บทที่ 13 เงินไม่พอใช้อีกแล้วเหรอ
บทที่ 13 เงินไม่พอใช้อีกแล้วเหรอ
ณ ฉากถ่ายท่า ซูสือเยว่ยังแสดงละครในฉากพ่ายแพ้ สงครามอยู่
เมื่อวานถ่ายละครนางรองก็รับบทโดนทําร้ายจนพิการ เธอ ใช้เวลาถ่ายทำไปทั้งวัน สุดท้ายผู้กำกับมีปัญหากับเซี่ยงหวั่น ฉิงจึงยอมปล่อยเธอกลับ
ส่วนวันนี้ ถ่ายทำนางรองฉากตายในสงคราม คงจะหนักกว่า เมื่อวานแน่ ๆ
เธออยู่ในฉากถ่ายทำซึ่งเป็นสตั๊นแมนของ เซี่ยงหวั่นฉิง ทุก ครั้งที่เธอกำลังพุ่งเข้าใส่อันตราย แต่เซี่ยงหวั่นฉิงกลับไปยืน สัมภาษณ์กับนักข่าวอยู่ไม่ไกล
* ฉันกับเซวียนรู้จักกันมาหลายปีแล้วล่ะค่ะ แล้วก็คบกันมา หลายปีแล้วด้วย ”
” ใช่ค่ะ เป็นรักแรกพบ ”
” เข้าเคยพูดนะคะ ว่าตอนเราเจอกันครั้งแรก ก็ตกหลุมรัก ตั้งแต่แรกเห็น ”
” จริง ๆ ที่ไม่ได้รักกันแบบเปิดเผย เป็นเพราะฉันเคยมีเพื่อนที่คลั่งไคล้แฟนฉันมาก ๆ ฉันไม่ร้ายเธอที่ได้แต่แอบรักข้าง เชียวค่ะ….
น้ำเสียงที่นุ่มนวลของเซี่ยงหวั่นฉิงแต่ละคำ เหมือนมีดที่แทง เข้ามาในใจของชูสือเยว่
หล่อนบอกว่า พวกเขาจะไม่เปิดเผย เพราะไม่อยากทําลาย ความหวังของเธอที่แอบรักข้างเดียวงั้นเหรอ
เหอะ รักข้างเดียว
หกปีของความรู้สึก หกปีของความทุ่มเท สุดท้ายสิ่งที่หลุด มาจากปากของเซี่ยงหวั่นฉิงกับเฉิงเซวียน กลับกลายเป็นเธอ ทีรักข้างเดียว
* หลบไป “
เสียงตะโกนที่น่าหวาดกลัวใกล้เข้ามา ซูสือเยว่เรียกสติของ เธอกลับมา ข้างหน้าเธอเป็นนักแสดงชาย ในมือของเขาเป็น มีดแทงทะลุเสื้อเกราะ ก่อนจะแฉลบมาโดนไหล่ซ้ายของเธอ
ก่อนที่เลือดสดจะไหลลงมาจากไหล่ของซูสือเยว่
ความรู้สึกที่ไวต่อการบาดเจ็บของเธอเริ่มผุดขึ้นมา ก่อนที่ทีม งานจะวิ่งมาทําแผลให้เธออย่างชุลมุนรีบร้อน
ยังดีที่เสื้อเกราะเธอค่อนข้างหนา สุดท้ายมีด แทงเข้ามาไม เป็นแผลใหญ่มาก ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงจินตนาการกัน ไม่ออกเลยทีเดียว
* ใครเปลี่ยนอุปกรณ์
เพื่อความปลอดภัยของนักแสดง อุปกรณ์ที่ใช้ในแต่ละฉาก ส่วนมากจะเป็นของปลอม แต่วันนี้มืดที่ใช้แทงซูสือเยว่กลับ เป็นของจริงเสียอย่างนั้น
ฉันเปลี่ยนเอง
เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ เซี่ยงหวั่นฉิงเดินมาอย่างวางท่า ” ฉันรู้สึก ว่าอุปกรณ์มันดูปลอมไปหน่อยน่ะ ก็เลยเปลี่ยนเป็นของจริง ให้
หล่อนมองเซี่ยงหวั่นฉิงอย่างเหนือกว่า ” เธอมีปัญหาอะไรงั้น
เหรอ
กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว
หลักจากที่เธอแตกหักความสัมพันธ์กับเซี่ยงหวั่นฉิงและเฉิง เซวียน เซี่ยงหวั่นฉิงก็พยายามโจมตีเธอมาโดยตลอด
เธอพยายามทนมาตลอด แต่เซี่ยงหวั่นฉิงก็เริ่มทํามันเกินเลยขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้โดนไหล่ของเธอ แต่ถ้าครั้งหน้าแทงลงมาที่หัวใจของ เธอละ
เธอถอดเสื้อผ้านักแสดงที่ใส่ออกแล้วโยนทิ้ง * งานสตั๊นท์ แมนอะไรนี่ ฉันไม่ทำแล้ว! “
เซียงหวั่นฉิงยืนกอดอกอย่างอวดดี ” ฉันให้เธอเป็นสตั๊นท์ แมนของฉัน แล้วฉันก็จ่ายเงินไปแล้วตั้งสามเท่า ”
* สัญญาก็เย็นแล้ว ถ้าผิดสัญญา ก็ต้องจ่ายคืนฉันหกเท่า ”
ซูสือเยว่หรี่ตาลง
ไม่แปลกใจเลยที่เซี่ยงหวั่นฉิงยอมจ่ายเงินให้เธอถึงสาม เท่า คิด ๆ ดูแล้ว คงจะรอเวลานี้อยู่สินะ ”
ตอนนี้มีทางเลือกให้ซูสือเยว่อยู่สองทาง
ทางที่หนึ่ง อดทนเป็นสตั๊นท์แมนของเซี่ยงหวั่นฉิงต่อไป
ทางที่สอง คือไปจากที่นี่ แต่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้เซี่ยง หวั่นฉิงหกเท่าตัวของเงินเดือนที่ได้!
เท่าที่รู้ เงินเก็บทั้งหมดที่เธอมี พึ่งเอาออกมาใช้เมื่อไม่นานมา นี้ เอาไปจ่ายค่าปั่นแอคหลุมหมดแล้ว!
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ มือของซูสือเยว่ก็กำแน่น
เซี่ยงหวั่นฉิงให้ทางเลือกเธอแค่สองทาง ทั้งที่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ เลือกมันเลยด้วยซ้ำ
กดความโกรธเอาไว้ในใจ ซูสือเยวเดินไปข้าง ๆ เซี่ยงหวั่นฉิง ก่อนพูดด้วยเสียงกดต่ำว่า ” เธอคิดว่าฉันไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ”
เซี่ยงหวั่นฉิงมองเธออย่างเหนือกว่า ก่อนจะพยักหน้า “ซู สือเยว่ฉันจะบอกให้เธอรู้ไว้ ฉันจะทำให้เธอตายง่าย ๆ เหมือน กับ ฆ่ามดตัวนึงตายนั่นแหละ ”
จริงเหรอ ”
ซูสือเยว่ยิ้มเย็น ๆ ” ฉันจำได้ว่า สคริปต์ของละครเรื่องนี้ ต้อง เก็บเป็นความลับนี่นา ”
” ตอนแรกที่เธอเอาสคริปต์ให้ชั้นวิเคราะห์ ฉันถ่ายเอกสารไว้ อีกชุดน่ะสิ ”
” เธอว่า ถ้าฉันเอาสคริปต์ของนางรอง ไปหาคุยกับคนถ่าย และหัวหน้าผู้กำกับละก็….เธอต้องจ่ายค่าปรับกี่เท่ากันนะ ”
เซี่ยงหวั่นฉิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันควัน!
เป็นไปไม่ได้ *
จริง ๆ แล้วเสือเยว่เธอไม่เคยมีนิสัยถ่ายเอกสารเกี่ยวกับ สคริปต์ไว้เลย
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ *
ซูสือเยวมองไปที่เซี่ยงหวั่นฉิงด้วยแววตานิ่งเฉย
จากสีหน้าของเธอ ดูไม่ออกถึงร่องรอยการโกหกใด ๆ
เซี่ยงหวั่นฉิง ถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าไม่สู้ดีนัก ” ต่อให้เธอ มีสำรองไว้ แต่คนอย่างเธอ จะไปเจอคนสร้างหนังกับผู้กำกับ ได้ยังไง ”
เสือเยวยิ้มออกมาบาง ๆ หรือจะลองดูก็ได้นะ ”
* ฉันกล้าเอาเงินหกเท่าของเงินเดือนฉันเป็นประกันเลย เธอ กล้าพนันรึเปล่าล่ะ *
เซี่ยงหวั่นฉิง เมื่อได้ยินก็แทบสติแตก!
เห็นอยู่ทนโทว่าซูสือเยว่เป็นนกในกรงของหล่อน จะสู้ยังไงก็ สู้ไม่ได้ หล่อนจะฆ่าเธอเหมือนปั๊มดตายแค่ตัวเดียวก็ยังได้!
แต่ทำไมหล่อนกลับเป็นฝ่ายโดนนังคนชั่วนี่ควบคุมเสียอย่างนั้น
หล่อนกัดฟันแน่น จ้องไปที่ตาของซูสือเยว่
หล่อนไม่กล้าพนันด้วยหรอก!
ซูสือเยวก็แค่สตั๊นท์แมนไร้ชื่อ
แต่หล่อนไม่ได้เป็นเช่นนั้น
หน้าที่การงานของหล่อนกำลังไปได้ดี ถ้าเรื่องเปิดเผย สคริปต์หลุดออกไป คงจะเป็นจุดด่างพร้อยของการเป็นดาว เด่นในวงการไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าซูสือเยว่ป่าวประกาศเหตุผลที่หล่อนเปิดเผย สคริปต์ละก็
สีหน้าของเซี่ยงหวั่นฉิงดูซีดเผือด
หล่อนคว้ามือของซูสือเยว่ไว้ ก่อนจะถลึงตาแล้วพูดอย่าง ดุดันว่า “ นังคนต่ำช้าสารเลว! ”
* ที่ฉันเอาสคริปต์ให้แก เพราะชั้นเชื่อใจแกนะ! ”
” แกมันนั่งจิ้งจอกปลิ้นปล้อน! ”
เสือเยวสลัดมือออกจากมือของเซี่ยงหวั่นฉิง ก่อนจะยิ้มแล้ว มองเฉียดตามอง ใคร ๆ ก็มีสิทธิ์จะว่าฉันทั้งนั้นแหละ แต่มัน ไม่ใช่สําหรับเธอ
พูดจบเธอหันหลังก่อนจะเดินจากไป
ผู้ช่วยของเซี่ยงหวั่นฉิงเดินเข้ามาช่วยประคองหล่อนไว้ “คุณ เซี่ยง คุณจะไปเธอไปง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ ”
หล่อนมองตามหลังของซูสือเยว่ ที่เดินจากไป ก่อนจะจิกตา ด้วยความโกรธแค้น
* เชิญให้นั่งนั่นมันเชิดหน้าชูคอไปก่อนเถอะ ”
ซูสือเยว่เอาเรื่องสคริปต์มาเป็นตัวประกันได้ชั่วคราว แต่คง ยื้อได้อีกไม่นาน
หลังจากนี้อีกไม่กี่วัน รอหล่อนถ่ายละครเสร็จ รอกองถ่ายรู้ เนื้อหาของนางรองก่อนเถอะ เธออยากจะรู้นักว่า ซูสือเยว่จะ ใช้อะไรมาคุกคามเธอได้อีก
ออกมาจากสตูดิโอ ซูสือเยว่ก็ได้รับสายจากใครบางคน
ในสายก็เป็นเสียงชายไวกลางขี้เมาคนหนึ่ง ” ลูกสาวที่แสนดีของพ่อ พ่อคิดถึงลูกจังเลย! ”
อเวชะงักไปเล็กน้อย ” เงินไม่พอใช้อีกแล้วเหรอ ”
คนในสายขำแหะ ๆ “พ่ออยู่บ้าน ส่งเงินมาให้ด้วยละกัน ”
พูดจบ จะทักทายถามไถ่กันบ้างก็ไม่มี ก่อนที่เขาจะตัดสาย
ไปเสียดื้อ ๆ
ซูสือเยว่หลับตาไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
คนที่โทรหาเธอเมื่อกี้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพ่อผู้ให้กำเนิด แท้ ๆ ของเธอ เจี๋ยนเฉิง
เจี่ยนเฉิง เป็นนับได้ว่าผีขี้เหล้าที่อาศัยอยู่ในสลัม เขาติดหนี้ เยอะมาก ไม่ค่อยได้กลับมาเมืองหรงเท่าไหร่นัก แต่ทุกครั้งที่ กลับมา ก็มักจะขอเงินซูสือเยว่ไปใช้ไม่น้อย
หลังจากที่เธอได้กลับมาพบกับพ่ออีกครั้งตอนอายุสิบแปดปี ซูสือเยว่ก็อยากให้พ่อกลับตัวกลับใจมาโดยตลอด แต่นิสัยหัว ดื้อหัวรั้นของพ่อนั้นก็เหมือนนิสัยของเธอทั้งสิ้น สุดท้ายเธอจึง ทําได้แค่ปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง
‘พอแล้ว ๆ ! ”
ภายในห้องที่ทั้งอับทั้งชิ้น เงี่ยนเฉิงที่กำลังนับเงินไป แล้วมอง ไปที่สือเยวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานใจ ” ยังคิที่แกก็ยัง ดูแลฉัน ! ”
* ไม่เหมือนไอ้เด็กป่า ซูโม่ นั่น อุตส่าห์เลี้ยงมาตั้งสิบแปดปี ตอนนี้ทำงานทำการมีธุรกิจแล้ว เงินก็ไม่ให้พ่อมันเลยซักแตง เคียว!
* พ่อกินเหล้าให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะนะ ”
กลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง ซูสือเยว่เลิกคิ้วขึ้น ” ฉัน แต่งงานแล้ว อีกหน่อยคงไม่ได้ให้เงินพ่อตรงเวลาแบบนี้แล้ว นะพ่อก็หัดดูแลตัวเองบ้างเถอะ ”
พูดจบเธอก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป
* รอก่อน!
เงี่ยนเฉิงตะโกนรั้งเธอไว้ ” นี่แกแต่งงานแล้วอย่างนั้นเหรอ ”
ซูสือเยวพยักหน้า
* พ่อไม่มีอะไรจะให้แกหรอก ”
เจี้ยนเฉิง หันตัวไป แล้วก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างใต้ โซฟา เป็นหยกที่ดูเก่าแก่อันหนึ่งยื่นให้เธอ ” อันนี้เป็นของที่แม่นกทิ้งไว้ให้ฉัน แกเก็บไว้ให้ดี ๆ ล่ะ ”
* หยกอันนี้ ก็เหมือนรอยที่ติดอยู่ตรงเอวแกนั่นแหละ รักษา มันให้ดี อย่าให้ใครเห็นง่าย ๆ
* หนูรู้แล้ว ”
พูดจบ ซูสือเยว่ก็เดินจากไป
เจี๋ยนเฉิง ยืนอยู่ที่เดิม มองตามหลังซูสือเยว่ ก่อนจะยิ้มออก มาเนือง ๆ ” คงเป็นลูกของหล่อนจริง ๆ นั่นล่ะ ยิ่งโตยิ่งเหมือน กันอย่างกับแกะ….”
* ซิงหยุน ช่วยถามน้องชายหน่อยได้ไหมจ๊ะ ว่าคนนี้อยากกิน อะไรกัน ”
หลังจากเดินออกมาจากสลัม ซูสือเยว่ก็เดินแล้วโทรศัพท์ไป ด้วย ขณะที่เธอกำลังผ่านตรอกแห่งหนึ่ง ด้านหลังก็มีเสียง ฝีเท้าพุ่งเข้ามา
“หม่าม ผมอยากกิน….”
เสียงของ ชิงเฉิน ที่อยู่ในสายยังพูดไม่ทันจบ ศีรษะของ สือเยว่ก็ถูกทุบเข้าอย่างจัง ทำให้เสียการรับรู้ไปในที่สุด
* หม่ามี้ หม่ามี้! ”
โทรศัพท์ตกอยู่ในตรอกนั้น โทรศัพท์มีเสียงเด็กน้อยที่ฟังดี ร้อนใจดังกึกก้องไปทั่วตรอก ” หม่ามี้ หม่ามี้ ได้ยินพวกเราไหม
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ