ลิขิตฟ้าประธานลูกสาม

บทที่ 9 เป็นคุณนายฉินของเธอให้ดี



บทที่ 9 เป็นคุณนายฉินของเธอให้ดี

บทที่ 9 เป็นคุณนายฉินของเธอให้ดี

ใบหน้าของซูสือเยวจู่ๆ ก็แดงขึ้นมาในชั่วพริบตา!

หัวใจเต้นรัวเหมือนมันกำลังจะกระเด็นออกมาจากอกยังไง อย่างนั้น

เธอรีบหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองเขา

“รสชาติไม่เลว”

ชายหนุ่มก้มหน้าลง พลางกินบะหมี่ที่เธอต้มให้พลางเอ่ยปาก พูดนิ่งๆ “พ่อบ้านบอกว่าเธอมีธุระกับฉัน?”

ซูสือเยว่เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ เธอยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับ

เขา

“ท่านชายฉิน”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเคร่งเครียด “ก่อนแต่งงาน ฉันไม่รู้เลยว่าคุณยังมีลูกชายฝาแฝดอยู่ด้วย

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ก่อนแต่งงาน ฉันก็ไม่รู้เลยว่าเธอจะแอบ ขโมยดื่มไวน์ของฉันเพราะเรื่องอดีตแฟนหนุ่ม”
ซูสือเยว่ “.….”

เธอนึกถึงความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อคืนขึ้นมาได้

ในความฝัน เธอกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้อยู่ในอ่างอาบน้ำ

ไม่ บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่ความฝัน!

เธอกัดริมฝีปาก “แอบดื่มไวน์ของคุณเป็นความผิดของฉัน แต่ว่าต่อมาคุณก็ทำเรื่องที่เกินขอบเขตกับฉันเหมือนกันไม่ใช่ เหรอ?”

“พวกเราเสมอกันแล้ว!”

ฉินโม่หานเงยหน้าขึ้น ดวงตาลุ่มลึกจนมองไม่เห็นที่สิ้นสุด ของนั้นมองมาที่เธอ “เธอคิดว่า เธออาบน้ำด้วยกันกับฉันแค่ ครั้งเดียว มีมูลค่าถึงห้าล้านสี่แสนแปดหมื่นเลย?”

“เพลง ——!”

โทรศัพท์ในมือของซูสือเยว่หล่นลงพื้น

ไวน์ดื่มยากไม่กี่ขวดที่เอดื่มไปเมื่อวานพวกนั้น มูลค่าห้าล้าน สี่แสนแปดหมื่น?

สีหน้าของหญิงสาวซีดขาว เป็นเวลานานก่อนเธอจะยิ้มออกมาเจื่อนๆ “ขวดไวน์พวกนั้น…

“ทั้งหมดเป็นรุ่นลิมิเต็ด”

น้ำเสียงของฉินโม่หานเย็นชา “คนธรรมดาไม่สามารถซื้อได้”

เสือเยว่ ” ”

แต่เธอยังยืนกรานจะต่อสู้ด้วยเหตุผล “แต่ถึงแม้ว่าไวน์พวก นั้นจะแพงมาก เมื่อวานคุณกับฉัน…ก็ไม่ได้แค่อาบน้ำด้วยกัน ง่ายๆ แค่นั้น!”

ฉินโม่หานเลิกคิ้วขึ้นนิ่งๆ

เขาวางตะเกียบลง ในคำพูดมีคำติดตลกหยอกล้อแฝงอยู่ “ถ้าอย่างนั้นเธอพูดมาสิว่า เมื่อคืนวานฉันกับเธอทำอะไรกัน”

เมื่อนึกถึงเขาเมื่อคืน…

ใบหน้าเล็กๆ ของซูสือเยว่ก็แดงก่ำขึ้นมาในทันที

เธอลุกขึ้นยืนอย่างล้ำๆ อึ้งๆ “สรุปแล้วคือ คุณทำเกินขอบเขตมาก!”

“ฉันทำเกินขอบเขตยังไงล่ะ?”
ดวงตาคู่นั้นของชายหนุ่มราวกับมีมนต์ขลัง เนื้อหนังของเธอ ทุกกระเบียดนิ้วที่เขากวาดสายตามองผ่านต่างรู้สึกร้อนผ่าว ขึ้นมา

“เธอจําส่วนไหนของเมื่อคืนวานได้ล่ะ หึม?”

เสียงแบบนี้ของเขามีเสน่ห์เกินไปแล้ว ซูสือเยว่ไม่กล้ามอง หน้าเขาอีกต่อไป รีบเบี่ยงตัวหันหนี ลำคอรัดแน่น พูดอะไรไม่ ออก

“ถ้าจําไม่ผิด เมื่อวานพวกเราแต่งงานกันแล้ว”

น้ำเสียงของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเยือกเย็นแหบพร่า “ฉันทำ อะไรเธอ ก็ดูเหมือนจะถูกกฎหมายทั้งหมดนะ”

ใบหน้าของซูสือเยว่ร้อนมาก

ผ่านไปสักพัก เธอถึงเอาเสียงของตัวเองกลับมาได้

“ถ้าอย่างนั้นคุณ…คุณต้องการอะไร?”

“ฉันไม่มีห้าล้านสี่แสนแปดหมื่น”

เธอมีแค่ห้าร้อยสี่สิบแปดหยวนเท่านั้น

“เป็นคุณนายฉินของเธอให้ดี”
เสียงของชายหนุ่มแผ่วเบา “เป็นแม่ของซิงหยุนกับซิงเฉินให้

ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก “แต่ว่า…”

“ฉันคิดว่าฉันยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ ยังดูแลคนอื่นได้ไม่ ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“ฉันกลัวว่าฉันจะดูแลพวกเขาสองคนได้ไม่ดี”

นี่คือสาเหตุที่เธอต้องคุยกับเขาให้เข้าใจในคืนนี้

“ไม่เป็นไร”

“พวกเขาเป็นผู้ใหญ่พอที่จะสามารถดูแลเธอได้

ซูสือเยว่ “…”

“และแน่นอน ถ้าหากเธอรู้สึกเกรงใจมากจนเกินไปละก็

ฉินโม่หานมองไปที่แผ่นหลังอันเรียวเล็กของเธอ เบื้องหน้า ปรากท่าทางที่เธอนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำด้วยเค้าโครงหุ่นสวย ดึงดูดคนขึ้นมา

ในน้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไว้ด้วยเสียงแหบพร่าน่า หลงใหล “จะชดเชยด้วยเนื้อหนังก็ได้”
เนื้อ…

ใบหน้าของซูสือเยวแดงจนแทบจะกลายเป็นก้นลิงไปแล้ว

เธอรีบร้อนวิ่งขึ้นชั้นบนไป กลับเข้าไปในห้องนอน แล้วปิด

ประตูลง!

ข้างหูยังคงสะท้อนคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ไม่หยุด

“เราแต่งงานกันแล้ว”

“ฉันทำอะไรเธอ ก็ดูเหมือนจะถูกกฎหมายทั้งหมดนะ”

ทันใดนั้น ทางเดินด้านนอกประตูก็มีเสียงฝีเท้ามั่นคงและทรง พลังของชายหนุ่มสะท้อนดังขึ้น

เสียงฝีเท้านั้น ดูเหมือนจะหันเดินมาทางห้องของเธอ

ซูสือเยว่กัดริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นตึก ตึก ตึก อย่างรุนแรง

เมื่อคืนวานในอ่างอาบน้ำ ความทรงจำที่ถูกเขาใช้นิ้วมือ ทรมานจนส่งเสียงครวญครางยังคงวนเวียนอยู่ภายในหัวของ

เธอ

ดูเหมือนว่าข่าวลือส่วนหนึ่งจะเป็นเท็จ แต่อีกส่วนจะยังเป็น ความจริงอยู่!
เขาเคยทรมานเล่นคู่หมั้นของเขาสองคนจนตาย!

ขณะฟังเสียงฝีเท้านั้น เธอหลับตาลงด้วยใบหน้าซีดเผือด

ผู้ชายคนนั้นเมื่อห้าปีก่อน ทำให้เธอต่อต้านเรื่องระหว่างชาย หญิงไปเองโดยสัญชาตญาณ

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไม เธอคบหากับเฉิงเวียนมานานหลายปี แต่แม้แต่จูบก็ยังไม่เคยจูบกันมาก่อน

เฉิงเซวียนบอกว่าเธอป่วย แต่ก็เสียดายเงินที่จะให้เธอเอาไป หาหมอ ทุกครั้งต่างก็ปล่อยให้เธอเอาชนะมันด้วยตัวเองตลอด

เธอเอาชนะมันไม่ได้จริงๆ …

เสียงฝีเท้าเดินมาถึงประตูห้องของเธอ

สือเยว่เริ่มตัวสั่นเบาๆ

จากนั้น เสียงฝีเท้าก็เดินผ่านห้องนอนของเธอไป แล้วเดินต่อ

ไปจนสุดทางเดิน

เธอได้ยินเสียงเปิดปิดประตูจากสุดริมทางเดิน

หลังจากนั้นบริเวณรอบด้านก็เงียบสนิท
ซูสือเยวถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก

คืนนี้เขาไม่วางแผนจะทรมานเธอ?

เธอเอนหลังบนกลับลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า มองขึ้นไปบน เพดานอย่างเหม่อลอย

ตลอดทั้งคืน ซูสือเยวตื่นแล้วนอน นอนแล้วตื่น ทุกครั้งที่ ลืมตาจะต้องมองดูว่าแก้วน้ำตรงหน้าประตูถูกเตะคว่ำไปแล้ว

หรือเปล่า

โชคดี

ตอนเช้าตื่นขึ้นมา ประตูห้องยังคงปลอดภัย แก้วน้ำแก้วนั้นก็ ไม่ได้ถูกเตะคว่ำ

หัวใจที่พะว้าพะวังอยู่ตลอดทั้งคืน ในที่สุดก็กลับมาอยู่ในท้อง

แล้ว

ซูสือเยวลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาอาบน้ำเล็กน้อย จาก นั้นก็ลงไปชั้นล่างเพื่อทำอาหารเช้า

ซิงหยุนที่ใช้ชีวิตตามกฎเกณฑ์ลงไปชั้นล่างตั้งแต่เช้าๆ แล้ว

ส่วนคนที่ชอบนอนตื่นสายอย่างซิงเฉิน เมื่อกลิ่นหอมคลุ้งของอาหารเช้าลอยขึ้นชั้นบนไป เขาถึงได้วิ่งลงมาชั้นล่างด้วย ห้วรังนกยุ่งเหยิง

“หม่ามี้ อรุณสวัสดิ์ครับ”

ซิงหยุนเอ่ยปากร้องทักซูสือเยว่ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไป มองซิงเฉินครู่หนึ่งอย่างข่มขู่

ซิงเฉินกัดริมฝีปาก มองไปที่ซูสือเยวอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก น้ำเสียงชื่นมื่น “หม่ามี้ อรุณสวัสดิ์ครับ”

ซูสือเยว่ตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนเธอจะฝืนบีบยิ้มออกมาอย่าง ไม่เต็มใจ “อรุณสวัสดิ์”

เป็นโสดมายี่สิบห้าปี เธอยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ที่จู่ๆ ก็มีเด็ก ห้าขวบมาเรียกเธอว่าหม่ามี้

เธอนึกถึงเด็กเมื่อห้าปีก่อนคนนั้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ตอนที่เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เด็กคนนั้นอายุได้แปด เดือนแล้ว

ตอนนั้นถ้าเธอระมัดระวังกว่านี้อีกสักนิด เด็กคนนั้นก็คงจะไม่ คลอดก่อนกำหนด และต้องเสียชีวิตตั้งแต่แรกเกิดแบบนั้น
ถ้าเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ก็น่าจะโตประมาณชิงหยุนกับ ซิงเฉินนี่แหละมั้ง?

ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นมองไปที่เด็กน้อยน่ารักสองคนอีกครั้ง รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของเธอ “ฉันจะเป็นหม่ามี้ให้พวก เธอให้ดีเลย”

บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตา

เธอสูญเสียลูกไปเมื่อห้าปีก่อน ห้าปีต่อมาสวรรค์ก็ทำให้เธอ กลายมาเป็นแม่ของซิงหยุนกับซิงเฉิน

ก็ถือว่าเป็นการชดเชยความผิดที่เธอเคยได้ทำลงไปแหละ

มั้ง?

เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ภายใต้การเร่งเร้าของฟู่เชียนเชียน เธอ ทะลวงเข้าไปในห้องครัว ต้มไข่แล้วแกะสลักเป็นกระต่างน้อย สองตัวให้กับเด็กชายตัวน้อยทั้งสองคน

“ตั้งใจกินข้างนะ หม่ามี้ไปทำงานแล้ว!”

หญิงสาววางจานอาหารลงบนโต๊ะ ถือเอาเสื้อคลุมกับกระเป๋า เป้ แล้วรีบวิ่งออกจากประตูอย่างรวดเร็ว

ซิงเฉินมองไปที่กระต่ายน้อยน่ารัก พลางขมวดคิ้วขึ้นมาเล็ก น้อย “พี่ เธอไร้เดียงสาชะมัดเลย”
ซึ่งหยุนเหลือบมองเขา “เธอคิดว่านายไร้เดียงสา

“แต่เธอหามาสองตัว เธอก็คิดว่าพี่ไร้เดียงสาเหมือนกัน”

“นายไร้เดียงสา”

“พี่ไร้เดียงสา!”

ในเวลานี้เอง ฉินโม่หานในชุดสูทกับรองเท้าหนังก็เดินลงมา จากชั้นบน

เด็กน้อยน่ารักสองคนเอ่ยปากร้องเรียกเขาทันที “แด๊ดดี้ รีบ

มาเร็ว!”

เช้าตรู่แบบนี้ก็ได้ยินเสียงตื่นเต้นของลูกชายทั้งสองคนแล้ว ชายหนุ่มยกขาเดินเข้าไป “มีอะไรเหรอ?”

ซิงหยุนผลักไข่ต้มที่แกะสลักเป็นรูปกระต่ายน้อยสองตัวดัน

มาไว้ตรงหน้าเขา

ซิงเฉินยิ้มจนตาโค้ง “แด๊ดดี้ นี่คืออาหารเช้าที่หม่ามี้เตรียมไว้ ให้แด๊ดดี้ด้วยความรัก”

ฉินโม่หานขมวดคิ้ว พลางมองไปที่กระต่ายน้อยไร้เดียงสาพวกนั้น “ให้พ่อ?”

ซิงเฉินพยักหน้า “หม่ามี้บอกว่า เอเป็นกระต่ายน้อยสองตัวนี้ อยากให้พ่อกินเธอซะ!”

ฉินโม่หาน “..….

ชายหนุ่มขมวดคิ้วเหลือบมองกระต่ายน้อยสองตัวนั้น

“พ่อบ้าน ห่อแล้วเอาไปที่บริษัทด้วย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ