัวกับโจวหยาง
“ลม”ผมยิ้มแล้วมองหน้าเขา

เขาใช้สีหน้าที่ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกออกมา ได้มองมาที่ผม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทําอะไรไม่ถูกหรือฝัน ยิ้ม” ก็ได้ ตัวต่อตัวก็ได้ แต่เขาจะต้องบอกกติกากันมา ก่อน หนึ่ง ห้ามจับผม สอง ห้ามข่วนหน้า สาม ห้ามเตะ ก้านล่างของร่างกาย เข้าใจไหม ? –

ผมกับโจวหยางต่างพากันพยักหน้า สีหน้าของผม หนักใจมาก แต่โจวหยางกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม หลี่เจ๋ ที่พอเห็นสถานการณ์แบบนี้ จึงนั่งลงข้างๆเตียง แล้วจุด บุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างสบายใจ ไม่มีความกังวลแม้แต่นิด เดียวว่าโจวหยางจะแพ้

“เริ่มได้” เย่จ่างส่ายหน้าไปมา มองผมด้วยความกังวลใจ

ผมสูดหายใจเข้า หลังจากนั้นก็เงื้อหมัดออกไป แน่นอน ว่าโจวหยางเตรียมป้องกันไว้นานแล้ว เขาจับหมับไปที่ ข้อมือของผม หลังจากนั้นก็ยกเท้าขึ้นส่งถีบออกไป ผม ถูกเขาจับจนดิ้นไปไหนไม่ได้ แน่นอนว่าหน้าแกโดนถีบ เข้าอย่างจัง ผมเจ็บจนหายใจแทบไม่ออก แต่ผมยังคง ใช้โอกาสนี้จับเท้าของโจวหยางไว้ ส่งเสียงออกแรงแล้ว ผลักไปด้านหลัง ผ้าห่มของผมอยู่ใต้เท้าของพวกเรา โดน เหยียบไปมาจนแทบไม่เหลือสภาพ
เห็นได้ชัดว่าแรงของโจวหยางมีเยอะมากกว่า เขาใช้มือ เพียงข้างเดียวชกเข้ามา แล้วกระแทกเข้ากับหัวของผม อย่างแรง กำปั้นของเขาหนักเหมือนค้อนปอนด์ สมองของ ผมภาพตัดอยู่ครู่หนึ่ง ข้างหน้าของผมยังมีดาวผ่านไปมา ตรงหน้า

“เก่งนักใช่ไหม เก่งนักใช่ไหม ! ” โจวหยางที่ตีไปด้วย ด่าไปด้วย เพียงชั่วพริบตาเดียวเขาชกผมไปถึงสิบกว่า ครั้งแล้ว

แต่แล้วผมก็กัดฟันสู้ ลากเท้าของเขาอยู่อย่างนั้น ลาก ถอยหลังออกไป ลากไปเรื่อยๆ

“คิดจะมาปีกกล้าขาแข็ง ที่โรงเรียนมัธยมปลายเฉิง หนานสินะ เย้ดแม่มึงเอ้ย” โจวหยางยังคงชกเขาอยู่ อย่างนั้น เท้าที่ถูกผมอุ้มอยู่นั้นยังคงดิ้นไปมาอยู่ แต่ผมก็ รวบรวมแรงทั้งหมดไปที่แขนทั้งสองข้าง เพราะฉะนั้นเท้า ของเขาจึงยังไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้

“หวางห้าว หยุดอุ้มเท้าเขาได้แล้ว รีบชกไปที่จมูกเขาสิ วะ!” เย่จ่างที่อยู่ข้างๆรู้สึกร้อนใจมาก คอยสอนผมต่อสู้

คนที่อยู่ภายในห้องเริ่มหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ น่า จะเป็นเพราะตลกท่าที่ผมอุ้มเท้าของโจวหยางไว้
“หัวเราะหาแม่มึงสิ! ” เย่จ่างตะโกนด่าไปที่คนพวกนั้น ในที่สุดพวกเขาก็เก็บสีหน้ากลับมา

แต่หลี่เจ๋กลับหัวเราะแล้วพูดขึ้นมาว่า”เย่จ่าง แกอย่า โกรธไปเลย นี่มันการต่อสู้ตัวต่อตัวของเขาสองคน แก ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ”

ผมจับเท้าของโจวหยางไว้แน่น ในขณะเดียวกันก็อดทน กับแรงกระแทกของส่วนหัว เท้าของโจวหยางใหญ่มาก อย่างน้อยๆก็เบอร์45 ราวกับเรือลำหนึ่งก็ไม่ปาน ทันใด นั้นผมก็ร้องตะโกนขึ้นมา ร่างกายของผมช้อนไปด้านหลัง ร่างกายของโจวหยางสูญเสียสมดุล ถูกผมดึงลงพื้นไป

“อ้าก……ผมตะโกนเสียงกดัง คร่อมไปบนร่างของโจว หยาง ใช้หมัดสองข้างชกไปที่ใบหน้าของเขาไม่ยั้ง

เวลานี้ ผมรอมันมานานเหลือเกิน

ถึงแม้ภายในห้องผมจะเคยกระทืบโจวหยาง แต่ เนื่องจากอาศัยจังหวะเขาไม่ได้เตรียมตัว ตอนนี้มันไม่ เหมือนกัน ผมกดเขาลงกับพื้น ใช้หมัดชกไปที่ใบหน้าของ เขาไม่ยั้ง ผมไม่รู้ว่าตนเองสามารถถือไพ่ต่อได้อีกนานแค่ ไหน ผมรู้ดีว่าพละกำลังของโจวหยางมีเยอะมาก ผ่านไป ไม่นานก็จะสามารถผลักผมออกไปได้ ไม่แน่เขาอาจจะ กดผมลงกับพื้นก็ได้ ใช้หมัดที่เหมือนค้อนเหล็กของเขากระแทกมาที่ใบหน้าของผม

แต่ไม่เป็นไรหรอก แบบนี้ ก็เพียงพอแล้ว

ผมตะโกนร้องเสียงดัง ใช้แรงที่มีทั้งหมด หมัดทั้งคู่ของ ผมกระแทกไปที่ใบหน้าของเขาเหมือนบดกระเทียม

ในสมองของผมว่างเปล่า สายตาของผมพร่ามัว ผมเห็น หลี่เจ๋ลุกขึ้นยืน คนอื่นๆที่อยู่ภายในห้องต่างลุกขึ้นยืน ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเดินที่มาจากระเบียง ราวกับนักเรียน จำนวนมากกำลังมาดูเรื่องสนุก เห็นรางๆว่าจมูกของโจว หยางถูกผมชกจนเลือดอาบ เลือดไหลลงมาที่ปากของ เขา เปื้อนไปทั่วทั้งมือของผม ได้ยินเสียงร้องดีใจของเย่ จ่างดังแว่วมาก หวางห้าวเยี่ยมมาก! “

ผมไม่รู้ว่าชกออกไปกี่ครั้ง ทันใดนั้นเท้าของโจวหยางก็ เตะผมล้มลงกับพื้น เท้าของเขามีแรงเยอะมากจริงๆ ผม ล้มลงก้นกระแทกเข้ากับพื้น ศีรษะของผมสัมผัสเข้าไป กับพื้นอันเย็นเฉียบ สายตาของผมมองเห็นฝ้าเพดานสี ขาว แต่มันผ่านไปอย่างรวดเร็ว โจวหยางก็ลุกขึ้นมาได้ พุ่งตรงมายังผม

ผมสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุดก็จบลงแล้วสินะ หลังจากนั้นก็หลับตาลง

“ปิ้ง”หมัดถูกชกออกไป ใบหน้ารู้สึกเจ็บแสบมาก หมัดของโจวหยางช่างโหดเหี้ยมจริงๆ!

“ไปตายซะเถอะ! “โจวหยางตะโกนขึ้นมาด้วยความ โกรธเกรี้ยว ผมกลับได้ยินมันอย่างไร้กังวล

ผมรอหมัดของโจวหยางชกลงมา แต่ราวกับเวลาถูก หยุดเอาไว้ ผ่านไปไม่นานมากไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น

ผมหลับตาลง มันทำให้ผมสามารถได้ยินเสียงหายใจ ของผม เสียงหายใจของโจวหยาง แต่หมัดกลับยังไม่ได้ ตกลงมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ